เตือนเพื่อไทยระวังสภาวะนายกฯ 2 คน

รัฐสภา 15 ก.พ.-“ชัยธวัช” แนะจับตาหลังเที่ยงคืน 18 ก.พ. “ทักษิณ” ออกจาก รพ.ได้เลยหรือไม่ ชี้ถ้าออกเลยสะท้อนข้ออ้างป่วยไม่เป็นความจริง เตือนเพื่อไทยระวังสภาวะนายก 2 คน อมยิ้มบอกอุบัติเหตุทางการเมืองเกิดขึ้นได้ตลอด


นายชัยธวัช ตุลาธน ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรและหัวหน้าพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีจะได้รับการพักโทษวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้ ว่า สภาพดังกล่าวจะเหมือนกับการมีนายกรัฐมนตรี 2 คน ถ้าไม่ระมัดระวังจะมีปัญหาในการบริหารงานของรัฐบาล  ซึ่งพรรคก้าวไกลให้ความสำคัญกับการเสมอภาค ของกระบวนการยุติธรรม แน่นอนว่ายังมีคำถามอีกมากเช่นสิทธิที่นายทักษิณได้รับในการรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล โดยไม่ต้องอยู่ในเรือนจำแม้แต่วันเดียว

“โดยหลักการพรรคก้าวไกลสนับสนุนสิทธิการเข้าถึงการรักษาพยาบาลของผู้ต้องขังอย่างเหมาะสม แต่กรณีนี้ก็เกิดคำถามว่าได้รับอภิสิทธิ์เหนือนักโทษคนอื่นหรือไม่ ซึ่งมีผู้ต้องขังน้อยมากที่ได้สิทธิแบบนายทักษิณ กว่าจะได้รักษานอกเรือนจำก็ลำบาก และต้องรีบกลับมาอยู่ในเรือนจำ จากข้อมูลของกรรมาธิการฯ ของสภาผู้แทนราษฎรพบว่าผู้ต้องขังที่ป่วยเกิน 120 วัน มี 3 คน คือสองคนป่วยจิตเวช และอีกหนึ่งคนคือนายทักษิณ  ขณะเดียวกันก็อ้างว่าจำเป็นจะต้องอยู่โรงพยาบาลด้วยเหตุผลทางการแพทย์ ซึ่งทันทีที่ได้รับการพักโทษ ก็ไม่แน่ใจว่าจะมีสุขภาพดีพอที่จะออกจากโรงพยาบาลได้หรือไม่ อย่างนี้เป็นข้อเท็จจริงที่ถูกตั้งข้อสังเกต” ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าว


ส่วนฝ่ายค้านจะตรวจสอบอย่างไร นายชัยธวัช กล่าวว่า ตอนนี้มีคนตรวจสอบเยอะว่าข้ออ้าง เหตุผลของกรมราชทัณฑ์ ที่อ้างรายงานทางการแพทย์มีความถูกต้อง โปร่งใส ชัดเจนหรือไม่ ซึ่งอีกเรื่องหนึ่งที่พรรคก้าวไกลให้ความสำคัญ ความเสมอภาคเท่าเทียมในการอำนวยความยุติธรรม  ในกรณีนี้หลายคนพูดว่านายทักษิณควรได้รับการอำนวยความยุติธรรม เพราะถูกกระทำด้วยคดีความต่าง ๆ ที่ไม่เป็นธรรมจากการรัฐประหาร  พรรคก้าวไกลก็อยากจะบอกว่าคนที่ยังไม่ได้รับความยุติธรรมยังมีอีกจำนวนมาก ทุกคนควรได้รับการอำนวยความยุติธรรม ไม่ใช่นายทักษิณคนเดียว ซึ่งเรื่องนี้จะมีความเชื่อมโยงกับการนิรโทษกรรมผู้ต้องหาคดีทางการเมืองด้วย

ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวว่า หากปล่อยไว้จะเป็นการเพิ่มความรู้สึกที่ไม่เท่าเทียมและไม่เป็นธรรม อาจจะไม่ได้ส่งผลฉับพลัน แต่จะสะสมในความรู้สึกข้องใจของประชาชน และถ้านายทักษิณได้รับการพักโทษออกมาแล้วรัฐบาลบริหารจัดการไม่ดีก็อาจจะยุ่งได้ ส่วนจะเป็นข้อมูลพอนำมาซักฟอกรัฐบาลหรือไม่ ยังบอกไม่ได้  อย่างไรก็ตาม ในส่วนของฝ่ายค้าน ต้องรอดูว่าวันที่ 18 กุมภาพันธ์นี้จะเกิดอะไรขึ้นบ้างหลังจากนี้

“ถ้าคืนนั้นเลยเที่ยงคืน จะกี่นาทีไม่ทราบ สามารถออกจากโรงพยาบาลได้ทันที ก็หมายความว่าเหตุผลที่เป็นข้ออ้างว่า มีความจำเป็นจะต้องอยู่โรงพยาบาลไม่เป็นความจริง นี่ยังไม่ต้องนับว่าอีกสักพักจะมีกำลังวังชาขึ้นมา  พร้อมเดินสายไปพบประชาชนทั่วประเทศ อันนี้ก็ไปกันใหญ่” นายชัยธวัช กล่าว


เมื่อถามว่านายทักษิณได้รับการพักโทษจะเป็นผลบวกหรือลบต่อรัฐบาล ผู้นำฝ่ายค้านฯ กล่าวว่า คงเป็นคำเตือนไปยังฝ่ายบริหารว่าอย่าทำให้เกิดสภาวะนายกรัฐมนตรี 2 คน ส่วนเก้าอี้นายกรัฐมนตรีของนายเศรษฐา ทวีสินจะสั่นคลอนหรือไม่นั้น ถ้าบริหารจัดการไม่ดีก็จะมีปัญหา ส่วนกรณีที่นายทักษิณอาจจะแสดงความคิดเห็นทางการเมือง เห็นว่าทุกคนมีสิทธิ์ทำได้ เพียงแต่อย่าทำให้เกิดความยุ่งยากในการบริหารว่า ตกลงใครเป็นนายกรัฐมนตรี ต้องฟังใคร

“รัฐบาลและพรรคเพื่อไทยจะต้องระมัดระวังเรื่องนี้ เพราะรัฐบาลภายใต้การนำของพรรคเพื่อไทยเน้นย้ำตลอดเวลาเวลาที่ถูกผลักดันให้ต้องทำสิ่งที่ถูกต้องตามหลักการก็มักจะอ้างว่าไม่ควรที่จะทำ เพื่อไม่เพิ่มความขัดแย้งทางการเมือง พยายามประนีประนอม ไม่ผลักดันการเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้างให้เป็นประชาธิปไตยมากขึ้น ไม่พยายามผลักดันนิรโทษกรรม โดยอ้างว่าไม่เพิ่มความขัดแย้งใหม่ แต่กลับกันกับกรณีนายทักษิณ ไม่มีความลังเลใด ๆ เลยที่จะกังวลว่าจะสร้างความขัดแย้งใหม่” นายชัยธวัช กล่าว

เมื่อถามถึงความเป็นไปได้ที่พรรคก้าวไกลจะจับมือกับพรรคเพื่อไทยในอนาคต นายชัยธรรม ร้อง “โอ๊ย” พร้อมกล่าวว่า ยัง พรรคก้าวไกลยังเป็นฝ่ายค้าน  อยู่ที่ผลของการเลือกตั้งครั้งหน้า ยืนยันว่าขณะที่ยังเป็นฝ่ายค้านจะไม่จับมือในลักษณะนั้น แต่หากเห็นว่าข้อเสนอของรัฐบาลเรื่องไหนที่เป็นประโยชน์ก็ยินดีสนับสนุน เมื่อถามว่าจะเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองหรือไม่ หากนายทักษิณกลับมา ผู้นำฝ่ายค้านฯ ยิ้มพร้อมกล่าวว่า อุบัติเหตุทางการเมืองเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา เช่นกรณีของน.ส.ทานตะวัน   ตัวตุลานนท์.-312.-สำนักข่าวไทย       

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ลั่นพร้อมใช้สิทธิปกป้องกำลังพล-ปรับแผนลาดตระเวน

12 ส.ค.- “แม่ทัพภาค2” ชี้เขมรแอบลอบวางทุ่นระเบิด ละเมิดเงื่อนไขหยุดยิง หวังยั่วยุ พร้อมใช้สิทธิปกป้องคุ้มครองกำลังพล เป็นเรื่องหน้างานไม่เกี่ยวเจรจา เชื่อเขมรไม่ยอมรับตามเงื่อนไขที่ไทยเสนอ เล็งใช้กล้องวงจรปิด ปรับแผนการลาดตระเวน เผยรายงานรัฐบาล-ผบ.ทบ.แล้ว จ่อประท้วงระดับสากล เมื่อวันที่ 12 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่ทหารพราน ร้อย.ทพ.2610 เหยียบกับระเบิดระหว่างปฏิบัติภารกิจลาดตระเวน ในพื้นที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ ส่งผลให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บสูญเสียขาซ้าย 1 นาย คือ ส.อ.ธีรพล เพียขันที ขณะนี้ปลอดภัยแล้ว ซึ่งเหตุเกิดในจุดแนววางรั้วลวดหนามทางด้านทิศตะวันตก ถ้าหันหน้าเข้าเขมรจะอยู่ฝั่งขวาของตัวปราสาท และห่างจากตัวปราสาทประมาณ 1 กิโลเมตร เรียกว่าช่องจุ๊บตาโมก สันนิษฐานว่าเขมรลักลอบมาวางระกับเบิดช่วงที่ถอนกำลังทหารออกไป ซึ่งวันนี้ทหารไปตรวจสอบแนววางลวดหนาม บริเวณดังกล่าวอยู่ในเขตแดนไทย เป็นเส้นทางที่ใช้ลาดตระเวนประจำอยู่ในฝั่งไทยอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ถือเป็นการยั่วยุ ผิดเงื่อนไขการหยุดยิง เพราะการวางทุ่นระเบิด ถือเป็นการยิงเหมือนกัน เราจะมีมาตรการตอบโต้ และรายงานให้รัฐบาลรับทราบตามขั้นตอนแล้ว หลังจากนี้จะนำไปสู่ขั้นตอนการประท้วงในระดับสากล พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ […]

เฉลิมพระเกียรติพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง

12 ส.ค. – ทบ.ยิงสลุตหลวง เฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 วันนี้เวลา 12.00 น. ณ ท้องสนามหลวง กองทัพบก โดยกองพันทหารปืนใหญ่ที่ 1 กรมทหารปืนใหญ่ที่ 1 รักษาพระองค์ ยิงสลุตหลวงจำนวน 21 นัด เพื่อเฉลิมพระเกียรติ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม 2568 โดยกองร้อยปืนใหญ่ยิงสลุต ใช้ปืนใหญ่เบากระสุนวิถีราบ แบบ 80 ขนาด 75 มิลลิเมตร จำนวน 4 กระบอก ทำการยิงตามจังหวะของเพลงสรรเสริญพระบารมี จำนวน 21 นัด จังหวะ 5 วินาที ทีละกระบอก นับรอบจากขวาไปซ้าย ใช้เวลายิงทั้งหมด 1 นาที 40 […]

ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ อาจต้องใช้สิทธิป้องกันตนเอง

12 ส.ค.- ทบ.ชี้กัมพูชาลอบวางทุ่นระเบิดคุกคามต่อเนื่อง ไม่สนผิดอนุสัญญาออตตาวา โฆษก ทบ.เผยหากสถานการณ์บีบบังคับ กองทัพอาจจำเป็นต้องใช้สิทธิป้องกันตนเองตามหลักสากล พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงเหตุการณ์ เมื่อวันที่ 12 สิงหาคม 2568 เวลาประมาณ 09.10 น. สิบเอก ธีรพล เพียขันที สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 2610 พร้อมกำลังพลรวม 7 นาย ปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนตามแนวชายแดนไทย บนเส้นทางประจำ ห่างจากปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ประมาณ 1 กิโลเมตร ระหว่างปฏิบัติภารกิจ สิบเอก ธีรพล ได้เหยียบทุ่นระเบิดสังหารบุคคลที่ฝ่ายกัมพูชาลอบวางไว้ ส่งผลให้ได้รับบาดเจ็บสาหัสบริเวณข้อเท้าซ้าย ปัจจุบันได้รับการรักษาที่โรงพยาบาลพนมดงรัก อาการพ้นขีดอันตรายแล้ว เหตุการณ์นี้เป็นหลักฐานชัดเจนว่าฝ่ายกัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง และไม่เคารพต่อกฎหมายมนุษยธรรมระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอนุสัญญาออตตาวา ซึ่งห้ามใช้และวางทุ่นระเบิดสังหารบุคคลทุกชนิด นับเป็นการลอบโจมตีที่มีเป้าหมายต่อกำลังพลฝ่ายไทยโดยตรง และเกิดขึ้นในเขตแดนไทย ยิ่งไปกว่านั้น เหตุลักษณะเดียวกันนี้เคยเกิดขึ้นหลายครั้งในพื้นที่ชายแดน สะท้อนถึงเจตนาร้ายและพฤติกรรมต่อเนื่องของฝ่ายกัมพูชาในการคุกคามฝ่ายไทย และละเมิดบูรณภาพแห่งดินแดนไทย สวนทางกับข้อตกลงหยุดยิงระหว่างประเทศในการประชุม GBC ที่ผ่านมา จึงเป็นเครื่องยืนยันได้ว่า […]

ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน สูญเสียขาอีก 1 นาย

12 ส.ค.- ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิด ขณะลาดตระเวนพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม หลังรั้วลวดหนามฝั่งไทย คาดทหารเขมรล่าถอยแล้วฝังทุ่นระเบิดไว้ เมื่อเวลา 09.10 น. รายงานข่าวจากกองทัพพื้นที่สองเปิดเผยว่า ได้เกิดเหตุทหารพราน 2610 เหยียบกับระเบิดขณะทำการลาดตระเวนบริเวณฐานจุ๊บตาโมก ฝั่งตะวันตกของปราสาทตาเมือนธม ซึ่งอยู่ในแนวรั้วลวดหนามของฝั่งประเทศไทย บริเวณพิกัด R51 มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 1 นาย ทราบชื่อ ส.อ.ธีรพล เพียขันที กรุ๊ปเลือด AB ได้รับบาดเจ็บขาซ้ายขาด ขณะนี้กำลังนำส่งโรงพยาบาล ทั้งนี้ คาดว่าหลังจากเหตุปะทะกันทางทหารกัมพูชาได้ล่าถอยและฝั่งทุ่นระเบิดไว้ก่อนออกนอกพื้นที่เขตประเทศไทย -สำนักข่าวไทย