นครพนม 17 ก.พ.- “เศรษฐา” ลงพื้นที่ตรวจราชการอีสาน เยี่ยมชมอนุสรณ์สถานฯ โฮจิมินห์ ประชุมหาทางพัฒนาการท่องเที่ยวเมืองรอง “นครพนม” รับปากจะสนับสนุนยกระดับเพื่อให้ ปชช. มีรายได้มากขึ้น ลั่นไม่ได้มาจ่ายเงินอย่างเดียว แต่จะมาใส่ใจ
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางลงพื้นที่ตรวจราชการและติดตามโครงการสำคัญตามนโยบายรัฐบาล พื้นที่กลุ่มจังหวัดภาคอีสาน (นครพนม สกลนคร และอุดรธานี) ระหว่างวันที่ 17-19 ก.พ.2567
จุดแรก นายกรัฐมนตรี พร้อมคณะ อาทิ นายเสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม, น.ส.สุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา, นางมนพร เจริญศรี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงคมนาคม และนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง เดินทางมาเยี่ยมชมหมู่บ้านมิตรภาพไทย–เวียดนาม อนุสรณ์สถานประธานโฮจิมินห์ ตำบลหนองญาติ อำเภอเมืองนครพนม โดยมีสมาชิกสมาคมไทย–เวียดนาม ให้การต้อนรับ
จากนั้นได้เคารพรูปเหมือนโฮจิมินห์ และปลูกต้นกันเกรา ต้นไม้ประจำจังหวัดนครพนม ก่อนนำประชุมประเด็น ส่งเสริมการท่องเที่ยวและพัฒนาความสัมพันธ์ระหว่างไทย – เวียดนาม
นายกฯ กล่าวระหว่างการประชุม ว่า ที่นี่เป็นจุดแรกที่ตนเดินทางมา ซึ่งเป็นสถานที่บ่งบอกถึงความสัมพันธ์อันดีและยาวนานของไทยและเวียดนาม ถือเป็นสัมพันธภาพที่ดีของประชาชนทั้งประเทศ
ทั้งนี้ตนทราบว่ามีประชาชนมา 90,000 คน และอยากจะให้เพิ่มเป็น 120,000 คนให้ได้ ซึ่งก็เป็นหนึ่งในนโยบายของรัฐบาลที่จะพยามทำให้ได้ ทั้งนี้จังหวัดนครพนม ถือเป็นจังหวัดที่ได้เปรียบ เพราะมีความพร้อมครบถ้วนและนี่ก็เป็นความหวังของรัฐบาลนี้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า การมาครั้งนี้เพื่อมาดูศักยภาพของจังหวัดนครพนม และเป็นเรื่องที่น่ายินดีที่ตนได้พบกับผู้นำเวียดนามที่มีความใกล้ชิดกัน ฉะนั้นหากเราทำให้ประเทศอาเซียนมีการเชื่อมต่อและทำให้วีซ่าเข้าออกได้ทุกประเทศแถบนี้ ก็จะแสดงการส่งเสริมในหลายหลายมิติรวมถึงการท่องเที่ยว
ทั้งนี้จังหวัดนครพนม ถือเป็นจังหวัดเมืองรองหลัก ตนหวังว่าสักวันนึงหากเราจะสนับสนุนให้จังหวัดมีการยกระดับการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมได้อย่างสูงขึ้น และจะยกระดับสนามบินให้เป็นสนามบินอินเตอร์ได้ ทำให้ประชาชนในพื้นที่มีรายได้มากขึ้น ซึ่งตนเข้าใจว่าจังหวัดนี้มีความพร้อมมาก
“รัฐบาลให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวโดยเฉพาะสถานที่ที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน และเมื่อกลับไปกรุงเทพ ตนจะเชิญ สส. ในพื้นที่มาพูดคุยว่าจะทำอย่างไรได้บ้าง พร้อมยืนยันว่าตนก็ให้ความสำคัญกับเมืองรอง และการมาครั้งนี้ก็จะซึมซับวัฒนธรรมชาวนครพนม ซึ่งไม่ได้มาจ่ายเงินอย่างเดียวแต่จะมาใส่ใจ พร้อมรับรองได้ว่าจะดูแลอย่างเต็มที่ขอให้สบายใจได้” นายกรัฐมนตรี ระบุ
จากนั้นนายกฯ ประชุมเสร็จเดินทางต่อไปที่ด่านศุลกากรจังหวัดนครพนม สะพานมิตรภาพไทย – ลาว แห่งที่ 3 ต.อาจสามารถ อ.เมืองนครพนม จ.นครพนม เพื่อติดตามสถานการณ์การส่งออกและพื้นที่ศูนย์บริการแบบเบ็ดเสร็จ (One Stop Service) โดยจะมีการติดตามและพิจารณาในประเด็นสำคัญที่เกี่ยวข้องกับการดำเนินการของด่านศุลกากรฯ และการพัฒนาพื้นที่ อาทิ สถานการณ์การนำเข้า – ส่งออกสินค้าผ่านสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 3 การพัฒนาพื้นที่เขตเศรษฐกิจพิเศษนครพนม โครงการศูนย์การขนส่งชายแดนจังหวัดนครพนม และถนนสายเชื่อมศูนย์ซ่อมอากาศยาน – ศูนย์กลางการค้าส่งชายแดน บริเวณสะพานมิตรภาพแห่งที่ 3 – ถนนเชื่อมทางหลวงแผ่นดินหมายเลย 212 อำเภอท่าอุเทน
ขณะที่ช่วงบ่ายนายกฯ จะหารือแผนการพัฒนาแก้ไขปัญหาของจังหวัดนครพนม โดยจะได้พิจารณา ยกระดับเมืองรองเป็นเมืองหลัก Medical & Wellness Hub ซึ่งมหาชัยนครพนมมีหลักสูตรการเรียนการสอนที่รองรับสังคมผู้สูงอายุและยกระดับการเป็นเมืองแห่งการศึกษาของลุ่มน้ำโขง
ขณะที่ในเวลา 15.00 น. นายกฯ จะไปเป็นประธานพิธีงานนมัสการพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ที่วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร และพบปะประชาชน ก่อนเดินทางต่อไป ตลาดเทศบาลนครสกลนคร ตำบลดงมะไฟ อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร เพื่อพบปะประชาชนชาวสกลนคร.-316 -สำนักข่าวไทย