ประกาศนำเพื่อไทยกลับมาเป็นที่หนึ่งในใจประชาชน

เพื่อไทย 27 ต.ค.- “แพทองธาร” นั่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ ประกาศทำให้พรรคกลับมาเป็นพรรคอันดับหนึ่งในใจประชาชน บอก ตายังคงดูดาว เท้ายังติดดิน


ภายหลังเสร็จสิ้นการประชุมวิสามัญพรรคเพื่อไทยเพื่อเลือกกรรมการบริหารชุดใหม่และหัวหน้าพรรคคนใหม่ โดยผลการประชุมนั้น น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และรองคณะกรรมการยุทธศาสตร์ซอฟต์พาวเวอร์แห่งชาติ ได้รับการรับเลือกให้ดำรงตำแหน่ง หัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่

จากนั้น น.ส.แพทองธารได้ขึ้นแสดงวิสัยทัศน์หลังเข้ารับตำแหน่งหัวหน้าพรรค ซึ่งมีล่ามภาษามือคอยแปลภาษาอยู่ข้างๆ ระบุว่า ขอบคุณสมาชิกพรรคเพื่อไทยทุกคน ที่มอบความไว้วางใจให้มาดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ตนรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่ง เพราะนี่ไม่ใช่เป็นเพียงกระบวนการของพรรค แต่เป็นการเชื่อมความเชื่อมั่น ความมั่นคง ความศรัทธา เชื่อมการต่อสู้ของทุกคนเข้าด้วยกันอีกครั้ง


“พรรคเพื่อไทยผ่านอะไรมาเยอะมาก เราเป็นพรรคการเมืองที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด และเรายังเป็นพรรคการเมืองที่ถูกกระทำมากที่สุดในประวัติศาสตร์การเมืองไทย ดิฉันเติบโตมาในแวดวงการเมือง ได้สังเกต ได้ใกล้ชิด ทำให้ได้เรียนรู้อะไรมากมาย ต้องขอขอบคุณท่านทักษิณ ชินวัตร คุณพ่อ ที่ทำให้ดิฉันได้เห็นถึงความตั้งใจ เห็นถึงอุดมการณ์ของท่าน และทำให้ได้เรียนรู้ ได้ใกล้ชิด ที่ได้เป็นแรงบันดาลใจที่สำคัญของดิฉันในการดำรงชีวิต” น.ส.แพทองธาร กล่าว

น.ส.แพทองธาร ยังกล่าวอีกว่า ตนรู้ดีว่าภารกิจนี้เป็นภารกิจที่ยิ่งใหญ่ และสำคัญมาก โดยเฉพาะบริบทของการเมืองที่เปลี่ยนแปลงไปรวดเร็วในทุกวัน มั่นใจว่าเรามีบุคลากรที่มีความสามารถ สั่งสมประสบการณ์มาตั้งแต่เป็นไทยรักไทย จนถึงเพื่อไทยในปัจจุบัน เราจะทำเพื่อไทยให้พัฒนาขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง

หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยังกล่าวด้วยว่า การเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ทำให้เราต้องเปลี่ยนวิธีคิดใหม่ ทีมคณะบริหารพรรคเพื่อไทยทีมใหม่จะต้องถอดบทเรียน ทบทวนการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว เพื่อทำให้ดีขึ้น เพื่อนำพรรคเพื่อไทยให้กลับไปยืนอยู่ในใจของประชาชน ในฐานะพรรคการเมืองอันดับหนึ่งอีกครั้งอย่างยั่งยืน


น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ตลอดระยะเวลาสองเดือนที่ผ่านมา ภายใต้รัฐบาลและการนำของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วว่า การจัดตั้งรัฐบาลในวันนั้นเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้องที่สุด มีสิ่งต่างๆ เกิดขึ้นมากมาย ทั้งการลดค่าไฟ ค่าน้ำมัน การปรับลดค่าโดยสารรถไฟฟ้า 20 บาทตลอดสาย การเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ การให้ภาคเอกชนและคนรู้จริงเข้าไปพัฒนาเรื่องซอฟต์พาวเวอร์ของประเทศไทยอย่างจริงจังเป็นครั้งแรก การนำร่องใช้บัตรประชาชนเพื่อรักษาพยาบาลในโครงการ 30 บาทรักษาได้ทุกที่ การรับมือวิกฤติทันท่วงทีช่วยคนไทยกลับบ้านในสถานการณ์สงครามในตะวันออกกลาง การเจริญสัมพันธไมตรีทางการทูตกับนานาประเทศ นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นในระยะเวลาสองเดือน สามารถสร้างโอกาสให้ประชาชนและประเทศอย่างมากมาย และตนมั่นใจว่า 4 ปี หลังจากนี้ก็จะมีบทบาทเพิ่มขึ้นให้ประเทศของเราอย่างแน่นอน

น.ส.แพทองธาร กล่าวอีกว่า พรรคเพื่อไทยจะยังคงสานต่อภารกิจสำคัญคือ การยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชน ทั้งด้านความเป็นอยู่ สิทธิเสรีภาพอย่างที่ทำต่อเนื่องมา 25 ปี เรามีวันนี้ได้ เพราะผู้ใหญ่ในพรรค รดน้ำพรวนดินให้ต้นไม้ต้นนี้แข็งแรงและมีรากฐานที่มั่นคง ตนมองเห็นได้ชัด ได้ไกลขึ้นเพราะทุกท่านได้ร่วมสร้างกันไว้ 

“จากนี้ไปตนอยากให้พรรคเพื่อไทยเป็นมากกว่าพรรคที่ให้โอกาส แต่สามารถขจัดความเสี่ยงในชีวิตของประชาชนได้ด้วย เพื่อปลดล็อคศักยภาพของคนได้อย่างเต็มที่ มีสิทธิ์ มีเสียงในการพัฒนาประเทศไปด้วยกัน เราจะไม่ทิ้งดีเอ็นเอเดิมของพรรคเพื่อไทย นั่นคือการทำนโยบายที่สัญญาไว้กับประชาชนให้เป็นจริงได้ เราจะทำความฝันให้เป็นความจริง เราจะทำเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ให้เป็นไปได้ เราจะลบทุกคำสบประมาทด้วยผลงานที่ปฎิเสธไม่ได้  ดีเอ็นเอนี้จะยังคงอยู่กับพรรคเพื่อไทย และพัฒนาตามยุคสมัย” นางสาวแพทองธาร กล่าว

นางสาวแพทองธาร กล่าวว่า มี 4 เรื่องหลักที่สำคัญที่ทีมบริหารทีมใหม่จะต้องทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในพรรคอย่างชัดเจน คือ  1. จะทำ Digital transformation อย่างเต็มรูปแบบ นำข้อมูลทุกอย่างให้อยู่ในระบบดิจทัลเพื่อให้เกิดการต่อยอดและพัฒนาได้ง่ายขึ้น

2.จะสร้างองค์กรแนวราบและเพิ่มการมีส่วนร่วมของทุกคนทำให้พรรคเกิดประสบการณ์ มีกระบวนการตัดสินใจที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพเพื่อประชาชนมากยิ่งขึ้น

3.จะทำให้องค์กรพรรคเพื่อไทย เป็นองค์กรแห่งการเรียนรู้ learning organization ที่จะมีศูนย์ข้อมูลศูนย์วิจัยเพื่อนำมาพัฒนานโยบาย ทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง วิทยาศาสตร์เทคโนโลยี เพื่อปรับใช้ให้ทันยุคสมัยและรับมือกับการเปลี่ยนแปลงของโลกได้อย่างเท่าทัน จะมีการอบรมศักยภาพทั้งยุวสมาชิก และสมาชิกทั่วไป แบ่งพื้นที่ให้คนทั้งรุ่นใหญ่และรุ่นใหม่แลกเปลี่ยนความคิดเห็น แชร์ไอเดียเพื่อพัฒนาแก้ไขปัญหาประชาชนให้ครบทุกพื้นที่

4.จะสร้างเครือข่ายครอบครัวเพื่อไทยให้แข็งแรง และมีในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อรับฟังเสียงประชาชนที่สะท้อนมาทั้งของตัวเองและครอบครัวได้อย่างชัดเจนให้ถึงพรรคเพื่อไทยได้รวดเร็วและมีประสิทธิภาพ

ในช่วงท้ายนางสาวแพทองธาร ยังกล่าวว่า สิ่งที่บอกกับตัวเองและสมาชิกทุกคนในพรรคว่า “ตายังคงดูดาว เท้ายังคงติดดิน ยืนหยัดอยู่ข้างประชาชนอย่างเข้มแข็ง มั่นคง เพราะพรรคเพื่อไทยหัวใจคือประชาชน“

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนการขึ้นพูดของนางสาวแพทองธาร พรรคเพื่อไทยได้เปิดวีดีโอย้อนเหตุการณ์สำคัญที่แกนนำพรรคเพื่อไทยได้รับเลือกตั้งเป็นนายกรัฐมนตรีตั้งแต่สมัยนายทักษิณ ชินวัตร นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ และภาพของอดีตหัวหน้าพรรคทั้ง 7 คนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นที่สังเกตว่าในการแสดงวิสัยทัศน์ของนางสาวแพทองธาร มีบุคคลสำคัญและสมาชิกพรรคคนสำคัญเข้าร่วมรับฟังด้วย อาทิ นายเศรษฐา, นายปิฎก สุขสวัสดิ์ สามี, นางสาวพินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ พี่สาว และนายคชาภา ตันเจริญ หรือ มดดำ พิธีกรชื่อดัง เป็นต้น โดยหลังจากนั้น น.ส.แพทองธาร ได้ร่วมถ่ายรูปกับ สส.และสมาชิกพรรคต่างๆอย่างเป็นกันเอง

สำหรับรายชื่อคณะกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย จำนวน 23 คน ประกอบด้วย นางสาวแพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าพรรค รองศาสตราจารย์ ชูศักดิ์  ศิรินิล รองหัวหน้าพรรค   นายจุลพันธุ์ อมรวิวัฒน์ รองหัวหน้าพรรค  นายโอชิษฐ์  เกียรติก้องชูชัย รองหัวหน้าพรรค  นางสาวจิราพร สินธุไพร รองหัวหน้าพรรค   นายพงศ์กวิน จึงรุ่งเรืองกิจ รองหัวหน้าพรรค  นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองหัวหน้าพรรค  นายสรวงศ์ เทียนทอง  เลขาธิการพรรค   นางสาวศรีญาดา  ปาลิมาพันธ์ รองเลขาธิการพรรค  นางสาวลิณธิภรณ์  วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรค  นายศรัณย์  ทิมสุวรรณ รองเลขาธิการพรรค  นายทวีศักดิ์ อนรรฆพันธ์ เหรัญญิกพรรค   นายณณัฏฐ์ หงส์ชูเวช นายทะเบียนสมาชิกพรรค  นายดนุพร  ปุณณกันต์ โฆษกพรรค  นางสาวธีรรัตน์  สำเร็จวาณิชย์ กรรมการบริหาร นายวรวงศ์ วรปัญญา กรรมการบริหาร  นายพชร  จันทรรวงทอง กรรมการบริหาร  นายนิกร  โสมกลาง กรรมการบริหาร  นายธิติวัฐ  อดิศรพันธ์กุล  กรรมการบริหาร  นายจเด็ศ จันทรา กรรมการบริหาร   นายพลนชชา จักรเพ็ชร กรรมการบริหาร   นายชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ  กรรมการบริหาร  และ นางสาวสรัสนันท์ อรรณนพพร กรรมการบริหาร.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เตือนเหนือ-กลาง-ตะวันออก ฝนตกหนักบางแห่ง กทม.ฟ้าคะนอง 70%

กรุงเทพฯ 18 ก.ค. – กรมอุตุฯ เตือนภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณ จ.แม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และเชียงราย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 70% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ภาคเหนือ ภาคกลาง และภาคตะวันออก มีฝนตกหนักบางแห่ง โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ และเชียงราย ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้ เนื่องจากมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศเมียนมาตอนบน และประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่าง มีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง คลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย