“นพ.ชลน่าน” ลั่นคุย “ก้าวไกล” ไม่ได้ชวนร่วมรัฐบาล

รัฐสภา 10 ส.ค. – “นพ.ชลน่าน ” ลั่นคุย “ก้าวไกล” ไม่มีประเด็นชวนร่วมรัฐบาล แค่ขอเสียงโหวตหนุนนายกฯ เท่านั้น ด้าน “ภูมิธรรม” เผยเดินสายคุยทุกพรรค แต่ไม่คาดคั้นคำตอบ มั่นใจโหวตนายกฯ ม้วนเดียวจบ


ภายหลังนพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย แถลงข่าวความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกับพรรคชาติไทยพัฒนา โดยมีนายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรคชาติไทยพัฒนา นายนิกร จำนง ผู้อำนวยการพรรคชาติไทยพัฒนา ร่วมแถลงข่าวได้ตอบคำถามสื่อมวลชน

นายวราวุธ ตอบคำถามผู้สื่อข่าวว่า ไม่มีปัญหากรณีที่พรรคเพื่อไทยขอเสียงกับพรรคก้าวไกล เพื่อโหวตนายกฯ กังวลจะมีปัญหาเรื่องการจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ว่า การที่แต่ละพรรคได้แสดงเจตจำนงที่จะทำงานร่วมกันแล้วก็เป็นหน้าที่ของแต่ละพรรคที่จะต้องช่วยกันหาคะแนนเสียง โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีให้ได้ 376 เสียง เป็นสิทธิ์ของแต่ละพรรคโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทย  ซึ่งการที่พรรคชาติไทยพัฒนาตอบรับเข้าร่วมการตั้งรัฐบาลแล้วก็จะพยายามหาคะแนนเสียงเพื่อที่จะช่วยกันโหวต ทำให้เกิดโอกาสแรกในการตั้งรัฐบาลให้เร็วที่สุด


ส่วนกรณีส.ว.ระบุว่าการที่พรรคเพื่อไทยไปขอเสียงสนับสนุนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกล จะเป็นการหลอกเพื่อให้ถอยไปเป็นฝ่ายค้านปลอม ๆ หรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า เรากับพรรคก้าวไกล พยายามที่จะจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันโดยมีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล ผลการทำหน้าที่ 312 เสียง ไม่ประสบผลสำเร็จ ไม่ได้รับการสนับสนุนจากเสียงในรัฐสภา และพรรคเพื่อไทยได้รับการส่งมอบจากพรรคก้าวไกลให้เป็นการนำจัดตั้งรัฐบาลภายใต้เงื่อนไข 8 พรรคร่วม ซึ่งเราได้พยายามอย่างถึงที่สุดในการขอคะแนนจากทุกฝ่าย เพราะใน 312 เสียง มันเป็นไปไม่ได้อยู่แล้วถ้าเราเดินทางเดิมเราก็ได้แค่ 324 เสียง ก็คงไม่มากไปกว่านั้น จึงต้องหาความร่วมมือจากทุกพรรคทุกฝ่าย

“จากการที่เราไปสอบถามไม่ว่าจะเป็นรายบุคคลทั้งส.ส.และส.ว. และพรรคการเมืองที่เราทำอย่างเปิดเผย เพราะเราต้องการคำตอบที่เปิดเผยว่าทำไมเค้าถึงไม่ลงคะแนนให้ในกรณีที่เราจัดตั้งรัฐบาลกับพรรคก้าวไกล คำตอบชัดไม่ว่าจะมีมาตรา 112 แก้ไขหรือไม่แก้ไข ก็ไม่สามารถร่วมลงคะแนนได้มีเพียง 1 พรรคการเมืองเท่านั้นที่บอกว่าถ้ารวมปลดล็อคเงื่อนไขไม่แตะต้องมาตรา 112 เขาสามารถ ร่วมรัฐบาลได้เราจึงมีความจำเป็นในการหาเสียงร่วมจัดตั้งรัฐบาล ภายใต้เงื่อนไขว่าถ้ามีพรรคก้าวไกลอยู่จะไม่ได้คะแนน การบริหารจัดการเรื่องนี้ เราจำยอมที่จะต้องทำ เราไม่เคยเกลียดพรรคก้าวไกล เราไม่เคยจะปฏิเสธเสียงพี่น้องประชาชนที่ให้มาแต่ในสถานการณ์อย่างนี้ ถ้าพรรคเพื่อไทยไม่เดินหน้าทำอะไรเลยปล่อยให้บ้านเมืองเป็นอย่างนี้เท่ากับปฏิเสธความรับผิดชอบต่อประชาชนต่อประเทศชาติบ้านเมือง ดังนั้นการที่เราจะแสวงหาเสียงเพิ่มเติมก็เป็นสิทธิ์โดยชอบธรรมที่เราได้รับมอบหมาย”นพ.ชลน่าน กล่าว

นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ส่วนการที่ส.ว.มีข้อกังวลหลังพรรคเพื่อไทยเดินหาเสียงในนามพรรคเพื่อไทยกับพรรคร่วมอื่นๆที่เราประกาศไปแล้วโดยไม่มีพรรคก้าวไกล การที่เราไปพูดคุยกับพรรคก้าวไกล หรือ พรรคใดๆ เพื่อขอคะแนนในการพิจารณาโหวตนายกรัฐมนตรี ไม่ใช่มาจัดตั้งรัฐบาล เพราะเราติดล็อครัฐธรรมนูญที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกฝ่าย อย่างกรณีที่เราไปพูดคุยกับพรรคก้าวไกลเมื่อวานนี้ (9 ส.ค.) เพียงเพื่อไปสอบถามว่า เป็นไปได้มากน้อยขนาดไหนที่เราจะมาปลดล็อกเงื่อนไขรัฐธรรมนูญ  เราไม่ได้ ไปเชิญชวนพรรคก้าวไกลให้มาเป็นพรรคร่วมรัฐบาลไม่มีพันธะสัญญาว่าจะต้องเอาพรรคก้าวไกลมาร่วมรัฐบาลหลังจากนี้ ผมเชื่อว่าความกังวลของส.ว. บางส่วนเราสามารถที่จะตอบคำถามได้โดยพฤติการณ์พฤติกรรมที่เราทำอยู่ และให้ความมั่นใจกับทุกภาคส่วน เชื่อว่าน่าจะได้รับการยอมรับ


นายภูมิธรรม กล่าวว่า ไม่ใช่สิ่งผิดปกติ ที่พรรคเพื่อไทยดำเนินการ เพราะไปทุกพรรค ทุกฝ่าย ทุกคน ทั้ง ส.ส. และส.ว. เพราะต้องการสลายขั้วความขัดแย้งในทุกพรรคการเมือง และยืนยันไม่ใช่เชิญพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล ดังนั้นไปเพื่อรับฟังความเห็น เพื่อสร้างการเมืองมิติใหม่ โดยพรรคเพื่อไทย และพรรคก้าวไกล หรือพรรคฝ่ายรัฐบาล  ฝ่ายค้าน จะทำงานการเมืองสร้างสรรค์ ไม่คิดว่าต้องทำงานตรงข้ามกันเสมอ เพราะได้พูดคุยกันแล้วว่าอะไรที่เป็นประโยชน์กับประชาชนเราทำได้ทุกเรื่อง ยกเว้น การแก้ไขม.112 และเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสถาบันหลักของประเทศ ทั้งนี้ทุกพรรค ทุกกลุ่มเราไปขอเสียงโหวตนายกฯของพรรคแล้วทุกพรรคทุกกลุ่ม แต่หลังจากนี้จะให้เป็นไปตามกรอบและระยะเวลา

“ผมไม่เชื่อว่าส.ว.หรือส.ส.หรือองค์กรต่าง ๆจะขอความร่วมมือ จะมีปัญหา ประเด็นที่พูดชัดคือ ตั้งรัฐบาลมมิติใหม่ ไม่ใช่คำนึงถึงประโยชน์ว่าพรรคจะครองกระทรวงไหน เพราะต้องการแก้ไขวิกฤตประเทศ ขอให้ไว้วางใจพรรคเพื่อไทยและแคนดิเดตนายกฯ จากพรรคเพื่อไทย ทุกพรรคที่เชิญเชื่อมั่นและมั่นใจในคุณภาพของพรรคเพื่อไทยที่จะนำไปสู่การแก้ไขวิกฤตประเทศ” นายภูมิธรรม กล่าว

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยประกาศสลายขั้วยังเหลืออีกสามพรรคการเมืองคือพรรคประชาธิปัตย์ พรรครวมไทยสร้างชาติและพรรคพลังประชารัฐ ทำไมถึงไม่พูดคุยเจรจาเพื่อให้ร่วมรัฐบาล ที่คาดว่าจะสามารถการันตีเสียงส.ว. ได้ นายภูมิธรรม กล่าวว่า เราไม่ได้ไปเรียนเชิญใครร่วมรัฐบาล แต่สิ่งที่เป็นปัญหาอันดับแรก เชิญให้มาร่วมกันโหวตให้นายกรัฐมนตรีที่มาจากพรรคเพื่อไทย พร้อมระบุว่าทุกพรรค ทุกกลุ่มเราได้พูดคุยมาหมดแล้ว แต่กระบวนการที่จะมาซึ่ง ข้อสรุปต้องไทยเป็นไปตามกระบวนการตามกรอบ

ส่วนหากพรรคก้าวไกล ไม่ร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีให้พรรคเพื่อไทยจะทำอย่างไร จะดึงพรรค ประชาธิปปัตพลังประชารัฐรวมไทยสร้างชาติให้ โหวตให้หรือไม่ นายภูมิธรรมกล่าวว่า เมื่อวานนี้ (9 ส.ค.)เราได้พูดถึง สถานการณ์พิเศษและเจตจำนงของพรรคเพื่อไทยและเราให้แต่ละฝ่ายไปไตร่ตรองและคิดหลังได้พูดคุยกับพรรคเพื่อไทย ซึ่งเราไม่ได้ หยุดสิ่งที่เราคิดและการดำเนินการเพราะเรายังไม่ได้ต้องการคำตอบให้ชัดเจนว่าต้องทำหรือไม่ทำ วันนี้ เราทำคู่ขนานกันไปพรรคไหนพร้อมจะเปิดตัวทีละพรรค ทุกพรรคคุยแล้วแต่ไม่ได้คาดคั้นคำตอบ หากไม่พร้อมขอให้แสดงให้เห็นในโหวตนายกฯ  “นายภูมิธรรม กล่าว

ส่วนจะมีพรรคใดเข้ามาร่วมรัฐบาลอีกหรือไม่ นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขอให้รอดูวันที่ประธานรัฐสภานัดให้โหวตนายกฯ  วันนั้นจะทำให้ทุกคนได้เห็นว่าใครร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ถ้าพรรคเพื่อไทยได้เป็นนายกรัฐมนตรีก็จะได้เห็น การจัดตั้งรัฐบาลว่าจะมีใครบ้าง และพรรคเพื่อไทยต้องทำให้จบในวันที่ 17 สิงหาคม พร้อมแสดงให้เห็นถึงเสียงว่าจะโหวตนายกฯ ให้ได้แบบม้วนเดียวจบ

ด้านนพ.ชลน่าน กล่าวเสริมว่า หน้าที่ของพรรคเพื่อไทยต้องตั้งรัฐบาลให้สำเร็จ โดยจะแสวงหาหนทางที่ทำให้ได้ บนประโยชน์ของประเทศและประชาชน เรายอมรับว่าพรรคเพื่อไทยใช้ต้นทุนสูงมาก ในการทำงานครั้งนี้ เพราะเรารณรงค์ให้ประชาชนเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ แต่เราทำไม่สำเร็จ ก็ต้องยอมรับ เมื่อสถานการณ์เป็นอย่างนี้ก็ต้องบริหารจัดการเพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุด “ภายใต้การพูดคุยกับทุกพรรคการเมือง คือแสดงความมั่นใจว่าเป็นเสียงข้างมาก ดังนั้นที่คุยเบื้องต้นมีเสียงข้างมากเกินกึ่งหนึ่ง ส่วนจะถึง 280 -300 เสียงหรือไม่ อยู่ในขั้นตอนการทำงาน ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยมีข้อจำกัดในทางเลือก หากทางนี้เป็นไปไม่ได้ ต้องหาทางเลือกเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติบ้านเมือง ผมมั่นใจว่าประเทศต้องกลับมาการแบ่งขั้ว แบ่งสี และต้องทำหน้าที่ให้ประเทศเดินหน้าได้โดยดึงความร่วมมือจากทุกฝ่ายมาร่วมมือกัน” นพ.ชลน่าน กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ผบ.ตร.รับทราบเหตุปะทะเดือดสงขลา ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กต่าย” พยักหน้ารับทราบ เหตุปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ พื้นที่ จ.สงขลา ระบุขอเข้าประชุมก่อน พลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางมาประชุมร่วมกับกรรมาธิการการตำรวจ สภาผู้แทนราษฎร ที่อาคารรัฐสภา โดยผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามว่า ได้รับรายงานเรื่องการปะทะเดือด เจ้าหน้าที่ปิดล้อมกลุ่มก่อความไม่สงบ ที่บ้านห้วยเต่า สงขลา แล้วหรือไม่ โดยพลตํารวจเอก กิตติ์รัฐ พยักหน้า แต่ไม่ได้ตอบคำถาม ระบุเพียงว่าขอเข้าประชุมก่อน -สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์ ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ

รัฐสภา 11 ก.ย.- “บิ๊กเต่า” ชี้เป้าตลก 3 พยางค์โผล่วันจับ “ทิดอลงกต” ส่อโยงเส้นเงินวัดพระบาทน้ำพุ พบพิรุธ ยังไม่มารายงานตัว พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการกองบัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวถึงความคืบหน้าคดีทิดอลงกต วัดพระบาทน้ำพุ ที่มีการเปิดเผยออกมาว่า ตลกชื่อ 3 พยางค์ มีส่วนเกี่ยวข้องกับเงินวัดพระบาทน้ำพุด้วย ว่า มีตลกอีก 1 คนที่ยังเป็นเป้าหมายยังไม่ได้มาแสดงตัวและยังไม่ได้มาให้การ พนักงานสอบสวนจะเรียกมาเอง ซึ่งพบพิรุธเยอะว่าทำอะไรที่ไม่เป็นไปตามกฎหมายหรือไม่เป็นไปตามวิธีการที่ทำในการเข้าไปช่วยเหลือ ทิดอลงกต ในการขนย้ายสิ่งของ ซึ่งเป็นเอกสารสำคัญ และไม่เหมือนดาราท่านอื่น ที่เป็นการรับจ้างงาน แต่คนนี้น่าจะเป็นคนที่สนิทส่วนตัว เป็นคนที่เคยถูกดำเนินคดีอยู่ เมื่อถามว่าเป็นคนที่อยู่เบื้องหลังเรื่องนี้เลยใช่หรือไม่ พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ กล่าวว่าเป็นคนลึกลับซับซ้อน ซึ่งเป็นคนที่เคยโผล่ให้เห็นในวันที่ทิดอลงกตถูกจับ -สำนักข่าวไทย

พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที จนท.สวนสัตว์ ลงจากรถ แล้วถูกสิงโตตะปบรุมขย้ำ

กทม. 10 ก.ย.-พ.อ.นพ.ธวัชชัย เล่านาที สิงโตตะปบเจ้าหน้าที่สวนสัตว์ จากนั้นสิงโตอีก 5 ตัว รุมขย้ำ โดยที่เจ้าตัวไม่ได้ขัดขืนหรือร้องขอความช่วยเหลือ พ.อ.นพ.ธวัชชัย กาญจนรินทร์ อดีตอาจารย์และแพทย์ศัลยกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า หรือเป็นที่รู้จักในฐานะหมอที่มาช่วยเหลือในคดีการเสียชีวิตของแตงโม ซึ่งเป็นผู้เห็นเหตุการณ์ระบุว่า วันนี้ตนมาเที่ยวสวนสัตว์ โดยได้ขับรถเข้าไปในโซนซาฟารี ขณะนั้นมีรถนักท่องเที่ยวหลายคันเข้าชม เมื่อมาถึงบริเวณโซนสิงโต ก็พบว่ามีรถของเจ้าหน้าที่รายหนึ่งซึ่งเป็นรถของสวนสัตว์จอดอยู่คันเดียว ตอนนั้นตนเองก็รู้สึกผิดสังเกต เพราะช่วงเวลาดังกล่าวไม่ใช่ช่วงเวลาให้อาหารสัตว์และเจ้าหน้าที่รายนี้อยู่คนเดียว ได้ลงมายืนข้างล่างของรถ ฝั่งคนขับ โดยเปิดประตูทิ้งไว้ แต่ไม่ได้ทำอะไร แค่ยืนเฉยๆ ลักษณะยืนหันหน้า เข้าหารถ หันหลังให้สัตว์ ซึ่งตนก็รู้สึกแปลกอย่างมาก อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีต้นไม้บัง ตนก็เลยไม่เห็นว่าในมือถืออะไร จากนั้นประมาณ 3 นาที ก็มีสิงโตตัวหนึ่งค่อยๆ ย่องมาทางข้างหลังช้าๆ ก่อนจะตะครุบเข้าข้างหลังเจ้าหน้าที่รายดังกล่าวทันที โดยที่เจ้าหน้าที่รายดังกล่าวไม่ได้มีท่าที ขัดขืน ดิ้นรนต่อสู้ หรือร้องขอชีวิตแต่อย่างใด หลังจากนั้น สิงโตตัวอื่นๆ ก็ค่อยๆ เดินตามมารุมกัดตามที่ปรากฏในคลิป ตนเองไม่รู้จะต้องทำอย่างไร ทำได้เพียงแต่บีบแตรรถ เช่นเดียวกับนักท่องเที่ยวคันอื่น ที่ช่วยกันบีบแตร ผ่านไปประมาณ 10 […]

สิงโตสวนสัตว์เอกชน ลาก จนท.ไปรุมกัด สาหัส

กทม. 10 ก.ย.-สิงโตในสวนสัตว์เอกชน ทำร้ายเจ้าหน้าที่ ลากไปรุมกัด อาการสาหัส นักท่องเที่ยวบันทึกเหตุการณ์ไว้ได้ พ.ต.อ.นิรุชพล โยธามาตย์ ผกก.สน.คันนายาว เปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าวันนี้ (10 ก.ย.68) ได้รับรายงานว่า เกิดเหตุสิงโตทำร้ายเจ้าหน้าที่ ภายในสวนสัตว์ของเอกชน จากการตรวจสอบพบว่า เจ้าหน้าที่ลงไปให้อาหาร โดยไม่ปฏิบัติตามกฎของบริษัท จึงทำให้ถูกสิงโตรุมทำร้าย เบื้องต้นอาการสาหัส นำตัวส่งโรงพยาบาล ประสานพนักงานสอบสวนเชิญตัวเจ้าหน้าที่ของสวนสัตว์มาสอบปากคำ และลงบันทึกประจำวัน โดยยังไม่มีญาติของเจ้าหน้าที่ที่ถูกทำร้ายมาแจ้งความแต่อย่างใด ทั้งนี้ ในคลิปเป็นเหตุการณ์ที่นักท่องเที่ยวบันทึกไว้ได้ บริเวณส่วนจัดแสดงสิงโต มีรั้วขนาดใหญ่เปิดให้รถเข้า-ออก เป็นพื้นที่เปิด ให้นักท่องเที่ยวขับรถเข้าไปด้านใน มีป้ายกำกับชัดเจนห้ามเปิดกระจกและห้ามลงจากรถ ด้านในจะมีรถของสวนสัตว์จอดดูแลความปลอดภัย และบางช่วงมีการจัดแสดงโชว์ให้อาหารสิงโตที่อยู่ด้านใน.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

ผลักดัน “นางเขื่อน” พร้อมครอบครัว 7 คน กลับกัมพูชา

จันทบุรี 12 ก.ย. – ตม.ศรีสะเกษ ประสาน ตม.จันทบุรี ส่งตัว “นางเขื่อน” พร้อมครอบครัว รวม 7 คน กลับกัมพูชา หลังถูกกล่าวหาเป็นไส้ศึก และถูกชาวบ้านรวมตัวขับไล่ ทั้งยังพบอาศัยอยู่ในไทยอย่างผิดกฎหมาย เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจังหวัดศรีสะเกษ นำตัวนางเขื่อน ชาวกัมพูชา และสมาชิกครอบครัว รวมทั้งหมด 7 คน เดินทางไปที่ด่านผ่านแดนถาวรบ้านแหลม จ.จันทบุรี โดยมีเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจันทบุรี และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง รอรับตัวอยู่ก่อนแล้ว เพื่อผลักดันกลับประเทศกัมพูชา เนื่องจากที่ผ่านมา นางเขื่อน ถูกชาวบ้านในพื้นที่ ต.ไพรพัฒนา อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ รวมตัวกันขับไล่ หลังจากถูกกล่าวหาว่าเป็น “ไส้ศึก” คอยส่งข้อมูลเกี่ยวกับความเคลื่อนไหวของทหารไทยให้กับฝ่ายกัมพูชา และยังพบว่าทั้งหมดอาศัยอยู่ในประเทศไทยอย่างผิดกฎหมาย จึงดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายและระเบียบการต่างประเทศ เพื่อส่งตัวกลับภูมิลำเนา. – สำนักข่าวไทย

“ชัชชาติ” ยืนยันไม่ลาออกผู้ว่าฯ กทม. ก่อนครบวาระ

กรุงเทพฯ 12 ก.ย. – “ชัชชาติ” ยืนยันไม่ลาออกผู้ว่าฯ กทม. ก่อนครบวาระ งบปี 69 เน้นเส้นเลือดฝอยคู่เส้นเลือดใหญ่ สถานการณ์น้ำตอนนี้ เตรียมรับน้ำเหนือ-พายุ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ร่วมประชุมสภากรุงเทพมหานคร สมัยประชุมวิสามัญ สมัยแรก (ครั้งที่ 1) ประจำปีพุทธศักราช 2568 ณ ห้องประชุมสภากรุงเทพมหานคร อาคารไอราวัตพัฒนา ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ดินแดง ผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า วันนี้เป็นการพิจารณางบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 วาระที่สองและวาระที่สาม ซึ่งจะมีการพิจารณาเรื่องนี้อย่างเข้มข้น เนื่องจากกว่า 30 วันที่ผ่านมา น่าจะได้ข้อสรุปว่าจะเพิ่มหรือลดงบประมาณอย่างไร ในจุดไหนบ้าง โดยผ่านกระบวนการพิจารณาอย่างละเอียดรอบคอบที่สุด เพื่อประโยชน์สูงสุดกับพี่น้องประชาชน สำหรับงบประมาณส่วนใหญ่ได้ตามที่ตั้งเสนอของบฯ ไว้ โดยจะเน้นงบประมาณลงพื้นที่เขตมากขึ้น เช่น การก่อสร้างและปรับปรุงถนน การก่อสร้างฝายถนน ซึ่งสอดคล้องกับนโยบายเส้นเลือดฝอย รวมถึงงบประมาณที่จะพัฒนาเส้นเลือดใหญ่ เช่น ก่อสร้างโรงพยาบาลแห่งใหม่ การติดตั้งเซ็นเซอร์วัดการสั่นสะเทือนจากแผ่นดินไหวที่จะติดตั้งบนอาคารสูงของโรงพยาบาลแห่งใหม่ ก็ได้ตามที่เสนอของบประมาณไว้ […]

นายกฯ โต้ข่าวเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา เชื่อปชช.เข้าใจ

เมืองทองธานี 12 ก.ย.- นายกฯ โต้ข่าว เปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา บอก ขอเป็นรัฐบาลอย่างเป็นทางการก่อน ชี้ ขั้นตอนยังมีอีกเยอะ เชื่อประชาชนเข้าใจ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสความชัดเจนในการเปิดด่านชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า ทำไมข่าวออกไปอย่างนั้นก็ไม่รู้ ไปบิดเบือน เท่าที่ตนดู พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมช.กลาโหม ก็ยังไม่ได้พูดอะไรชัดเจนขนาดนั้น ต้องคำนึงถึงประชาชนคนไทยเป็นหลักก่อนอยู่แล้ว เมื่อถามถึง กระแสการต่อต้านการเปิดด่าน นายกรัฐมนตรีระบุ ขอให้ตนเข้าไปรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้เรายังไม่สามารถให้นโยบายอะไรได้ และการกระทำต่างๆ ยังถือว่าอยู่ภายใต้รัฐบาลปัจจุบันอยู่ ยังไม่ใช่รัฐบาลของตน เมื่อถามต่อว่า ท่าทีของ พลโทบุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาค 2 และ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ที่คัดค้านการเปิดด่าน เพราะอาจจะเป็นการส่งเสริมบ่อนการพนันและสแกมเมอร์ นายอนุทิน กล่าวว่า เท่าที่ตนทราบไม่ได้อยู่ดี ๆ จะไปเปิดด่านได้เลย เพราะต้องมีการบรรลุข้อตกลงอะไรอีกเยอะแยะ เมื่อปฏิบัติ ซึ่งต้องรอคณะรัฐบาลของตนเข้าปฏิบัติที่อย่างเป็นทางการก่อน ตอนนี้ตนยังไม่สามารถไปสั่งการหรือให้นโยบายอะไรได้ เมื่อถามว่า […]

เขื่อนเจ้าพระยาระบายแตะ 2,000 ลบ.ม./วินาที หน่วงน้ำเขื่อนป่าสักฯ

กรุงเทพฯ 12 ก.ย. – กรมชลประทานจะระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยา 2,000 ลบ.ม./วินาที ช่วงบ่ายวันนี้ ห่วงผลกระทบพื้นที่ด้านท้าย จึงปรับลดการระบายจากเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ เพื่อให้น้ำเหนือระบายสู่อ่าวไทยได้มีประสิทธิภาพขึ้น ศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ กรมชลประทาน ระบุว่า เช้าวันนี้ที่สถานี C.2 อ.เมือง จ.นครสวรรค์ ปริมาณน้ำไหลผ่าน 2,101 ลบ.ม./วินาที และยังคงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้น โดยเมื่อคืนที่ผ่านมากรมชลประทานได้ปรับเพิ่มการระบายจากเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท จาก 1,900 ลบ.ม./วินาที เป็น 1,950 ลบ.ม./วินาที ทั้งนี้บริหารจัดการน้ำเหนือเขื่อนเจ้าพระยา ด้วยการหน่วงน้ำไว้ด้านเหนือ พร้อมรับน้ำเข้าระบบชลประทานทั้ง 2 ฝั่งตามศักยภาพของคลอง แต่เนื่องจากปริมาณน้ำที่ยังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นดังกล่าว จะทำให้มีพื้นที่ลุ่มต่ำริมน้ำบริเวณด้านเหนือเขื่อนที่ได้รับผลกระทบได้แก่ กรมชลประทานจำเป็นต้องทยอยปรับเพิ่มการระบายน้ำผ่านเขื่อนเจ้าพระยาตั้งแต่ 10.00 น. เป็นต้นไป จากอัตรา 1,950 ลบ.ม./วินาที ให้เป็น 2,000 ลบ.ม./วินาที ภายในเวลา 15.00 น. ของวันนี้ (12 ก.ย.) และคงอัตราดังกล่าวต่อเนื่อง เพื่อให้สอดคล้องกับปริมาณน้ำทางตอนบนและฝนที่ตกในระยะนี้ […]