กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ 13 ก.พ.- “ปานปรีย์” พบ “แอนโทนี บลิงเคน” เผย มีความสำเร็จอย่างมาก หารือรอบด้าน “ความมั่นคง-การค้า-การลงทุน” การช่วยเหลือเมียนมาด้านมนุษยธรรม พร้อมขอสหรัฐช่วยประสานปล่อยตัวประกันชาวไทยอีก 8 คนจากฮามาส
วันนี้ 12 ก.พ.67 เมื่อเวลา 17.00 (ตามเวลาท้องถิ่น ณ กรุงวอชิงตันสหรัฐอเมริกา ซึ่งช้ากว่าเวลาประเทศไทย 12 ชั่วโมง ) ที่กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ นายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้หารือทวิภาคีกับนายแอนโทนี เจ. บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐ ในโอกาสเดินทางเยือนสหรัฐอเมริกาอย่างเป็นทางการ
ภายหลังการหารือ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน ว่า การเดินทางเยือนครั้งนี้ถือมีความสำเร็จอย่างมากและสหรัฐเริ่มให้ความสนใจในภูมิภาคอาเซียนมากยิ่งขึ้น โดยเฉพาะประเทศไทยที่เป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญ ขณะเดียวกันไทยได้แสดงความพร้อมต่อการที่นายกรัฐมนตรีจะเดินทางเยือนสหรัฐ หากได้รับคำเชิญอย่างเป็นทางการ
สำหรับการหารือกับนายแอนโทนี บลิงเคน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ได้หารือรอบด้านทั้งความมั่นคง เศรษฐกิจ การค้า การลงทุน โดยเฉพาะการที่ประเทศไทยให้ความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมประชาชนในเมียนมา ซึ่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐได้ให้การสนับสนุนไทยในเรื่องนี้ นอกจากนี้ยังได้เล่าถึงสถานการณ์ในเมียนมาในปัจจุบัน โดยเฉพาะเรื่องชายแดนไทย-เมียนมา ที่จะได้หารือความคืบหน้าในโอกาสต่อไป
ส่วนความประเด็นความมั่นคงทางไซเบอร์ นั้น นายปานปรีย์ ระบุ ทั้งสองฝ่ายมีความสนใจในประเด็นนี้ ซึ่งตนได้หยิบยกถึงครั้งที่ได้ไปลงพื้นที่ชายแดนแม่สอด จ.ตาก ถึงอาชญากรรมตามแนวชายแดนเป็นสิ่งที่ไทยไม่อยากให้เกิดขึ้น และไปสร้างความเดือดร้อนให้ประชาชนทั้ง 2 ประเทศ จึงต้องการให้เกิดความร่วมมือการป้องกันภัยคุกคามระหว่างประเทศ
นายปานปรีย์ ยังกล่าวถึงโครงการแลนด์บริดจ์ ว่า ได้พูดคุยกับ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ และ นาย Amos Hochstein ที่ปรึกษาอาวุโสของประธานาธิบดีสหรัฐ ด้านพลังงานและการลงทุน ให้ความสนใจเรื่องการค้า การลงทุนกับไทยและโครงการแลนด์บริดจ์ที่ได้รับการสอบถามรายละเอียดเยอะมาก ซึ่งไทยระบุว่า เมื่อมีความพร้อมจะส่งรายละเอียดให้ทันที
รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวอีกว่า ตนได้พูดคุยกับนายแอนโทนี บลิงเคน เรื่องตัวประกันชาวไทยที่ยังถูกกลุ่มฮามาสจับกุม เนื่องจากทราบว่าท่านเดินทางไปประเทศอิสราเอลหลายครั้ง และพยายามพูดคุยให้มีการหยุดยิงเพื่อที่จะช่วยเหลือตัวประกัน จึงได้แจ้งว่ายังมีคนไทยถูกจับกุมเหลืออีก 8 คน หากมีโอกาสช่วยประสานงานหรือผลักดันในการปล่อยตัวประกันทั้งหมดรวมถึงของไทยด้วยก็จะเป็นสิ่งที่ดี .-316 .สำนักข่าวไทย