ประกาศแก้หนี้นอกระบบ เป็นวาระแห่งชาติ

ทำเนียบรัฐบาล 28 พ.ย.- นายกฯ ประกาศแก้หนี้นอกระบบ เป็นวาระแห่งชาติ ขจัดการค้าทาสยุคใหม่ จับมือ มท.-คลัง-ตำรวจ แก้หนี้ครบวงจร ยันไม่ใช่ยาปาฏิหาริย์ แต่มั่นใจหากเศรษฐกิจดี ประชาชนไม่กลับเป็นหนี้ซ้ำ


นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วย นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พล.ต.อ. ธนา ชูวงศ์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และ นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง แถลงข่าวการแก้ปัญหาหนี้นอกระบบ เป็นวาระแห่งชาติ ว่า รัฐบาลมองเห็นปัญหาหนี้นอกระบบเป็นปัญหาของประเทศอย่างยาวนาน รัฐบาลเอาจริงกับปัญหายกให้เป็นวาระแห่งชาติ เพื่อฟื้นฟูสภาพความเป็นอยู่และสร้างความมั่นคงให้ประชาชน โดยรัฐบาลได้รับความร่วมมือจากหลายฝ่ายทั้งฝ่ายปกครองและฝ่ายตำรวจ นอกจากการแก้ปัญหาหนี้ครัวเรือน รัฐบาลก็จะแก้ปัญหาเศรษฐกิจ เพื่อสร้างความเข้มแข็งตั้งแต่ระดับครัวเรือนจนถึงเศรษฐกิจมหภาค

ทั้งนี้ ปัญหาหนี้นอกระบบเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาสังคม โดยรัฐบาลประเมินจำนวนหนี้ครัวเรือนในปัจจุบันอยู่ประมาณ 5 หมื่นล้านบาท ซึ่งเชื่อว่าตัวเลขสูงกว่าที่ประเมินกว่านี้ ส่วนเหตุผลที่ต้องให้ความสำคัญกับปัญหาหนี้นอกระบบ เนื่องจากเป็นปัญหาที่กระทบกับคนที่อยู่ในระบบเศรษฐกิจ ซึ่งประชาชนรากฐานของประเทศต้องเผชิญกับปัญหาหนี้สินที่ไม่สามารถใช้หนี้ให้หมดได้ ปิดกั้นความฝันและโอกาสในการเติบโตทางเศรษฐกิจ ตนมองว่า หนี้นอกระบบคือ การค้าทาสรูปแบบใหม่


“ปัญหาหนี้นอกระบบ เป็นปัญหาที่ใหญ่เกินกว่าที่จะไม่มีภาครัฐเข้ามาเป็นตัวกลางแก้ไขปัญหา ทั้งนี้รัฐบาลจึงบูรณาการหลายภาคส่วนทั้งฝ่ายปกครอง ตำรวจ และกระทรวงการคลัง เพื่อไม่ให้ประชาชนกลับไปในวงจรหนี้นอกระบบอีก โดยรัฐบาลจะเป็นตัวกลางในการไกล่เกลี่ยหนี้นอกระบบ ดูแลทั้งเจ้าหนี้และลูกหนี้อย่างเป็นธรรม ตั้งแต่ตนกระบวนการจนปิดหนี้ โดยต้องจัดให้มีการทำสัญญาเงินกู้หนี้ตามกฎหมาย เพื่อให้ลูกหนี้มีโอกาสในการดำเนินชีวิตและพอเพียงกับการเลี้ยงชีพ โดยตนในสั่งการตั้งแต่ช่วงต้นเดือนพ.ย. ให้กระทรวงมหาดไทยและตำรวจไปศึกษาปัญหาหนี้นอกระบบและประสานการทำงานอย่างบูรณาการในการแก้ปัญหา พร้อมจัดทำฐานข้อมูลกลางในการสร้างความโปร่งใส และมีการสื่อสารกับประชาชนอย่างตรงไปตรงมา” นายเศรษฐา กล่าว

นายเศรษฐา กล่าวอีกว่าหลังการไกล่เกลี่ยกับเจ้าหนี้แล้ว รัฐบาลจะช่วยปรับโครงสร้างหนี้ทั้งเงื่อนไขเวลาและกระบวนการ  โดยกระทรวงการคลังจะเข้ามาช่วยในฐานะผู้เชี่ยวชาญทางด้านการเงิน เพื่อให้ประชาชนมีความสามารถในการใช้หนี้และไม่กระทบกับการใช้ชีวิต

“การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบในครั้งนี้ ไม่ใช่ทำให้หนี้นอกระบบไม่เกิดขึ้นอีก แต่ตนมั่นใจว่าด้วยเศรษฐกิจที่ดีขึ้นจะทำให้ประชาชนมีรายได้ดีขึ้น จนไม่ต้องกลับไปกู้หนี้อีกในอนาคต แล้วเพิ่มโอกาสให้ประชาชนรายย่อยมีโอกาสเข้าถึงแหล่งทุนในระบบได้มากขึ้น เพื่อให้โครงการนี้ปลดปล่อยประชาชนออกจากหนี้นอกระบบ ลืมชีวิตที่ลำบาก” นายเศรษฐา กล่าว


นายเศรษฐา กล่าวว่า วันที่ 12 ธ.ค. รัฐบาลจะมีการแถลงเรื่องหนี้ภาพรวมแบบครบวงจร ซึ่งจะครอบคุมทั้งหนี้ในระบบและหนี้นอกระบบ

ด้านนายอนุทิน กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยเปิดระบบลงทะเบียนให้ลูกหนี้ขอรับความช่วยเหลือเพื่อแก้ไขหนี้นอกระบบตั้งแต่ 1 ธ.ค. 66 เป็นต้นไป ควบคู่กับการเปิดให้ลงทะเบียนขอความช่วยเหลือแก้หนี้นอกระบบ ที่ศูนย์อำนวยการแก้ไขหนี้นอกระบบทั่วประเทศ และประชาชนสามารถลงทะเบียนด้วยตนเองที่เว็บไซต์ https://debt.dopa.go.th หากไม่สามารถดำเนินการได้เองทางระบบออนไลน์ดังกล่าว หรือสามารถเดินทางไปลงทะเบียนด้วยตนเอง กรณีอยู่ในพื้นที่อำเภอให้ลงทะเบียน ณ ที่ว่าการอำเภอ และหากอยู่ในกรุงเทพมหานคร ให้ลงทะเบียนที่สำนักงานเขตทุกแห่ง หรือผ่านช่องทางสายด่วนศูนย์ดำรงธรรม 1567 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

นายอนุทิน กล่าวว่า กระทรวงมหาดไทยพิจารณาแล้วเห็นว่า เพื่อให้การแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบเป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีประสิทธิภาพ สามารถแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนหรือลูกหนี้ที่ได้รับผลกระทบจากหนี้นอกระบบ ได้ทันที จึงขอให้จังหวัดดำเนินการ ดังนี้

1.ให้จังหวัดและอำเภอดำเนินการจัดตั้งศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ ให้แล้วเสร็จและให้รายงานกระทรวงมหาดไทยทราบทันที โดยกำหนดให้มีการประชุมคณะกรรมการอำนวยการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบเป็นประจำทุกสัปดาห์หรือทุกเดือนตามที่เห็นสมควร

2.ประชาสัมพันธ์ให้ลูกหนี้นอกระบบที่มีความประสงค์รับการช่วยเหลือหรือให้ทางราชการดำเนินการแก้ไขปัญหา ลงทะเบียนขอรับความช่วยเหลือได้ตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2566 โดยให้ดำเนินการ ดังนี้

2.1 ลูกหนี้นอกระบบลงทะเบียนด้วยตนเอง สามารถลงทะเบียนผ่านคิวอาร์โค้ด (QR Code) ตามที่กระทรวงมหาดไทยประชาสัมพันธ์

2.2 ลูกหนี้นอกระบบที่ไม่สามารถดำเนินการเองตามข้อ 2.1 ได้ ในส่วนภูมิภาคให้ติดต่อ ที่ว่าการอำเภอ ณ ศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ สำหรับกรุงเทพมหานครติดต่อสำนักงานเขตทุกแห่ง หรือผ่านช่องทางสายด่วน 1567 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง

3. เร่งรัดให้ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัด/อำเภอดำเนินการให้ความช่วยเหลือกับลูกหนี้นอกระบบที่ได้แจ้งเรื่องร้องเรียนไว้แล้ว โดยให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาให้กับผู้ร้องให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว

4.แจ้งให้จังหวัด/อำเภอ มอบหมายเจ้าหน้าที่ประจำศูนย์อำนวยการแก้ไขปัญหาหนี้นอกระบบ เพื่อรับลงทะเบียนลูกหนี้นอกระบบและให้คำปรึกษาเรื่องหนี้นอกระบบ เพื่อสามารถแก้ไขปัญหาความเดือดร้อน ของประชาชนได้ทันที

5.ให้รายงานผลการลงทะเบียนของลูกหนี้นอกระบบที่ขอรับความช่วยเหลือให้กระทรวงมหาดไทย (กรมการปกครอง) ทราบ ตามแบบฟอร์มการรายงานผลการลงทะเบียนของลูกหนี้นอกระบบเป็นประจำทุกเดือน

พล.ต.อ.ธนา กล่าวเพิ่มเติมว่า มีการกำหนดแผนปฏิบัติสำรวจข้อมูลในพื้นที่เพื่อค้นหาเป้าหมายและสั่งการให้กองบัญชาการตำรวจนครบาล ตำรวจภูธร 1-9 ทำการตรวจสอบพื้นที่และส่งข้อมูลขึ้นบัญชีผู้ประกอบการหนี้นอกระบบทั้งหมด นำมาจัดกลุ่มในระดับ S M L เพื่อพิจารณาดำเนินการ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีพฤติกรรมความรุนแรงในการทวงหนี้ โดยมีสายด่วน 1599 รับแจ้งเหตุ ซึ่งที่ผ่านมา มีผลการจับกุมผู้กระทำความผิดเกี่ยวกับหนี้นอกระบบตั้งแต่ 1 ตุลาคม 2566 จนถึงปัจจุบันจำนวน 134 ราย ยึดรถและของกลางจำนวน 22 คัน รถจักรยานยนต์จำนวน 19 คัน รวม 8 ล้านบาท มีการจับกุมเครือข่ายหนี้นอกระบบรายใหญ่ อีกหลายกลุ่ม.-317.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดปมสามียิงภรรยาดับคารถ ปัญหาเรื่องเงิน

กทม. 11 มิ.ย. – เปิดปมเหตุสามียิงภรรยาดับคารถ พี่ชายกับเพื่อนรุ่นน้องเผยว่าผู้ก่อเหตุมีปัญหาเรื่องเงิน พบช่วง 4-5 เดือนที่ผ่านมา พฤติกรรมเริ่มเปลี่ยนไป จากกรณีนายมีนาพัฒน์ อายุ 40 ปี ก่อเหตุยิงนางสาวนันทิชา อายุ 36 ปี ภรรยาของตัวเอง แล้วทิ้งศพไว้ในรถ ในซอยเพชรเกษม 67 แยก 8 เขตบางแค และหลังก่อเหตุปิดล็อกประตูเงียบอยู่ในบ้านพัก เจ้าหน้าที่ล้อมจับนาน 4 ชั่วโมง จนยอมมอบตัวเมื่อคืนวานนี้ (10 มิ.ย.) ต่อมาพี่ชายของนายมีนาพัฒน์ มาเยี่ยมผู้ก่อเหตุที่ สน.เพชรเกษม เปิดใจยอมรับว่าสาเหตุส่วนใหญ่มาจากปัญหาเรื่องเงิน เมื่อช่วงเดือนเมษายน น้องสะใภ้ (ผู้ตาย) บอกว่า น้องชายนำบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดกไปเข้าธนาคาร 2 ล้านกว่าบาท ซึ่งผิดจากปกติที่น้องไม่เคยมีปัญหาเรื่องเงินมาก่อน เพราะแม่ยกสมบัติให้เยอะมาก ครั้งสุดท้ายที่คุยกับน้องชายคือเมื่อวานนี้ช่วง 19.30 น. น่าหลังจากก่อเหตุฆ่าภรรยาแล้ว คุยกันประมาณครึ่งชั่วโมงสังเกตได้ว่าน้องชายมีอาการสับสน พูดไม่ค่อยรู้เรื่อง แต่มีบางประโยคที่น้องชายพูดออกมาแล้วรู้สึกหงุดหงิดใจ เรื่องบ้านที่แม่ยกให้เป็นมรดก บอกว่า “บ้านหลังนี้ครอบครัวเราจะต้องได้อยู่” […]

ตำรวจภาค 8 รวบ 3 ราย ขบวนการส่งยาขนมากับรถทัวร์

กระบี่ 11 มิ.ย. – รวบขบวนการค้ายาบ้า ขนมากับรถทัวร์ สายเชียงใหม่-ภูเก็ต 3 แสนเม็ด แวะลงกระบี่ ส่งให้เอเย่นต์สาขาสุราษฎร์ฯ ตำรวจรวบทีเดียวทั้งคนส่งและคนรับ นายอังกูร ศีลาเทวากูล ผู้ว่าราชการจังหวัดกระบี่ พล.ต.ต.พรชัย ขจรกลิ่น รอง ผบช.ภ.8 รักษาการ ผบ.ภ.จ.กระบี่ แถลงผลการจับกุมขบวนการค้ายาเสพติด ได้ผู้ต้องหา 3 คน พร้อมของกลางยาบ้า 300,000 เม็ด ประกอบด้วย นายสัมพันธ์ อายุ 54 ปี นายสุรพล อายุ 30 ปี และนางสาวสุนารี อายุ 27 ปี พร้อมยึดรถเก๋ง 1 คัน และแจ้งข้อกล่าวหาร่วมกันจำหน่ายยาเสพติดให้โทษประเภท 1 (เมทแอมเฟตามีนหรือยาบ้า) โดยการมีไว้เพื่อจำหน่ายโดยกระทำเพื่อการค้า และก่อให้เกิดการแพร่กระจายในกลุ่มประชาชน การจับกุมครั้งนี้ เจ้าหน้าที่รับแจ้งจากสายลับว่า จะมีการส่งมอบยาบ้ากันบริเวณสามแยกเขาต่อ อ.ปลายพระยา จ.กระบี่ เมื่อถึงเวลาก็มีรถทัวร์สายเชียงใหม่-ภูเก็ต […]

‘ฮุน มาเนต’ ย้ำทหารกัมพูชาไม่ได้ถอยออกจากพื้นที่

ปารีส 10 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา ส่งสารจากฝรั่งเศสถึงชาวกัมพูชา ยืนยันจุดยืนกองทัพไม่ได้ถอนออกจากพื้นที่ภายใต้อธิปไตย พร้อมร่วมมือกับไทยปักปันเขตแดน ตามกลไกเจบีซี ยกเว้น 4 จุดที่จะส่งศาลโลกตัดสิน ฮุน มาเนต ซึ่งอยู่ระหว่างเข้าร่วมการประชุมว่าด้วยมหาสมุทรของสหประชาชาติ ครั้งที่ 3 ที่เมืองนีซ ประเทศฝรั่งเศส โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก Hun Manet ส่งสารถึงชาวกัมพูชา มีใจความดังนี้ กองทัพกัมพูชาสนับสนุนความพยายามในการหาทางแก้ไขปัญหานี้โดยสันติ แต่พร้อมที่จะปฏิบัติตามคำสั่งของรัฐบาลในการปกป้องบูรณภาพแห่งดินแดนจากการพยายามรุกรานใดๆ กองทัพกัมพูชาพร้อมที่จะเข้าร่วมสนับสนุนกลไกการเจรจาชายแดนกับไทยที่มีคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วม เพื่อดำเนินงานรังวัดและปักปันเขตแดนที่เหลือระหว่าง 2 ประเทศต่อไป ยกเว้นประเด็นที่กัมพูชาจะส่งให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ หรือ ไอซีเจ (ICJ) พิจารณา

นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย

ทำเนียบ 10 มิ.ย.-นายกฯ พบชาวไร่อ้อย รับข้อเสนอราคาอ้อย มอบ รมว.อุตสาหกรรม แก้ปัญหาราคา ก่อนประชุม ครม. ไม่ตอบคำถามสื่อปมเอกสาร รทสช.ขอปรับรัฐมนตรี จับตา ครม. ถกข้อพิพาทไทย-กัมพูชา ก่อนประชุม JBC 14 มิ.ย.นี้ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะรัฐมนตรีประจำสัปดาห์ โดยก่อนการประชุม ประธานสมาพันธ์ชาวไร่อ้อยแห่งประเทศไทย และคณะ เข้าพบนายกรัฐมนตรี เพื่อแสดงความขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่ให้การสนับสนุนช่วยเหลือเกษตรกรชาวไร่อ้อย โดยนายกรัฐมนตรีกล่าวว่า รัฐมนตรีติดตามการแก้ไขปัญหาของเกษตรกรมาโดยตลอด และมารายงานเรื่องนี้อย่างละเอียดอยู่ตลอด ตนทราบปัญหา ทางเกษตรกรจึงเน้นย้ำว่า ปัญหาจะแก้ไขได้ก็ต้องเป็นไปภายใต้การสนับสนุนจากนายกรัฐมนตรี “อุ๊งอิ๊ง แพทองธาร” นายกรัฐมนตรี จึงไหว้รับขอบคุณ พร้อมกับกล่าวต่อว่า อะไรที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน ก็พร้อมที่จะแก้ไขในทุกเรื่องอยู่แล้ว จึงอยากให้จัดระบบให้ดี เพื่อให้เกิดประโยชน์กับคนทุกกลุ่ม ขณะเดียวกันเกษตรกรยังฝากรัฐบาลให้ไปดูแลในการรับซื้อใบอ้อย เนื่องจากเกษตรกรให้ความร่วมมือในการตัดอ้อยสด ทำให้นายกรัฐมนตรีถึงกับกล่าวแซว โห นี่จริงๆ ทำไมไม่ไปเป็นนักการเมือง ในสภาน่าจะเก่งเรื่องนี้ ทำให้เกษตรกรคนดังกล่าวกล่าวว่าลูกชายของตนเป็นนายก 6 สมัยรวด ก่อนที่นายกรัฐมนตรีจะกล่าวขอบคุณ และขอให้ทุกคน”รวยๆ […]

ข่าวแนะนำ

นายกฯ ดูบังเกอร์หลบภัย ถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ มท.

11 มิ.ย.- นายกฯ ดูชาวบ้านทำบังเกอร์ ร้องโถ่ ก่อนถามผู้ว่าฯ สุรินทร์ ทำไมไม่ของบ ก.มหาดไทย หลังรายงานขอรับบริจาคมาใช้แทนยางรถยนต์ วันนี้ (11 มิ.ย. 68) เวลา 13.40 น. นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และคณะ ลงพื้นที่ต่อมายังหมู่บ้านสกลพัฒนา ตำบลตะเคียน อำเภอกาบเชิง เพื่อพบปะชาวบ้าน มอบสิ่งของ และตรวจดูการทำบังเกอร์หลบภัย โดยทันทีที่นายกรัฐมนตรีเดินทางมาถึง ได้มีชาวบ้านนำผ้าขาวม้ามามอบให้ ซึ่งนายกฯ รับมาก่อนจะหันไปหานายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ว่า “ผูกกันเป็นทีม” ก่อนจะมอบสิ่งของอุปโภค – บริโภค เพื่อให้กำลังใจชาวบ้านในพื้นที่ จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้เยี่ยมชมการสร้างบังเกอร์ โดยมีนายชำนาญ ชื่นตา ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ และผู้ใหญ่บ้านหมู่บ้านสกลพัฒนา รายงาน โดยนายกรัฐมนตรี ถามผู้ว่าฯ ว่า ขอเข้าไปดูได้หรือไม่ และถามชาวบ้านบ้านว่า “ทำมานานหรือยัง” โดยชาวบ้านบอกว่า […]

คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา-ค้านประกันตัว

กรุงเทพฯ 11 มิ.ย. – คุมตัว “หมอแอร์” ฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ ตำรวจคัดค้านการประกันตัว ส่วนผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวฝากขังพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) พนักงานสอบสวนกองบังคับการปราบปรามยาเสพติด 1 ควบคุมตัวหมอแอร์ ไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ พร้อมคัดค้านการประกันตัว เนื่องจากการกระทำความผิดมีอัตราโทษสูง เกรงว่าจะมีการหลบหนีและยุ่งเหยิงพยานหลักฐาน เนื่องจากผู้ต้องหาเป็นข้าราชการตำรวจชั้นผู้ใหญ่ ในระหว่างควบคุมตัว หมอแอร์สวมหมวก แว่นตาดำ และแมสก์ปิดบังใบหน้า พยายามแอบอยู่หลังเจ้าหน้าที่ โดยไม่ตอบคำถามของสื่อมวลชนแต่อย่างใด สำหรับผู้ต้องหาอีก 6 คน ที่ถูกจับในขบวนการเดียวกัน พนักงานสอบสวนจะนำตัวไปฝากขังศาลอาญา รัชดาฯ วันพรุ่งนี้ (12 มิ.ย.) .-สำนักข่าวไทย

เปิดขบวนการ “หมอแอร์” สวมชื่อคนตายซื้อยาเสียสาว

11 มิ.ย. – ผู้ช่วย ผบ.ตร. นำแถลงกรณี “หมอแอร์” พร้อมพวกรวม 7 คน แอบอ้างชื่อคลินิก 12 แห่ง สั่งซื้อยายาเสียสาว นำมาขายต่อ นาน 3 ปี และยังสวมชื่อคนตาย 370 คน รับยา ขณะที่ รพ.ตำรวจ มีคำสั่งให้ “หมอแอร์” ออกจากราชการไว้ก่อน หลังเมื่อวานนี้ (10 มิ.ย.68) เจ้าหน้าที่บุกจับ “หมอแอร์” คุณหมอชื่อดัง สังกัดโรงพยาบาลตำรวจ พร้อมพวก แอบอ้าง 12 คลินิก สั่งซื้อยาควบคุม (ยาเสียสาว) นำมาขายต่อ นาน 3 ปี วันนี้ (11 มิ.ย.68) มีการแถลงข่าวเรื่องนี้ นำโดย พล.ต.ท.สำราญ นวลมา ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.สันติ ชัยนิรามัย […]

เปิดภาพความจริง! อดีต-ปัจจุบันชายแดนช่องบก

11 มิ.ย. – ‘กองทัพไทย’ เปิดภาพถ่ายแผนที่ทางอากาศ ชายแดนช่องบก อุบลราชธานี เปรียบเทียบอดีต-ปัจจุบัน พบการทำกิจกรรมทางทหาร-ขุดคูเลต-ทำถนนส่งกำลังบำรุง ก่อนเหตุปะทะช่องบก 28 พ.ค.2568 ทีมโฆษกกองทัพไทย เปิดข้อมูลแผนที่ทางอากาศ จัดทำโดยกองบัญชาการกองทัพไทย จากกรณีไทย และกัมพูชา มีข้อสังเกตหลายประเด็นที่ปรากฏในภาพถ่ายทางอากาศตรงจุดปะทะ โดยภาพถ่ายทางอากาศ เริ่มตั้งแต่ปี 2497 ช่วงแรกถ่ายไว้จนถึงปี 2520, 2527 และมีการถ่ายภาพทางอากาศอย่างต่อเนื่อง ส่วนกรณีที่อ้างถึงการยึดครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่ที่มีปัญหานานมากแล้วนั้น หากมองตามภาพถ่ายทางอากาศ จะยืนยันได้ว่า ไม่มีการเข้าไปใช้พื้นที่อย่างที่อ้าง ข้อมูลของกองทัพไทย ยังได้เปรียบเทียบเส้นสีแดงในแผนที่ เป็นเส้นแนวที่ไทยยึดถือ ใช้แบ่งแนวเขตระหว่างไทย กัมพูชา และลาว ส่วนจุดปะทะที่เกิดขึ้นนั้น เป็นพื้นที่ที่เข้ามาทางฝั่งไทย ทั้งนี้ กองทัพไทยยังมีการถ่ายทางอากาศต่อเนื่องยาวมาถึงปี 2539, 2546, 2553 และ 2561 เป็นที่สังเกตได้ว่า ช่วง 70 ปีที่ผ่านมาตั้งแต่ปี 2497 ไม่มีใครเข้ามาถือครอง และใช้ชีวิตในพื้นที่นั้น หากมองถึงกิจกรรมของประเทศเพื่อนบ้านที่ประเด็นในปัจจุบันนั้น เห็นได้อย่างชัดเจนตามภาพถ่ายทางอากาศว่า มีการเคลื่อนไหวทางการทหารที่แตกต่าง […]