เพื่อไทย แถลงจัดตั้งรัฐบาลไม่มีก้าวไกล เสนอ “เศรษฐา” เป็นนายกฯ

กทม. 2 ส.ค.- พรรคเพื่อไทย แถลงผลหารือก้าวไกล แยกจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่มีพรรคก้าวไกล เสนอ “เศรษฐา” เป็นนายกฯ ยันไม่แก้มาตรา 112 โดยจะแถลงอย่างเป็นทางการพรุ่งนี้ (3 ส.ค.)


นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงผลการหารือกับพรรคก้าวไกล และอีก 7 พรรคทางโทรศัพท์ โดยมีข้อสรุปว่า เพื่อการเริ่มต้นใหม่หาทางออกให้ประเทศ หลังจากที่พรรคเพื่อไทย ได้รับมอบหมายเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และหาเสียงกับ สส. และ สว. แต่พบว่ามาตรา 112 ยังเป็นเงื่อนไขหลักที่จะไม่ทำงานร่วมกับพรรคก้าวไกล

ดังนั้นจากการหารือในวันนี้ พรรคเพื่อไทยขอถอนตัวจากการหารือและเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล และเสนอนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ยืนยันจะไม่สนับสนุนการแก้มาตรา 112 และการจัดตั้งรัฐบาลใหม่จะไม่มีพรรคก้าวไกลในการจัดตั้งรัฐบาล ทั้งนี้ เพื่อไทยจะใช้ความพยายามรวบรวมเสียงให้เพียงพอกับการจัดตั้งรัฐบาลให้ได้


โดยในพรุ่งนี้ช่วงบ่าย จะแถลงอย่างเป็นอย่างทางการ ถึงพรรคที่จะเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล ซึ่ง 8 พรรคเดิม บางพรรคตอบรับมาแล้ว เชื่อว่าการโหวตนายเศรษฐา จบได้ในวันที่ 4 สิงหาคม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค และนายประเสริฐ จันทรวงทอง เลขาธิการพรรค แถลงร่วมกัน ภายหลังจากการประชุม พรรคจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรค

นายแพทย์ชลน่าน อ่านแถลงการณ์ของพรรคเพื่อไทยในฐานะที่ได้รับมอบภารกิจว่า เริ่มต้นใหม่ร่วมผ่าทางการหาทางออกให้กับประเทศ เนื่องจากการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้ พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ได้จับมือร่วมกับพรรคการเมืองอีก 6 พรรค รวมเสียงได้ 312 เสียง เพื่อจะตั้งรัฐบาล โดยมีพรรรคก้าวไกลเป็นแกนนำ และเสนอนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี และไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขประเมินกฎหมายอาญา มาตรา 112 แต่เมื่อแคนดิเดตนายรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกลไม่ได้รับเสียงพอ เพราะเงื่อนไขของพรรคการเมืองอื่นๆ และสมาชิกวุฒิสภา ไม่ยอมรับประมวลแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 และพรรคก้าวไกล รับทราบท่าทีเหล่านี้ แต่ไม่ยอมปรับเปลี่ยนนโยบาย


และเมื่อพรรคเพื่อไทยได้รับมอบหมายให้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ได้เชิญหลายพรรคการเมืองเข้าหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และจากการส่งตัวแทนรับฟังความเห็นจากสมาชิกวุฒิสภาทั้งเป็นกลุ่มและรายบุคคล พบว่านโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ยังคงเป็นเงื่อนไขหลัก ขณะที่บางพรรค บางคน แสดงเจตนาอย่างชัดเจนว่าไม่สนับสนุนถ้าพรรคก้าวไกลร่วมจัดตั้งรัฐบาลในทุกกรณี พรรคเพื่อไทยจึงหารือกับพรรคก้าวไกล เพื่อขอให้ถอนตัวจากการร่วมมือและจัดตั้งรัฐบาล โดยเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 4 สิงหาคมนี้

ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยและนายเศรษฐาทวีสิน ขอยืนยันชัดเจนว่าจะไม่สนับสนุนการแก้ไขมาตรา 112 และการจัดตั้งรัฐบาลใหม่จะไม่มีพรรคก้าวไกลเข้าไปอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคเพื่อไทยจะใช้ความพยายามรวบรวมเสียงให้เพียงพอกับการจัดตั้งรัฐบาลอย่างเหมาะสม และพรรคก้าวไกลจะทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน

นายแพทย์ชลน่าน กล่าวด้วยว่า พรรคเพื่อไทยยืนยันจะทำงานการเมืองในมิติใหม่ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและพี่น้องประชาชน ในภารกิจที่สำคัญดังนี้คือ จะผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันอันเป็นต้นเหตุของความยากลำบากในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ และก่อให้เกิดวิกฤติของประเทศ โดยกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ และให้ทำประชามติจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ เข้ามายกร่างเพื่อเกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จจะคืนอำนาจให้ประชาชนเลือกตั้งใหม่ภายใต้กรอบกติกาของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

นโยบายที่พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล มีความเห็นชอบ เช่น กฎหมายสมรสเท่าเทียม สุราก้าวหน้า เปลี่ยนการเกณฑ์ทหารแบบบังคับเป็นสมัครใจ ผลักดันการกระจายอำนาจ ยกเลิกการผูกขาดและส่งเสริมการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรมในทุกโอกาส พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคการนำรัฐบาลพร้อมที่จะผลักดัน เพื่อให้นโยบายที่เป็นประโยชน์กับประชาชนสามารถดำเนินการได้ประสบผลสำเร็จ
พร้อมย้ำว่าพรรคเพื่อไทยขอแสดงความจริงใจต่อเพื่อนมิตรทุกพรรคการเมือง และสมาชิกวุฒิสภา รวมทั้งพี่น้องประชาชนว่านี่คือแนวทางที่จะรักษาสถาบันของชาติให้เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งประเทศ และช่วยผลักดันความต้องการของประชาชน ภายใต้ข้อจำกัดและเส้นทางที่ยากลำบากนี้ไว้ให้ได้ เพื่อผลภารกิจนำพาประเทศฝ่าวิกฤตินี้ไปให้ได้ และจะใช้ความสามารถในบุคลากรของพรรคเพื่อไทยแก้วิกฤติให้พี่น้องประชาชนโดยเร็ว ภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่

สำหรับการลงมติในวันที่ 4 สิงหาคมนั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ได้พูดคุยกับพรรคก้าวไกลภายใต้ข้อตกลงว่าเป็นเอกสิทธิ์ของพรรคก้าวไกลว่าจะลงคะแนนหรือไม่ แต่มั่นใจว่ามีเสียงสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยเพียงพอ

ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลใหม่นั้น อันไหนบ้างนั้น จะมีข่าวให้กับประชาชนในพรุ่งนี้ ส่วน สว. จะโหวตให้เราหรือไม่นั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ข่าวที่เราแถลงในวันนี้และแนวทางที่ชัดเจน ในการที่เราแสดงเจตนารมณ์ต่อข้อกังวลของ สว. และพรรคการเมือง มั่นใจว่าภายใต้เงื่อนไขที่แถลงไปน่าจะเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของ สว. ที่เคยมีเงื่อนไขเดิมๆ ไว้ ซึ่งเราพยายามลดเงื่อนไขเหล่านั้นทั้งหมดก็น่าจะเป็นเหตุผลเพียงพอที่ทำให้ สว. ให้ความเห็นชอบได้

นายแพทย์ชลน่าน กล่าวด่วยว่า บรรยากาศพูดคุยกับแกนนำพรรคก้าวไกลวันนี้เป็นไปด้วยดี พรรคก้าวไกลรับฟังด้วยดี ซึ่งพรรคก้าวไกลยืนยันว่าต้องการความชัดเจนจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งอาจจะมีความคลาดเคลื่อนจากการนัดหมายก็ทำความเข้าใจกัน และสรุปว่าไม่ได้เป็นการบอกเลิก แต่เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นจริงๆ ที่จะต้องชี้ถึงเหตุและผลในการที่จะต้องแยกมาจากตั้งรัฐบาล โดยไม่มีพรรคก้าวไกล

ส่วนพรรคเพื่อไทยจะสามารถนำพาประเทศชาติบ้านเมืองให้รอดพ้นได้หรือไม่ นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า เรื่องแรกในการหมวดเลือกนายกรัฐมนตรี มั่นใจว่าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยจะได้รับเสียงสนับสนุน ส่วนการจัดตั้งรัฐบาลเชื่อว่าจะพยายามหาเสียงสนับสนุนให้ได้มากที่สุด โดยรัฐบาลที่เข้มแข็งต้องมีเสียงมากกว่า 300 เสียงขึ้นไป แต่ว่าถ้าได้ 320 เสียงก็จะทำให้รัฐบาลมั่นคง ซึ่งเชื่อว่านโยบายที่พรรคนำเสนอ ประกอบกับพรรคร่วมเชื่อว่าจะสามารถทำงานให้เป็นประโยชน์กับบ้านเมืองและแก้ปัญหาวิกฤติต่างๆ ได้

นายประเสริฐ กล่าวว่า เมื่อเช้าที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยได้มีการหารือพบปะกับพรรคก้าวไกลร่วม 2 ชั่วโมง จากนั้นได้โทรศัพท์แจ้งไปยังแกนนำพรรคการเมือง 8 พรรค ถึงจุดยืนของพรรคเพื่อไทย โดยได้แจ้งแต่ละพรรคที่ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลเดิมว่าพรรคเพื่อไทยได้แจ้งถึงเหตุผลและความจำเป็นในการจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่มีพรรคก้าวไกลเป็นพรรคร่วมรัฐบาลในการจัดตั้งครั้งนี้ ส่วนพรรคร่วมอื่นจะตัดสินใจอย่างไร ขอให้เป็นดุลยพินิจของแต่ละพรรคหากเห็นว่าแนวทางที่พรรคเพื่อไทยได้นำเสนอไปสามารถเข้าร่วมได้พรรคเพื่อไทยก็ยินดี ที่จะร่วมกันในการจัดตั้งรัฐบาล ส่วนการโหวตของพรรคก้าวไกลนั้นได้แจ้งไปแล้วว่าเป็นเอกสิทธิ์ของพรรคก้าวไกลเอง และในวันพรุ่งนี้ช่วงบ่ายจะมีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งบางพรรคตอบรับมา แต่บางพรรคยังไม่มีท่าที

ด้านนายภูมิธรรม กล่าวถึงเสียงที่พอเหมาะในการตั้งรัฐบาลว่า สามารถบริหารประเทศได้ ขณะนี้กำลังทำงานอยู่ คาดว่าพรุ่งนี้น่าจะสามารถแถลงผลการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาพยายามชี้แจง จนถึงนาทีสุดท้าย ซึ่งที่ช้าทั้งหมดไม่ได้ดึงเวลา แต่ได้รับการร้องขอจากพรรคก้าวไกล ซึ่งรอจนถึงเที่ยงคืนไม่มีการติดต่อมา ดังนั้น วันที่ 1 สิงหาคม จึงเริ่มกระบวนการของพรรคเพื่อไทย ซึ่งที่ผ่านมาได้คุยกับพรรคก้าวไกลมาตลอด มีปัญหาเรื่องการสื่อสาร ซึ่งทั้งหมดไม่ได้เกิดจากเราดึงเกมทั้งหมดการประชุม 8 พรรคร่วมที่ดีเลย์ไป เพราะก้าวไกลขอให้รอจนถึงเวลา 23.00 น. ของวันที่ 31 กรกฎาคม แต่รอจนกระทั่ง 24.00 น. ก็ไม่มีการติดต่อ แล้ววันนี้จึงเข้าสู่กระบวนการตามสิ่งที่ควรจะเป็น และได้โทรศัพท์ชี้แจงกลับอีก 6 พรรคร่วมว่าต้องเลือกทางเดินที่จะเสนอจัดตั้งรัฐบาลใหม่ เพื่อให้สามารถคลี่คลายวิกฤตการณ์ที่ออกมา

“ขอยืนยันว่าตกลงกันครั้งนี้ของก้าวไกลกับเพื่อไทย ไม่ใช่การเกี๊ยเซี๊ยทางการเมือง ยืนยันการตั้งรัฐบาลใหม่จะไม่มีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล แต่นโยบายอะไรที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ทางเราพร้อมจะผลักดัน” นายภูมิธรรม กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]