สำนักงานกกต. 11 ส.ค. – “สนธิญา” ยื่นอุทธรณ์คำสั่งนายทะเบียน หลังไม่รับคำร้องยุบ “เพื่อไทย” ทวงถามสมาชิกภาพ สส. ของ “พิธา” สิ้นสุดช่วงปี 62 หรือไม่ อาจส่งผลเลือกตั้งโมฆะ
นายสนธิญา สวัสดี อดีตที่ปรึกษาประธานคณะกรรมาธิการกฎหมาย การยุติธรรม และสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทนราษฎร ยื่นหนังสือต่อ กกต. ขอให้เปิดเผยจำนวนเรื่องร้องเรียนการเลือกตั้ง สส. เนื่องจากวันที่ 14 ส.ค. ซึ่งจะครบ 3 เดือนที่ กกต. มีมติประกาศรับรอง สส. 500 คน ซึ่งขณะนั้นมีกระแสข่าวระบุว่ามีผู้ได้รับเลือกตั้ง 71-100 คนที่มีเรื่องร้องทุจริต จึงต้องการให้ กกต. เปิดเผยว่าเรื่องทุจริตต่างๆ นั้นมีพยานหลักฐานเพียงพอหรือไม่อย่างไร เพราะหาก กกต. พิจารณาแล้วเห็นว่าคนเหล่านั้นกระทำทุจริตจริง แล้วต้องสั่งเพิกถอนสิทธิและเลือกตั้งใหม่ จะทำให้บางพรรคการเมืองที่นำเสียงไปสนับสนุนการจัดตั้งรัฐบาลมีปัญหา หรือถ้าตั้งรัฐบาลไปแล้ว กกต. ดำเนินการกับผู้ที่ทุจริตในภายหลัง อาจทำให้เสียงในรัฐบาลลดลง ทำให้รัฐบาลมีปัญหาเรื่องเสถียรภาพได้
“นอกจากนี้ยังต้องการทวงถามกรณีที่เคยยื่นให้ กกต. ตรวจสอบว่าการที่นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล มีคุณสมบัติต้องห้ามลงสมัครรับเลือกตั้ง สส. เนื่องจากถือหุ้นไอทีวี และ กกต. ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสถานะ สส. ของนายพิธาแล้ว จึงต้องการทราบว่า กกต. เห็นว่าสมาชิกภาพ สส.ของนายพิธาสิ้นสุดตั้งแต่เมื่อใด ปี 2562 หรือไม่ เพราะหากสิ้นสุดไปก่อน จะมีผลให้กรณีนายพิธาในฐานะหัวหน้าพรรคเซ็นรับรองส่งผู้สมัคร สส.ของพรรคก้าวไกลทั้งแบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และแบบบัญชีรายชื่อ ในการเลือกตั้งครั้งนี้เป็นโมฆะไปด้วยหรือไม่ ซึ่งประเด็นนี้จะมีผลไปถึงคุณสมบัติของ สส.ก้าวไกลทั้ง 151 คน และอาจนำไปสู่การเลือกตั้งที่เป็นโมฆะ ซึ่งต้องนำไปสู่การวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ แต่เบื้องต้นอยากให้ กกต. ชี้แจงเรื่องนี้ให้ชัดเจน” นายสนธิญา กล่าว
นายสนธิญา กล่าวว่า ได้ยื่นคำร้องต่อประธาน กกต. เพื่ออุทธรณ์คำสั่งของนายทะเบียนพรรคการเมืองที่ให้ยุติเรื่องกรณีที่ร้องขอให้ตรวจสอบการกระทำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และพรรคเพื่อไทย ว่าเข้าข่ายยินยอมให้บุคคลซึ่งไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคเข้ามาชี้นำ ครอบงำการดำเนินกิจการของพรรค และเป็นเหตุให้ต้องถูกยุบพรรคตามมาตรา 28, 29 ประกอบมาตรา 92 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 จากเหตุที่ น.ส.แพทองธาร บินไปพบนายทักษิณ ชินวัตร ที่ฮ่องกง อีกทั้งปราศรัยที่ จ.อุดรธานี โดยระบุว่าจะพานายทักษิณกลับบ้านมาเลี้ยงหลาน รวมถึงข้อความ “พรุ่งนี้เพื่อไทย” ที่คล้ายลายมือของนายทักษิณ
“ตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง สส. ฉบับที่ 2 มาตรา 132 ,136 ,137 ระบุไว้เกี่ยวกับการพิจารณาเรื่องร้องทุจริต โดยใช้คำว่า “หลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า” เท่านั้น ซึ่งพยานหลักฐานต่างๆ ที่ตนได้ยื่นให้ กกต. พิจารณาทั้ง 3 ประเด็น ทั้งการที่ น.ส.แพทองธาร มีตำแหน่งเป็นหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีในขณะนั้น แต่กลับไปพบนายทักษิณที่ฮ่องกง จึงอยากให้ประธาน กกต. พิจารณาหลักฐาน รวมถึงความเห็นต่างๆ ของนายทะเบียนว่าเชิญ น.ส.แพทองธาร มาให้ถ้อยคำจริงหรือไม่ และพิสูจน์ว่าข้อความ “พรุ่งนี้เพื่อไทย” ไม่ใช่ลายมือของนายทักษิณจริงหรือไม่” นายสนธิญา กล่าว.-สำนักข่าวไทย