ทำเนียรัฐบาล 25 ส.ค.-“วิษณุ” เผยปิดประตูการเมือง ขอพักผ่อน เลี้ยงหลาน เชื่อ “เศรษฐา” ได้เสียงหนุนจากสส.-สว.จะเป็นรัฐบาลที่มั่นคง แม้ก่อนหน้าจะกระทบกระทั่งกันบ้าง แต่ถ้าช่วยกันประคับประคองก็ไปได้
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ได้ทยอยเก็บของจากตึกบัญชาการ 1 แล้ว แต่ยังเก็บไม่หมด ซึ่งจะต้องขนอีกหลายรอบ หลังจากนี้จะพักผ่อนอยู่บ้าน เล่นกับหลาน ซึ่งจะทำให้ตนมีความสุขมาก อาจจะเขียนหนังสือหรือสอนหนังสือ รวมถึงอาจจะถูกเชิญไปเป็นกรรมการบริษัทต่าง ๆ แต่ยังมีหน้าที่ในสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและราชบัณฑิตยสภา
“จะยุติบทบาทงานทางการเมืองแล้ว ผมเคยคิดแบบนี้ตั้งแต่ปี 2549 แต่อีก 8 ปีต่อมา ก็มีเหตุให้กลับมาทำงานทางการเมืองอีก แต่คราวนี้หวังว่าจะไม่มีเหตุแบบนั้นอีก เพราะขณะนี้มีปัญหาเรื่องสุขภาพแทรกเข้ามาด้วย” นายวิษณุ กล่าว
เมื่อถามย้ำว่าจะปิดประตูทางการเมืองเลยใช่หรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ใช่ ให้ตนไปสาบานที่ไหน และหากใครมาชวน ตนก็จะเปิดพุงให้ดู (แผลที่ฟอกไต) ทุกที
นายวิษณุ กล่าวว่า ไม่ได้เตรียมส่งมอบงานให้รัฐบาลชุดต่อไป เพราะยังไม่ทราบว่าเป็นใคร กว่าที่รัฐมนตรีชุดใหม่จะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ ตนก็พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว และเมื่อแถลงนโยบายต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรแล้วเสร็จ ก็จะประชุมคณะรัฐมนตรีเพื่อแบ่งงาน ซึ่งตนไม่ได้อยู่มอบนโยบาย
ส่วนที่เคยพูดเมื่อสมัยตั้งรัฐบาลพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชาว่าสนิมจะเกิดจากเนื้อใน เมื่อมองรัฐบาลชุดนี้ประเมินอย่างไร นายวิษณุ กล่าวว่า ถือว่าเป็นอย่างที่ตนพูด ซึ่งเรือเหล็กในความหมายของตนคือเรือที่มั่นคงแน่นหนาถาวร ซึ่งรัฐบาลชุดนี้ก็มั่นคงแน่นหนาเพราะอยู่มาครบ 4 ปี แต่คำว่า สนิมเหล็กเกิดขึ้นในเนื้อในเหล็ก ไม่ได้เกิดขึ้นจากภายนอก ซึ่งเราเห็นได้จากความแตกแยกของคนในรัฐบาล ที่มีการแตกพรรคการเมืองออกไปจากพรรคพลังประชารัฐกลายเป็นพรรครวมไทยสร้างชาติถือเป็นสนิมเหล็ก
“ส่วนรัฐบาลชุดใหม่ยังไม่สามารถประเมินได้ เพราะยังไม่เห็นหน้าตา แต่การที่นายเศรษฐา ทวีสินได้รับเสียงสนับสนุนจากส.ส.และส.ว.จำนวนมาก น่าจะเชื่อว่าจะเป็นรัฐบาลที่มั่นคงแข็งแกร่งได้ แต่การที่มีพรรคร่วมรัฐบาลถึง 11 พรรคอาจจะกระทบกระทั่งกันเป็นเรื่องธรรมดา ซึ่งก่อนจะมาร่วมรัฐบาลก็มีความขัดแย้งกันมาก่อน แต่หากก้าวข้ามหรือสลายความขัดแย้งได้จะส่งผลดีต่อรัฐบาลและประเทศ ส่วนจะทำได้หรือไม่นั้น ไม่ทราบ แต่เชื่อว่าถ้าทุกคนตั้งใจประคับประคองก็ไปได้
นายวิษณุ กล่าวถึงการพบกันของ 2 นายกรัฐมนตรี วานนี้(24 ส.ค.) ว่า นับว่าเป็นนิมิตรหมายที่ดี นายกรัฐมนตรีในอดีตหลายคนพยายามจะทำอย่างเดียวกัน แต่ทำไม่ได้ เพราะไม่สะดวกบ้าง แต่ก็ไม่ใช่เรื่องประวัติศาสตร์อะไร จะทำหรือไม่ทำก็ได้ การทำถือเป็นนิมิตรหมายที่ดี ทำให้ข้าราชการสบายใจ ซึ่งพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมก็ยินดี
ส่วนรัฐบาลใหม่ที่จะเข้ามา ส่วนใหญ่เป็นหน้าใหม่ มีอะไรน่าเป็นห่วงหรือไม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เห็นรายชื่อจากหนังสือพิมพ์ ซึ่งผู้มีส่วนได้เสียในคณะรัฐบาล บอกว่ายังไม่นิ่ง จึงยังพูดอะไรไม่ได้
ส่วนตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีคนใหม่ หากไม่ได้ควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงใด ๆ จะมีงบประมาณหรืออำนาจหน้าที่อย่างไร นายวิษณุ กล่าวว่า รองนายกรัฐมนตรีที่ควบตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงจะได้รับเงินเดือนตำแหน่งเดียวที่มีค่าตอบแทนสูงสุด และการนับจำนวนรัฐมนตรีในคณะรัฐมนตรีจะนับเป็นจำนวนบุคคล ซึ่งตำแหน่งอาจจะมากกว่าบุคคลได้ เพราะรองนายกรัฐมนตรีอาจจะดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีด้วย และรองนายกรัฐมนตรีจะมีอำนาจกำกับดูแลหน่วยงาน และงบประมาณในสังกัดสำนักนายกรัฐมนตรีได้
สำหรับกฎหมายที่อยากให้รัฐบาลใหม่เข้ามาเร่งผลักดัน นายวิษณุ กล่าวว่า พระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติซึ่งตกไปเพราะอยู่ในสภาฯ และก่อนจะยุบสภามีความขัดแย้งกันหนัก ซึ่งจะต้องเริ่มดำเนินการใหม่ ต้องทำให้ดีที่สุดเพราะเป็นกฎหมายตามรัฐธรรมนูญที่ยังตกค้าง และทำให้การปฏิรูปการศึกษายังมีปัญหาอยู่ ส่วนกฎหมายเก่าของรัฐบาลชุดที่แล้ว เช่น กฎหมายกัญชา พ.ร.บ. คู่ชีวิตก็ตกไปทั้งหมด ครม.ใหม่รับรองไม่ทัน เพราะต้องขอภายใน 60 วันนับตั้งแต่วันที่เสด็จฯ เปิดประชุมสภา ซึ่งจะครบกำหนดในวันที่ 31 สิงหาคมนี้ กฎหมายข้อนี้ต้องตกไป และเริ่มขั้นตอนใหม่ทั้งหมด
ส่วนจะนำร่างกฎหมายเดิมที่ตกไปมาเสนอใหม่หรือไม่ขึ้นอยู่กับรัฐบาลชุดใหม่ นายวิษณุ กล่าวว่า ขณะที่ช่วงระหว่างรอรัฐบาลใหม่เข้าเฝ้าถวายสัตย์ฯ และแถลงนโยบายต่อสภาฯ ภายใน 15 วัน หากเกิดภัยพิบัติขึ้น รัฐบาลรักษาการจะเป็นผู้ดูแล เพราะเป็นเรื่องเร่งด่วน แต่การโยกย้ายข้าราชการไม่ใช่เรื่องเร่งด่วน จึงไม่สามารถทำได้.-สำนักข่าวไทย