ทำเนียบ 5 ม.ค.-นายกฯ มอบสารฟื้นฟูหลักนิติธรรม ยกเป็นวาระแห่งชาติ ย้ำจะเป็นหนึ่งในกลไกสำคัญที่ช่วยขจัดคอร์รัปชันให้หมดไปได้
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง มอบสารการฟื้นฟูหลักนิติธรรม วาระแห่งชาติของไทย ในงานเวทีสาธารณะด้านหลักนิติธรรม (Rule of Law Forum: Investing in the Rule of Law for a Better Future) ที่จัดขึ้นโดยสถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย (องค์การมหาชน) (Thailand Institute of Justice: TIJ) ร่วมกับ The World Justice Project (WJP) ที่สถาบันเพื่อการยุติธรรมแห่งประเทศไทย โดยระบุว่า “สวัสดีปีใหม่ครับ ขอบคุณทุกหน่วยงานที่ร่วมกันจัดงานเวทีสาธารณะด้านหลักนิติธรรมในครั้งนี้ให้เกิดขึ้นได้ เรื่อง นิติธรรมถูกพูดถึงในเวทีโลกของสหประชาชาติว่ามีความสำคัญและควรบรรจุไว้เป็นเป้าหมายหนึ่งของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ด้วย และจะมาช่วยพัฒนาประเทศเราได้ ทุกท่านครับ แม้ระยะเวลา 4 ปีของรัฐบาลอาจไม่ยาวนักเมื่อเทียบกับขนาดของปัญหา แต่ผมมีความตั้งใจอย่างยิ่งที่จะปักหมุดการทำงานและเริ่มทำให้เรื่องนี้มีพัฒนาการเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมชัดเจน และสามารถดำเนินการได้อย่างมั่นคงต่อเนื่องไปในอนาคต”
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้ รัฐบาลได้รับเกียรติจากองค์กรนานาชาติอีกแห่งหนึ่งที่สำคัญนอกเหนือจากสหประชาชาติ คือ The World Justice Project หรือ WJP ซึ่งเป็นหนึ่งในองค์กรร่วมจัดงานในวันนี้ เข้ามาทำให้หลักนิติธรรมสามารถกำหนดประเด็นที่เป็นรูปธรรม จับต้องได้ วัดผลได้ ด้วยการสำรวจค่าคะแนนดัชนีชี้วัดหลักนิติธรรม หรือ Rule of Law Index เป็นประจำทุกปี ซึ่งจะกลายเป็น Feedbacks กลับมาหาหน่วยงานรัฐและหน่วยงานอื่น ๆ เพื่อสะท้อนถึงเสียงของประชาชน และองค์กรชั้นนำอีกมากมาย
“การฟื้นฟูหลักนิติธรรม จะทำให้ประเทศไทยมี Ease of Doing Business ที่ดีขึ้น เป็นการฟื้นฟูความเชื่อมั่นให้กับหมู่นักลงทุนและบริษัทยักษ์ใหญ่ระดับโลก เพราะการลงทุนของเขาจะได้รับการปฏิบัติบนหลักกฎหมายอย่างเป็นธรรม อีกด้านหนึ่ง การมีหลักนิติธรรมจะเป็นหนึ่งในกลไกที่สำคัญที่ช่วยในการขจัดคอรัปชันให้หมดไปได้ ทำให้คนทำผิดไม่สามารถกระทำผิดได้ ในขณะเดียวกันก็สร้างแรงจูงใจให้ข้าราชการ นักการเมือง ประชาชน กล้าที่จะร้องเรียน เป็นการสนับสนุนการป้องกันและปราบปรามการคอรัปชันไปพร้อม ๆ กัน” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า อีกประเด็นหนึ่งที่ช่วยเสริมความโปร่งใสได้ คือการนำเทคโนโลยี การทำ Open Government มาเสริมความโปร่งใสให้กับส่วนราชการ ซึ่งจะให้ความสำคัญต่อการวางโครงสร้างพื้นฐานด้านข้อมูลและการเปิดชุดข้อมูลของหน่วยงานรัฐที่ทำให้เข้าถึงได้แบบ Open data ทำให้ประชาชนทุกคนเข้าถึง วิเคราะห์ และสะท้อนเสียงกลับมา เปรียบเสมือนการเป็นหุ้นส่วนกับภาครัฐในการพัฒนา
“ทุกท่านครับ การทำงานเพื่อพัฒนาหลักนิติธรรมให้มีประสิทธิภาพนั้น เป็นเรื่องที่ยาก ต้องดำเนินการอย่างต่อเนื่อง และต้องใช้เวลา แต่วันนี้ ผมก็ดีใจที่เราได้เริ่มทำ เริ่มจุดประกายให้เกิดขึ้นได้ และผมขอให้เวทีในวันนี้ประสบความสำเร็จ ทำให้ทุกภาคส่วนตระหนักถึงความสำคัญและยินดีเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของการขับเคลื่อนเพื่อฟื้นฟูหลักนิติธรรมของประเทศไทยไปด้วยกันครับ ขอบคุณครับ” นายกรัฐมนตรี กล่าว.-316.-สำนักข่าวไทย