บี้นายกฯ สอบวินัย “พล.ต.อ.เพิ่มพูน”

พรรคก้าวไกล 15 ก.ย.-“ธีรัจชัย” จี้นายกฯ ดำเนินการทางวินัย “พล.ต.อ.เพิ่มพูน” หลัง ป.ป.ช.ชี้มูลความผิดปมช่วยคดี “บอส อยู่วิทยา” เชื่อ ไม่กล้าถอดถอนจากเก้าอี้ รมว.ศึกษาฯ เพราะอยู่พรรคสำคัญ ขอจริงใจตามจับคนผิดมาลงโทษ หยุดความเหลื่อมล้ำในกระบวนการยุติธรรม


นายธีรัจชัย พันธุมาศ สส.กทม. พรรคก้าวไกล แถลงข่าวกรณีที่เมื่อวานนี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้แถลงข่าวกรณีที่ส่งชื่อพล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการให้นายกรัฐมนตรีดำเนินการทางวินัย ซึ่งเกี่ยวเนื่องกับคดีของนายวรยุทธ อยู่วิทยา เหตุเกิดเมื่อวันที่ 3 ก.ย. 2555 ที่ขับรถชนดาบตำรวจวิเชียร กลั่นประเสริฐ จนเสียชีวิต เป็นกรณีที่ประชาชนสนใจในเรื่องนี้มีการดำเนินคดีและมีอะไรมากมายมีข้อสงสัยว่ามีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องการเปลี่ยนแปลงความเร็วให้รถมีความเร็วต่ำกว่ากฎหมายกำหนด การร้องเรียนขอความเป็นธรรมเพื่อให้สั่งไม่ฟ้องในคดี รวมถึงย้ายนายตำรวจที่จะออกหมายแดงเพื่อติดตามตัวนายวรยุทธ ซึ่งหลบหนีอยู่นอกประเทศ มีนายตำรวจใหม่มาและเปลี่ยนให้เป็นหมายที่ใช้ในหน่วยงานของรัฐเท่านั้น มีการย้ายนายตำรวจที่จะมีความเห็นแย้งอัยการได้ทำให้เกิดกรณีสั่งไม่ฟ้องเกิดขึ้นให้ออกไป และมีตำรวจท่านใหม่เข้ามาทำให้ไม่แย้งอัยการที่สั่งไม่ฟ้อง

นายธีรัจชัย  กล่าวว่า หลังจากสั่งฟ้องนายวรยุทธหลายข้อหาแต่ต่อมามีการร้องเรียนอัยการถึง 13 ครั้งจนครั้งที่ 14 ประสบความสำเร็จอัยการมีคำสั่งไม่ฟ้องนายวรยุทธ ซึ่งเรื่องนี้ตนได้นำไปอภิปรายไม่ไว้วางใจหนึ่งครั้ง รวมถึงในคณะกรรมาธิการป.ป.ช.ของสภาผู้แทนราษฎร ได้สอบสวนจนสิ้นกระแสความและส่งเรื่องให้กรรมการป.ป.ช.ตั้งแต่อภิปรายไม่ไว้วางใจเป็นต้นมา มาถึงวันนี้ถึงเป็นเรื่องที่ต้องเรียนไปยังนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ว่าจะดำเนินการอย่างไรในเรื่องนี้ เพราะก่อนหน้านี้นายวิชา มหาคุณ ประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย กรณีคำสั่งไม่ฟ้องคดีอาญาที่อยู่ในความสนใจของประชาชน ได้บอกว่าเรื่องนี้มีความผิดต่อคนหลายกลุ่ม กลุ่มสำคัญคือกลุ่มนักการเมืองและผู้บังคับบัญชาระดับสูง ซึ่งเป็นคนที่สั่งย้ายนายตำรวจที่ไม่ให้ออกหมายแดง รวมถึงนายตำรวจที่จะทำความเห็นแย้งอัยการ


“คนที่นั่งหัวโต๊ะก.ตร.  คือนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น อยากทราบว่า นายกรัฐมนตรีในปัจจุบันจะทำความจริงเรื่องนี้ให้ปรากฏอย่างไร พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ ปัจจุบันเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ถูก ป.ป.ช. ชี้มูลแบบนี้แล้ว ถึงแม้เป็นเรื่องวินัย แต่ได้ส่งเรื่องถึงนายกรัฐมนตรีซึ่งเป็นประธาน ก.ตร. เป็นผู้บังคับบัญชาได้ดำเนินการต่อ 8วามเหมาะสมในตำแหน่งของพล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ ในการเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เหมือนเป็นครูใหญ่ของประเทศ จะเหมาะสมหรือไม่ ที่จะออกนโยบายต่างๆ สั่งสอนเด็กให้ซื่อสัตย์สุจริต และให้มีประสิทธิภาพต่าง ๆ เพราะมีความด่างพร้อยตรงนี้” นายธีรัจชัย กล่าว

นายธีรัจชัย กล่าวว่า ขอถามนายกรัฐมนตรีว่าจะดำเนินการอย่างไรกับคดีทางวินัยที่ ป.ป.ช.ส่งมา จะย้อนหลังอย่างไร จะสั่งการอย่างไร เพื่อให้เกิดผลเป็นจริง และคืนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อกระบวนการยุติธรรมของประเทศนี้ เพราะในนโยบายที่นายกรัฐมนตรีแถลงต่อรัฐสภาไม่มีความชัดเจนเรื่องกระบวนการยุติธรรมที่มีความเหลื่อมล้ำ เพราะเป็นคดีที่ประชาชนสนใจเรื่องความเหลื่อมล้ำของคนรวย คนจน เมื่อคนจนทำผิดถูกดำเนินคดีเต็มที่ แต่พอเป็นคนมีฐานะ มีกลไกต่าง ๆ มาช่วยเหลือ ออกไปนอกประเทศ ยังไม่ถูกดำเนินคดีจนวันนี้ และการชี้มูลของ ป.ป.ช. เป็นตัวรับรองว่ามีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงแม้คดีความยังไม่สิ้นสุด ผู้นำฝ่ายบริหาร และเห็นว่ากระบวนการยุติธรรมมีความเหลื่อมล้ำต้องมาจัดการเรื่องนี้ให้สิ้นกระแสความให้ได้ คือตรวจสอบคนที่ยังไม่ถูกดำเนินคดีให้ถูกดำเนินคดีได้ทั้งหมดผู้ที่ให้ความช่วยเหลือในคดีนี้ได้ถูกดำเนินคดีในสิ่งที่เขาทำ

นายธีรัจชัย เสนอให้ใช้ Biometric ติดตามจับกุมนายวรยุทธ หากนายกรัฐมนตรีมีความจริงใจต้องสั่งการไปที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติให้ความสำคัญ ให้ 26-27 ประเทศในกลุ่มวีซ่าเชงเก้น มีเครือข่ายบริษัทของนายวรยุทธตั้งอยู่ ให้ติดตามว่ามีเครื่องบินของเขาเข้าออก ก็สามารถตามจับได้ไม่ยากหากใส่ใจทำ เป็นการวัดใจนายกรัฐมนตรีว่าจะเห็นความเหลื่อมล้ำในกระบวนการยุติธรรมหรือไม่ ยืนยันว่าจะติดตามตรวจสอบกรณีนี้ต่อไปในฐานะตัวแทนของประชาชนว่าป.ป.ช.หรือนายกรัฐมนตรีจะดำเนินการอย่างไรต่อ เป็นร่องรอยการชี้มูลว่าเรื่องนี้มีมูลความผิดจริง นายกรัฐมนตรีมีความจริงใจต้องจัดการเรื่องนี้อย่างตรงไปตรงมา


เมื่อถามว่านายกรัฐมนตรีพิจารณาควรถอดถอน พล.ต.อ.เพิ่มพูน ออกจากตำแหน่ง รมว.ศึกษาฯ หรือไม่ นายธีรัจชัย กล่าวว่า หากต้องการความเหมาะสมควรทำในสิ่งที่ไม่ให้ประเทศชาติด่างพร้อยเสียหาย แต่ตนไม่เชื่อว่านายกรัฐมนตรีจะกล้าทำแบบนั้น เพราะพรรคที่ท่านสังกัดและได้เป็นรัฐมนตรีครั้งนี้ เป็นพรรคที่สำคัญ มีเสียงสูงในขณะนี้ จึงคิดว่านายกรัฐมนตรีจะไม่กล้า แต่เมื่อไม่กล้าแล้วจะทำอย่างไร จะอธิบายอย่างไรให้ประชาชนเข้าใจ จึงคิดว่าท่านไม่กล้าเพราะเป็นพรรคการเมืองหลักในการตั้งรัฐบาล.-สำนักข่าวไทย 

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” อุบตอบรายละเอียดถก GBC บอกทิศทางดี

ทำเนียบรัฐบาล 6 ส.ค.- “ภูมิธรรม” อุบตอบรายละเอียดถก GBC ไทย-กัมพูชา ขอพูดทีเดียวหลังเจรจา บอกทิศทางดี ด้าน “บิ๊กเล็ก” หวังพรุ่งนี้มีข่าวดี มั่นใจ 90% ยอมรับกังวลบ้าง แต่มีผู้สังเกตการณ์ประเทศอื่น เขมรคงไม่กล้า นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) และคณะรัฐมนตรีชุดเล็ก ว่า ที่ประชุมวันนี้ได้รับฟังข้อมูลจากคณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ฝ่ายเลขานุการ รายงานผลการหารือ ในช่วงวันที่ 4-6 สิงหาคม จากการพูดคุยมีแนวโน้มไปในทิศทางที่ดี โดยจะแถลงรายละเอียดเมื่อมีการหารือเสร็จสิ้นในช่วงบ่ายของวันพรุ่งนี้ (7 ส.ค.68) ซึ่งการเจรจาในวันพรุ่งนี้ได้ให้แนวทาง พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เพื่อเข้าร่วมการประชุม เพื่อให้ได้ข้อยุติอย่างดีที่สุด พร้อมยืนยันว่าในการหารือครั้งนี้จะไม่มีการพูดคุยถึงเรื่องเขตแดนไทย-กัมพูชา ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ยังไม่สามารถตอบได้ ด้านพลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เปิดเผยภายหลังการประขุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ว่า มีความมั่นใจ […]

ศบ.ทก. เผย GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย จ่อชง สมช.-ครม.นัดพิเศษ

ทำเนียบ 6 ส.ค.- ศบ.ทก. เผยข่าวดี ที่ประชุม GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย พร้อมเตรียมเสนอให้ สมช. – ครม. นัดพิเศษ พิจารณาเย็นนี้ ก่อน รมช.กห. เดินทางร่วมลงนามพรุ่งนี้ ด้าน กต. เตรียมประชุมทูตทั่วโลก เพื่อชี้แจงสถานการณ์ให้นานาชาติเข้าใจ หลังพาองค์การระหว่างประเทศเยี่ยม 18 เชลยศึก ขณะที่ผ่อนปรนให้โดรนเพื่อการเกษตรบินได้หลัง 15 ส.ค.นี้ พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทบ.) และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมกับนางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ภายหลังจากการประชุมความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พลเรือตรีสุรสันต์ แถลงว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในส่วนของความมั่นคงในห้วงที่ผ่านมา สถานการณ์โดยทั่วไปอยู่ในสภาวะปกติ มีการเสริมที่มั่นทางทหารในพื้นที่บางส่วน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่มีการเสริมกำลังทหารแต่อย่างใด ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเช่นเดียวกันก็มีการตรวจพบว่ามีการใช้โดรนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ในสถานการณ์ไทยห้ามบินโดรนทั่วประเทศ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงยังเข้มงวดในการสกัดกั้น ตรวจตรา ตรวจสอบ รวมทั้งดำเนินการตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 15 […]

กกพ.จี้ MEA แจงปัญหาไฟดับ

กรุงเทพฯ 6 ส.ค. – สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จี้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) แจ้งปัญหาไฟดับเป็นบริเวณกว้าง ด้านประชาชนแห่คอมเมนต์ผลกระทบและต้องการเห็นการชดเชย จากปัญหาความเดือดร้อนคนกรุงเทพฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา (5 ส.ค.) เวลา 22.12 น. เกิดไฟดับเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่ย่านสะพานควาย เขตพญาไท ถ.ประดิพัทธ์ และ ถ.พระรามที่ 6 และ MEA แก้ไขจนจ่ายครบเวลา 23.50 น. ทางสำนักงาน กกพ.แจ้งว่าได้ประสานให้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) รายงานข้อเท็จจริง และแนวทางการแก้ไขและป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก ในขณะที่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบต่างระบุเดือดร้อนจากเหตุไฟดับ ต้องการให้ MEA ชี้แจงสาเหตุที่ชัดเจน บางส่วนก็ชื่นชม แก้ปัญหาได้รวดเร็ว บางส่วนก็ต้องการเห็น การชดเชยจาก MEA เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เศรษฐกิจและมีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยไฟดับทั้งอาคาร ดับทั้งไฟสาธารณะ ไฟจราจร สัญญาณอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ MEA ชี้แจงเบื้องต้นสาเหตุเกิดจากความขัดข้องทางเทคนิคของอุปกรณ์ในสถานีไฟฟ้าย่อย ในระหว่างการเตรียมการเพื่อปฏิบัติงานปรับปรุงระบบจ่ายไฟฟ้าตามปกติ, ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือภัยคุกคามทางไซเบอร์ สาเหตุที่แท้จริงของอุปกรณ์ขัดข้องจะชี้แจงต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า […]

ตำรวจเตรียมสอบเชิงลึกชาย BHQ หวั่นเป็นไส้ศึก

บุรีรัมย์ 6 ส.ค.-ตำรวจสอบปากคำชายชาวกัมพูชา พบใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ อ้างเคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อคำให้การ เกรงแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับ กรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จังหวัดบุรีรัมย์ จับกุมชายชาวกัมพูชา ได้ที่บ้านพักภรรยาคนไทยและมีเครื่องแบบทหารพร้อมตราสัญลักษณ์ BHQ จากการสอบปากคำ เคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว มาทำงานอยู่ไทย แล้วถูกสวมชื่อ จากการตรวจสอบพบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ ซึ่งแต่ละชื่อไม่ตรงกัน และอ้างว่าเมื่อก่อนเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่ล่าสุดมีการลักลอบเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติทาง จ.สระแก้ว โดยอ้างว่าจ่ายเงินบุคคลที่พาเข้า 4,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงว่าอาจจะแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับคอยส่งข้อมูลความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับความมั่นคงของไทย ไปให้ฝั่งกัมพูชา จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์พบมีรูปถ่ายกายแต่งกายทหารและถือปืน เบื้องต้นทางตำรวจจะดำเนินคดีมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต.-สำนักข่าวไทย