ทำเนียบรัฐบาล 21 ก.พ.-“ร.อ.ธรรมนัส” แจงหลังหารือนายกฯ ปมที่ดิน ส.ป.ก.เขาใหญ่ ยันไม่ใช่เรื่องการเมือง เป็นความผิดพลาดในการทำงาน เพราะไม่ได้คุยกัน จ่อเอาผิดถ้าไม่ใช่เกษตรกรตัวจริง
ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พร้อมด้วยนายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม กระทรวงเกษตรและสหกรณ์(ส.ป.ก.) และนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แถลงหลังหารือกับ นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง โดยร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า วันนี้นายกรัฐมนตรีได้ประสานหน่วยงานที่เกี่ยวข้องมาพูดคุยในประเด็นที่เกิดขึ้นในพื้นที่ตำบลหมูสี อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา ในฐานะเป็นรัฐมนตรีกำกับดูแลสำนักงานปฏิรูปที่ดิน ยืนยันตามที่แถลงไปเมื่อวานนี้ (20 ก.พ.) พื้นที่ที่เกิดข้อพิพาทจะไม่ถกเถียงกันแล้วว่าเป็นพื้นที่รับผิดชอบของหน่วยงานใด ซึ่งนายกรัฐมนตรีกำชับว่าให้กรมแผนที่ทหารเดินหน้าทำเขตแนวกั้นพื้นที่ของรัฐหรือที่เรียกว่า One Maps ซึ่งตอนนี้เจ้ากรมแผนที่ทหารได้รับปากว่าจะใช้เวลาประมาณ 3 สัปดาห์พิสูจน์พื้นที่
“กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมและกระทรวงเกษตรฯ ต่อไปนี้มีข้อตกลงระหว่างสำนักปฏิรูปที่ดินและกรมอุทยานว่าหากว่าพิสูจน์ออกมาแล้วเป็นพื้นที่เขตปฏิรูปที่ดิน ซึ่งตามหลักฐานเดิมตั้งแต่ปี 2527 – 2534 เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน แต่เมื่อเกิดข้อพิพาทขึ้นเนื่องจากเป็นพื้นที่แนวกันชน ผมในฐานะประธานคณะกรรมการปฏิรูปที่ดิน จะออกนโยบายว่าต่อไปนี้พื้นที่ที่เป็นแนวกันชน หรือพื้นที่ที่ติดประชิดกัน เราจะไม่จัดให้พี่น้องเกษตรกรทำกินอย่างเด็ดขาด ส่วนพื้นที่ที่มีปัญหา ผมมอบนโยบายไปว่าให้ยกเลิกหมดทุกแปลงที่ออกรังวัดและออกเอกสารสิทธิ์ประเภท ส.ป.ก. 4-01 ให้เกษตรกร หากพิสูจน์ได้ว่าจะเป็นเกษตรกรตัวจริงหรือไม่ เราจะตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง หากมีมูลจะเอาผิดทางวินัยร้ายแรงและดำเนินคดีอาญา แต่เบื้องต้นจะให้เลขาฯ ส.ป.ก.ออกคำสั่งให้ยกเลิกทั้งหมด” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรฯ กล่าว
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวว่า ส่วนแนวทางการทำงานในอนาคตจะมีการบันทึกข้อตกลงระหว่าง 2 หน่วยงาน คือสำนักงานปฏิรูปที่ดิน และกรมอุทยาน ไม่ว่าจะกระทำการใดก็ตาม การจัดสรรที่ดินให้กับพี่น้องเกษตรกรจะต้องมีคณะกรรมการเป็นรูปธรรม ซึ่งจะมอบให้คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินจังหวัด ที่มีทุกหน่วยงานรวมอยู่ในนั้น ทั้ง 9 หน่วยงานเข้ามาเป็นคณะกรรมการ เพื่อให้เกิดความโปร่งใส
“สิ่งที่เกิดปัญหาตนไม่อยากโทษรัฐบาลที่แล้ว แต่การเริ่มรังวัดเริ่มวันที่ 5 กรกฎาคม 2566 ก่อนที่รัฐบาลชุดนี้จะเข้ามา ดังนั้น สิ่งที่ผมกำลังแก้ปัญหาคือต้องทำความสะอาดบ้านผมให้เรียบร้อยในขณะที่จะทำประโยชน์ให้กับพี่น้องประชาชน ก็เกิดปัญหานี้ขึ้น เป็นปัญหาที่กระทรวงเกษตรฯ ต้องแก้ไข และเนื่องจากเราเป็นรัฐบาลชุดเดียวกันและรัฐมนตรีว่าการจากทั้ง 2 กระทรวง มาจากพรรคเดียวกัน ผมไม่อยากให้พี่น้องประชาชนเข้าใจว่าเป็นเรื่องการเมือง ยืนยันว่าเรื่องดังกล่าวไม่ใช่ประเด็นทางการเมือง แต่เป็น ความผิดพลาดในการทำงานที่ไม่ได้คุยกัน หากคุยกันจะไม่มีปัญหา ต้องให้ปลัดทั้งสองกระทรวงพูดคุยกัน ขับเคลื่อนแก้ปัญหาไปด้วยกัน แต่ขณะเดียวกันก็มีคณะกรรมการกลางคือกรมแผนที่ที่จะแก้ปัญหาเรื่องนี้” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว
“ผมสั่งการไปแล้วว่าให้ตรวจสอบความถูกต้อง สำคัญที่สุดต้องมีจิตใต้สำนึก ว่าเป็นสภาพป่า แล้วไปจัดได้อย่างไร อันนี้เป็นเรื่องสำคัญ ที่ผมไม่เห็นด้วย ซึ่งหลังจากที่ผมลงพื้นที่ได้เห็นสภาพว่าไม่ควรจะจัดสรรให้กับเกษตรกร เรื่องนี้ผมจะตั้งคณะกรรมการสอบสวนอย่างแน่นอนและเมื่อมีมูลว่าผิดก็จะต้องดำเนินคดี อย่างไรก็ตาม สำหรับพื้นที่ที่เกิดข้อพิพาท หากเป็นพื้นที่ส.ป.ก.จะจัดทำเป็นประเภทป่าชุมชนเพื่อรักษาป่า” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตร ฯ กล่าว
ด้านนายจตุพร บุรุษพัฒน์ ปลัดกระทรวงทรัพย์ ฯ กล่าวว่า ในส่วนของกระทรวงทส. เน้นย้ำการดำเนินการตามหลักกฎหมายก่อน หลังจากนี้การดำเนินการจึงต้องมีคณะกรรมการเข้าไปเดินสำรวจในพื้นที่ โดยกรมอุทยานสัตว์ป่าและพันธุ์พืช จะทำการสำรวจทั้งหมดในแนวเขตที่ออกสปก. ซึ่งจะดูทั้งหมดว่าส่วนไหนที่มีปัญหา ทั้งนี้ กระทรวง ทส. ยืนยันทุกอย่างตามหลักกฎหมาย ข้อเท็จจริง และหลักวิทยาศาสตร์
ส่วนกรณีการย้ายเจ้าหน้าที่ส.ป.ก. นครราชสีมา 6 คน ออกนอกพื้นที่ นายวิณะโรจน์ ทรัพย์ส่งสุข เลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) กล่าวว่า กรณีเกิดปัญหาความโปร่งใสการทำงาน จะต้องมีการตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริง ซึ่งกรณีนี้เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่ส.ป.ก.นครราชสีมา จึงต้องย้ายออกจากพื้นที่ ทั้งหมดเพื่อความโปร่งใส และให้การสอบสวนเป็นไปด้วยความยุติธรรม.-316.-สำนักข่าวไทย