ให้ความสำคัญพลังงาน-ยกระดับอุตสาหกรรม

รร.พูลแมน คิงเพาเวอร์ 14 ก.พ.-นายกฯ ปาฐกถาพิเศษชี้ต่างชาติสนใจเข้ามาลงทุนหลายด้าน ย้ำจุดเด่นรองรับพลังงานสะอาด ให้ความสำคัญเรื่องพลังงาน เดือนหน้าประกาศยกระดับอุตสาหกรรมในปท.


นายเศรษฐา​ ทวี​สิน​ นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​การคลัง​ เป็นประธานเปิดงาน Thailand Energy Executive Forum พร้อมปาฐกถาพิเศษในหัวข้อ “จุดเปลี่ยนพลังงานไทยสู่ความยั่งยืน” ว่า รัฐบาบลให้ความสำคัญด้านพลังงาน โดยเฉพาะการช่วยเหลือเกษตรกร ซึ่งเมื่อวานนี้ (13 ก.พ.) ได้มีข้อสั่งการช่วยเหลือลดค่าไฟสำหรับเครื่องสูบน้ำการทำนา เนื่องจากการเกษตรถือว่าเป็นหัวใจสำคัญ ถือว่าเป็นเรื่องละเอียดอ่อน จำเป็นต้องทำเพื่อลดช่องว่างทางสังคม เกษตรกรต้องการความช่วยเหลือ และการช่วยเหลือเกษตรกรต้องช่วยแบบอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี ไม่ใช่รอการสนับสนุนจากรัฐบาลทุกเรื่อง

“ต้องยอมรับว่าพลังงานเป็นต้นทุนและองค์ประกอบใหญ่อย่างหนึ่งของการทำเกษตร ยอมรับว่าพลังงานโซล่าเซลล์เป็นพลังงานที่ถูกที่สุด ซึ่งรัฐบาลสนับสนุนให้ทำตามหมู่บ้านต่าง ๆ ทำให้ค่าไฟถูกลง เกษตรกรใช้น้ำได้อย่างมีประสิทธิภาพ ขณะเดียวกันพลังงานและอุตสาหกรรมก็มีความสำคัญ หลังจากผมรับตำแหน่ง 4-5 เดือนที่ผ่านมา ได้เดินทางไปต่างประเทศพบว่าสำนักงานส่งเสริมการลงทุนไทยหรือบีโอไอ มีคนรุ่นใหม่เข้าใจบริบท เข้าใจนักลงทุนต่างชาติที่มาลงทุนในไทย เข้าใจสิทธิทางด้านภาษีและความเป็นอยู่ของคนไทยดีที่สุด ซึ่งไทยพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน เช่น สนามบินที่กำลังจะเปิดใหม่อีกเฟส ท่าเรือน้ำลึก ซึ่งต่างชาติตระหนักและมองว่าเป็นจุดบวกของไทย พร้อมสนใจลงทุนด้านพลังงานสะอาดโดยเฉพาะรายงานการพัฒนาที่ยั่งยืน (sdg index ) ของไทยอยู่อันดับที่ 30 กว่าของโลก สูงที่สุดของอาเซียน” นายกรัฐมนตรี กล่าว


นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยมีดีกว่าหลายประเทศ หลังจากนี้จะเดินทางไปพูดคุยกับประเทศในแถบยุโรป โดยเดือนหน้าจะเดินทางไปเยอรมนี เพื่อดึงดูดนักลงทุนเข้ามา นักลงทุนทั่วโลกถามถึงพลังงานสะอาดโดยเฉพาะสหรัฐและจีน เชื่อว่าผู้ที่เกี่ยวข้องด้านพลังงานจะให้ความสำคัญและตระหนักเรื่องนี้ดีว่าจะดึงดูดนักลงทุนจากต่างประเทศมาได้ ประเทศไทยมีดีหลายอย่าง ประเทศไทยโชคดี เพราะในอดีตเมื่อ 50 ปีที่ผ่านมามีเขื่อน เช่น เขื่อนภูมิพล มีส่วนสำคัญช่วยเรื่องไฟฟ้า ซึ่งในอนาคตสามารถพัฒนาทำเรื่องโซล่าเซลล์ได้ จึงต้องดูความเหมาะสม และเรื่องการลงทุน ว่าจะสามารถดึงพลังงานมาใช้ได้เท่าใด  หากทำได้ถือว่าเป็น soft of energy  และเป็นจุดขายของประเทศไทยต่อไป   จะให้ผู้ที่เกี่ยวข้องไปดูแล   

“เรื่องพลังงาน เป็นการขับเคลื่อนประเทศไปข้างหน้า โดยเฉพาะเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา ได้หารือกับนายกรัฐมนตรีกัมพูชา พูดคุยกันหลายเรื่อง โดยเฉพาะการดึงพลังงาน ในพื้นที่ทับซ้อนซึ่งมีมูลค่ามหาศาล ขึ้นอยู่กับตัวเลขที่จะพูดถึงกัน บางคนประเมินถึง 20 ล้านล้านบาทได้ แต่ยอมรับมีปัญหาเรื่องชายแดนหรือเขตแดนอยู่  ซึ่งเป็นเรื่องละเอียดอ่อน  และทุกคนให้ความสนใจ ดังนั้น ขอแบ่งเป็น 2  เรื่องคือพื้นที่ที่ทับซ้อนและขุมทรัพย์ที่อยู่ในพื้นที่ใต้ทะเล เป็นเรื่องที่ต้องบริหารจัดการและพูดคุยกัน ยืนยันว่ารัฐบาลให้ความสำคัญสูงสุดและจะพูดคุยกับทั้งสองประเทศ เพื่อนำสินทรัพย์นี้ออกมาใช้โดยเร็วที่สุด พลังงานในช่วงที่เปลี่ยนผ่านพลังงาน brown energy ไปสู่ green  energy เพราะมีความจำเป็นต้องพึ่งพาแก๊สอยู่ดี จึงขอให้ทุกคนสบายใจ รัฐบาลนี้จะเดินหน้าต่อไป โดยพยายามแยกแยะปัญหาพื้นที่ทับซ้อนกับปัญหาเรื่องแบ่งผลประโยชน์ ต้องทำอย่างโปร่งใสตรวจสอบได้ และส่งผลให้ราคาพลังงานปรับตัวดีขึ้น” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ประเทศไทยได้เปรียบประเทศเพื่อนบ้านเรื่องพลังงาน ส่วนค่าไฟยังคงเป็นปัญหาอยู่ รัฐบาลนี้ได้เจรจาอย่างต่อเนื่อง เช่น ด้านความพร้อมหรือด้าน black up “การทุบ” โดยไม่ต้องสนใจกลไกของการตลาด จะทำให้เกิดรัฐประหารทางเศรษฐกิจ ซึ่งอาจจะได้ค่าไฟถูกไม่กี่วัน ก่อนจะต้องควักเอาของประชาชนมาจ่าย การลงทุน การส่งออก การจ้างงาน ผลทางเศรษฐกิจ อยู่ในใจของคนทั้งโลกไปนานนับปี ดังนั้น ทุกคนต้องช่วยกัน ไม่ใช่มีกลไกสนับสนุนทางด้านภาษีที่ดีแล้วหรือมีมาตรการต่าง ๆ ให้คนมาอยู่ในประเทศไทยอย่างมีความสุขแล้ว แต่ค่าพลังงานก็มีความสำคัญ


“หากมองระยะยาว เชื่อว่าประเทศไทยมีศักยภาพสูง มีเสถียรภาพทางด้านการเงินที่มั่นคง พร้อมดึงดูดนักลงทุนจากทั่วโลกมาตั้งฐานผลิตในไทย มีโครงสร้างพื้นฐานในการสนับสนุนให้นักลงทุน ไม่ใช่แค่พลังงานสะอาดอย่างเดียว ซึ่งในเดือนหน้าประกาศยกระดับด้านอุตสาหกรรมทั้งหมดในประเทศไทย ซึ่งเกี่ยวข้องกับการตั้งฐานผลิต หากการตั้งฐานผลิตแล้วไม่สามารถส่งออกไปได้อย่างสะดวกสบาย อาจจะมีปัญหา ดังนั้น ท่าเรือน้ำลึกเฟส 3 ที่มีความล่าช้าต้องพัฒนาให้ดีขึ้น ขณะที่รถไฟความเร็วสูงก็มีความจำเป็น    บางสายจำเป็นต้องทำรถไฟรางคู่ไปก่อน เพื่อการค้าระหว่างประเทศ เป็นต้น” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงโครงการแลนด์บริดจ์ว่า มีความสำคัญในด้านการขนส่ง รองรับหลังจากช่องแคบมะละกาที่คับแคบ ดังนั้น การขนถ่ายสินค้าจะเพิ่มขึ้นอย่างมโหฬาร ไทยจึงต้องจำเป็นพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานพี่ใหญ่พี่ใหญ่ รองรับการขนถ่ายสินค้าทั่วโลก ทำให้การค้าระหว่างประเทศดีขึ้น โดยรัฐบาลจะเร่งเจรจาต่อไป ซึ่งหลังจากไปเจรจานักลงทุนต่างประเทศให้ความสนใจ มองภาพรวมของโลกว่าการขนถ่ายสินค้าทั่วโลกเป็นเรื่องที่สำคัญ อะไรทำได้ทำก่อน รวมถึงอำนวยความสะดวกด้านการลงทุน

“รัฐบาลมีแผนด้านพลังงาน ในระยะยาวที่ชัดเจน โดยจะต้องควบคู่กับการทำโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ จะต้องมีการวางรากฐาน ไม่จบในรัฐบาลนี้ ก็ต้องดำเนินการในรัฐบาลต่อไป และต้องให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ มีผู้สื่อข่าวถามผมว่า สิ่งที่ประหลาดใจในการรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมากที่สุดคือเรื่องใด ผมตอบไปว่ามีกลไกในการบริหารจัดการแผ่นดิน ซึ่งเป็นกลไกที่ต้องการความสมัครสมานสามัคคี ซึ่งเป็นกลไกที่เราต้องการของทุกฝ่าย เป็นคนไกลที่ต้องการสร้างบรรยากาศที่ดีสำหรับการพูดคุยกันในเรื่องที่เห็นที่แตกต่าง ผมเชื่อว่านักธุรกิจที่มาร่วมงานในวันนี้จะทราบถึงความหวังดีของผม และของรัฐบาลที่จะผลักดันกลไกอุตสาหกรรมไปข้างหน้าควบคู่เรื่องพลังงาน” นายกรัฐมนตรี กล่าว.-314.-สำนักข่าวไทย   

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” ถก สมช.-ครม.นัดพิเศษ พิจารณาข้อตกลงหยุดยิง

ทำเนียบรัฐบาล 6 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ พิจารณาข้อตกลงหยุดยิงไทย-กัมพูชา ด้าน “บิ๊กเล็ก” ตั้งเกณฑ์วัดความจริงใจกัมพูชา 3 ระดับ บอกผ่าน GBC ระดับเลขาฯ แล้ว เบื้องต้นบรรลุข้อลงหยุดยิง ตามข้อเสนอ 8 ข้อ ขอรอดูปฏิบัติจริง ย้ำ MOU43 ยังมีประโยชน์เป็นข้ออ้างกล่าวหาเขมรได้-ขอสบายใจ ยึดประโยชน์ชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีรัฐพิเศษเพื่อที่จะรับรองข้อตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ภายหลังคณะเลขานุการ GBC ไทย ได้เดินทางไปยังประเทศมาเลเซียเพื่อหารือในวงเล็กมาก่อนหน้านี้ โดยบรรยากาศการประชุมมีบรรดารัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมอาทิ พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายชูศักดิ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย รวมถึงคณะเลขานุการ GBC เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง พลเอกณัฐพล เปิดเผยก่อน การประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) […]

ศบ.ทก. เผย GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย จ่อชง สมช.-ครม.นัดพิเศษ

ทำเนียบ 6 ส.ค.- ศบ.ทก. เผยข่าวดี ที่ประชุม GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย พร้อมเตรียมเสนอให้ สมช. – ครม. นัดพิเศษ พิจารณาเย็นนี้ ก่อน รมช.กห. เดินทางร่วมลงนามพรุ่งนี้ ด้าน กต. เตรียมประชุมทูตทั่วโลก เพื่อชี้แจงสถานการณ์ให้นานาชาติเข้าใจ หลังพาองค์การระหว่างประเทศเยี่ยม 18 เชลยศึก ขณะที่ผ่อนปรนให้โดรนเพื่อการเกษตรบินได้หลัง 15 ส.ค.นี้ พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทบ.) และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมกับนางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ภายหลังจากการประชุมความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พลเรือตรีสุรสันต์ แถลงว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในส่วนของความมั่นคงในห้วงที่ผ่านมา สถานการณ์โดยทั่วไปอยู่ในสภาวะปกติ มีการเสริมที่มั่นทางทหารในพื้นที่บางส่วน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่มีการเสริมกำลังทหารแต่อย่างใด ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเช่นเดียวกันก็มีการตรวจพบว่ามีการใช้โดรนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ในสถานการณ์ไทยห้ามบินโดรนทั่วประเทศ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงยังเข้มงวดในการสกัดกั้น ตรวจตรา ตรวจสอบ รวมทั้งดำเนินการตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 15 […]

กกพ.จี้ MEA แจงปัญหาไฟดับ

กรุงเทพฯ 6 ส.ค. – สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จี้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) แจ้งปัญหาไฟดับเป็นบริเวณกว้าง ด้านประชาชนแห่คอมเมนต์ผลกระทบและต้องการเห็นการชดเชย จากปัญหาความเดือดร้อนคนกรุงเทพฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา (5 ส.ค.) เวลา 22.12 น. เกิดไฟดับเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่ย่านสะพานควาย เขตพญาไท ถ.ประดิพัทธ์ และ ถ.พระรามที่ 6 และ MEA แก้ไขจนจ่ายครบเวลา 23.50 น. ทางสำนักงาน กกพ.แจ้งว่าได้ประสานให้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) รายงานข้อเท็จจริง และแนวทางการแก้ไขและป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก ในขณะที่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบต่างระบุเดือดร้อนจากเหตุไฟดับ ต้องการให้ MEA ชี้แจงสาเหตุที่ชัดเจน บางส่วนก็ชื่นชม แก้ปัญหาได้รวดเร็ว บางส่วนก็ต้องการเห็น การชดเชยจาก MEA เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เศรษฐกิจและมีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยไฟดับทั้งอาคาร ดับทั้งไฟสาธารณะ ไฟจราจร สัญญาณอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ MEA ชี้แจงเบื้องต้นสาเหตุเกิดจากความขัดข้องทางเทคนิคของอุปกรณ์ในสถานีไฟฟ้าย่อย ในระหว่างการเตรียมการเพื่อปฏิบัติงานปรับปรุงระบบจ่ายไฟฟ้าตามปกติ, ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือภัยคุกคามทางไซเบอร์ สาเหตุที่แท้จริงของอุปกรณ์ขัดข้องจะชี้แจงต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า […]

ตำรวจเตรียมสอบเชิงลึกชาย BHQ หวั่นเป็นไส้ศึก

บุรีรัมย์ 6 ส.ค.-ตำรวจสอบปากคำชายชาวกัมพูชา พบใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ อ้างเคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อคำให้การ เกรงแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับ กรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จังหวัดบุรีรัมย์ จับกุมชายชาวกัมพูชา ได้ที่บ้านพักภรรยาคนไทยและมีเครื่องแบบทหารพร้อมตราสัญลักษณ์ BHQ จากการสอบปากคำ เคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว มาทำงานอยู่ไทย แล้วถูกสวมชื่อ จากการตรวจสอบพบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ ซึ่งแต่ละชื่อไม่ตรงกัน และอ้างว่าเมื่อก่อนเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่ล่าสุดมีการลักลอบเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติทาง จ.สระแก้ว โดยอ้างว่าจ่ายเงินบุคคลที่พาเข้า 4,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงว่าอาจจะแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับคอยส่งข้อมูลความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับความมั่นคงของไทย ไปให้ฝั่งกัมพูชา จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์พบมีรูปถ่ายกายแต่งกายทหารและถือปืน เบื้องต้นทางตำรวจจะดำเนินคดีมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต.-สำนักข่าวไทย