รัฐสภา 25 ม.ค. –“พิธา” เข้าสภาฯ ทำหน้าที่ สส.วันแรก บอกเสียดายโอกาสเลือกนายกฯ ครั้งที่ 2 ไม่ยึดติดตำแหน่ง ขึ้นอยู่กับสมาชิกพรรคตัดสินในการประชุมใหญ่เดือน เม.ย.นี้ ประกาศเข้าสภาฯ วันนี้ไม่ออกแล้ว จะออกอีกทีคือไปทำเนียบฯ
ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ไม่มีลักษณะต้องห้ามและลงสมัครเลือกตั้งสส.ได้ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด วันนี้(25 ม.ค.) นายพิธาได้เดินทางมาที่รัฐสภา ในฐานะสส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เวลา 10.24 น. ทันทีที่ลงจากรถแฟนคลับซึ่งมาจากจ.เพชรบูรณ์ โดยออกเดินทางตั้งแต่เที่ยงคืนวานนี้(24 ม.ค.) เพื่อมารอต้อนรับนายพิธา โดยบอกว่า “ขอให้พิธาสู้ๆ รักคุณพิธา เป็นกำลังใจให้” ขณะเดียวกันสส.พรรคก้าวไกลมารอต้อนรับ พร้อมกล่าวว่า “Come back ยินดีต้อนรับกลับบ้าน” ซึ่งนายพิธาเข้าไปสวมกอดเพื่อนสส.พรรคก้าวไกล บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น
นายพิธา กล่าวว่า ดีใจที่ได้กลับมาเห็นบรรยากาศที่อาคารรัฐสภาอีกครั้ง รู้สึก คิดถึงรัฐสภาเป็นที่รวมตัวของสังคมประชาชน เวลาหกเดือนที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ เสียดายโอกาสที่จะได้เลือกนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 แต่เราสามารถบริหารจัดการสถานการณ์ได้ ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ได้พบปะประชาชน ได้ทำงานกับเพื่อนสส.ที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ ได้ลงพื้นที่ที่จังหวัดสมุทรปราการ ภูเก็ต เห็นปัญหาขยะล้นเมืองของทั้ง 2 จังหวัด ซึ่งจะใช้ข้อมูลที่ได้จากการประชุมร่วมกับผู้นำท้องถิ่นมาอภิปรายในที่ประชุมสภาฯ นัดพิเศษพรุ่งนี้ (26 ม.ค.) โดยจะใช้เวลา 7 นาทีอภิปรายให้ประชาชนรับทราบ พร้อมทั้งแถลงเป้าหมายของพรรคก้าวไกลในปีนี้ ให้ประชาชนมีส่วนร่วม และให้สมาชิกมีส่วนร่วมการทำงานของพรรคก้าวไกล
ส่วนข้อครหาที่เกิดขึ้นกับพรรคก้าวไกลตลอด ช่วงเวลาหยุดปฏิบัติหน้าที่ นาย กล่าวว่า เสียใจและขอโทษประชาชน แต่ในช่วงที่เกิดสถานการณ์ ตนไม่ได้หายไปไหน และไม่ก้าวก่ายการทำหน้าที่ของนายชัยธวัชที่เป็นหัวหน้าพรรค ในฐานะที่เป็นที่ปรึกษาคอยให้คำปรึกษามาโดยตลอด ไม่ว่าจะเป็นมุมการป้องกันสถานการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นอีก หรือการรักษาเมื่อเหตุเกิดขึ้นแล้วต้องตอบสนองให้เร็ว ให้ไว
“ต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดและปรับปรุง ไม่แก้ตัว ยอมรับว่าเราจะต้องพัฒนากันอีกเยอะ ประชาชนคงจะสัมผัสได้กับพัฒนาการเป็นสถาบันของพรรคก้าวไกล ยืนยันไม่ฟ้องกลับนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เนื่องจากเป็นอดีตที่ผ่านมาแล้ว ต้องอยู่กับปัจจุบัน ใช้สมาธิ ทรัพยากรและเวลาให้เต็มที่กับอนาคตที่จะถึงนี้” นายพิธา กล่าว
ส่วนจะมีโอกาสกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคและผู้นำฝ่ายค้านหรือไม่ นายพิธากล่าวว่า ต้องแยกเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งคือตามกระบวนการที่จะประชุมวิสามัญในเดือนเมษายนนี้เพื่อคัดเลือกกรรมการบริหารพรรค หรือการนำเสนอในที่ประชุม ส่วนที่สองตนไม่ยึดติดกับตำแหน่ง นายชัยธวัชทำหน้าที่ได้ดี ทำงานอย่างแหลมคม เป็นตัวของตัวเอง แต่ขึ้นอยู่กับสมาชิก ตนและนายชัยธวัชไม่มีใครยึดติดกับตำแหน่ง ขณะนี้ไม่มีเหตุจำเป็นที่ต้องประชุมใหญ่วิสามัญพรรค เดือนเมษายนจึงเป็นเวลาที่เหมาะสมหลังกรรมการบริหารพรรค ปฎิบัติหน้าที่ครบ 4 ปีตามวาระ ขอยืนยันว่าการประชุมพรรค ไม่เกี่ยวข้องกับคดีความส่วนตัวของตน
“ส่วนการขอเปิดอภิปายไม่ไว้วางใจรัฐบาลจะยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง จะไม่ค้านทุกเรื่อง จะค้านเฉพาะสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่ชอบมาพากล เพื่อแนะนำทางเลือกให้รัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซา กระตุ้นการสร้างเศรษฐกิจชายแดนภาคใต้ ไม่ให้กระทบสิ่งแวดล้อมหรือภูมิรัฐศาสตร์ และยังมีวาระร่วมเพื่อประชาชนอีกมากมาย โดยไม่จำเป็นต้องคำนึงว่ามาจากพรรคการเมืองไหน หากเป็นวาระดี เช่น สมรสเท่าเทียม พ.ร.บ. อากาศสะอาด สุราก้าวหน้า แม้เเต่การทำประชามติที่ทั้งเห็นด้วยและมีข้อกังวล ทำการเมืองแบบสร้างสรรค์ มีประชาชนเป็นที่ตั้ง” นายพิธา กล่าว
นายพิธา กล่าวว่า ระหว่างหยุดปฎิบัติหน้าที่ โครงการที่เป็นเรือธงของรัฐบาลซึ่งต้องจับตาอยู่ 3 โครงการคือ โครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต โครงการแลนด์บริดจ์ และโครงการซอฟท์พาวเวอร์ มีหลายเรื่องที่เห็นด้วยและต้องพูดคุยกันเป็นพิเศษ ต้องมองในมุมกว้างและเชิงลึก ต้องดูเป้าหมายให้ชัดและดูว่ามีทางเลือกอะไรบ้าง ทั้งมหภาคและจุลภาค งบประมาณที่ใช้
เมื่อถามว่า โครงการเงินดิจิทัล วอลเล็ต เป็นเป้าหมายหลักของพรรคก้าวไกลในการอภิปรายรัฐบาลหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า มองว่าเศรษฐกิจซบเซาและโตช้ามาเป็นเวลานาน และเห็นในสื่อว่าจะโตช้าในรอบ 10 ปี ต้องยอมรับว่าไม่ได้เป็นความผิดของรัฐบาลในปัจจุบันที่เพิ่งบริหารมาเพียง 6 เดือน แต่เป็นปัญหาการเมืองไทยที่ไม่ได้ปรับโครงสร้างมานับ 10 ปี แต่ในขณะเดียวกันมีความกังวลกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นโดยการงบประมาณระยะยาว จนทำให้ไม่มีพื้นที่ทางการคลัง
“การแก้ไขปัญหาระยะยาวเป็นหนทางที่เหมาะสม เพราะฉะนั้นอยากชวนรัฐบาลคิดว่ามีแผน 2 หรือไม่ กรณีนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ไม่ผ่าน การกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่จำเป็นต้องเป็นการแจกเงินจากบนลงล่างเท่านั้น การกระตุ้นเศรษฐกิจจากล่างขึ้นบน ก็สามารถช่วย ช่วยเป็นพลังเศรษฐกิจได้ที่ดีเช่นกัน และประหยัดงบประมาณโดยที่ไม่ต้องกู้สร้างภาระทางการคลังเพิ่มขึ้น” นายพิธา กล่าว
นายพิธา ปฏิเสธที่จะบอกประเด็นที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล แต่ขณะนี้มีข้อมูลผ่านช่องทางต่าง ๆ เข้ามาเรื่อย ๆ แต่จะเน้นเรื่องการประพฤติมิชอบการทุจริตคอรัปชั่น ความล้มเหลวในการใช้งบประมาณ และจัดเตรียมข้อมูลไปเรื่อยเรื่อยและขอดูจังหวะที่เหมาะสม “ว่าจะใช้บาซูก้าหรือจะใช้เเค่แนวรบ” เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและภาษีของประชาชน
“ถึงเวลาที่ต้องทำการเมือง แบบที่มีสาระเป็นหลัก สีสันเป็นรอง การใช้วาทกรรมแบบฉาบฉวย เน้นทำงานเชิงลึก แต่ต้องทำให้คนธรรมดาเข้าใจสาระ ซึ่งเป็นศิลปะของผู้แทนราษฎร ที่ทำเรื่องยาก ๆ เข้าใจง่าย ศิลปะย่อมสำคัญกว่าวาทกรรม การเข้ามาครั้งนี้ ไม่มีออก จะออกก็คงออกไปทำเนียบฯ เลย ถ้าจะออกก็คงออกไปทำเนียบฯ อย่างเดียว.-313.-สำนักข่าวไทย