ทำเนียบรัฐบาล 10 ต.ค.-กก.ศึกษาประชามติแก้รธน.นัดแรก ตั้ง 2 อนุฯ รับฟังความเห็น-ศึกษาการทำประชามติ ตั้งกรอบเดือนธ.ค.ทุกอย่างต้องเสร็จ ทำประชามติ ไตรมาสแรกปี 67 มั่นใจไม่สะดุด ศึกษารอบคอบ แม้อาจโดนร้องศาล
นายนิกร จำนง โฆษกคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ 2560 เปิดเผยภายหลังการประชุม ว่า คณะกรรมการชุดนี้เกิดขึ้นตามนโยบายเร่งด่วนที่รัฐบาลแถลงไว้กับรัฐสภา เพื่อให้ประเทศดินต่อไปข้างหน้าได้อย่างมั่นคง สำหรับประเด็กการแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไม่ได้แก้ไขมาตราที่เกี่ยวข้องกับ หมวด1 และ2
นายนิกร กล่าวว่า หลักการที่สำคัญคือคณะกรรมการชุดนี้ไม่ได้มีหน้าที่เขียนรัฐธรรมนูญ แต่มีหน้าที่ศึกษาการจัดทำประชามติ โดยหลักการที่คณะกรรมการชุดนี้จะต้องปฏิบัติคือทำประชามติที่มีทุกภาคส่วนมาร่วม จึงต้องรับฟังความคิดเห็นจากทุกฝ่าย โดยการดำเนินงานจะต้องศึกษาความเห็นที่ยังไม่ตรงกัน 2 ทาง ว่าจะต้องจัดทำประชามติ 2 ครั้ง หรือ 3 ครั้ง โดยต้องไปศึกษาข้อกฎหมายและคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งกรรมการฯจะคิดเองไม่ได้ เพราะอยู่ภายใต้การกำหนดของศาลรัฐธรรมนูญด้วย และกลไกของรัฐสภาและต้องทำให้รอบคอบที่สุด หลังจากนี้จะไม่มีการศึกษาร่างรัฐธรรมนูญของพรรคการเมืองที่เคยเสนอและยังค้างอยู่ในสภา รวมถึงศึกษารัฐธรรมนูญ ปี 2540 และปี 2550 ด้วย นอกจากนี้ จะศึกษาแนวทางการได้มาของ สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) ว่าการจัดทำจะทำโดยใครและเมื่อต้องการการมีส่วนร่วมอย่างกว้างขวางภาคประชาชนจะเข้ามามีส่วนร่วมได้อย่างไรบ้าง
“ที่ประชุมคณะกรรมการศึกษาแนวทางการจัดทำประชามติวันนี้ (10 ต.ค.) ได้ตั้ง อนุกรรมการ 2 คณะ เพื่อช่วยเหลือในการปฏิบัติงาน คือ 1. คณะอนุกรรมการรับฟังความคิดเห็นจากกลุ่มต่างๆ อย่างกว้างขวาง ซึ่งมีกรอบเวลากำหนดไม่ใช่ทำไปเรื่อยๆ และ 2. ศึกษาว่าจะต้องทำประชามติกี่ครั้ง ให้สอดคล้องกันรัฐธรรมนูญ โดยพิจารณาบนพื้นฐานของงบประมาณ และสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งคาดว่าภายใน2 -3 วันนี้ จะอนุมัติตั้งคณะอนุกรรมการได้ ว่าจะมีใครบ้าง ส่วนการประชุมคณะกรรมการชุดใหญ่ จะนัดประชุม เดือนละ 1 ครั้ง ส่วนอนุกรรมการให้นัดประชุมได้ตามภารกิจ” นายนิกร กล่าว
ด้านนายภูมิธรรม เวชยชัย ประธานคณะกรรมการเพื่อพิจารณาศึกษาแนวทางในการทำประชามติ เพื่อแก้ไขปัญหาความเห็นที่แตกต่างในเรื่องรัฐธรรมนูญ 2560 กล่าวว่า รัฐบาลมุ่งมั่นว่าจะทำให้รัฐธรรมนูญเป็นประชาธิปไตยมากที่สุด และเร็วที่สุด เพื่อไม่ให้เสียเวลา หัวใจสำคัญคือต้องคำนึงว่า ร่างรัฐธรรมนูญ ออกไปแล้ว จะต้องผ่านความเห็นชอบ ตรงตามความต้องการของประชาชน และเป็นที่ยอมรับ หลังจากนี้ให้ฝ่ายที่เกี่ยวข้องเริ่มดำเนินการได้ทันที
“ช่วงต้นเดือน พ.ย. ไม่เกินวันที่ 10 พ.ย.นี้ จะเรียกมาติดตามผลการทำงานอีกครั้ง ว่าติดขัดอะไรหรือไม่ ตั้งเป้าว่าภายในเดือนธ.ค.ปีนี้ทุกอย่างต้องจบ เริ่มทำประชามติ การทำรัฐธรรมนูญจะต้องทำให้แล้วเสร็จภายใน 4 ปีนี้ พร้อมกับกฎหมายลูก คาดว่าจะสามารถเริ่มทำประชามติได้ในไตรมาสแรกของปี 2567 และ ยืนยันว่าจะทำอย่างรอบคอบ ให้สอดคล้องกับรัฐธรรมนูญมากที่สุด” นายภูมิธรรม กล่าว
เมื่อถามว่า จะต้องไปสอบถามใครเรื่องจะทำประชามติไม่ให้ขัดคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ นายนิกร กล่าวว่า เราจะทำให้สำเร็จ ครั้งนี้ต้องผ่าน และเชื่อว่าจะมีคนร้องศาลรัฐธรรมนูญแน่ จึงจะใช้ประสบการณ์ที่มา เพื่อตั้งคณะอนุกรรมศึกษารายละเอียดให้ครอบครอบมากที่สุดเพื่อจะทำให้ผ่าน อีกทั้งตั้งประสานกับรัฐสภาด้วย นายภูมิธรรม กล่าวเสริมว่า เราไม่อยากซ้ำเดิม ก็หาแนวทางศึกษาให้รอบคอบมากที่สุด และคงดำเนินการไปตามกระบวนการโดยไม่ต้องรอวุฒิสภาชุดใหม่.-สำนักข่าวไทย