“พิธา” ลั่นจะออกจากสภาฯ อีกครั้งคือไปทำเนียบฯ

รัฐสภา 25 ม.ค. –“พิธา” เข้าสภาฯ ทำหน้าที่ สส.วันแรก บอกเสียดายโอกาสเลือกนายกฯ ครั้งที่ 2 ไม่ยึดติดตำแหน่ง ขึ้นอยู่กับสมาชิกพรรคตัดสินในการประชุมใหญ่เดือน เม.ย.นี้ ประกาศเข้าสภาฯ วันนี้ไม่ออกแล้ว จะออกอีกทีคือไปทำเนียบฯ


ภายหลังศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรคก้าวไกล ไม่มีลักษณะต้องห้ามและลงสมัครเลือกตั้งสส.ได้ตามที่รัฐธรรมนูญกำหนด วันนี้(25 ม.ค.) นายพิธาได้เดินทางมาที่รัฐสภา ในฐานะสส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล เวลา 10.24 น. ทันทีที่ลงจากรถแฟนคลับซึ่งมาจากจ.เพชรบูรณ์ โดยออกเดินทางตั้งแต่เที่ยงคืนวานนี้(24 ม.ค.) เพื่อมารอต้อนรับนายพิธา โดยบอกว่า “ขอให้พิธาสู้ๆ รักคุณพิธา เป็นกำลังใจให้” ขณะเดียวกันสส.พรรคก้าวไกลมารอต้อนรับ พร้อมกล่าวว่า “Come back ยินดีต้อนรับกลับบ้าน” ซึ่งนายพิธาเข้าไปสวมกอดเพื่อนสส.พรรคก้าวไกล บรรยากาศเป็นไปอย่างอบอุ่น

นายพิธา กล่าวว่า ดีใจที่ได้กลับมาเห็นบรรยากาศที่อาคารรัฐสภาอีกครั้ง  รู้สึก คิดถึงรัฐสภาเป็นที่รวมตัวของสังคมประชาชน เวลาหกเดือนที่หยุดปฏิบัติหน้าที่ เสียดายโอกาสที่จะได้เลือกนายกรัฐมนตรีครั้งที่ 2 แต่เราสามารถบริหารจัดการสถานการณ์ได้ ถือว่าเป็นโอกาสที่ดีที่ได้พบปะประชาชน ได้ทำงานกับเพื่อนสส.ที่ทำงานอยู่ในพื้นที่ ได้ลงพื้นที่ที่จังหวัดสมุทรปราการ ภูเก็ต เห็นปัญหาขยะล้นเมืองของทั้ง 2 จังหวัด ซึ่งจะใช้ข้อมูลที่ได้จากการประชุมร่วมกับผู้นำท้องถิ่นมาอภิปรายในที่ประชุมสภาฯ นัดพิเศษพรุ่งนี้ (26 ม.ค.) โดยจะใช้เวลา 7 นาทีอภิปรายให้ประชาชนรับทราบ พร้อมทั้งแถลงเป้าหมายของพรรคก้าวไกลในปีนี้ ให้ประชาชนมีส่วนร่วม และให้สมาชิกมีส่วนร่วมการทำงานของพรรคก้าวไกล


ส่วนข้อครหาที่เกิดขึ้นกับพรรคก้าวไกลตลอด ช่วงเวลาหยุดปฏิบัติหน้าที่ นาย กล่าวว่า เสียใจและขอโทษประชาชน แต่ในช่วงที่เกิดสถานการณ์ ตนไม่ได้หายไปไหน และไม่ก้าวก่ายการทำหน้าที่ของนายชัยธวัชที่เป็นหัวหน้าพรรค ในฐานะที่เป็นที่ปรึกษาคอยให้คำปรึกษามาโดยตลอด  ไม่ว่าจะเป็นมุมการป้องกันสถานการณ์เหล่านี้เกิดขึ้นอีก หรือการรักษาเมื่อเหตุเกิดขึ้นแล้วต้องตอบสนองให้เร็ว ให้ไว

“ต้องเรียนรู้จากความผิดพลาดและปรับปรุง ไม่แก้ตัว ยอมรับว่าเราจะต้องพัฒนากันอีกเยอะ ประชาชนคงจะสัมผัสได้กับพัฒนาการเป็นสถาบันของพรรคก้าวไกล ยืนยันไม่ฟ้องกลับนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ เนื่องจากเป็นอดีตที่ผ่านมาแล้ว ต้องอยู่กับปัจจุบัน ใช้สมาธิ ทรัพยากรและเวลาให้เต็มที่กับอนาคตที่จะถึงนี้” นายพิธา กล่าว

ส่วนจะมีโอกาสกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคและผู้นำฝ่ายค้านหรือไม่ นายพิธากล่าวว่า ต้องแยกเป็น 2 ส่วน ส่วนหนึ่งคือตามกระบวนการที่จะประชุมวิสามัญในเดือนเมษายนนี้เพื่อคัดเลือกกรรมการบริหารพรรค หรือการนำเสนอในที่ประชุม ส่วนที่สองตนไม่ยึดติดกับตำแหน่ง นายชัยธวัชทำหน้าที่ได้ดี ทำงานอย่างแหลมคม เป็นตัวของตัวเอง แต่ขึ้นอยู่กับสมาชิก ตนและนายชัยธวัชไม่มีใครยึดติดกับตำแหน่ง ขณะนี้ไม่มีเหตุจำเป็นที่ต้องประชุมใหญ่วิสามัญพรรค เดือนเมษายนจึงเป็นเวลาที่เหมาะสมหลังกรรมการบริหารพรรค ปฎิบัติหน้าที่ครบ 4 ปีตามวาระ ขอยืนยันว่าการประชุมพรรค ไม่เกี่ยวข้องกับคดีความส่วนตัวของตน


“ส่วนการขอเปิดอภิปายไม่ไว้วางใจรัฐบาลจะยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง จะไม่ค้านทุกเรื่อง จะค้านเฉพาะสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่ชอบมาพากล เพื่อแนะนำทางเลือกให้รัฐบาลกระตุ้นเศรษฐกิจที่ซบเซา กระตุ้นการสร้างเศรษฐกิจชายแดนภาคใต้ ไม่ให้กระทบสิ่งแวดล้อมหรือภูมิรัฐศาสตร์ และยังมีวาระร่วมเพื่อประชาชนอีกมากมาย โดยไม่จำเป็นต้องคำนึงว่ามาจากพรรคการเมืองไหน หากเป็นวาระดี เช่น สมรสเท่าเทียม พ.ร.บ. อากาศสะอาด สุราก้าวหน้า แม้เเต่การทำประชามติที่ทั้งเห็นด้วยและมีข้อกังวล ทำการเมืองแบบสร้างสรรค์ มีประชาชนเป็นที่ตั้ง” นายพิธา กล่าว

 นายพิธา กล่าวว่า ระหว่างหยุดปฎิบัติหน้าที่ โครงการที่เป็นเรือธงของรัฐบาลซึ่งต้องจับตาอยู่ 3 โครงการคือ โครงการเงินดิจิทัลวอลเล็ต โครงการแลนด์บริดจ์ และโครงการซอฟท์พาวเวอร์ มีหลายเรื่องที่เห็นด้วยและต้องพูดคุยกันเป็นพิเศษ ต้องมองในมุมกว้างและเชิงลึก ต้องดูเป้าหมายให้ชัดและดูว่ามีทางเลือกอะไรบ้าง ทั้งมหภาคและจุลภาค งบประมาณที่ใช้

เมื่อถามว่า โครงการเงินดิจิทัล วอลเล็ต เป็นเป้าหมายหลักของพรรคก้าวไกลในการอภิปรายรัฐบาลหรือไม่ นายพิธา กล่าวว่า มองว่าเศรษฐกิจซบเซาและโตช้ามาเป็นเวลานาน และเห็นในสื่อว่าจะโตช้าในรอบ 10 ปี ต้องยอมรับว่าไม่ได้เป็นความผิดของรัฐบาลในปัจจุบันที่เพิ่งบริหารมาเพียง 6 เดือน แต่เป็นปัญหาการเมืองไทยที่ไม่ได้ปรับโครงสร้างมานับ 10 ปี แต่ในขณะเดียวกันมีความกังวลกระตุ้นเศรษฐกิจระยะสั้นโดยการงบประมาณระยะยาว จนทำให้ไม่มีพื้นที่ทางการคลัง

“การแก้ไขปัญหาระยะยาวเป็นหนทางที่เหมาะสม เพราะฉะนั้นอยากชวนรัฐบาลคิดว่ามีแผน 2 หรือไม่ กรณีนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ไม่ผ่าน การกระตุ้นเศรษฐกิจ ไม่จำเป็นต้องเป็นการแจกเงินจากบนลงล่างเท่านั้น การกระตุ้นเศรษฐกิจจากล่างขึ้นบน ก็สามารถช่วย ช่วยเป็นพลังเศรษฐกิจได้ที่ดีเช่นกัน และประหยัดงบประมาณโดยที่ไม่ต้องกู้สร้างภาระทางการคลังเพิ่มขึ้น” นายพิธา กล่าว

นายพิธา ปฏิเสธที่จะบอกประเด็นที่จะอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล แต่ขณะนี้มีข้อมูลผ่านช่องทางต่าง ๆ เข้ามาเรื่อย ๆ แต่จะเน้นเรื่องการประพฤติมิชอบการทุจริตคอรัปชั่น ความล้มเหลวในการใช้งบประมาณ และจัดเตรียมข้อมูลไปเรื่อยเรื่อยและขอดูจังหวะที่เหมาะสม “ว่าจะใช้บาซูก้าหรือจะใช้เเค่แนวรบ” เพื่อผลประโยชน์ของประเทศชาติและภาษีของประชาชน

“ถึงเวลาที่ต้องทำการเมือง แบบที่มีสาระเป็นหลัก สีสันเป็นรอง การใช้วาทกรรมแบบฉาบฉวย เน้นทำงานเชิงลึก แต่ต้องทำให้คนธรรมดาเข้าใจสาระ ซึ่งเป็นศิลปะของผู้แทนราษฎร ที่ทำเรื่องยาก ๆ เข้าใจง่าย ศิลปะย่อมสำคัญกว่าวาทกรรม การเข้ามาครั้งนี้ ไม่มีออก จะออกก็คงออกไปทำเนียบฯ เลย ถ้าจะออกก็คงออกไปทำเนียบฯ อย่างเดียว.-313.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ทอ.ส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตีสกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา

26 ก.ค.- กองทัพอากาศส่ง F-16 และ กริพเพน โจมตียุทธบริเวณ “ภูมะเขือ” สกัดอาวุธวิถีโค้งกัมพูชา อีกจุดปราสาทตาเมือนธม ผลปฏิบัติลุล่วงกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย เมื่อวันที่ 26 ก.ค.68 กองทัพอากาศ ส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 จำนวน 2 ลำ และเครื่องบินกริพเพน จำนวน 2 ลำ ออกปฏิบัติการโจมตี พื้นที่ยุทธบริเวณเป้าหมายทหาร ของทางทหารกัมพูชาบริเวณภูมะเขือ หลังทหารกัมพูชาเตรียมใช้อาวุธวิธีโค้งยิงใส่ฝ่ายไทยหวังยึดภูมะเขือ ส่วนอีกจุดบริเวณปราสาทตาเหมือนธม โดยเป็นจุดที่ทางทหารกัมพูชาได้ตั้งปืนใหญ่และกำลังพลยิงข้ามมายังฝั่งประเทศไทยโดยไร้ทิศทาง ทั้งนี้ผลการปฏิบัติการ ทำลายเป้าหมายได้ทั้งสองจุด ลุล่วงไปด้วยดี และได้บินกลับฐานปฏิบัติด้วยความปลอดภัย ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การขึ้นบินกริพเพนของกองทัพ ในภารกิจสู้รบตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ครั้งนี้ ถือเป็น ‘ประวัติศาสตร์’ ของเครื่องบินขับไล่กริพเพนที่มีประจำการในหลายประเทศ ที่ใช้ในภารกิจสู้รบ-ใช้อาวุธจริงครั้งแรก ที่ผ่านมา กริพเพน ถูกใช้เพียงภารกิจบินรักษาอาณาเขต เช่น บริเวณทะเลบอลติกในทวีปยุโรป ในฐานะสมาชิก ‘นาโต้’ ผ่านเหตุการณ์สู้รบ ‘ยูเครน-รัสเซีย’ และภารกิจเฝ้าตรวจ-คุ้มกันน่านฟ้า ประเทศลิเบีย ที่กองทัพอากาศสวีเดนเข้าร่วมภารกิจ -สำนักข่าวไทย

“แพทองธาร” ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% ไม่พอใจเข้มปราบแก๊งคอลฯ

กระทรวงวัฒนธรรม 26 ก.ค.- “แพทองธาร” เปิดใจ ขอคนไทยรักกัน หันไปทะเลาะกับคนนอกประเทศก่อน ชี้ขัดแย้งกันเองยังรอได้ แฉกัมพูชาไม่พอใจไทยร่วมมือลาว – เมียนมา ปราบคอลเซ็นเตอร์ เผยสื่อนอกยังตั้งข้อสังเกต “กพช.” สั่งปิด รร.ยิงวันแรก เหมือนรู้ล่วงหน้าจะมีการรบ ย้ำชัดเขมรเริ่มก่อน 100% นางสาวแพทองธาร ชินวัตร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ให้สัมภาษณ์ภายหลังประชุมติดตามมาตรการการรับมือ และช่วยช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ และผู้เสียชีวิตในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ 4 จังหวัด ที่กระทรวงวัฒนธรรม โดยนางสาวแพทองธารได้ยืนยันแถลงการณ์ของรัฐบาล ตามที่นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี ได้แถลงไปเมื่อวานนี้ ที่ระบุว่ากัมพูชาถือว่าเป็นอาชญากรรมสงครามขั้นรุนแรง วิธีการต่าง ๆ ขัดต่อหลักสันติวิธีของกฎหมายระหว่างประเทศ และขัดหลักมนุษยธรรมที่ได้ปฏิบัติมาตลอด สถานการณ์ความรุนแรง เป็นสิ่งที่รัฐบาลได้ย้ำตลอดว่าไม่อยากให้เกิดขึ้น สิ่งสำคัญที่สุด คือชีวิตของประชาชน เป็นสิ่งที่เรายึดถือ และพยายามไม่ให้เกิดการเสียเลือดเสียเนื้อ จนฝ่ายกัมพูชาได้ยิงก่อน ตั้งแต่วันที่ 24 กรกฎาคมที่ผ่านมา นางสาวแพทองธารยังกล่าวว่า มีสำนักข่าวต่างประเทศตั้งข้อสังเกตว่า จริงๆ แล้วเรามีหลักฐาน มีดิจิทัลฟุตปริ้นท์ที่สามารถทำให้เห็นว่าใครเป็นคนเริ่มก่อน และมีการตั้งข้อสังเกตว่าในวันนั้นนักเรียนของเราที่อยู่ชายแดนไปโรงเรียนตามปกติ […]

“เสธ.เบิร์ด” ชี้เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” ถือเป็นภัยคุกคาม

26 ก.ค.- “เสธ.เบิร์ด” ชี้ เขมรขู่ขยับ “ขีปนาวุธ PHL-03” วิถีไกล 130 กม. ถือเป็นภัยคุกคาม มองไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากกรณีกองทัพภาคที่ 2 เตือนเฝ้าระวังกัมพูชายิงขีปนาวุธ PHL-03 วิถีไกล 130 กม. เพื่อพุ่งเป้าหมายพื้นที่ยุทธศาสตร์และที่ตั้งทหารนั้น ล่าสุด พล.ต.วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวว่า การขยับขีปนาวุธ PHL-03 เป็นการขู่ และถือเป็นภัยคุกคาม ดังนั้นถ้าไทยใช้การทำลายทางลึกถือว่าเหมาะสม จากการที่กัมพูชากล่าวหาว่า ไทยใช้ปฏิบัติการทางอากาศเกินกว่าเหตุนั้น เราไม่ทำเกินกว่าเหตุ แต่สิ่งที่เราทำนี้เป็นเหตุผล เพราะฝ่ายกัมพูชา เคลื่อนกำลังจำนวนมากมาประชิดชายแดน ใช้อาวุธยิงระยะไกลทำร้ายประชาชนของไทย ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน สถานีบริการน้ำมัน ทำให้ประชาชนชาวไทยบาดเจ็บ และเสียชีวิต จากการมีภาพข่าวการเคลื่อนอาวุธยิงระยะไกล ถือว่าเป็นการข่มขู่คุกคามความมั่นคงของไทยอย่างชัดเจน ดังนั้นการปฏิบัติการทางอากาศ เพื่อลดการสูญเสีย สถานการณ์คลี่คลายโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้การปฏิบัติการทางอากาศของไทยทำลายเป้าหมายทางทหารเท่านั้น และมีความแม่นยำ -สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านลดต่อเนื่อง ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย

น่าน 26 ก.ค.- สถานการณ์น้ำท่วมตัวเมืองน่าน ลดลงต่อเนื่อง ส่วนอีกหลายจุดยังอ่วม ท่วมสูงกว่า 1 เมตร ชาวบ้านเริ่มสำรวจความเสียหาย ย่านการค้าและเศรษฐกิจสำคัญของเมืองน่าน บริเวณถนนสุมณเทวราช ซึ่งเคยน้ำท่วมสูงเกือบถึงคอ แต่ตอนนี้น้ำลดลงเหลือประมาณหน้าขา เท่ากับลดไปราว 1 เมตร แต่บริเวณโดยรอบยังมีน้ำท่วมเต็มพื้นที่ โดยเฉพาะที่ลุ่มต่ำ ยังท่วมสูงกว่า 1 เมตร ทีมข่าวได้เข้าไปสำรวจความเสียหายของโรงแรงแห่งหนึ่งกลางเมืองน่าน ซึ่งสภาพภายในเต็มไปด้วยคราบโคลน รถยนต์ รถมอเตอร์ไซค์ ที่จอดไว้เสียหายจำนวนมาก ขณะที่เจ้าของร้านค้าย่านนี้ เริ่มสำรวจความเสียหายจากน้ำท่วม อีกจุดหนึ่งที่ได้รับความเสียหายอย่างหนักคือที่โรงพยาบาลน่านที่ถูกน้ำท่วมสูงเต็มพื้นที่ 40 ไร่ บางจุดท่วมเกือบมิดหัว ตอนนี้น้ำลดแล้ว แต่ตามอาคารต่างๆ น้ำทะลักท่วมยาเวชภัณฑ์และอุปกรณ์การแพทย์ได้รับความเสียหาย แต่ผู้ป่วยใน ราว 3 ร้อยคน ยังปลอดภัย คุณหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่เร่งช่วยกันเก็บกวาดทำความสะอาด เพื่อให้โรงพยาบาลกลับมาเปิดบริการตามปกติให้เร็วที่สุด ช่วงสายที่ผ่านมา นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ลงพื้นที่สำรวจความเสียหายใจกลางเขตเศรษฐกิจเมืองน่านด้วย -สำนักข่าวไทย