“จุลพันธ์” หวังเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เข้าสภาฯ ก่อนปิดสมัยประชุม

ทำเนียบ 27 มี.ค.-“จุลพันธ์” หวังร่าง กม.เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ เข้าสภาฯ วาระแรกก่อนปิดสมัยประชุมนี้ ยอมรับวงเงิน 50 ล้านบาท ให้คนไทยเข้าเล่นกาสิโนสูงไป บอกถกต่อในสภาฯ ชี้เป็นกลไกดึงคนเล่นพนันผิดกฎหมายเข้าระบบ

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แถลงภายหลัง ครม. เห็นชอบร่าง พ.ร.บ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร พ.ศ. …. ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาเสนอ ว่า เนื้อหาในร่างเป็นไปตามที่กฤษฎีกาได้มีการแก้ไข ซึ่งกระทรวงการคลัง กระทรวงมหาดไทย เป็นหน่วยงานหลักที่เกี่ยวเนื่องกับเรื่องนี้ ก็ไม่ขัดข้องและเห็นชอบเข้าสู่การพิจารณาของคณะรัฐมนตรีตามร่างที่มีการแก้ไขจากกฤษฎีกา และมีการทำประชาพิจารณ์ ตั้งแต่ 1-15 มีนาคม และไปส่งที่คณะรัฐมนตรีสัปดาห์ที่แล้ว มีการเวียนความเห็นเข้าสู่การพิจารณาให้ความเห็นชอบวันนี้ ขั้นตอนต่อไปจะส่งเป็นเรื่องด่วนเข้าไปที่สภาผู้แทนราษฎร เพื่อให้บรรจุวาระและพิจารณารับหลักการในวาระแรก เพื่อตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณาต่อไป


ทั้งนี้ ตัว พ.ร.บ.นี้ มีการปรับแก้ไขที่มีประโยชน์หลายอย่าง โดยเฉพาะการกำกับควบคุม การกำหนดโทษโดยเฉพาะการพนัน ก็เหมือนที่นายกฯ บอกว่าเรื่องนี้เป็นประโยชน์มหาศาลกับประเทศ เม็ดเงินที่จะได้รับการลงทุนต่อจุดไม่ต่ำกว่า 1 แสนล้านบาท และเงินที่รัฐจะได้รับในรูปแบบของภาษีและค่าธรรมเนียมต่างๆ เม็ดเงินที่ประชาชนจะได้รับจากผลทางเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ทั้งการจ้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจอื่นๆ เช่น โรงแรม การท่องเที่ยว ซึ่งมีมูลค่ามหาศาล ที่สำคัญไม่ใช่เรื่องของกาสิโน แต่เป็นการสร้างสถานบันเทิงครบวงจร เป็น man made tourist destination, ที่มีขนาดใหญ่ และเป็นโมเดลทางธุรกิจที่ต่างประเทศ เริ่มทำอยู่และให้การยอมรับทั้งดูไบ ญี่ปุ่น วันนี้มองประเทศไทยในอนาคตและว่าฝันได้เลยว่า เราจะมีสถานที่ท่องเที่ยวเป็นระดับโลกเพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นร้านอาหารระดับโลก สวนสนุกขนาดใหญ่ระดับเดียวกับดิสนีย์ หรือยูนิเวอร์แซล เราจะเห็นลักษณะกีฬาอินดอร์สเตเดียมขนาดใหญ่ ซึ่งนายกฯ ได้บอกว่าก่อนหน้าเราพยายามจะเอา Taylor Swift มา แต่สุดท้ายเราไม่มีพื้นที่จัดงานอินดอร์ในระดับ 40,000 ถึง 50,000 คน และเราเคยจัดกีฬา มีฟุตบอลมาจากอังกฤษพรีเมียร์ลีก สุดท้ายไม่ได้แข่ง เพราะเราจัดในสนามเปิดและมีฝนตก ก็ไม่ได้ทำการแข่ง เสียหายต่อธุรกิจและความกลัวของภาคธุรกิจ ปีนี้พยายามดึงดึง เลดี้ กาก้า แต่สุดท้ายก็โจทย์เดิมคือทำไม่ได้ จึงมองว่าการลงทุนในลักษณะแบบนี้ ถ้าเอกชนเป็นคนลงทุน โดยที่มาลงทุนแบบเอนเตอร์เทนเมนคอมเพล็กซ์ เราจะมีจุดเด่นใหม่ๆในการสร้างกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การค้าขาย โอท็อป ซึ่งกำหนดมาในกฎหมาย ทั้งการทำกิจกรรมอื่นๆอีกมากมาย มันจะสร้างเม็ดเงินให้ประชาชน นี่คือจุดเปลี่ยนของประเทศไทย จึงมี พ.ร.บ.เอนเตอร์เทนเม้นท์คอมเพล็กซ์ หน้าที่ต่อไปก็เป็นเรื่องของสภาผู้แทนราษฎร และวุฒิสภา ซึ่งหากมีความเห็นหรือแก้ไขอย่างไร ก็คงจะแก้ไขในทางบวกและเป็นประโยชน์กับการที่เราจะมีกฎหมายฉบับนี้เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศ โดยเฉพาะภาคการท่องเที่ยวต่อไปในอนาคต

เมื่อถามว่า วาระแรกจะเข้าทันสมัยประชุมนี้หรือไม่ นายจุลพันธ์ บอกว่า เหลือ 2 สัปดาห์ที่มีการปนะชุมสภาฯ คือวันที่ 2-3 เมษายน และ 9-10 เมษา เรื่องนี้เป็นเรื่องเร่งด่วนที่ทางรัฐบาลอยากผลักดัน ให้สิ่งเหล่านี้เกิดขึ้นได้จริง ไม่อยากทำแล้วไปคาราคาซัง หรือหมดสมัยของรัฐบาลแล้วก็ยังพิจารณาไม่เสร็จ สุดท้ายความฝันความหวังที่จะสร้างจุดเปลี่ยนทางเศรษฐกิจ มันก็ไม่เกิดขึ้นจริง เพราะฉะนั้นเราต้องการสร้างความมั่นใจ โดยเฉพาะการลงทุน ซึ่งเรามีคำขอเรื่องการลงทุนจากบีโอไอสูงสุดเป็นประวัติการณ์ วันนี้นักลงทุนต่างชาติมองเข้ามาในเรื่องความมั่นคงของรัฐ ความจริงจังของรัฐ ในการขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ซึ่งเราแสดงให้เห็นจากการที่ผลักดันนโยบายของรัฐบาลได้อย่างต่อเนื่อง


”ดังนั้นเมื่อเราประกาศแล้วก็จะพยายามผลักดันให้เร็วที่สุด เพื่อให้นักลงทุนต่างชาติ ไม่เฉพาะเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ แต่นักลงทุนต่างชาติทุกส่วนจะได้เห็นถึงความจริงจังของรัฐบาล และส่งไปที่สภา โดยได้พูดคุยกับนางมนพร เจริญศรี ซึ่งเป็นวิป ครม. จะไปเจรจากับทางสภาและวิปรัฐาล ว่าจะสามารถเลื่อนระเบียบวาระนี้ให้เข้าทันก่อนปิดสมัยประชุม เพื่อจะได้มีการตั้งกรรมาธิการขึ้นมา และใช้เวลาอีกหลายเดือนในการพิจารณา ก่อนจะส่งเข้ามาพิจารณาวาระ 2 ,3 อีกครั้ง“ นายจุลพันธ์ กล่าว

นานจุลพันธ์ ยืนยันว่ากระทรวงการคลังเป็นคนยกร่าง และส่งให้ ครม. พิจารณา และส่งไปที่กฤษฎีกา ปรับแก้สาระสำคัญหลายจุด ก็ต้องขอบคุณเพราะหลายจุดเป็นประโยชน์ บางจุดอาจยังมีข้อเห็นที่แตกต่างก็เป็นเรื่องปกติ แต่ขั้นตอนนี้เราคงต้องส่งมอบให้สภาฯ ต่อไป สุดท้ายเป็นเรื่องของผู้แทนประชาชนว่าจะเห็นชอบหรือไม่และจะมีการปรับแก้อย่างไร

ส่วนการกำหนดให้คนไทยที่จะเข้าเล่นคาสิโนต้องมีเงินในบัญชีไม่น้อยกว่า 50 ล้านบาทนั้น นายจุลพันธ์ ยอมรับว่า ขณะนี้รายละเอียดอยู่ที่ 50 ล้านบาท แต่ตนเคยพูดไปว่าขัดกับวัตถุประสงค์หนึ่ง ที่เราต้องการแก้ไขในเรื่องเม็ดเงินทางเศรษฐกิจ และแก้ปัญหาการพนันนอกระบบที่กฎหมาย


“หากไปกำหนดเม็ดเงินที่สูงมากถึง 50 ล้านบาท คนไทยที่มีเงินจำนวนนี้ประมาณ 10,000 บัญชี แสดงว่าเรากำลังพยายามผลักคนอีกกว่า 60 ล้านคน ให้กลับไปอยู่ในการพนันที่ผิดกฎหมาย ดังนั้นก็คงต้องไปถกกันในชั้นกรรมาธิการ ส่วนจะมีมติอย่างไรก็ว่ากัน” นายจุลพันธ์ กล่าว

นอกจากนี้ ในการทำประชาพิจารณ์ ก็มีความเห็นหลากหลาย และสอบถามว่าสามารถปรับลดวงเงินได้หรือไม่ แต่ทั้งหมดก็ส่งไปที่สภาผู้แทนราษฎร ให้รับไปพิจารณาต่อ

เมื่อถามว่า รัฐบาลอยากได้วงเงินเท่าไหร่ที่ทำให้คนไทยเล่นกาสิโนได้ นายจุลพันธ์ บอกว่า กฎหมายยังกำหนดอยู่ที่ 5000 บาท แต่ตนไม่มีความเห็น เพราะตรงนี้มันเลยจุดมาแล้ว เป็นสิ่งที่สภาต้องไปพิจารณา

เมื่อถามว่า ข้อกังวลคนไทยจะติดการพนันเพิ่ม นายจุลพันธ์ กล่าวว่า เราเป็นรัฐบาลที่อยู่กับความเป็นจริง คนไทยจำนวนมีการไปเล่นการพนันที่ประเทศเพื่อนบ้าน และบ่อนที่ผิดกฎหมาย ซึ่งตามตรวจจับอยู่เข้มงวด แต่ก็ต้องยอมรับความจริง เพราะฉะนั้นกลไกนี้เป็นการดึงเขากลับมาในระบบ โดยเราสามารถติดตามกำกับช่วยเหลือดูแลคนในกลุ่มนี้ได้ จึงไม่ได้หมายความว่าเรามีหรือไม่มีเอนเตอร์เทนคอมเพล็กซ์แล้ว การพนันผิดกฎหมาย ไม่มีเลย คนไทยจะไม่เล่นเลยก็ไม่ใช่ ส่วนเรื่องการเยียวยา มีกำหนดอยู่ในกฎหมายอยู่แล้ว เพียงแต่ไม่ได้อยู่ในรูปของกองทุน เพราะการทำกองทุนติด พ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง ที่ห้ามมีวัตถุประสงค์ซ้ำซ้อน ก็เป็นอีกเรื่องที่สภาต้องไปพูดคุยกัน ว่าจะปรับแก้ให้ผ่านด่านได้อย่างไร

สำหรับการลงทุน นายจุลพันธ์ ยืนยันว่า ต้องเป็นการประมูลแน่นอน ต้องโปร่งใส และมีผู้ที่สนใจมานำเสนอ ความชัดเจนตรงนี้เมื่อกฎหมายผ่าน จะมีการตั้งสำนักงานขึ้นมาติดตาม กำกับดูแลและมีองค์คณะ 2 ส่วนคือ ฝั่งนโยบาย กับ ฝั่งบริหาร เริ่มต้นก็ต้องทำเรื่องความคุ้มค่าของพื้นที่ ว่าประเทศไทยควรมีกี่จุด จุดไหนควรมีอะไรที่เป็นองค์ประกอบสำคัญ แล้วเราจะไปดำเนินการทีโออาร์ ซี่งผู้ลงทุนก็ต้องไปจับเป็นกลุ่มบริษัทที่มีความเกี่ยวเนื่องกัน เพราะความถนัดไม่เหมือนกัน แล้วนำมาเสนอต่อคณะกรรมการ โดยต้องมีเกณฑ์ที่โปร่งใส เป็นธรรม เพื่อให้ทุกคนนำเสนอได้ และคณะกรรมการก็จะมีการตรวจสอบผู้ถือหุ้นในบริษัทด้วยว่ามีประวัติเป็นทุนสีเทาหรือไม่ ซึ่งต้องดูรอบคอบรัดกุมที่สุด โดยผลคะแนนที่ออกมาจะต้องเป็นวิทยาศาสตร์ที่ตรวจสอบได้

เมื่อถามว่า ใบอนุญาตของเอกชนอยู่ที่ 30 ปี ใช่หรือไม่ และ มองว่ายาวนานหรือไม่ นายจุลพันธ์ บอกว่า เรื่องของใบอนุญาตก็ว่ากันในสภาต่อ แต่ 30 ปีต้องนึกสภาพว่าเขาลงทุนหลักแสนล้าน ก็ต้องมีเวลาเหมาะสม และต้องดูว่าเริ่มนับจากวันไหน ถ้าเริ่มนับจากวันที่ออกใบอนุญาต ก็มีระยะเวลาในการก่อสร้าง การลงทุน แต่ถ้านับจากวันที่ก่อสร้างเสร็จ อันนี้ก็เป็นอีกเรื่องก็ต้องไปแก้กัน ซึ่ง 30 ปี มาตรฐานในตลาดโลกก็ไม่ได้แตกต่าง และมีระยะเวลาของการทบทวนก็คือสำนักงานที่กำกับ ก็ต้องไปตรวจดูตลอดว่ากิจกรรมที่เขาทำเป็นไปตามที่กรอบกฎหมายกำหนดหรือไม่ ผลประโยชน์ที่ได้มาสมน้ำสมเนื้อหรือไม่ สร้างประโยชน์ให้กับประเทศหรือไม่ หากไม่เข้าเกณฑ์ หรือไม่เข้า KPI การทบทวนเกิดขึ้นในช่วง 5 ปีอยู่แล้ว ตรงนี้มีกลไกกำกับดูแลให้เขาปรับเปลี่ยนเพื่อกระตุ้นให้เกิดเม็ดเงินตามที่รัฐคาดหวัง เราไม่ปล่อยให้ทำระยะยาวแล้วไม่เจอหน้ากันอยู่แล้ว.-315.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ชูความสำเร็จทีมไทยแลนด์ ปิดดีลภาษีสหรัฐที่ 19%

ทำเนียบ 1 ส.ค.-โฆษกรัฐบาล เผย ปิดดีลภาษีนำเข้าสหรัฐสำเร็จที่ 19% เกาะกลุ่มระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค ชู เป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลไทยสามารถเจรจาและบรรลุข้อตกลงเกี่ยวกับอัตราภาษีนำเข้าต่างตอบแทน (Reciprocal Tariffs) กับสหรัฐอเมริกาได้สำเร็จ โดยขณะนี้ รัฐบาลสหรัฐได้ประกาศแล้วว่าจะเรียกเก็บอัตราภาษีนำเข้าฯ จากสินค้าของไทยในอัตรา 19 % ซึ่งข้อตกลงดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันนี้วันที่ 1 สิงหาคม 2568 เป็นต้นไป นายจิรายุ กล่าวว่า อัตราภาษีดังกล่าวที่ ต่ำกว่า อัตราเดิม 36 % และเกาะอยู่อยู่ในระดับใกล้เคียงกับประเทศในภูมิภาค อาทิ เวียดนาม ฟิลิปปินส์ และญี่ปุ่น สามารถรักษาการแข่งขันได้ เมื่อเทียบกับประเทศอื่นในภูมิภาคอาเซียน ซึ่งได้เจรจากับสหรัฐสำเร็จแล้วก่อนหน้านี้ “การปิดดีลครั้งนี้ของรัฐบาลไทย ในระดับภาษีนำเข้าฯ ไว้ที่ 19% ถือเป็นอีกหนึ่งความสำเร็จสำคัญของทีมไทยแลนด์ ในแนวทาง Win-Win เพื่อรักษาฐานการส่งออกและเสถียรภาพทางเศรษฐกิจของประเทศในระยะยาว ย้ำถึงศักยภาพของประเทศไทยในเวทีการค้าโลก ท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงในนโยบายการค้าระหว่างประเทศ” นายจิรายุกล่าว […]

รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราว

อุบลราชธานี 31 ก.ค. – โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี ออกหนังสือขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ เมื่อวานนี้ (30 ก.ค.) พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่เยี่ยมให้กำลังใจผู้ได้รับบาดเจ็บจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมทั้งให้กำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติ งานด้านการแพทย์และพยาบาล ณ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จังหวัดอุบลราชธานี นายแพทย์ มนต์ชัย วิวัฒนาสิทธิพงศ์ ผู้อำนวยการโรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ พร้อมด้วยคณะผู้บริหาร ให้การต้อนรับและรายงานความคืบหน้าการดูแลรักษาผู้ได้รับบาดเจ็บ รวมถึงการเตรียมความพร้อมด้านการรักษาพยาบาลรองรับสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่ชายแดน รพ.สรรพสิทธิประสงค์ แจ้งยกเลิกรับผู้ป่วยกัมพูชาชั่วคราวขณะที่ในวันเดียวกัน โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ ได้ออกเอกสารขอยกเลิกการให้บริการผู้ป่วยชาวกัมพูชา และยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา ใจความในหนังสือว่า “โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ได้ให้การตรวจรักษาพยาบาลแก่ผู้ป่วยทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ รวมถึงผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่เดินทางเข้ามารักษาอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งส่งผลต่อความมั่นคงของประเทศ และจากมติที่ประชุมคณะกรรมการคลินิกพิเศษนอกเวลาราชการ โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ มีมติดังนี้ 1.ยกเลิกการปฏิบัติงานชั่วคราวของผู้ช่วยสื่อสารภาษากัมพูชา และจิตอาสาภาษาต่างประเทศ2.ปิดการให้บริการ SMC Premium ชั่วคราว3.ยกเลิกการรับยาแทน และงดรับเคสใหม่ผู้ป่วยชาวกัมพูชา4.ผู้ป่วยชาวกัมพูชาที่ยังนอนอยู่ในโรงพยาบาลให้จำกัดพื้นที่ชัดเจน ในการนี้ให้มีผลตั้งแต่วันที่ 31 กรกฎาคม 2568 ถึงวันที่ 10 […]

รมช.มท. โฟนอินผู้ว่าฯ อุบลฯ ตอบกลางสภา ยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ

รัฐสภา 31 ก.ค.-สส.ศรีสะเกษ ภูมิใจไทย ทวงถามเงินช่วยเหลือเยียวยาจังหวัดชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้ตั้งแต่วันแรกยังไม่ได้เงินรัฐบาลสักบาท ซัด “ผู้ว่าฯ อุบล” อ้างกลัวติดคุกไม่กล้าเบิกงบ ด้าน รมช.มหาดไทย ต่อสายโฟนอิน ผู้ว่าฯ ตอบกลางสภา ยืนยันไม่มีปัญหาเบิกจ่ายงบ ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ทำหน้าที่ประธานการประชุม พิจารณากระทู้ถามสดด้วยวาจา โดยนายธนา กิจไพบูลย์ชัย สส.ศรีสะเกษ พรรคภูมิใจไทย สอบถามกรณีเหตุปะทะชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งนายกรัฐมนตรี มอบหมาย นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย เป็นผู้ตอบกระทู้ แต่เนื่องจากนายภูมิธรรม ติดภารกิจจึงมอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย ชี้แจงแทน นายธนา กล่าวว่า จากเหตุปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ส่งผลกระทบต่อประชาชนในพื้นที่ 4 จังหวัดชายแดน ทั้งศรีสะเกษ สุรินทร์ บุรีรัมย์ และอุบลราชธานี ตั้งแต่เกิดเหตุจนถึงขณะนี้ ยังไม่มีงบประมาณจากส่วนกลางลงพื้นที่แม้แต่บาทเดียว ทุกวันนี้เราอาศัยเงินบริจาคเป็นหลัก และนำงบขององค์การปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) […]

ทูตไทยตอบโต้กัมพูชา หลังยกกรณีปัญหาชายแดนที่ยูเอ็น

นิวยอร์ก 31 ก.ค. – เอกอัครราชทูตผู้แทนถาวรไทยประจำองค์การสหประชาชาติ โต้ผู้แทนกัมพูชา ซึ่งหยิบประเด็นชายแดนไทย-กัมพูชา ขึ้นพูดผิดกาลเทศะ ผิดวาระ ในที่ประชุมสหประชาชาติ วาระสำคัญของการประชุมระดับสูงระหว่างประเทศในเวทีสหประชาชาติ ที่นครนิวยอร์ก ประเทศสหรัฐ เมื่อวานนี้ คือการผลักดันเพื่อระงับข้อพิพาทปัญหาปาเลสไตน์โดยสันติวิธี แต่ปรากฏว่านาย เจีย แก้ว เอกอัครราชทูตกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กลับพูดในประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องกับวาระการประชุม โดยพาดพิงถึงไทยเกี่ยวกับสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์ เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ จึงกล่าวตอบโต้โดยชี้แจงข้อมูลความจริงในประเด็นที่กัมพูชาละเมิดข้อตกลงหยุดยิง โดยระบุว่า เป็นที่น่าเสียดายที่มีคณะผู้แทนหยิบยกประเด็นที่ไม่เกี่ยวข้องขึ้นมาในที่ประชุม ซึ่งเป็นเวทีที่หลายฝ่ายรอคอย และมีวัตถุประสงค์เพื่อส่งเสริมการสนับสนุนจากประชาคมระหว่างประเทศต่อการแก้ไขปัญหาความขัดแย้งระหว่างอิสราเอลและปาเลสไตน์อย่างเป็นธรรม ถาวร และครอบคลุม ผ่านแนวทางสันติวิธีโดยการดำเนินการตามแนวทางสองรัฐ นายเชิดชาย กล่าวในที่ประชุมว่า ประเทศไทยไม่ได้มีเจตนาจะนำเรื่องทวิภาคีเข้าสู่เวทีสำคัญดังกล่าว แต่ต้องขอชี้แจงข้อเท็จจริงเพื่อป้องกันความเข้าใจผิด โดยย้ำว่าเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม 2568 ไทยและกัมพูชา ได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิง โดยได้รับความร่วมมือเป็นอย่างดีจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ในฐานะประธานอาเซียน แต่หลังจากที่ข้อตกลงหยุดยิงมีผลบังคับใช้ในวันที่ 29 กรกฎาคม อีกฝ่ายกลับใช้อาวุธข้ามพรมแดน และบุกรุกเข้ามาในดินแดนของไทยอีกครั้ง ซึ่งถือเป็นการละเมิดข้อตกลงอย่างร้ายแรง ประเทศไทยจึงขอเรียกร้องให้ประเทศเพื่อนบ้านปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด และยืนยันความมุ่งมั่นของไทยที่จะใช้กลไกทวิภาคีที่มีอยู่ในการแก้ไขปัญหา หลีกเลี่ยงการเผยแพร่ข้อมูลที่เป็นเท็จหรือทำให้เข้าใจผิด และให้มีส่วนร่วมด้วยเจตนาดี.-810.-813.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

มทภ.2 ยันไม่เคยสั่งกำลังพลไปเก็บศพเขมร อย่าเชื่อข่าวปลอม

5 ส.ค. – แม่ทัพภาคที่ 2 ยืนยันไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชา บริเวณชายแดน ขออย่าหลงเชื่อข่าวปลอม เมื่อวันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า จากกรณีที่สื่อโซเชียลมีเดียได้ลงข้อความอันเป็นเท็จ ที่ทำให้พี่น้องประชาชนเข้าใจผิดว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งให้กำลังพลไปเก็บศพชาวกัมพูชาที่อยู่บริเวณชายแดนนั้น ตนยืนยันว่าไม่เป็นความจริง และไม่เคยมีคำสั่งให้กำลังพลไปปฏิบัติอย่างนั้น ผู้เสียชีวิตนั้นเป็นชาวกัมพูชา ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับทางประเทศไทย “ผมไม่เคยมีคำสั่งแบบนี้ และขอยืนยันว่า ข่าวที่ออกมานั้นเป็นข่าวปลอม ขอให้พี่น้องประชาชนอย่าได้หลงเชื่อ“ แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าว.-313-สำนักข่าวไทย

ทหารไทยยอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง

ศรีสะเกษ 5 ส.ค. – วันนี้ยังมีการเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงเข้ามาในพื้นที่พลเรือนฝั่งไทย ส่วนเมื่อคืนนี้ (4 ส.ค.) เป็นคืนแรกของการประชุม GBC ชุด ชรบ.หมู่บ้านแนวชายแดน อ.กันทรลักษ์ จึงออกตรวจตราเข้มข้น ขณะที่ทหารแนวหน้ายอมรับได้กลิ่นศพทหารกัมพูชาจริง ทีมข่าวมีโอกาสได้พูดคุยกับทหารที่ปฏิบัติหน้าที่ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา สอบถามถึงเรื่องที่กำลังเป็นประเด็น คือกลิ่นศพของทหารกัมพูชา ทหารยอมรับว่ามีกลิ่นจริง และมีศพทหารกัมพูชาถูกทิ้งไว้จริง แต่ไม่สามารถทำอะไรได้ เพราะอยู่ในระหว่างการปฏิบัติหน้าที่ หากมีหน้ากากอนามัยเชื่อว่าจะช่วยบรรเทาได้บ้าง อย่างไรก็ตาม ขณะนี้มีหน้ากาก N95 ส่งถึงพื้นที่บ้างแล้ว พร้อมขอบคุณพี่น้องประชาชนที่ส่งกำลังใจ ทหารยังพร้อมปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มกำลังความสามารถ วันนี้ทีมข่าวยังเกาะติดภารกิจเก็บกู้ระเบิดที่กัมพูชายิงใส่พื้นที่พลเรือนของไทยใน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ จุดแรก จรวด BM-21 ถูกกัมพูชายิงตกใส่ลงทุ่งนาของชาวบ้าน พื้นที่ ต.ทุ่งใหญ่ เมื่อวันที่ 24 กรกฎาคม วันเดียวกับที่ยิงใส่ปั๊ม ปตท.บ้านผือ โดยห่างกันราว 1 กิโลเมตร ส่วนอีกจุดเป็นการทำลายลูกจรวด PG-7 ที่ถูกยิงจากเครื่องยิงจรวด RPG ตกลงในสวนยางพาราของชาวบ้าน ต.เสาธงชัย อ.กันทรลักษ์ ที่ถูกพบในสภาพพร้อมทำงาน จุดนี้อยู่ห่างจากชายแดนกัมพูชาเพียง […]

เปิดศักยภาพ Gripen เขี้ยวเล็บใหม่กองทัพอากาศไทย

5 ส.ค. – เปิดคุณสมบัติโดดเด่นของ “กริพเพน” เครื่องบินรบฝูงใหม่ ซึ่งกองทัพอากาศและประเทศไทยกำลังจะทำสัญญาจัดซื้อจากสวีเดน .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ขึ้นภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท นำร้องเพลงชาติไทย

5 ส.ค.- แม่ทัพภาค 2 ตรวจเยี่ยมภูมะเขือ ย้ำกำลังพลไม่ประมาท ปกป้องอธิปไตย พร้อมร่วมร้องเพลงชาติ เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 5 ส.ค.68 พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ลงพื้นที่หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี พื้นที่ภูมะเขือ อำเภอกันทรลักษ์ จังหวัดศรีสะเกษ โดยได้ทำการเดินลาดตระเวน ตรวจเยี่ยมให้กำลังใจกำลังพลที่วางกำลังฐานปฏิบัติการ ทั้งนี้ มีพระสงฆ์จำนวน 3 รูปจากวัดใกล้เคียง มารอแม่ทัพภาคที่ 2 เพื่อมอบวัตถุมงคลและให้กำลังใจในการปฏิบัติหน้าที่ พร้อมให้พรกำลังพลทุกนาย ให้แคล้วคลาดปลอดภัยจากอันตรายต่างๆ จากนั้นแม่ทัพภาคที่ 2 ได้ฟังบรรยายสรุปสถานการณ์ในพื้นที่ภูมะเขือ โดยเน้นย้ำให้อยู่ในความไม่ประมาท ปฏิบัติหน้าที่รักษาอธิปไตยของชาติ ด้วยความปลอดภัยและให้ดูแลรักษาสุขภาพให้ดี จากนั้น พล.ท.บุญสิน ได้ให้กำลังพลเปลี่ยนธงชาติไทยผืนใหญ่กว่าเดิม นำร้องเพลงชาติบนยอดภูมะเขือร่วมกัน ก่อนเดินทางกลับได้มอบเครื่องอุปโภคบริโภคและถ่ายรูปร่วมกับกำลังพล -สำนักข่าวไทย