ขอทุกภาคส่งนร่วมดูแลสภาพภูมิอากาศ

ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ 6 ต.ค.-นายกฯ ย้ำความมุ่งมั่นของไทยเร่งรัดการบรรลุเป้าหมายด้านการดูแลสภาพภูมิอากาศ เชื่อสำเร็จได้ถ้าทุกภาคส่วนร่วมมือ พร้อมกำหนดทิศทางการพัฒนาประเทศไปสู่ความยั่งยืนทุกมิติ


นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เป็นประธานและกล่าวปาฐกถาพิเศษพิธีเปิดการประชุมภาคีการขับเคลื่อนการปฏิบัติงานด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศของไทย ครั้งที่ 2 (2nd Thailand Climate Action Conference : TCAC 2) โดยมีคณะรัฐมนตรี เอกอัครราชทูต องค์กรระหว่างประเทศ ผู้บริหารหน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน ผู้ว่าราชการจังหวัดร่วมงาน

นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งกลายมาเป็นปัญหาเร่งด่วนและทวีความรุนแรงในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา รัฐบาลไทยให้ความสำคัญและพยายามอย่างเต็มที่ทุกวิถีทางเพื่อต่อสู้กับวิกฤติสำคัญนี้ อย่างไรก็ดี การแก้ปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในสังคม การประชุมฯ ในวันนี้จึงเป็นเวทีสำคัญในการแลกเปลี่ยนความคิด สร้างความร่วมมือกับพันธมิตรใหม่ ๆ และร่วมกันขับเคลื่อนในเชิงปฏิบัติ เชื่อมั่นว่า หากทุกภาคส่วนร่วมมือกันอย่างจริงจัง จะสามารถบรรลุเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่ร่วมกันได้


นายรัฐมนตรี กล่าวว่าการเข้าร่วมการประชุม UNGA78 ที่ผ่านมา มีประเด็นเรื่องการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นหนึ่งในวาระสำคัญ ซึ่งได้พูดคุยหารือร่วมกับผู้นำประเทศต่าง ๆ รวมถึงได้เน้นย้ำอย่างหนักแน่นไปยังประชาคมโลกถึงความมุ่งมั่นของประเทศไทยในการเร่งรัดการบรรลุเป้าหมาย SDGs ในระหว่างการประชุมสุดยอด Climate Ambition Summits ซึ่งประเทศไทยเป็นหนึ่งใน 38 ประเทศที่ได้รับเลือกให้นําเสนอแผนและพันธกรณี

“ไทยยืนยันกับโลกว่าไทยยังคงมุ่งมั่นจะบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน ภายในปี ค.ศ. 2050 และเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ ภายในปี ค.ศ. 2065 สอดคล้องกับเป้าหมายการพยายามควบคุมอุณหภูมิโลกไม่ให้เกิน 1.5 องศาเซลเซียส ภายใต้ข้อตกลงปารีส พร้อมเพิ่มเป้าหมายการมีส่วนร่วมที่ประเทศกำหนด (Nationally Determined Contribution) จากร้อยละ 20 เป็นร้อยละ 40 ภายในปี ค.ศ. 2030 โดยรัฐบาลได้นำเป้าหมายเหล่านี้ บูรณาการในนโยบายที่สำคัญของประเทศ ซึ่งรวมถึงในยุทธศาสตร์ชาติระยะ 20 ปี และแผนพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติฉบับที่ 13” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ในส่วนของภาคพลังงาน รัฐบาลมุ่งเน้นการเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงาน การปรับเปลี่ยนรูปแบบการขนส่ง รวมถึงการเตรียมการยกเลิกผลิตพลังงานโดยใช้เชื้อเพลิงถ่านหิน ภายในปี ค.ศ. 2050 ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกในด้านพลังงานได้ร้อยละ 15 พร้อมวางแผนเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานทดแทน ผ่านโครงการ Utility Green Tariff สนับสนุนการใช้โซลาร์รูฟท็อปและการวัดแสงสุทธิ (net metering) รวมถึงสนับสนุนการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ


“ส่วนภาคการเกษตร รัฐบาลนำร่องปรับเปลี่ยนวิธีการทำนาแบบปัจจุบันไปสู่การทำนาที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกที่ยั่งยืน มีประสิทธิภาพ เพิ่มผลผลิต รวมถึงมุ่งเน้นการขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจ BCG เพื่อพัฒนาสังคมแบบองค์รวม โดยไม่ทิ้งใครไว้ข้างหลัง พร้อมทั้งเพิ่มคุณค่าให้กับความหลากหลายทางชีวภาพ วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และเศรษฐกิจที่เน้นนวัตกรรม ผ่านการเพิ่มประสิทธิภาพของทรัพยากรหมุนเวียนและการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน รัฐบาลมุ่งมั่งปกป้องป่าไม้และเพิ่มแหล่งกักเก็บคาร์บอน โดยตั้งเป้าหมายเพิ่มพื้นที่สีเขียวทุกประเภทให้ครอบคลุมร้อยละ 55 ของพื้นที่ทั้งหมดภายในปี ค.ศ. 2037 ซึ่งจะช่วยเพิ่มการดูดกลับก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 120 ล้านตันต่อปี” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ระหว่างการเข้าร่วมการประชุม Financing for the Future Summit ได้เน้นย้ำว่ารัฐบาลส่งเสริมกลไกการเงินสีเขียวอย่างแข็งขัน ผ่านการออกพันธบัตรเพื่อความยั่งยืน (Sustainability Bond) ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักลงทุนทั่วโลก ปัจจุบันสามารถระดมทุนได้ถึง 12.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนำไปสนับสนุนโครงการต่าง ๆ ได้มากมาย รวมถึงโครงการรถไฟฟ้าใต้ดินสายใหม่ และโครงการปรับปรุงระบบบริหารจัดการน้ำ ตลอดจนสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับการลงทุนที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงวางแผนออกพันธบัตรที่เชื่อมโยงกับความยั่งยืน(Sustainability Linked Bonds) อีกชุดในปีหน้า และจะระดมทุนให้ได้ประมาณ 2 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ พัฒนาการจัดทำมาตรฐานการจัดกลุ่มกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่คำนึงถึงสิ่งแวดล้อมของประเทศไทย (Thailand Green Taxonomy) เพื่อเป็นเครื่องกำหนดมาตรฐาน ซึ่งจะช่วยให้ภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคการเงิน สามารถกำหนดนโยบาย การพัฒนาผลิตภัณฑ์ บริการ และการลงทุน ให้สอดคล้องกับการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อมของประเทศไทยในทุกมิติ

“ผมเห็นถึงโอกาสสำหรับประเทศไทยและภาคเอกชนในการก้าวไปสู่ความยั่งยืน ด้วยการเปลี่ยนกระบวนทัศน์ในภาคการผลิตและบริการ ซึ่งหลายองค์กรได้ผลักดันและส่งเสริมมาตรการที่ยั่งยืนในปัจจุบัน โดยรัฐบาลเตรียมการเพื่อก้าวไปพร้อมกับองค์กรเหล่านี้ อาทิ การเตรียมการผลิตภายในประเทศและการค้าระหว่างประเทศอย่างเต็มที่ สำหรับการบังคับใช้มาตรการปรับราคาคาร์บอนก่อนข้ามพรมแดนของสหภาพยุโรป (CBAM) ในระยะแรก ซึ่งรวมถึงผลิตภัณฑ์ต่าง ๆ ได้แก่ ซีเมนต์ กระแสไฟฟ้า ปุ๋ย เหล็กและเหล็กกล้า และอลูมิเนียม ก่อนการบังคับใช้อย่างเต็มรูปแบบในปี ค.ศ. 2026 รัฐบาลให้ความสำคัญกับ “โอกาส” ในการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปสู่การเติบโตอย่างสมดุลและยั่งยืน ปรับเปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมด้านการผลิตและการบริโภค โดยยึดหลักความยั่งยืนมากขึ้น ซึ่งต้องได้รับความร่วมมืออย่างแข็งขันและสร้างสรรค์จากผู้มีส่วนได้ส่วนเสียทุกฝ่าย” นายกรัฐมนตรี กล่าว

นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า รัฐบาลตระหนักถึงความเร่งด่วนในการดำเนินการด้านสภาพภูมิอากาศอย่างจริงจัง จึงจัดตั้งกรมการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและสิ่งแวดล้อมขึ้น เพื่อตอบสนองต่อวิกฤตการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โดยนายกรัฐมนตรีผลักดันให้ผ่านพระราชบัญญัติการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ เพื่อควบคุมการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกแบบบังคับ ซึ่งส่วนนี้จะวางรากฐานที่มั่นคงสำหรับการเปลี่ยนแปลงสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ต้องขอขอบคุณสำหรับบทบาทและการสนับสนุนการรักษาโลกใบนี้ เพื่อคนรุ่นใหม่ในอนาคตของเรา อย่างไรก็ตาม ยังมีอีกหลายสิ่งที่ต้องทำ เพื่อให้แน่ใจว่าความสำเร็จในวันนี้จะยั่งยืน พร้อมหวังเป็นอย่างยิ่งว่าจะมีการจัดกิจกรรมดี ๆ และการอภิปรายที่ประสบผลสำเร็จ ซึ่งรัฐบาลยินดีรับฟังความคิดเห็นและข้อเสนอแนะจากการอภิปรายในวันนี้.-สำนักข่าวไทย  

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

คลอดลูกแฝดตกตึก

หญิงวัย 31 เพิ่งคลอดลูกแฝด พลัดตกตึก 18 ชั้น รพ.ดัง เสียชีวิต

สลด! หญิงวัย 31 ปี เพิ่งคลอดลูกแฝด พลัดตกตึก 18 ชั้น โรงพยาบาลดัง เสียชีวิต ด้านโรงพยาบาลแถลงแสดงความเสียใจต่อครอบครัวผู้เสียชีวิต พร้อมทบทวนมาตรการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้ขึ้นอีก

ทหารควง M16 ยิงเพื่อนตำรวจดับคาบ้านพัก

ทหารพรานควง M16 บุกยิงเพื่อนตำรวจเสียชีวิตภายในบ้านพัก ก่อนขี่รถจักรยานยนต์ออกจากบ้านผู้ตาย เข้ามอบตัวกับตำรวจ สภ.เมืองปัตตานี เบื้องต้นคนก่อเหตุให้การวกวน เนื่องจากอยู่ในอาการหลอน

ลูกน้องปืนโหดรัวยิงหัวหน้างานดับคา สนง.ปฏิรูปที่ดินฯ

ลูกน้องชักปืนกระหน่ำยิงหัวหน้างานดับกลางห้องทำงาน สำนักงานปฏิรูปที่ดิน จ.น่าน ก่อนลั่นไกยิงตัวเอง ปมเหตุขัดแย้งเรื่องงาน

จนท.ปะทะเดือด! เสียงปืนสงบพบศพคนร้าย 4 ศพ

ตำรวจ ทหาร ฝ่ายปกครอง นำกำลังปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่ อ.กรงปินัง จ.ยะลา เกิดการปะทะ เสียงปืนสงบพบศพคนร้าย 4 ศพ ยึดอาวุธสงคราม 3 กระบอก

ข่าวแนะนำ

กกต.แถลงความพร้อมเลือกตั้ง อบจ. พรุ่งนี้ คาดรู้ผลไม่เป็นทางการ 4 ทุ่ม

กกต. แถลงความพร้อมเลือกตั้ง อบจ. 90,715 หน่วย พรุ่งนี้ คาดรู้ผลคะแนนไม่เป็นทางการ 4 ทุ่ม รับถกปม “ทักษิณ” ปราศรัยแจกเงินหมื่นหาเสียง อบจ.

ประธาน กกต.คุมเข้มคืนหมาหอน เลือกตั้งนายก อบจ.

ประธาน กกต. ลงพื้นที่ตรวจความเรียบร้อย การส่งมอบบัตรเลือกตั้งและวัสดุการเลือกตั้งนายกและสมาชิก อบจ. ที่จังหวัดเชียงใหม่ เผยจนถึงเวลานี้มีเรื่องร้องเรียนจากทั่วประเทศกว่า 150 เรื่อง

ปล่อยตัวคนไทย

ครอบครัวแรงงานไทยหนึ่งเดียวที่ยังถูกจับเป็นตัวประกันยังมีหวัง

ครอบครัวของแรงงานไทยอีก 1 คนที่ยังถูกจับเป็นตัวประกัน ยังรอคอยด้วยความหวังจะได้รับการปล่อยตัวเช่นเดียวกับ 5 คนไทย และหากกลับมาได้จะไม่ให้ไปทำงานที่อิสราเอลอีก

ไฟไหม้บริษัทแครี่บอย

เร่งหาสาเหตุไฟไหม้โรงงานประกอบรถยนต์ย่านลาดกระบัง

เร่งหาสาเหตุไฟไหม้โรงงานประกอบรถยนต์ ย่านลาดกระบัง อาคารเริ่มทรุดตัว ด้าน “ผู้ว่าฯ ชัชชาติ” ลงพื้นที่เตือนชาวบ้านระวังอันตราย อากาศปิด ควันไฟซ้ำเติมฝุ่นพิษ