นายกฯ ประสานสายการบินเอกชนช่วยอพยพคนไทยในอิสราเอล

มาเลเซีย 11 ต.ค. – นายกฯ อัปเดตสถานการณ์ช่วยคนไทยในอิสราเอล ล่าสุดประสานสายการบินเอกชนได้อีก 4 ลำ หลังตัวเลขต้องการกลับไทยพุ่งสูงกว่า 5,000 คน กังวลสถานการณ์เลวร้ายลง รับปัญหาลำเลียงคนมายังสถานทูตยากลำบาก ผบ.ทสส.ประสานกองทัพอิสราเอลนำรถทหารช่วย หวังรัฐบาลอิสราเอลเห็นใจไทยสูญเสียมากประเทศหนึ่ง


นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ที่ประเทศมาเลเซีย ถึงความคืบหน้าการช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอล ว่า ล่าสุดเวลา 3 ทุ่ม ตามเวลาท้องถิ่น ได้รับรายงานจากนายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม และ น.ส.พรรณภา จันทรารมย์ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ หลังคนไทยในอิสราเอลและพื้นที่ใกล้เคียงประสงค์จะเดินทางกลับประเทศไทยกว่า 5,000 คน ซึ่งขณะนี้ต้องยอมรับว่าสถานการณ์แย่ลง และเลวร้ายลงไป มีจรวดยิงกันตลอดเวลา

ทั้งนี้ เครื่องบินของไทยที่จะออกในวันนี้ (12 ต.ค.66) รับคนไทย 15 คน ก็ยังไม่พร้อม เนื่องจากอีก 11 คน กำลังเดินทางเข้ามาที่สถานทูต ซึ่งขณะนี้มีแค่ 4 คน และได้รับบาดเจ็บอยู่ในสถานทูต ปลอดภัยแล้ว


การจราจรในประเทศอิสราเอล ถนนก็ปิดหลายสาย ดังนั้น ทางเดียวที่สามารถเดินทางได้ต้องอาศัยรถทหาร โดย พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด ก็ได้ประสานกองทัพอิสราเอล เพื่อขอให้ช่วยใช้รถลำเลียงคนของเราเข้ามายังสถานทูต แต่สิ่งที่สำคัญกว่านั้น คือ ขณะนี้สถานการณ์เลวร้ายลงไป ดังนั้น เราต้องคิดว่าจะทำอย่างไรที่จะอพยพคน 5,000 คน ให้ได้ในระยะเวลาที่เร็วที่สุด

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มีปัญหาอยู่ 2-3 ปัญหาใหญ่ คือ ต้องมีเครื่องบินเพียงพอ โดยเราได้ประสาน แอร์เอเชีย ที่จะสามารถให้บินได้ 2 ลำ หรือมากกว่า และ นกแอร์ ก็จะมีอย่างน้อย 2 ลำ ส่วนการบินไทยอยู่ระหว่างการพิจารณา ตอนนี้เราพยายามนำเครื่องบินมาให้ได้เร็วที่สุด เพื่อบินเข้ามาและรับออกจากอิสราเอลไปจอดยังประเทศข้างเคียง และกลับไปรับใหม่ เพื่อทำให้คนไทยออกจากประเทศอิสราเอลให้เร็วที่สุด ซึ่งวันนี้ก็สามารถออกได้เลย แต่ทั้งนี้ต้องให้มั่นใจว่าเมื่อไปถึงแล้ว คนไทยพร้อมที่จะออกมา เพราะการเดินทางในอิสราเอลนั้น สามารถใช้ได้เฉพาะรถทหารเท่านั้น

ส่วนเครื่องบินของรัฐนั้นมีอยู่ 5 ลำ ดังนั้น เตรียมไว้ 9 ลำ หรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า อาจจะมีมากกว่านั้น เพราะขณะนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมยังเจรจาอยู่ และยืนยันว่า เรื่องค่าใช้จ่ายนั้นเป็นเรื่องเล็ก เท่าไหร่ก็จ่าย เท่าไหร่ก็ต้องออกไปให้ได้ เพื่อความเป็นอยู่ของพี่น้องประชาชน สำคัญที่สุด


แต่ทั้งนี้ ปัญหาที่ตามมาคือ ไม่แน่ใจว่าน่านฟ้าจะเปิดนานเท่าไหร่ และอีกปัญหาคือ การลำเลียงคนเข้ามายังสนามบินได้มากเท่าไหร่ เพราะหากนำเครื่องบินมาจอดทิ้งไว้ และไม่สามารถลำเลียงคนมาได้ก็จะเปล่าประโยชน์ แต่อย่างไรก็ตาม หากเราไม่ได้เตรียมพร้อม และไม่เตรียมเครื่องบินไว้ก็จะเสียโอกาสไป เพราะก็มีโอกาสที่น่านฟ้าจะปิดในเร็ววันนี้ ดังนั้น การปฏิบัติการเราต้องคำนึงถึงหลายปัจจัย ซึ่งมีความเสี่ยงที่จะต้องเตรียมพร้อมและอาจจะต้องบินเข้าไปก่อน และเข้าไปเสี่ยงว่าจะสามารถนำคนไทยออกมาได้หรือไม่

นายเศรษฐา ย้ำว่า รัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของประชาชนที่อยู่ในอิสราเอลสูงที่สุด ซึ่งไม่ได้นิ่งนอนใจ และประสานงานอยู่ตลอดต่อเนื่องทุกภาคส่วน และเช้าวันนี้ (12 ต.ค.66) น่าจะมีการอัปเดตสถานการณ์อีกครั้ง ขอให้ติดตามฟังข่าวต่อไป

ส่วนเครื่องบินพาณิชย์ ยอมรับว่ามีค่าใช้จ่าย แต่เขาระบุว่า จะคิดแค่ค่าน้ำมัน แต่ย้ำว่าค่าใช้จ่ายนั้นถือเป็นเรื่องรอง ตอนนี้เรื่องที่สำคัญกว่าคือความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนคนไทย และนี่คือเรื่องที่สำคัญที่สุด มีความเสี่ยง ขณะนี้ทุกคนยังปลอดภัยอยู่ แต่จะทำอย่างไรให้ทั้ง 5,000 คน มาอยู่ในที่ปลอดภัยก่อนที่จะอพยพกลับเมืองไทย แต่หากอยู่ในที่ที่ปลอดภัยแล้ว เครื่องบินไม่มารับ ก็จะมีปัญหาอีก หรือหากเครื่องบินมาแล้วไม่สามารถขึ้นลงได้ก็มีปัญหาอีก ทั้งนี้ รัฐบาลมีความพร้อมที่จะนำเครื่องบินมาให้ได้เยอะที่สุด

นายกรัฐมนตรี ยอมรับว่า แนวโน้มคนไทยที่แจ้งความประสงค์จะเดินทางกลับมีมากขึ้นเรื่อยๆ เพราะปฏิเสธไม่ได้ว่าสถานการณ์เลวร้ายลงไป

“หากน่านฟ้าเปิดตลอด และสถานการณ์ลดความรุนแรงลง ก็ยังมีความหวัง แต่ถ้าเราเสี่ยงไม่ได้ ตรงนี้อาจจะต้องเตรียมเครื่องบินให้เยอะกว่านั้น จะได้อพยพคนไทยกลับมาปลอดภัยได้เร็วที่สุด”

ส่วนสื่อของอิสราเอล รายงานว่า พบคนไทย จำนวน 14 คน ในเขตพื้นที่กาซา ได้รับรายงานหรือไม่ นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ยังไม่ได้รับรายงานจากเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ แต่หวังว่าจะเป็นเรื่องจริง และหวังว่าทุกคนจะปลอดภัย เพราะก็มีความเป็นไปได้ เนื่องจากแรงงานไทยที่ไปทำงานอยู่ที่นั่น เมื่อเกิดเหตุระเบิดลง ต่างคนต่างตัวเปล่า เหตุการณ์ชุลมุน เอกสารและพาสปอร์ตก็ไม่มี แต่เรื่องเอกสารเป็นเรื่องทีหลังมากกว่า โดยกระทรวงต่างประเทศก็สมทบเจ้าหน้าที่พื้นที่ใกล้เคียง เป็นอาสาสมัครไปช่วยดำเนินการเรื่องเอกสาร ทำให้ประชาชนออกมาโดยเร็วที่สุด ตนได้สั่งการไปว่า เรื่องของเอกสารขอให้เป็นเรื่องรอง ความปลอดภัยของประชาชนเป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด

นายกรัฐมนตรี ยังระบุด้วยว่า ตอนนี้พบคนไทยเสียชีวิต 20 ราย และหวังว่าจะเป็นตัวเลขที่จบแล้ว แต่ก็ยังยืนยันไม่ได้ เพราะการต่อสู้ก็ยังรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เราจึงพยายามอพยพคนไทยให้ได้เร็วที่สุด เท่าที่สามารถทำได้ทุกวิถีทาง ขอขอบคุณภาคเอกชนที่มีส่วนร่วมในการช่วยนำคนไทยออกมา

เท่าที่ดูจากตัวเลขผู้เสียชีวิตนั้น ต้องยอมรับว่าไทยเป็นประเทศที่มีการสูญเสียสูงที่สุดประเทศหนึ่ง ก็หวังว่ารัฐบาลอิสราเอลคงจะเห็นใจ และจะช่วยอำนวยความสะดวกนำรถทหารมาส่งประชาชนคนไทยกลับบ้านโดยเร็วที่สุด. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” ถก สมช.-ครม.นัดพิเศษ พิจารณาข้อตกลงหยุดยิง

ทำเนียบรัฐบาล 6 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ พิจารณาข้อตกลงหยุดยิงไทย-กัมพูชา ด้าน “บิ๊กเล็ก” ตั้งเกณฑ์วัดความจริงใจกัมพูชา 3 ระดับ บอกผ่าน GBC ระดับเลขาฯ แล้ว เบื้องต้นบรรลุข้อลงหยุดยิง ตามข้อเสนอ 8 ข้อ ขอรอดูปฏิบัติจริง ย้ำ MOU43 ยังมีประโยชน์เป็นข้ออ้างกล่าวหาเขมรได้-ขอสบายใจ ยึดประโยชน์ชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีรัฐพิเศษเพื่อที่จะรับรองข้อตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ภายหลังคณะเลขานุการ GBC ไทย ได้เดินทางไปยังประเทศมาเลเซียเพื่อหารือในวงเล็กมาก่อนหน้านี้ โดยบรรยากาศการประชุมมีบรรดารัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมอาทิ พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายชูศักดิ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย รวมถึงคณะเลขานุการ GBC เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง พลเอกณัฐพล เปิดเผยก่อน การประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) […]

ศบ.ทก. เผย GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย จ่อชง สมช.-ครม.นัดพิเศษ

ทำเนียบ 6 ส.ค.- ศบ.ทก. เผยข่าวดี ที่ประชุม GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย พร้อมเตรียมเสนอให้ สมช. – ครม. นัดพิเศษ พิจารณาเย็นนี้ ก่อน รมช.กห. เดินทางร่วมลงนามพรุ่งนี้ ด้าน กต. เตรียมประชุมทูตทั่วโลก เพื่อชี้แจงสถานการณ์ให้นานาชาติเข้าใจ หลังพาองค์การระหว่างประเทศเยี่ยม 18 เชลยศึก ขณะที่ผ่อนปรนให้โดรนเพื่อการเกษตรบินได้หลัง 15 ส.ค.นี้ พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทบ.) และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมกับนางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ภายหลังจากการประชุมความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พลเรือตรีสุรสันต์ แถลงว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในส่วนของความมั่นคงในห้วงที่ผ่านมา สถานการณ์โดยทั่วไปอยู่ในสภาวะปกติ มีการเสริมที่มั่นทางทหารในพื้นที่บางส่วน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่มีการเสริมกำลังทหารแต่อย่างใด ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเช่นเดียวกันก็มีการตรวจพบว่ามีการใช้โดรนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ในสถานการณ์ไทยห้ามบินโดรนทั่วประเทศ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงยังเข้มงวดในการสกัดกั้น ตรวจตรา ตรวจสอบ รวมทั้งดำเนินการตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 15 […]

กกพ.จี้ MEA แจงปัญหาไฟดับ

กรุงเทพฯ 6 ส.ค. – สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จี้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) แจ้งปัญหาไฟดับเป็นบริเวณกว้าง ด้านประชาชนแห่คอมเมนต์ผลกระทบและต้องการเห็นการชดเชย จากปัญหาความเดือดร้อนคนกรุงเทพฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา (5 ส.ค.) เวลา 22.12 น. เกิดไฟดับเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่ย่านสะพานควาย เขตพญาไท ถ.ประดิพัทธ์ และ ถ.พระรามที่ 6 และ MEA แก้ไขจนจ่ายครบเวลา 23.50 น. ทางสำนักงาน กกพ.แจ้งว่าได้ประสานให้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) รายงานข้อเท็จจริง และแนวทางการแก้ไขและป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก ในขณะที่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบต่างระบุเดือดร้อนจากเหตุไฟดับ ต้องการให้ MEA ชี้แจงสาเหตุที่ชัดเจน บางส่วนก็ชื่นชม แก้ปัญหาได้รวดเร็ว บางส่วนก็ต้องการเห็น การชดเชยจาก MEA เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เศรษฐกิจและมีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยไฟดับทั้งอาคาร ดับทั้งไฟสาธารณะ ไฟจราจร สัญญาณอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ MEA ชี้แจงเบื้องต้นสาเหตุเกิดจากความขัดข้องทางเทคนิคของอุปกรณ์ในสถานีไฟฟ้าย่อย ในระหว่างการเตรียมการเพื่อปฏิบัติงานปรับปรุงระบบจ่ายไฟฟ้าตามปกติ, ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือภัยคุกคามทางไซเบอร์ สาเหตุที่แท้จริงของอุปกรณ์ขัดข้องจะชี้แจงต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า […]

ตำรวจเตรียมสอบเชิงลึกชาย BHQ หวั่นเป็นไส้ศึก

บุรีรัมย์ 6 ส.ค.-ตำรวจสอบปากคำชายชาวกัมพูชา พบใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ อ้างเคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อคำให้การ เกรงแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับ กรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จังหวัดบุรีรัมย์ จับกุมชายชาวกัมพูชา ได้ที่บ้านพักภรรยาคนไทยและมีเครื่องแบบทหารพร้อมตราสัญลักษณ์ BHQ จากการสอบปากคำ เคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว มาทำงานอยู่ไทย แล้วถูกสวมชื่อ จากการตรวจสอบพบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ ซึ่งแต่ละชื่อไม่ตรงกัน และอ้างว่าเมื่อก่อนเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่ล่าสุดมีการลักลอบเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติทาง จ.สระแก้ว โดยอ้างว่าจ่ายเงินบุคคลที่พาเข้า 4,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงว่าอาจจะแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับคอยส่งข้อมูลความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับความมั่นคงของไทย ไปให้ฝั่งกัมพูชา จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์พบมีรูปถ่ายกายแต่งกายทหารและถือปืน เบื้องต้นทางตำรวจจะดำเนินคดีมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต.-สำนักข่าวไทย