รัฐสภา 16 ส.ค.- “อนุทิน” คาด 2-3 วันนี้พรรคเพื่อไทยจะนัดหารือความคืบหน้าการฟอร์ม ครม. ระบุควรตกลงกันให้เสร็จก่อนโหวตนายกฯ ชี้ถ้าได้นั่งกระทรวงเดิมก็ดีได้สานต่องาน
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขและหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวถึงความคืบหน้าการจัดตั้งรัฐบาลและโควต้ารัฐมนตรีในส่วนของพรรคภูมิใจไทยว่า เรื่องนี้ได้พูดคุยกันอยู่แล้ว แต่ในวันนี้ต้องรอให้ทุกอย่างผ่านพ้นไปก่อนโดยเฉพาะเรื่องของคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ
ส่วนกระแสข่าวการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีของพรรคร่วมรัฐบาลในครั้งนี้ยังไม่ลงตัว นายหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ไม่เคยมีเรื่องเคลียร์ไม่ลงตัว อย่ากังวลไปก่อน ส่วนพรรคภูมิใจไทยมีความชัดเจนหรือไม่ว่าจะได้ดูแล 4 กระทรวง ได้พูดคุยกันเบื้องต้นแล้ว ไม่ได้มีเรื่องน่ากังวลอะไร เพราะส่วนใหญ่การพูดคุยจะเน้นเรื่ององค์รวมการจัดตั้งรัฐบาล
ส่วนจำเป็นหรือไม่ว่าจะต้องดูแลกระทรวงเดิม นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้ามีความต่อเนื่องก็เป็นเรื่องที่ดี แต่ไม่ได้มีข้อจำกัด ควรจะหารือเรื่องโควต้ารัฐมนตรีให้จบก่อนการโหวตนายกรัฐมนตรี แต่ทางพรรคเพื่อไทยไม่ได้ตั้งเงื่อนไขว่าจะต้องให้โหวตนายกรัฐมนตรีก่อนจึงจะจัดสรรตำแหน่งรัฐมนตรี น่าจะนัดพูดคุยใน 2-3 วันนี้ รวมถึงกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทยจะขอดูแลกระทรวงด้านเศรษฐกิจเองทั้งหมด
เมื่อถามถึงกระแสข่าวที่พรรคเพื่อไทยจะดึงพรรครวมไทยสร้างชาติมาร่วมรัฐบาล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับว่าพรรคแกนนำจะเชิญใครมาเข้าร่วมรัฐบาล พรรคภูมิใจไทยไม่ขัดข้อง ไม่เคยมีเงื่อนไขกับพรรคใด รวมทั้งไม่อยากให้พรรคใดมามีเงื่อนไขกับพรรคภูมิใจไทยด้วย
สำหรับกรณีนายชูวิทย์ นำข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับนายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดต นายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยมาเปิดเผยอย่างต่อเนื่อง จะส่งผลต่อการตัดสินใจโหวตของส.ว.หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ให้เป็นไปตามขั้นตอนและสถานการณ์ อย่าเพิ่งไปคิดอะไรที่ยังไม่เกิด เพราะเรื่องเหล่านี้มีขั้นตอนอยู่แล้ว ซึ่งจากที่พูดคุยกันในพรรคร่วมรัฐบาลก็จบที่ชื่อของนายเศรษฐาอยู่แล้ว โดยการเสนอของพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเป็นไปตามกติกา และรับฟังซึ่งกันและกันไม่เช่นนั้นก็จะทำให้เสียเวลานานเกินไป
ส่วนที่มองว่าการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้มีเงื่อนไขมาก นายอนุทิน กล่าวว่า ค่อย ๆ แก้ไขไปทีละส่วน ถือเป็นเรื่องธรรมดา เปรียบเหมือนการทำธุรกิจที่จะต้องเริ่มจากการเจรจา หากมีเงื่อนไขที่รับไม่ได้ก็ยุติไปและเริ่มต้นใหม่ เพราะทุกคนก็อยากได้ในสิ่งที่ตนเองต้องการ แต่จะได้แค่ไหนต้องดูที่ความจำเป็น และการรักษาความสัมพันธ์ที่ต้องอยู่ร่วมกัน เพราะเมื่อเป็นทีมเดียวกันแล้วก็ไม่ต้องกังวลว่าใครจะอยู่ส่วนไหน.-สำนักข่าวไทย