เพื่อไทย แถลงจัดตั้งรัฐบาลไม่มีก้าวไกล เสนอ “เศรษฐา” เป็นนายกฯ

กทม. 2 ส.ค.- พรรคเพื่อไทย แถลงผลหารือก้าวไกล แยกจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่มีพรรคก้าวไกล เสนอ “เศรษฐา” เป็นนายกฯ ยันไม่แก้มาตรา 112 โดยจะแถลงอย่างเป็นทางการพรุ่งนี้ (3 ส.ค.)


นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แถลงผลการหารือกับพรรคก้าวไกล และอีก 7 พรรคทางโทรศัพท์ โดยมีข้อสรุปว่า เพื่อการเริ่มต้นใหม่หาทางออกให้ประเทศ หลังจากที่พรรคเพื่อไทย ได้รับมอบหมายเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และหาเสียงกับ สส. และ สว. แต่พบว่ามาตรา 112 ยังเป็นเงื่อนไขหลักที่จะไม่ทำงานร่วมกับพรรคก้าวไกล

ดังนั้นจากการหารือในวันนี้ พรรคเพื่อไทยขอถอนตัวจากการหารือและเดินหน้าจัดตั้งรัฐบาล และเสนอนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกรัฐมนตรี ยืนยันจะไม่สนับสนุนการแก้มาตรา 112 และการจัดตั้งรัฐบาลใหม่จะไม่มีพรรคก้าวไกลในการจัดตั้งรัฐบาล ทั้งนี้ เพื่อไทยจะใช้ความพยายามรวบรวมเสียงให้เพียงพอกับการจัดตั้งรัฐบาลให้ได้


โดยในพรุ่งนี้ช่วงบ่าย จะแถลงอย่างเป็นอย่างทางการ ถึงพรรคที่จะเข้าร่วมจัดตั้งรัฐบาล ซึ่ง 8 พรรคเดิม บางพรรคตอบรับมาแล้ว เชื่อว่าการโหวตนายเศรษฐา จบได้ในวันที่ 4 สิงหาคม

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองหัวหน้าพรรค และนายประเสริฐ จันทรวงทอง เลขาธิการพรรค แถลงร่วมกัน ภายหลังจากการประชุม พรรคจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรค

นายแพทย์ชลน่าน อ่านแถลงการณ์ของพรรคเพื่อไทยในฐานะที่ได้รับมอบภารกิจว่า เริ่มต้นใหม่ร่วมผ่าทางการหาทางออกให้กับประเทศ เนื่องจากการจัดตั้งรัฐบาลในครั้งนี้ พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ได้จับมือร่วมกับพรรคการเมืองอีก 6 พรรค รวมเสียงได้ 312 เสียง เพื่อจะตั้งรัฐบาล โดยมีพรรรคก้าวไกลเป็นแกนนำ และเสนอนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี และไม่เห็นด้วยกับการแก้ไขประเมินกฎหมายอาญา มาตรา 112 แต่เมื่อแคนดิเดตนายรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกลไม่ได้รับเสียงพอ เพราะเงื่อนไขของพรรคการเมืองอื่นๆ และสมาชิกวุฒิสภา ไม่ยอมรับประมวลแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 และพรรคก้าวไกล รับทราบท่าทีเหล่านี้ แต่ไม่ยอมปรับเปลี่ยนนโยบาย


และเมื่อพรรคเพื่อไทยได้รับมอบหมายให้เป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ได้เชิญหลายพรรคการเมืองเข้าหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และจากการส่งตัวแทนรับฟังความเห็นจากสมาชิกวุฒิสภาทั้งเป็นกลุ่มและรายบุคคล พบว่านโยบายแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ยังคงเป็นเงื่อนไขหลัก ขณะที่บางพรรค บางคน แสดงเจตนาอย่างชัดเจนว่าไม่สนับสนุนถ้าพรรคก้าวไกลร่วมจัดตั้งรัฐบาลในทุกกรณี พรรคเพื่อไทยจึงหารือกับพรรคก้าวไกล เพื่อขอให้ถอนตัวจากการร่วมมือและจัดตั้งรัฐบาล โดยเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ในวันที่ 4 สิงหาคมนี้

ทั้งนี้ พรรคเพื่อไทยและนายเศรษฐาทวีสิน ขอยืนยันชัดเจนว่าจะไม่สนับสนุนการแก้ไขมาตรา 112 และการจัดตั้งรัฐบาลใหม่จะไม่มีพรรคก้าวไกลเข้าไปอยู่ในพรรคร่วมรัฐบาล และพรรคเพื่อไทยจะใช้ความพยายามรวบรวมเสียงให้เพียงพอกับการจัดตั้งรัฐบาลอย่างเหมาะสม และพรรคก้าวไกลจะทำหน้าที่เป็นฝ่ายค้าน

นายแพทย์ชลน่าน กล่าวด้วยว่า พรรคเพื่อไทยยืนยันจะทำงานการเมืองในมิติใหม่ที่เป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและพี่น้องประชาชน ในภารกิจที่สำคัญดังนี้คือ จะผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบันอันเป็นต้นเหตุของความยากลำบากในการจัดตั้งรัฐบาลครั้งนี้ และก่อให้เกิดวิกฤติของประเทศ โดยกำหนดเป็นวาระแห่งชาติ และให้ทำประชามติจัดตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ เข้ามายกร่างเพื่อเกิดประโยชน์ต่อพี่น้องประชาชน เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จจะคืนอำนาจให้ประชาชนเลือกตั้งใหม่ภายใต้กรอบกติกาของรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

นโยบายที่พรรคเพื่อไทยและพรรคร่วมรัฐบาล มีความเห็นชอบ เช่น กฎหมายสมรสเท่าเทียม สุราก้าวหน้า เปลี่ยนการเกณฑ์ทหารแบบบังคับเป็นสมัครใจ ผลักดันการกระจายอำนาจ ยกเลิกการผูกขาดและส่งเสริมการแข่งขันทางการค้าที่เป็นธรรมในทุกโอกาส พรรคเพื่อไทยในฐานะพรรคการนำรัฐบาลพร้อมที่จะผลักดัน เพื่อให้นโยบายที่เป็นประโยชน์กับประชาชนสามารถดำเนินการได้ประสบผลสำเร็จ
พร้อมย้ำว่าพรรคเพื่อไทยขอแสดงความจริงใจต่อเพื่อนมิตรทุกพรรคการเมือง และสมาชิกวุฒิสภา รวมทั้งพี่น้องประชาชนว่านี่คือแนวทางที่จะรักษาสถาบันของชาติให้เป็นศูนย์รวมจิตใจของคนไทยทั้งประเทศ และช่วยผลักดันความต้องการของประชาชน ภายใต้ข้อจำกัดและเส้นทางที่ยากลำบากนี้ไว้ให้ได้ เพื่อผลภารกิจนำพาประเทศฝ่าวิกฤตินี้ไปให้ได้ และจะใช้ความสามารถในบุคลากรของพรรคเพื่อไทยแก้วิกฤติให้พี่น้องประชาชนโดยเร็ว ภายใต้รัฐธรรมนูญใหม่

สำหรับการลงมติในวันที่ 4 สิงหาคมนั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ได้พูดคุยกับพรรคก้าวไกลภายใต้ข้อตกลงว่าเป็นเอกสิทธิ์ของพรรคก้าวไกลว่าจะลงคะแนนหรือไม่ แต่มั่นใจว่ามีเสียงสนับสนุนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยเพียงพอ

ส่วนพรรคร่วมรัฐบาลใหม่นั้น อันไหนบ้างนั้น จะมีข่าวให้กับประชาชนในพรุ่งนี้ ส่วน สว. จะโหวตให้เราหรือไม่นั้น นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ข่าวที่เราแถลงในวันนี้และแนวทางที่ชัดเจน ในการที่เราแสดงเจตนารมณ์ต่อข้อกังวลของ สว. และพรรคการเมือง มั่นใจว่าภายใต้เงื่อนไขที่แถลงไปน่าจะเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจของ สว. ที่เคยมีเงื่อนไขเดิมๆ ไว้ ซึ่งเราพยายามลดเงื่อนไขเหล่านั้นทั้งหมดก็น่าจะเป็นเหตุผลเพียงพอที่ทำให้ สว. ให้ความเห็นชอบได้

นายแพทย์ชลน่าน กล่าวด่วยว่า บรรยากาศพูดคุยกับแกนนำพรรคก้าวไกลวันนี้เป็นไปด้วยดี พรรคก้าวไกลรับฟังด้วยดี ซึ่งพรรคก้าวไกลยืนยันว่าต้องการความชัดเจนจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งอาจจะมีความคลาดเคลื่อนจากการนัดหมายก็ทำความเข้าใจกัน และสรุปว่าไม่ได้เป็นการบอกเลิก แต่เป็นสิ่งที่มีความจำเป็นจริงๆ ที่จะต้องชี้ถึงเหตุและผลในการที่จะต้องแยกมาจากตั้งรัฐบาล โดยไม่มีพรรคก้าวไกล

ส่วนพรรคเพื่อไทยจะสามารถนำพาประเทศชาติบ้านเมืองให้รอดพ้นได้หรือไม่ นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า เรื่องแรกในการหมวดเลือกนายกรัฐมนตรี มั่นใจว่าแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทยจะได้รับเสียงสนับสนุน ส่วนการจัดตั้งรัฐบาลเชื่อว่าจะพยายามหาเสียงสนับสนุนให้ได้มากที่สุด โดยรัฐบาลที่เข้มแข็งต้องมีเสียงมากกว่า 300 เสียงขึ้นไป แต่ว่าถ้าได้ 320 เสียงก็จะทำให้รัฐบาลมั่นคง ซึ่งเชื่อว่านโยบายที่พรรคนำเสนอ ประกอบกับพรรคร่วมเชื่อว่าจะสามารถทำงานให้เป็นประโยชน์กับบ้านเมืองและแก้ปัญหาวิกฤติต่างๆ ได้

นายประเสริฐ กล่าวว่า เมื่อเช้าที่ผ่านมาพรรคเพื่อไทยได้มีการหารือพบปะกับพรรคก้าวไกลร่วม 2 ชั่วโมง จากนั้นได้โทรศัพท์แจ้งไปยังแกนนำพรรคการเมือง 8 พรรค ถึงจุดยืนของพรรคเพื่อไทย โดยได้แจ้งแต่ละพรรคที่ร่วมกันจัดตั้งรัฐบาลเดิมว่าพรรคเพื่อไทยได้แจ้งถึงเหตุผลและความจำเป็นในการจัดตั้งรัฐบาลโดยไม่มีพรรคก้าวไกลเป็นพรรคร่วมรัฐบาลในการจัดตั้งครั้งนี้ ส่วนพรรคร่วมอื่นจะตัดสินใจอย่างไร ขอให้เป็นดุลยพินิจของแต่ละพรรคหากเห็นว่าแนวทางที่พรรคเพื่อไทยได้นำเสนอไปสามารถเข้าร่วมได้พรรคเพื่อไทยก็ยินดี ที่จะร่วมกันในการจัดตั้งรัฐบาล ส่วนการโหวตของพรรคก้าวไกลนั้นได้แจ้งไปแล้วว่าเป็นเอกสิทธิ์ของพรรคก้าวไกลเอง และในวันพรุ่งนี้ช่วงบ่ายจะมีแถลงการณ์อย่างเป็นทางการในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งบางพรรคตอบรับมา แต่บางพรรคยังไม่มีท่าที

ด้านนายภูมิธรรม กล่าวถึงเสียงที่พอเหมาะในการตั้งรัฐบาลว่า สามารถบริหารประเทศได้ ขณะนี้กำลังทำงานอยู่ คาดว่าพรุ่งนี้น่าจะสามารถแถลงผลการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ ทั้งนี้ ที่ผ่านมาพยายามชี้แจง จนถึงนาทีสุดท้าย ซึ่งที่ช้าทั้งหมดไม่ได้ดึงเวลา แต่ได้รับการร้องขอจากพรรคก้าวไกล ซึ่งรอจนถึงเที่ยงคืนไม่มีการติดต่อมา ดังนั้น วันที่ 1 สิงหาคม จึงเริ่มกระบวนการของพรรคเพื่อไทย ซึ่งที่ผ่านมาได้คุยกับพรรคก้าวไกลมาตลอด มีปัญหาเรื่องการสื่อสาร ซึ่งทั้งหมดไม่ได้เกิดจากเราดึงเกมทั้งหมดการประชุม 8 พรรคร่วมที่ดีเลย์ไป เพราะก้าวไกลขอให้รอจนถึงเวลา 23.00 น. ของวันที่ 31 กรกฎาคม แต่รอจนกระทั่ง 24.00 น. ก็ไม่มีการติดต่อ แล้ววันนี้จึงเข้าสู่กระบวนการตามสิ่งที่ควรจะเป็น และได้โทรศัพท์ชี้แจงกลับอีก 6 พรรคร่วมว่าต้องเลือกทางเดินที่จะเสนอจัดตั้งรัฐบาลใหม่ เพื่อให้สามารถคลี่คลายวิกฤตการณ์ที่ออกมา

“ขอยืนยันว่าตกลงกันครั้งนี้ของก้าวไกลกับเพื่อไทย ไม่ใช่การเกี๊ยเซี๊ยทางการเมือง ยืนยันการตั้งรัฐบาลใหม่จะไม่มีพรรคก้าวไกลร่วมรัฐบาล แต่นโยบายอะไรที่เป็นประโยชน์กับประชาชน ทางเราพร้อมจะผลักดัน” นายภูมิธรรม กล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ค้น 17 จุดกรุงเทพฯ-ลพบุรี คุมตัว “หลวงพ่ออลงกต-หมอบี”

26 ส.ค.- ตำรวจสอบสวนกลาง ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด “กรุงเทพฯ-ลพบุรี” บุกรวบ “หลวงพ่ออลงกต” หลังพฤติกรรมชัดทุจริตยักยอกเงินบริจาค ขณะที่ “หมอบี” โดนด้วย หิ้วตัวเค้นสอบ เมื่อเวลา 01.00 น.วันที่ 26 ส.ค. มีรายงานว่าทางตำรวจสอบสวนกลาง (CIB) นำโดย พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. สั่งการให้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว พล.ต.ต.สุวัฒน์ แสงนุ่ม รองผบช.ก. พล.ต.ต. วิทยา ศรีประเสิรฐภาพ ผบก.ป.พล.ต.ต.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผบก.ปปปพ.ต.อ.มนูญ แก้วก่ำ ผกก.1 บก.ป ปิดล้อมตรวจค้น 17 จุด ในพื้นที่กรุงเทพฯ-ลพบุรี เพื่อควบคุม หลวงพ่ออลงกต อดีตเจ้าอาวาสวัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี และนายเสกสันน์ หรือหมอบี และพวก ตามหมายจับ ความผิด ม.147, 157 […]

ศาล รธน. สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก”

ศาล รธน. 25 ส.ค.-ศาลรัฐธรรมนูญ สั่งเอาผิดเผยแพร่คลิป “นั่งลงลูก” ชี้บิดเบือน-ทำเสียหาย ศาลรัฐธรรมนูญได้ออกเอกสารข่าว ระบุว่า ตามที่ศาลรัฐธรรมนูญออกนั่งพิจารณาคดี เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 21 สิงหาคม 2568 ไต่สวนพยานบุคคลที่ศาลรัฐธรรมนูญเรียกมาให้ถ้อยคำ จำนวน 2 ปาก ได้แก่ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ผู้ถูกร้อง และนายฉัตรชัย บางขวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ เรื่อง ประธานวุฒิสภา ส่งคำร้องขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคสาม ประกอบมาตรา 82 ว่า ความเป็นรัฐมนตรีของนางสาวแพทองธาร นายกรัฐมนตรี สิ้นสุดลงเฉพาะตัวตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) หรือไม่ เมื่อเสร็จสิ้นการไต่สวนแล้ว ศาลมีคำสั่งห้ามมิให้ผู้เข้าฟังการไต่สวนนำข้อมูลการไต่สวนไปเผยแพร่ และห้ามไม่ให้บิดเบือนข้อเท็จจริงหรือข้อกฎหมายในลักษณะที่สร้างความเข้าใจผิดต่อสาธารณชน อันเป็นคำสั่งศาลตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 […]

“แพทองธาร” รีโพสต์โต้คลิปบิดเบือน ยันศาลบอก “นั่งลงครับ”

กรุงเทพฯ 25 ส.ค.- “แพทองธาร” รีโพสต์สตอรี่ไอจี โต้ดรามาคลิปบิดเบือน ยันศาล รธน. บอก “นั่งลงครับ” นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม รีโพสต์สตอรี่ในอินสตราแกรมของสำนักข่าว VOICE TV ยืนยันไม่เป็นความจริง ต่อกระแสดรามาปล่อยคลิปเสียงตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ พูดว่า “นั่งลงลูก” ภายหลัง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม กล่าวคําปฏิญาณ ในระหว่างที่ศาลรัฐธรรมนูญไต่สวนพยาน คดีคลิปสนทนากับ ฮุน เซน เมื่อวันที่ 21 สิงหาคมที่ผ่านมา ซึ่งในคลิปดังกล่าวมีข้อความระบุว่า ฟังชัดๆๆ ศาลบอกว่า “นั่งลงครับ” ไม่ใช่ “นั่งลงลูก” อย่างที่มีคนปั่น!! อย่ามั่ว อย่าบิดเบือนข่าว อย่างไรก็ตาม คาดว่าในช่วงเช้าวันนี้ (25 ส.ค.) นางสาวแพทองธาร จะดำเนินการเรื่องการส่งคำแถลงปิดคดีต่อศาลรัฐธรรมนูญ เนื่องจากศาลนัดยื่นคำแถลงปิดคดีภายในวันนี้ ก่อนจะนัดฟังคำวินิจฉัยในวันที่ 29 สิงหาคม เวลา 15.00 น.-316 -สำนักข่าวไทย

ปลัด มท. สั่งสอบด่วน ปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ

ไอคอนสยาม 25 ส.ค.- ปลัด มท. เผยยังไม่ได้รับรายงานปมสแกนม่านตาแลกเหรียญ สั่งกรมการปกครองสอบด่วน นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย กล่าวถึงกรณีที่มีรายงานว่า มีกลุ่มบุคคลสแกนม่านตาประชาชนและชักชวนให้เข้าไปใช้แอปพลิเคชันเพื่อแลกกับเงินหรือเหรียญในระบบ ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับรายงาน แต่หากเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง กระทรวงมหาดไทยจะสั่งการให้กรมการปกครองดำเนินการแก้ไขและจัดการอย่างถูกต้องทั่วประเทศอย่างไรก็ตาม หากประชาชนพบเห็นพฤติกรรมที่ไม่ถูกต้อง สามารถแจ้งเรื่องมายังกระทรวงมหาดไทย เพื่อให้ทุกจังหวัดดำเนินการตรวจสอบตามข้อเท็จจริง ส่วนกรณีที่มีรายงานว่ายังมีการดำเนินการในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ปลัดกระทรวงมหาดไทยยืนยันว่าจะเร่งตรวจสอบทั้งที่สุราษฎร์ธานีและทุกจังหวัดที่ได้รับเรื่องร้องเรียน ทั้งนี้ การตรวจสอบจะพิจารณาว่าความผิดปกติเกิดจากเจ้าหน้าที่ของรัฐหรือบุคคลอื่น หากพบว่าเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทรวงมหาดไทยจะดำเนินการตามระเบียบอย่างเคร่งครัด โดยย้ำให้ประชาชนมั่นใจว่า กระทรวงพร้อมตรวจสอบอย่างโปร่งใส.-319 -สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ชาวบ้าน-พระ เดือดร้อน

สุโขทัย 28 ส.ค. – หลายพื้นที่เมืองสุโขทัย จมอยู่ใต้น้ำและขยายวงกว้าง แม่น้ำยมล้นพนังกั้นน้ำ ด้านหลังวัดปากแคว พระและชาวบ้าน ช่วยกันขนสิ่งของหนีน้ำ ภาพมุมสูง เผยให้เห็นสภาพน้ำท่วมสูงภายในวัดปากแคว และบริเวณโดยรอบ ทหารนำกำลังพล 22 นาย ลงพื้นที่ช่วยเหลือ พระวัดปากแคว ชาวบ้านในพื้นที่หมู่ 2 หมู่ 4 ต.ปากแคว 4 ชุมชน ในเขตเทศบาลเมืองสุโขทัยธานี ถูกน้ำท่วมขยายวงกว้าง รถยนต์จมน้ำหลายคัน ด้านหลังวัดปากแคว อำเภอเมือง แม่น้ำยมผนังกั้นน้ำล้นตลิ่ง มวลน้ำมหาศาล ทะลักเข้าท่วมเต็มพื้นที่ ระดับน้ำสูงรอบวัดเกือบ 2 เมตร ทะลักเข้าท่วม ไหลข้ามถนนจรดวิถีถ่อง ระยะทางกว่า 500 เมตร ต้องปิดกั้นถนนห้ามสัญจรไปมา พระครูปลัดสุวัฒนสาธุคุณ (พระอาจารย์นาค) เจ้าคณะตำบลบ้านกล้วย เจ้าอาวาสวัดพายชุมพล หลังทราบข่าว ระดับน้ำท่วม ในวัดปากแคว รีบนำอาหารกล่องพร้อมทั้งถุงยังชีพ เข้าไปถวายพระสงฆ์ 18 รูป ที่จำพรรษาอยู่ในวัดปากแคว เร่งหาผู้สูญหายที่แม่ฮ่องสอน […]

เร่งค้นหาอีก 3 ผู้สูญหายดินถล่มปางอุ๋ง ท่ามกลางความหวังของญาติ

28 ส.ค. – เข้าสู่วันที่ 2 ของเหตุดินโคลนถล่มบ้านปางอุ๋ง หมู่บ้านกลางหุบเขา อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ เจ้าหน้าที่ยังคงปฏิบัติการค้นหาผู้สูญหายอีก 3 ราย โดยระดมกำลังนับร้อยนายพร้อมเครื่องจักรเดินหน้าค้นหา ท่ามกลางบรรดาญาติที่เฝ้ารอด้วยความหวัง ล่าสุดวันนี้พบร่างผู้เสียชีวิตอีก 2 ราย ทำให้ยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์นี้เพิ่มเป็น 6 ราย และยังสูญหายอีก 3 คน ขณะที่หลายครอบครัวต้องสูญเสียบ้านที่อยู่มาหลายสิบปีและยังไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นสร้างขึ้นใหม่ได้อย่างไร.-สำนักข่าวไทย

ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. โผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด

กทม. 28 ส.ค.-ประชุม ก.ตร. ล่ม เลื่อนไป 31 ส.ค. หลัง “ภูมิธรรม” ถกลับ ผบ.ตร. นานหลายชั่วโมง เหตุมีหนังสือร้องเรียนจำนวนมาก ทำโผนายพล 136 ตำแหน่งสะดุด ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการนายกรัฐมนตรีไทย ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ หรือ ก.ตร. เป็นประธานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 7/2568 ณ ห้องประชุมศรียานนท์ ชั้น 2 อาคาร 1 มีระเบียบวาระการประชุม 5 วาระ ประกอบด้วย วาระที่ 1 เรื่องที่ประธานแจ้งให้ที่ประชุมทราบ /วาระที่ 2 รับรองรายงานการประชุม ก.ตร.ครั้งที่ 6/2568 /วาระที่ 3 เรื่องที่เสนอเพื่อทราบ เรื่องที่ 1 รายงานการดำเนินการของ อ.ก.ตร.สืบสวนสอบสวน ที่ ก.ตร. มอบหมายให้ทำการแทน […]

กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา เขต อ.อรัญประเทศ

สระแก้ว 23 ส.ค.-กองทัพไทย เคาะสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชา จุดแรกบริเวณหลักเขตที่ 50-51 เขต อ.อรัญประเทศ ระยะทาง 10 กม. เชื่อเริ่มดำเนินการได้เป็นรูปธรรมภายในปีนี้ พลเอกมนัส จันดี เสนาธิการทหาร กองบัญชาการกองทัพไทยพร้อมคณะลงพื้นที่เพื่อสำรวจแนวชายแดนตั้งแต่หลักเขตที่สี่ 48 ต่อเนื่องถึง 51 บริเวณพื้นที่บ้านป่าไร่ ถึงบ้านท่าข้าม ในเขต อ.อรัญประเทศ โดยการสำรวจดังกล่าวเพื่อเตรียมสร้างแนวกำแพงแนวชายแดนไทย-กัมพูชา โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้นบริเวณหลักเกณฑ์ที่ห้า 50 และ 51 ซึ่งไทยและกัมพูชาเห็นตรงกันแล้วในเรื่องเขตแดน จะสร้างเป็นรั้วถาวรเป็นจุดแรกระยะทางประมาณ 10 กิโลเมตร ขณะบริเวณอื่นๆ ซึ่งยังมีการอ้างสิทธิ และยังไม่มีข้อสรุปเรื่องเขตแดนที่ชัดเจน เบื้องต้นก็จะสร้างเป็นแนวรั้วชั่วคราวด้วยวิธีการตัดถนนเลียบตลอดแนวชายแดนและวางรั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น พร้อมติดกล้องวงจรปิดในจุดที่สามารถดำเนินการได้ ทั้งนี้เชื่อว่าการดำเนินการดังกล่าวจะเกิดประโยชน์ในการเคลื่อนย้ายกำลัง รวมไปถึงการลาดตระเวนตรวจตรา นอกจากนี้การปรับพื้นที่ให้โล่งก็จะทำให้การลักลอบผ่านแดนตามช่องทางธรรมชาติยากขึ้น ซึ่งถือเป็นการสกัดกั้นทั้งแก๊งคอลเซ็นเตอร์และปัญหาสแกมเมอร์ ได้ โดยการดำเนินการจะเริ่มต้นทันทีที่นำเรื่องเข้าขออนุมัติจากสภาความมั่นคงแห่งชาติและไม่ได้ติดขัดในเรื่องงบประมาณแต่อย่างใด เชื่อว่าภายในปีนี้น่าจะเห็นแนวรั้วกำแพงชายแดนไทย-กัมพูชา เริ่มต้นเกิดขึ้นได้ ซึ่งขั้นตอนต่อจากนี้จะมีการลงในรายละเอียดพื้นที่ต่างๆ เพื่อทำความเข้าใจกับประชาชนตามแนวชายแดนที่บางส่วนอาจได้รับผลกระทบบ้าง แต่ก็เชื่อว่าประชาชนพร้อมที่จะเสียสละเพื่อความมั่นคงปลอดภัยของส่วนรวม พลตรี วันชนะ สวัสดี ผู้อำนวยการสำนักงานประสานภารกิจด้านความมั่นคงกับกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร กรมยุทธการทหาร กล่าวเพิ่มเติมว่า การทำรั้วตลอดแนวชายแดนไทยกัมพูชาเกิดขึ้นจากข้อเรียกร้องของประชาชน […]