“ก้าวไกล” เปิดทาง “เพื่อไทย” จัดตั้งรัฐบาล  

พรรคก้าวไกล 21 ก.ค. – “ก้าวไกล” เปิดทาง “เพื่อไทย” จัดตั้งรัฐบาลตามมติประชาชน พร้อมเสนอชื่อแคนดิเดตในการประชุมครั้งหน้า ยังยืนยันเดินหน้าตั้งรัฐบาลให้สำเร็จเพื่อสกัดกั้นขั้วอำนาจเดิม ปัดตอบลดเพดานแก้ไข ม.112


นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล แถลงความคืบหน้าเกี่ยวกับการเจรจาจัดตั้งรัฐบาลว่า จากการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พ.ค.ที่ผ่านมา ถือเป็นการประกาศเจตจำนงของพี่น้องประชาชนที่ชัดเจนแล้วว่าต้องการลงคะแนนเสียงให้พรรคก้าวไกลเป็นพรรคอันดับ 1 ในการจัดตั้งรัฐบาล เราจึงเดินหน้าทำตามเป้าหมายให้สำเร็จ เพื่อหยุดยั้งขั้วอำนาจรัฐบาลเดิมให้ได้ แต่ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นว่าทุกองคาพยพมีความพยายามที่จะทำทุกวิถีทางไม่ให้พรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลสำเร็จ โดยอ้างเรื่องการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และความจงรักภักดีมาขัดขวาง รวมถึงใช้อำนาจของศาลรัฐธรรมนูญมาเป็นเครื่องมือ เพื่อพยายามตัดสิทธิและยุบพรรคก้าวไกลอย่างต่อเนื่อง ขณะเดียวกัน ทางฝั่งสมาชิกวุฒิสภาก็ใช้ระบบรัฐสภามาทำลายหลักการตีความข้อบังคับของการประชุมรัฐสภา ข้อที่ 41 มาแย้งให้ขัดต่อกฎหมายรัฐธรรมนูญ เพียงเพื่อต้องการขัดขวางไม่ให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เป็นนายกรัฐมนตรี ด้วยเหตุนี้ พรรคก้าวไกลจึงจำเป็นต้องขอโทษพี่น้องประชาชนที่เรายังไม่สามารถจัดตั้งรัฐบาลตามเจตจำนงของทุกคนได้

อย่างไรก็ตาม ขอยืนยันว่า เราจะยังคงเดินหน้าหยุดยั้งขั้วอำนาจของรัฐบาลชุดเก่าต่อไป เนื่องจากการนำประเทศไทยกลับสู่ประชาธิปไตยถือเป็นภารกิจที่สำคัญที่สุด ดังนั้นเราขอเปิดทางให้พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นพรรคอันดับ 2 เป็นผู้จัดตั้งรัฐบาลแทน


“การประชุมร่วมรัฐสภาโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในครั้งหน้า พรรคก้าวไกลจะลุกขึ้นเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคเพื่อไทย เป็นนายกรัฐมนตรี เช่นเดียวกับที่พรรคเพื่อไทยเสนอชื่อพรรคก้าวไกลเป็นนายกรัฐมนตรีในครั้งที่ผ่านมา” นายชัยธวัช กล่าว

นายชัยธวัช ปฏิเสธที่จะตอบว่า พรรคเพื่อไทยเสนอเงื่อนไขใดบ้าง มีการเสนอให้ถอยเรื่องนโยบายแก้ไขมาตรา 112 หรือไม่ รวมถึงเรื่องโควตาคณะรัฐมนตรี เพราะทุกรายละเอียดจะรอการประสานงานจากพรรคเพื่อไทย ซึ่งคาดว่าจะประสานมาภายใน 1-2 วันนี้ ดังนั้นจะมีเงื่อนไขอะไร หรือยอมรับได้หรือไม่ ต้องรอฟังพรรคเพื่อไทยก่อน

ส่วนงื่อนไขที่มีพรรคก้าวไกล ไม่มีลุง ยังคงเดิมหรือไม่นั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า เป็นจุดยืนที่ชัดเจนอยู่แล้ว โดยไม่ต้องมีการพูดคุยกัน เป็นสิ่งที่ได้พูดกับพี่น้องประชาชนตลอดเวลาที่ผ่านมา พรรคก้าวไกลคงไม่อาจเสียสัจจะในเรื่องนี้ได้ แต่ระบุว่าอย่าเพิ่งรีบสรุปว่าพรรคก้าวไกลจะถอยไปเป็นฝ่ายค้านหรือไม่


สำหรับกระแสข่าวว่าถ้าเพื่อไทยอาจจะนำ ส.ส.จากพรรคพลังประชารัฐมาเข้าร่วมรัฐบาล นายชัยธวัช ระบุว่า อย่าเพิ่งคิดไปแทนเพื่อไทย มีกระแสข่าวมาเยอะแต่การพูดคุยอย่างเป็นทางการยังไม่เกิดขึ้น

นายชัยธวัช ยังระบุว่า สมาชิกส่วนใหญ่ของพรรคก้าวไกลมีความเห็นเป็นไปตามมติที่ได้แถลงไป รวมถึงพิธา ก็ให้ความยินยอมในฐานะหัวหน้าพรรค

เมื่อถามความเห็นว่า คิดอย่างไรถ้าพรรคก้าวไกล เสนอชื่อแคนดิเดต คือ นายเศรษฐา ทวีสิน ชัยธวัช กล่าวว่า เป็นใครก็ได้ พรรคก้าวไกลโดยหลักการไม่จำกัดเรื่องตัวบุคคล แต่ยืนยันว่าในการประชุมรัฐสภาครั้งหน้า พรรคก้าวไกลพร้อมจะเสนอชื่อแคนดิเดตจากพรรคเพื่อไทยแน่นอน ไม่ว่าจะเป็นใคร แต่ก็ขึ้นอยู่กับมติของพรรคเพื่อไทยว่าจะเสนอใครเป็นแคนดิเดต

นายชัยธวัช ยังยืนยันว่า พรรคก้าวไกลไม่ยอมรับในมติของรัฐสภาที่อ้างข้อบังคับที่ 41 ไม่ให้เสนอชื่อ พิธาซ้ำ โดยพรรคก้าวไกลมองว่าเป็นกระบวนการที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ แต่ยังไม่ได้พูดคุยกันในพรรคว่าจะยื่นเรื่องนี้ต่อผู้ตรวจการแผ่นดินหรือไม่

ส่วนข้อวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการทำงานของประธานรัฐสภา พรรคก้าวไกล มองว่า ประธานสามารถวินิจฉัยได้ แต่ประธานคงเห็นว่าควรให้สมาชิกได้อภิปรายถกเถียงกันอย่างเต็มที่ก่อนลงมติ แต่เหตุการณ์ผ่านไปแล้ว ก็หวังว่ารัฐสภาชุดนี้จะไม่มีเหตุการณ์เช่นนี้เกิดขึ้นอีก

ส่วนความเสี่ยงที่พรรคก้าวไกลจะถูกยุบพรรค นายชัยธวัช กล่าวว่า ขณะนี้มีอยู่สองคดี คือ เรื่องของหุ้นไอทีวี และเรื่องคดีล้มล้างการปกครอง จากนโยบายแก้ไขมาตรา 112 ซึ่งอยู่ในศาลรัฐธรรมนูญ ทั้งสองคดีไม่มีการร้องให้ยุบพรรค แต่เราจะประมาทไม่ได้ เพราะเห็นได้ชัดเจนว่า 8 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยไม่ได้อยู่ในระบบนิติรัฐปกติ องค์กรอิสระ รวมถึงศาลรัฐธรรมนูญ ถูกตั้งคำถามถึงหลักเกณฑ์และบทบาทในการเป็นเครื่องมือทางการเมืองให้กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งหรือไม่

นายชัยธวัช ยังระบุอีกว่า ไม่ได้คำนวณถึงเหตุการณ์ด้านลบที่จะเกิดขึ้นหลังจากถอยให้กับพรรคเพื่อไทย ทั้งตำแหน่งประธานรัฐสภา และตำแหน่งนายกรัฐมนตรี คำนึงแต่เพียงว่าทำจะทำอย่างไรให้การจัดตั้งรัฐบาลตามมติมหาชนเกิดขึ้นได้โดยเร็วที่สุด

”ประเด็นสำคัญไม่ได้อยู่ที่คุณพิธาต้องเป็นนายกหรือไม่ แต่ประเด็นสำคัญที่ต้องยึดกุมไว้คือต้องยึดตามมติมหาชน คือ ต้องผลักดันให้เกิดการจัดตั้งรัฐบาลเพื่อยุตติการสืบทอดอำนาจของขั้วรัฐบาลเดิมให้ได้” นายชัยธวัช กล่าว

นายชัยธวัช ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ปัญหาจากการเสนอชิ่อแคนดิเดตนายกฯ เพียงชื่อเดียว และหากมองย้อนกลับไป พรรคก้าวไกลก็จะทำเหมือนเดิม เพราะเห็นได้ชัดเจนว่าหลายองคาพยพ ตลอด 2 เดือนที่ผ่านมา ล้วนแสดงออกอย่างเด่นชัด เปิดเผยว่าไม่ต้องการเห็นพรรคก้าวไกลเป็นนายกฯ จะด้วยความไม่ต้องการสูญเสียอำนาจ เสียผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจ หรือไม่อยากเห็นนโยบายที่จะเข้าไปเปลี่ยนแปลงในเชิงโครงสร้าง แต่เราจะยืนยันว่าจะพยายามอย่างถึงที่สุดที่จะทำให้ภารกิจ ซึ่งประชาชนมอบให้ในวันเลือกตั้งสำเร็จให้ได้

“คนที่ไม่ยอมรับในความเปลี่ยนแปลง ไม่ยอมรับในหลักการพื้นฐานของระบอบประชาธิปไตยต่างหาก ควรจะมีสำนึกว่าการกระทำแบบนี้จะไม่ส่งผลดีต่อบ้านเมืองในระยะยาว” นายชัยธวัช กล่าว

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า หากเปลี่ยนแกนนำจัดตั้งรัฐบาลมาเป็นพรรคเพื่อไทยแล้ว จะมีโอกาสสำเร็จมากขึ้นหรือไม่ นายชัยธวัช ตอบว่า “ก็ควรต้องเป็นอย่างนั้น” .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

“ขัตติยา” ชี้ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก.

กทม. 10 ส.ค.-“ขัตติยา” สส.เพื่อไทย ชี้โพลฯ ประชาชนเชื่อมั่นกองทัพสูง แต่ภารกิจชายแดนเป็นผลงานร่วมทุกฝ่าย ใต้ร่ม ศบ.ทก. น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อและรองโฆษกพรรคเพื่อไทย โพสต์ X ถึงผลสำรวจล่าสุดของนิด้าโพล ที่ให้ความไว้วางใจกองทัพสูงกว่ารัฐบาลและกระทรวงการต่างประเทศ ว่าอยากชวนมองภาพให้ครบว่า ทุกหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง ล้วนทำงานร่วมเป็นทีมเดียวกัน ภายใต้ศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ ศบ.ทก. ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นตั้งแต่เดือนมิถุนายน โดยรวมเอาหลายภาคส่วนเข้ามาทำงานร่วมกัน ทั้งกระทรวงกลาโหม สภาความมั่นคงแห่งชาติ กระทรวงมหาดไทย กระทรวงการต่างประเทศ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงแรงงาน กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา สำนักข่าวกรองแห่งชาติ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด และผู้บัญชาการทหารบก ทุกฝ่าย คือทีมไทยแลนด์ ที่แบ่งบทบาทหน้าที่และประสานงาน เพื่อเป้าหมายเดียวกัน คือ การรักษาอธิปไตยของประเทศ และปกป้องความปลอดภัยของชีวิตประชาชน แม้กองทัพจะมีบทบาทสำคัญเป็นด่านหน้าในพื้นที่ชายแดน แต่ก็ไม่ได้ทำงานแยกเดี่ยวหรือเป็นอิสระจากภาคส่วนอื่นๆ หากทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกหน่วยงานภายใต้ร่มของ ศบ.ทก. ในสถานการณ์ที่ท้าทายเช่นนี้ ไม่มีหน่วยงานใดสามารถทำงานบรรลุเป้าหมายได้เพียงลำพัง ความสำเร็จต้องเกิดจากการร่วมแรงร่วมใจของทุกภาคส่วน.-314.-สำนักข่าวไทย

วันแม่แห่งชาติ ขึ้นทางด่วนฟรี 𝟯 สายทาง

กทม. 9 ส.ค.-วันแม่แห่งชาติ 12 สิงหาคม 2568 กทพ. แจ้งยกเว้นค่าผ่านทางพิเศษของทางพิเศษรวม 𝟯 สายทาง ดังนี้ ทางพิเศษเฉลิมมหานคร จำนวน 𝟮𝟭 ด่าน ทางพิเศษศรีรัช จำนวน 𝟯𝟮 ด่าน และทางพิเศษอุดรรัถยา จำนวน 𝟭𝟬 ด่าน นายอนุกูล พฤกษานุศักดิ์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ตามที่รัฐบาลประกาศให้วันจันทร์ ที่ 11 สิงหาคม 2568 เป็นวันหยุดพิเศษ ทำให้มีวันหยุดต่อเนื่องกันรวม 4 วัน (9-12 สิงหาคม 2568) เพื่อให้ประชาชนเดินทางท่องเที่ยวภายในประเทศ และช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศในภาพรวม โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) คาดการณ์สถานการณ์ “คนไทย” เดินทาง “ท่องเที่ยวภายในประเทศ” วันหยุดยาวช่วงวันแม่แห่งชาติ ระหว่างวันที่ 9-12 สิงหาคม 2568 จะสร้างรายได้สะพัดทั่วประเทศ 13,750 ล้านบาท […]

“มาริษ” แจงโทรเคลียร์ รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ปมถูกบิดเบือนคำพูด

สุรินทร์ 9 ส.ค. – “มาริษ” แจงโทรเคลียร์ “วิเวียน” รมว.ต่างประเทศสิงคโปร์ ถูกบิดเบือนคำพูด ย้ำไม่ได้วิจารณ์เชิงลบ แต่ห่วงภาวะผู้นำทำงานได้ไม่เต็มที่เพราะมีอุปสรรคขัดขวาง นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่มีบางสื่อบิดเบือนคำพูดของนายวิเวียน บาลากริชนิน (Vivian Balakrishnan) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงต่างประเทศสิงคโปร์ ซึ่งตนไม่สบายใจตั้งแต่ต้น และได้สะท้อนไปว่าการแสดงความคิดเห็นในเรื่องที่ละเอียดอ่อนเหล่านี้มักจะทำให้เกิดความเข้าใจผิด และจะมีคนเอาคำพูดท่านไปใช้ประโยชน์ในการโจมตีทางการเมือง นายมาริษ เปิดเผยว่า ได้คุยโทรศัพท์กับนายวิเวียน เพื่อแสดงความห่วงกังวล เขายอมรับแล้วอนุญาตให้ช่วยชี้แจง อธิบายกับสื่อมวลชนที่เป็นสื่อหลัก เพราะข้อความที่แปลผิดได้แพร่สะพัดอยู่ในโซเชียลมีเดีย “นายวิเวียนไม่ได้มีความประสงค์ที่จะไปตั้งคำถามในเรื่องภาวะผู้นำของใครทั้งสิ้น เขาเพียงแต่พูดว่าอยากเห็นการทูตทำงานอย่างเต็มที่ เพราะการทูตจะแก้ไขปัญหาได้หากอยู่ในจุดที่สมดุล และเมื่อไรที่ภาวะผู้นำถูกขัดขวาง ไม่ว่าจะด้วยปัจจัยอะไรก็ตาม มันจะมีผลกระทบให้การแก้ไขปัญหาซับซ้อนมากยิ่งขึ้น” นายมาริษ กล่าว นายมาริษ กล่าวย้ำว่า สิ่งที่นายวิเวียนพูด จะพยายามสื่อสารเพื่อให้ทุกคนได้ตระหนักว่าอยากเห็นผู้นำได้ทำงานอย่างเต็มที่ ไม่มีอุปสรรคขัดขวาง ซึ่งจะเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้การแก้ไขปัญหาลุล่วงไปได้อย่างสมบูรณ์.-319-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

เตือนทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง ‘ตะวันออก’ หนักสุด

กทม. 12 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกต่อเนื่อง เตือนภาคตะวันออกรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่มไว้ด้วย เนื่องจากมีร่องมรสุมพาดผ่านตอนบนของภาคเหนือ ประเทศลาวตอนบน เข้าสู่หย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน มีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1 – 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองไว้ด้วย อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น “โพดุล” (PODUL) บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก คาดว่าจะเคลื่อนผ่านเกาะไต้หวัน และเคลื่อนขึ้นฝั่งบริเวณด้านตะวันออกของประเทศจีนในช่วงวันที่ 13 – 14 ส.ค. โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย – สำนักข่าวไทย

เสียงสะท้อนจากวีรบุรุษแนวหน้าถึงแนวหลัง

11 ส.ค. – แม้สถานการณ์สู้รบไทย-กัมพูชาเหมือนจะดีขึ้น แต่ยังวางใจไม่ได้ เช่นข่าวทหารไทยเหยียบกับระเบิดบาดเจ็บอีก 3 นาย วันนี้จะพาไปดูความพร้อมของหน่วยแพทย์ในการดูแลทหารของชาติในฐานะวีรบุรุษ พร้อมข้อคิดจากจ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญชูกล้า หรือจ่าเต้ 1 ในวีรบุรุษ ฝากถึงแนวหลัง.-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังถก​ สมช.​ เคาะสถานการณ์สงบจริง

เมืองทองธานี 11 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ลั่น​ ก็จบ!! ​ หลัง “กองทัพ” ยืนยันแล้ว “แม่ทัพภาค 2” ไม่ได้พูดยึดปราสาทตาควาย ย้ำยังไม่มีอะไรผิดสัญญา เล็งปิด​ ศบ.ทก. หลังประชุม​ สมช.​ 13-14 ส.ค.นี้​ เคาะสถานการณ์สงบจริง​ นายภูมิธรรม​ เวชยชัย​ รอง​นายก​รัฐมนตรี​และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​มหาดไทย​ รักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี​ กล่าวถึงกรณีพลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2​ ออกมา ประกาศยึดคืนปราสาทตาควาย จะถือเป็นการละเมิดข้อตกลงไทย-กัมพูชาหรือไม่ ว่า​ ยังไม่ได้ยินแม่ทัพภาคที่ 2 พูด​ แต่ทุกอย่างต้องเป็นไปตามข้อตกลง​ เมื่อถามว่าแม้กองทัพ จะออกมาปฏิเสธแล้ว​ แต่ทางกัมพูชา​อาจมองเป็นการกระตุ้นให้เกิดความขัดแย้ง และละเมิดข้อตกลง 13 ข้อ นายภูมิ​ธรรม​ กล่าวว่า​ ยังไม่มีอะไรผิดสัญญา กองทัพซึ่งเป็นตัวหลักได้ยืนยันแล้ว​ ก็จบตามนั้น​ เมื่อถามว่า​ สถานการณ์ชายแดน 2-3 วันที่ผ่านมา​ ถือว่าสงบนิ่งหรือไม่​ เนื่องจากมีกระแสข่าวว่าเหตุการณ์ความไม่สงบจะกลับมา​อีก […]

ทบ.ยัน ‘มทภ.2’ ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย

11 ส.ค.- โฆษกกองทัพบกโต้กัมพูชา ยันแม่ทัพภาค 2 ไม่ได้กล่าวรุกล้ำอธิปไตยปมปราสาทตาควาย ย้ำไทยไม่มีความพยายาม “ยั่วยุ-วางแผน” ใช้กำลังทางทหารตามที่เขมรกล่าวอ้าง พลตรี​ วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก ได้ชี้แจงกรณีกระทรวงกลาโหมกัมพูชาแถลงการณ์ถึงคำสัมภาษณ์ พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เรื่องของปราสาทตาควาย ว่า “ยืนยันว่าเนื้อหาที่แม่ทัพภาคที่ 2 พูด ไม่ได้มีความหมายในแบบที่โฆษกกระทรวงกลาโหมกัมพูชาได้แถลงไป โดยเฉพาะท่านไม่พูดเรื่องการเคลื่อนย้ายกำลัง เพื่อรุกล้ำอธิปไตยกัมพูชา สิ่งที่ท่านได้กล่าวในวันนั้นคือ ปราสาทตาควายอยู่ภายใต้อธิปไตยของไทย ในช่วงที่มีการปะทะที่ผ่านมาพยายามเข้าไปยึดด้วยการวางกำลัง แต่ยังไม่สำเร็จ จึงได้ทำการวางกำลังบริเวณด้านนอก ห่างจากตัวปราสาท 30 เมตร แต่ในอนาคตจะต้องพยายามนำกลับมาภายใต้การควบคุมของไทยให้ได้ ตามขั้นตอนที่เหมาะสม พร้อมกล่าวว่าเตรียมนำเรื่องต่างๆ ไปพูดคุยเจรจาในวงเจรจาในกรอบการประชุม RBC ที่จะเกิดขึ้นใน 2 สัปดาห์ และย้ำถึงจุดยืนว่าไทยจะไม่ถอยจากแนวการวางกำลังเดิม ขอยืนยันว่า แม่ทัพภาคที่ 2 ไม่ได้พูดถึงเรื่องการใช้กำลังทางทหาร ไปดำเนินการอย่างแน่นอน เพราะฉะนั้นที่กล่าวไปในข้างต้น จึงไม่ใช่ความพยายามที่มีการยั่วยุและมีการวางแผนใช้กำลังทางทหารต่อกรณีปราสาทตาควายอย่างที่กัมพูชากล่าวอ้างแต่อย่างใด” -สำนักข่าวไทย