กระทรวง พม. 12 ต.ค. – “วราวุธ-ชัชชาติ” ถกร่วม พม.-กทม. จับมือตั้ง 7 คณะทำงาน หวังช่วยเหลือกลุ่มเปราะบาง ชี้งานด่วนเร่งแก้ปัญหาคนไร้บ้านย่านราชดำเนิน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และนายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร แถลงข่าวร่วมกันภายหลังการประชุมบูรณาการความร่วมมือในการแก้ไขปัญหาคนไร้บ้าน คนพิการ ผู้สูงอายุ และกลุ่มเปราะบางอื่นๆ ว่าขอขอบคุณผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร และทีมงาน ที่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาได้มีการทำงานอย่างใกล้ชิดกันกับกระทรวง พม. จากนี้ไปการทำงานจะมีความใกล้ชิดมากยิ่งขึ้น มีความรวดเร็ว ต่อเนื่องมากขึ้น ผลจากการพูดคุยวันนี้ทำให้ได้ข้อสรุปว่าเราจะตั้งคณะทำงานกันขึ้นมา
ประกอบด้วย 1.คณะทำงานด้านที่อยู่อาศัย กระทรวง พม. มีการเคหะแห่งชาติ และสถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (องค์การมหาชน) 2.คณะทำงานด้านคนพิการ กระทรวง พม. จะอยู่ภายใต้การทำงานของกรมส่งเสริมและพัฒนาคุณภาพชีวิตคนพิการ 3.คณะทำงานด้านขอทานและคนไร้บ้าน กระทรวง พม. จะอยู่ภายใต้การทำงานของกรมพัฒนาสังคมและสวัสดิการ 4.คณะทำงานด้านเด็กและเยาวชน กระทรวง พม. จะอยู่ภายใต้การทำงานของกรมกิจการเด็กและเยาวชน 5.คณะทำงานด้านผู้สูงอายุ กระทรวง พม. จะอยู่ภายใต้การทำงานของกรมกิจการผู้สูงอายุ 6.คณะทำงานด้านสตรีและครอบครัว กระทรวง พม. จะอยู่ภายใต้การดูแลของกรมกิจการสตรีและสถาบันครอบครัว และ 7.คณะทำงานด้านการบูรณาการฐานข้อมูลกลุ่มเปราะบาง
นายวราวุธ กล่าวว่า การทำงานในแต่ละด้านจะมีความใกล้ชิด เพราะเป็นคณะทำงาน ไม่ใช่คณะกรรมการ คาดว่าภายในสัปดาห์หน้า คณะทำงานในแต่ละด้านจะจัดตั้งแล้วเสร็จ โดยมีตนและผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร คอยกำกับดูแล ว่าเมื่อตั้งคณะทำงานขึ้นมาแล้วจะมีการทำรายงานความก้าวหน้า ในส่วนของกระทรวง พม. ตนเชื่อว่าข้อมูลต่างๆ ที่ กทม. มีอยู่จะต้องสามารถเชื่อมกับฐานข้อมูลที่กระทรวง พม. มีได้ เมื่อฐานข้อมูลเชื่อมเข้าด้วยกันแล้ว ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคนไร้บ้าน ผู้สูงอายุ คนพิการ ข้อมูลต่างๆ จะแปลงเป็นข้อมูลให้กับเจ้าหน้าที่ของกระทรวง พม. และทาง กทม. จะสามารถทำงานร่วมกันได้
มิติงานของกระทรวง พม. และ กทม. มีความใกล้เคียงกันและสามารถบูรณาการทำงานร่วมกันได้อย่างดีมาก เช่น การดูแลเรื่องขอทาน ซึ่งมีคนร้องเรียนเข้ามามากพอสมควร แต่ว่าการที่จะแก้ไขปัญหาต่างๆ อาจจะไม่ใช่แค่กระทรวง พม. และ กทม. อาจจะต้องมีคณะทำงานหรือหน่วยงานของรัฐ ภาคส่วนอื่นๆ เข้ามาร่วมมือกันด้วย หรือแม้แต่เรื่องของเด็กและเยาวชน สถาบันครอบครัว ซึ่งในวันนี้ ทั้งกระทรวง พม. และ กทม. เราถือว่าเป็นภารกิจอันดับหนึ่งที่เราจะแก้ไขปัญหา และป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาที่รุนแรงในสังคม การสร้างความสัมพันธ์ใกล้ชิดภายในครอบครัวจะเป็นบ่อเกิดแห่งการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุ และปัญหาที่เราไม่อยากให้เกิด คาดว่าภายในสิ้นปี 2566 จะมีกิจกรรมดีๆ ระหว่างกระทรวง พม. และ กทม. เกิดขึ้น
นายวราวุธ กล่าวว่า อีกหนึ่งที่เรามุ่งเน้นคือ การทำงานด้านคนพิการ ซึ่งจะสังเกตเห็นได้ว่าจากนี้ไปการแถลงข่าวหรือการให้ข่าวของกระทรวง พม. จะมีการให้บริการทางด้านภาษามือให้กับพี่น้องคนพิการทางการได้ยิน หากในอนาคตมีสิ่งใดที่เราสามารถมอบสิ่งดีๆ ให้กับประชาชนคนไทยได้ กระทรวง พม. จะดำเนินการต่อเนื่อง
นายชัชชาติ กล่าวว่า กระทรวง พม. และ กทม. มีภารกิจในการทำงานที่สอดคล้องกันอย่างมาก เพราะว่าหัวใจของเราคือการแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำในเมือง โดยภารกิจแรกที่จะทำคือ จัดตั้งคณะทำงานร่วมกัน โดยตั้งเป้าหมายให้ชัดเจนว่า 1-2 ปีจากนี้จะเห็นผลเป็นรูปธรรมอย่างไร เมื่อเรามีเป้าหมายที่ชัดเจนแล้ว คนทำงานจะได้ทุ่มเททรัพยากรและความร่วมมือต่างๆ ให้บรรลุเป้าหมาย คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะเห็นเป้าหมายของแต่ละคณะทำงานที่ชัดเจน
นายชัชชาติ กล่าวว่า และเร่งทำระบบฐานข้อมูลมารวมกัน สำหรับเรื่องของคนไร้บ้าน ซึ่งใน กทม. ได้อยู่หนาแน่นในบริเวณถนนราชดำเนิน ต้องร่วมมือกันระหว่างกระทรวง พม. และ กทม. ในการดูแลคนไร้บ้านในบริเวณดังกล่าว โดยจัดหาที่อยู่ที่เหมาะสม เรากำลังดูสถานที่ที่เหมาะสม บริเวณแยกแม้นศรี และจะมีกระบวนการแก้ปัญหาที่ไม่ใช่แก้ที่ปลายเหตุ แต่แก้ถึงต้นเหตุ อาทิ การคืนสิทธิ การหาอาชีพ เพื่อให้เขาอยู่ได้อย่างสง่างามในสังคม มีความมั่นคงในชีวิตและทรัพย์สิน
นายชัชชาติ กล่าวว่า ภารกิจเร่งด่วนต่อมาคือ การดูแลชุมชนบุกรุก เพื่อสร้างความมั่นคงด้านที่อยู่อาศัย โดยจะมุ่งเน้นที่คลองลาดพร้าว คลองเปรมประชากรก่อน ซึ่งเป็นโครงการที่ต้องเร่งรัดให้เห็นผลอย่างเป็นรูปธรรมต่อเนื่อง เร่งดูแลเรื่องที่อยู่อาศัยของผู้มีรายได้น้อย มีโครงการจำนวนมากที่สามารถทำได้โดยไม่ต้องใช้งบประมาณมากมาย แต่ใช้เทคโนโลยี การเปลี่ยนวิธีคิด และการหาแนวร่วมจากภาคเอกชน ซึ่งการร่วมมือกันในครั้งนี้ จะทำให้เกิดผลอย่างเป็นรูปธรรมและมีประโยชน์กับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางได้อย่างรวดเร็ว.-สำนักข่าวไทย