ศาลยังไม่วินิจฉัย”พิธา”ถือหุ้นสื่อ-ก้าวไกล แก้ ม.112

ศาลรัฐธรรมนูญ 15 พ.ย.-ศาลรัฐธรรมนูญ ยังไม่นัดวินิจฉัย  สถานะ “พิธา”  และนโยบายหาเสียง “ก้าวไกล”  แก้ ม.112  นัดถกต่อพุธที่ 22 พ.ย.


ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการพิจารณาคดีที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง  ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ   มาตรา 82 ว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ สิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6)  ประกอบมาตรา 98(3)หรือไม่    จากกรณีเป็นผู้ถือหุ้นในบริษัทไอทีวี  จำกัดมหาชน  ซึ่งประกอบกิจการหนังสือพิมพ์หรือสื่อมวลชนใดๆ อยู่ในวันสมัครรับเลือกตั้ง  สส.แบบบัญชีรายชื่อ  ซึ่งคดีนี้ศาลรัฐธรรมนูญได้สั่งรับคำร้องนี้ไว้พิจารณาและสั่งให้นายพิธา ผู้ถูกร้องหยุดปฏิบัติหน้าที่  สส. นับแต่วันที่ 19 ก.ค 66  จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย    ต่อมานายพิธายื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหา   พร้อมบัญชีระบุพยานเอกสาร พยานบุคคล พยานวัตถุ ฉบับลงวันที่  2 ต.ค 66  และบัญชีระบุพยานบุคคลเพิ่มเติม ครั้งที่ 1  ฉบับลงวันที่ 18  ต.ค.66  ศาลได้อภิปรายกำหนดนัดพิจารณาคดีต่อในวันพุธที่ 22 พ.ย. 66  เวลา  09.30 น.

ส่วนคดีที่นายธีรยุทธ  สุวรรณเกษร   อดีตทนายความของพระพุทธะอิสระ ขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ  มาตรา 49 ว่าการกระทำของนายพิธา  หัวหน้าพรรคก้าวไกลในขณะนั้น  ในฐานะผู้ถูกร้องที่ 1 และพรรคก้าวไกล ในฐานะผู้ถูกร้องที่ 2  ที่เสนอร่าง  พ.ร.บ. แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา  (ฉบับที่..) พ.ศ..เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา  มาตรา 112   โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้งและยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่องเป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุขตามรัฐธรรมนูญมาตรา 49 วรรคหนึ่งหรือไม่  ศาลได้มีการอภิปรายและกำหนดนัดพิจารณาคดีต่อในวันพุธที่ 22 พ.ย. 66 เวลา 09.30 น


ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในการประชุมคณะตุลาการศาลรัฐธรรมนูญวันนี้   ได้มีสื่อมวลชนจำนวนหนึ่งไปเฝ้าติดตามหลังจากที่วานนี้ (14 พ.ย.) มีการนำเสนอว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีการวินิจฉัย 2 เรื่องดังกล่าวในวันนี้ (15 พ.ย.) แต่ในข้อเท็จจริงตามเอกสารข่าวของสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญได้ชี้แจง  คือเป็นเพียงการพิจารณาต่อเท่านั้น  และยังไม่ได้มีการกำหนดนัดวันปรึกษาหารือแถลงด้วยวาจาและลงมติแต่อย่างใด.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รถทัวร์โดยสารชนท้ายเทรลเลอร์ เสียชีวิต-บาดเจ็บจำนวนมาก

รถทัวร์โดยสารชนท้ายรถบรรทุกเทรลเลอร์ บนถนนสาย 304 จังหวัดปราจีนบุรี ทำให้ไฟลุกไหม้รถทัวร์โดยสาร เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก

ชาวบ้านยอมรับค่าเยียวยาหลังละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดิน

ชาวบ้านยอมรับการเยียวยา บ้านละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดินใน จ.ระยอง หลังถมที่สูงมิดหลังคาของเพื่อนบ้าน และรับปากจะเร่งแก้ไขให้ทันหน้าฝนที่จะถึงนี้ แต่ชาวบ้านยังหวั่นใจ หากแก้ไขไม่ทันก็ยังจะเดือดร้อน น้ำจะไหลลงมาบ้านที่อยู่ต่ำกว่า

“พีช” หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายแล้ว

“นายกเบี้ยว” พร้อมลูกชาย หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายก่อนแล้ว จึงฝากจดหมายขอโทษไว้ ด้าน “กัน จอมพลัง” ยอมถอย ให้สองฝ่ายพูดคุย แต่ต้องเป็นรูปธรรม

ข่าวแนะนำ

รวบทันควัน คนร้ายบุกเดี่ยวชิงเงินธนาคาร

จับแล้ว คนร้ายบุกเดี่ยวชิงทรัพย์ธนาคารกลางเมืองเชียงใหม่ ได้เงินสดกว่า 40,000 บาท ก่อนวิ่งหลบหนี ล่าสุดจนมุมตำรวจรวบตัวได้ที่ศาลาริมทางข้างถนน

โป๊ปฟรังซิส สิ้นพระชนม์แล้ว ขณะพระชนมายุ 88 พรรษา

สำนักวาติกัน แถลงผ่านทางโทรทัศน์ของสำนักวาติกันว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกันสิ้นพระชนม์แล้วในวันนี้

Pope inaugurated the Holy Year on Christmas Eve on December 24, 2024

เปิดพระประวัติโป๊ปฟรังซิส

วาติกัน 21 เม.ย.- เว็บไซต์ข่าวโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี (CNBC) ของสหรัฐ เปิดพระประวัติที่น่าสนใจ 10 ประการของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกัน ที่สิ้นพระชนม์วันนี้ (21 เม.ย.68) ขณะมีพระชนมายุ 88 พรรษา ประการที่ 1 ทรงเป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันและเยสุอิตคนแรก สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส มีพระนามเดิมว่า ฮอร์เก มาริโอ เบร์โกกลิโอ ประสูติวันที่ 17 ธันวาคม 2479 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันคนแรกของพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก แตกต่างจากผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาเกือบ 200 คน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากอิตาลี ทรงมาจากนอกทวีปยุโรปในฐานะพระสันตะปาปาพระองค์ที่ 266 และเป็นนักบวชคณะเยสุอิตคนแรกที่ขึ้นดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปา ประการที่ 2  ทรงมีพื้นเพมาจากอิตาลี แม้ว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสประสูติในอาร์เจนตินา แต่ท่านมีมรดกทางชาติพันธุ์จากอิตาลี จากการที่บิดามารดาเป็นผู้อพยพชาวอิตาลี บิดาทำงานเป็นนักบัญชีในทางรถไฟ ขณะที่มารดาอุทิศตนให้กับการเลี้ยงลูกทั้ง 5 คน ประการที่ 3 ทรงศึกษาด้านเคมีและปรัชญา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสศึกษาปรัชญาและมีปริญญาโทในด้านเคมีจากมหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส ทรงศึกษาในโรงเรียนเทคนิคและได้ฝึกอบรมเป็นช่างเทคนิคเคมี ก่อนเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนศาสนาแห่งอัครสังฆมณฑลบิญญา เดโวโต […]