ทำเนียบรัฐบาล 15 ส.ค. – “จุติ” บอกผู้สูงอายุสบายใจ ยังได้เบี้ยยังชีพเหมือนเดิม ไม่สะดุด 100% เป็นหน้าที่ของรัฐบาลใหม่ตัดสินใจเคาะหลักเกณฑ์ ติง “วิโรจน์” แยกให้ออกระหว่างนโยบายหาเสียงกับนโยบายรัฐบาล วาทกรรมใครก็พูดได้ ขอร้องเลือกตั้ง 2 เดือนแล้ว รักกันดีกว่า
นายจุติ ไกรฤกษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) กรณีการเปลี่ยนหลักเกณฑ์จ่ายเงินเบี้ยผู้สูงอายุ ว่า กระทรวงมหาดไทยไม่ได้โยนมาที่กระทรวง พม. ซึ่งเขาทำตามระเบียบตามกฎหมาย เพราะทุกคนไม่อยากทำผิดกฎหมาย รัฐธรรมนูญเปลี่ยนก็ต้องเปลี่ยนตาม และต้องให้คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติกำหนดเกณฑ์ ทั้งนี้ รายละเอียดความชัดเจนขณะนี้ 1.ทุกคนที่ได้รับเบี้ยยังชีพเหมือนเดิมทุกประการ 100% ไม่มีใครตกหล่น 2. ต้องรอคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ 3. เป็นแนวทางเลือก ตามมารยาทแล้วอยู่ที่รัฐบาลใหม่ว่าให้ทำอย่างไร 4. ความกังวลว่าเวลาให้ต้องคำนึงถึงกลุ่มอื่นๆ ของสังคมด้วย ซึ่งมีเด็ก 21 ล้านคน คนพิการ 3 ล้านคน ผู้สูงอายุ 11 ล้านคน
“ผู้สูงอายุที่แสดงสิทธิ์ 11 ล้านคน รับอยู่ 89,000 ล้านบาท มีคนที่จนจริงจริงเพียง 4 ล้านคน ต้องถามว่ารัฐบาลมีงบประมานที่จำกัด จะเอาเงินไปช่วยคนที่จนที่สุดของประเทศก่อนหรือไม่เท่านั้นเอง ซึ่งหากรัฐบาลใหม่มาบอกว่าพร้อมที่จะให้เงินเดือนละ 3,000 บาท ก็ต้องไปเก็บภาษีมาให้ได้ ปีละ 720,000 ล้านบาท โดยปัจจุบันนี้กระทรวง พม. ทั้งกระทรวงได้รับงบประมาณอยู่ 8,000 ล้านบาท เพราะฉะนั้นคุณต้องไปหางบประมาณมาอีก 9 เท่า” นายจุติ กล่าว
นายจุติ กล่าวว่า ไม่ได้วางกรอบหรือเงื่อนไขระยะเวลาให้คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติเคาะหลักเกณฑ์ เป็นหน้าที่ของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังใหม่ นายกรัฐมนตรีคนใหม่ คณะรัฐมนตรีชุดใหม่ เป็นคนเลือกว่าจะให้อย่างไร ขณะนี้ยังจ่ายเงินปกติ ไม่มีปัญหาอะไร 100% รับเหมือนเดิมทุกประการไม่มีใครตกหล่นแม้แต่คนเดียง เพราะมีบทเฉพาะกาลอยู่ ส่วนคาดว่าจะสามารถออกหลักเกณฑ์ฯ ได้ช่วงไหนนั้น อยู่ที่คณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติจะตัดสินและส่งให้รัฐบาลใหม่
ส่วนจะให้ความมั่นใจกับประชาชนอย่างไร เพราะหลายคนกังวลจะถูกตัดเบี้ยผู้สูงอายุ นายจุติ กล่าวย้ำว่า วันนี้ 100% ว่าผู้สูงอายุยังได้รับเบี้ยยังชีพ เหมือนเดิมไม่สะดุด งบประมาณก็จะเอาไว้แล้ว งบปี 66 จะจบเดือน ก.ย.นี้ และงบปี 67 เพิ่มเป็น 110,000 ล้านบาท เพราะผู้สูงอายุเพิ่มขึ้น
ส่วนที่นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส. บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลแสดงความเห็นว่าเป็นการลักไก่ช่วงรัฐบาลรักษาการ นายจุติ กล่าวว่า วาทกรรมก็พูดได้ แต่ว่าเราอยู่ที่สามัญสำนึก จิตสำนึก และทำให้คนส่วนใหญ่ ตนไม่ทะเลาะการเมือง อยากฝากทุกคน ใครจะทำอะไรก็ได้ ความสะใจ ไม่ได้ให้อะไรใครสักคนเดียว ซึ่งการเลือกตั้งจบไปแล้วตั้งสองเดือน ให้คนไทยรักกันดีกว่า ขอร้อง
เมื่อถามว่ามีกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าตอนหาเสียงมีนโยบายจะเพิ่มเงินผู้สูงอายุแต่พอเลือกตั้งเสร็จ จะมาลดเบี้ย นายจุติ ชี้แจงว่า เพราะได้ข้อมูลผิด ทุกคนที่ได้รับก็ยังคงได้รับเหมือนเดิม
ส่วนการกำหนดการปรับหลักเกณฑ์ของผู้มีรายได้น้อยจะวัดอย่างไร นายจุติ กล่าวว่า ต้องไปดูที่รัฐธรรมนูญปี 60 ระบุว่า ผู้ที่ไม่มีรายได้เพียงพอจะตัดที่เท่าไหร่ จะตัดที่ตัวเลขหรือเส้นแบ่งความยากจน แต่สิ่งที่นักการเมืองทุกคนไม่เคยพูดให้ประชาชนรับทราคือประเทศที่เขาเจริญแล้วที่เราทำตามเขา เขามีการพิสูจน์สิทธิ์ เช่น ออสเตรเลีย เยอรมัน อังกฤษ สหรัฐฯ วัดว่าลำบากจริง รายได้ไม่พอจริง ก็ควรจะไปช่วยเหลือ
“วันนี้เราบอกว่าเราให้ถ้วนหน้าก็โอเคครับ ถ้ามีสตางค์ วันนี้คุณยังเห็นเด็กที่ยังไม่มีเงินได้เรียนหนังสือ กองทุนเสมอภาคเพื่อการศึกษายังอยากมีงบประมาณเพิ่มขึ้น ดังนั้น จะให้กระจายทุกกลุ่มหรือไม่ หรือจะให้เฉพาะกลุ่ม คนเป็นรัฐบาลต้องมองให้ถ้วน ผมว่าขอให้คิดถึงความเป็นมนุษย์ อย่าไปคิดถึงคะแนนเสียง เดิมทีรัฐธรรมนูญเขียนไว้ว่าไม่ควรรับเงินซ้อนจากรัฐ ซึ่งก็ถูกต้องแล้ว และอันใหม่ระบุว่าให้คนที่มีรายได้ไม่เพียงพอ ต้องไปดูว่าตรงนั้นคืออะไร ไม่มีอะไรยาก ทำใจให้สบาย รักทุกคน และด้วยมารยาท ผมไม่ไปเรียกคณะกรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติมาประชุม เพราะเป็นหน้าที่ของนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังและรัฐมนตรี พม. คนใหม่” นายจุติ กล่าว
นายจุติ กล่าวว่า ด้วยความเคารพทุกคน อยากให้แยกให้ออกว่านโยบายพรรคการเมือง กับนโยบายของรัฐบาล และโครงสร้างของประเทศ โครงสร้างการคลัง ประเทศไทยไม่ได้เผื่อไว้ หรือออกแบบมาเพื่อเป็นรัฐสวัสดิการ ดังนั้นหากจะต้องเปลี่ยนระบบเป็นระบบรัฐสวัสดิการ ต้องมีคนรับผิดชอบเยอะ วันนี้มีผู้ยื่นเสียภาษี 11 ล้านคน เสียภาษีจริงเพียง 4 ล้านคน ดังนั้นต้องขยายฐานภาษี และภาษีมูลค่าเพิ่มของต่างประเทศเขาอยู่ที่ 22% ของไทยเราอยู่ที่ 7% ภาษีภาษีรายได้บุคคลธรรมดาเขาอยู่ที่ 39% เราอยู่ที่ 20% 22 ส่วนภาษีท้องที่เขาอยู่ที่12% เราอยู่ที่ 0.5 กับ 1% เพราะฉะนั้นเราต้องมาถามว่าคนไทยพร้อมหรือยัง คุยกันทั้งประเทศ นักการเมืองพรรคการเมืองก็ต้องฟังทุกกลุ่ม
เมื่อถามว่าให้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลใหม่ใช่หรือไม่ นายจุติ พยักหน้ารับ พร้อมระบุว่าด้วยความรับผิดชอบ ส่วนอยากจะฝากอะไรไปถึงรัฐมนตรี พม. หรือไม่นั้น ขอให้คิดถึงทุกกลุ่ม รักทุกคน เฉลี่ยทุกข์ เฉลี่ยสุขดีกว่า
เมื่อถามว่าไม่กลับมากระทรวงเดิมแล้วใช่หรือไม่ นายจุติ ระบุว่าไม่มีใครทราบ เป็นหน้าที่ของรัฐบาลใหม่แล้ว.-สำนักข่าวไทย