“ธรรมนัส” เผยยังไม่ถึงเวลาเสนอชื่อ “บิ๊กป้อม” นายกฯ

กทม. 18 ก.ค.-“ธรรมนัส” กั๊กตอบท่าที พปชร. โหวตเลือกนายกฯ รอบ 2 ขอดูหน้างานพรุ่งนี้ เชื่อญัตติตกปิดประชุมทันที เสนอชื่อ “บิ๊กป้อม” นายกฯ ยังไม่ถึงเวลา ลั่นหากก้าวไกลวืด ต้องมีมารยาท ให้เพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลก่อน

ภายหลังการประชุมพรรคพลังประชารัฐ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้เดินทางออกจากที่ทำการพรรคทันทีโดยไม่ตอบคำถามสื่อมวลชน ที่มีการถามถึงกรณีที่จะมีการเสนอชื่อพลเอกประวิตร ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และการที่พรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน ที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย ในการโหวตเลือกนายกฯ รอบสอง รวมถึงทิศทางของพรรคการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ (19 ก.ค.)


ด้านร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ในฐานะประธานประสานงาน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงทิศทางการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีของพรรค ว่า ต้องดูหน้างาน ส่วนตัวมองว่าการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ขัดกับข้อบังคับที่ 41 ที่ไม่ให้เสนอญัตติซ้ำหรือไม่ ตอนนี้ยังพูดอะไรไม่ได้ เนื่องจากไม่มีข้อสรุปแน่นอน ฉะนั้นจะต้องขอดูหน้างานก่อน และพรุ่งนี้จะมีการประชุม ส.ส.ก่อนในช่วงเช้า

ส่วนมองว่าการเสนอชื่อนายกฯ ญัตติควรตกไป ไม่ควรเสนอซ้ำหรือไม่ ร้อยเอกธรรมนัส ย้ำว่า ในวันพรุ่งนี้เช้าจะมีการพูดคุยกัน


ทั้งนี้หากเป็นชื่อของนายพิธา จุดยืนจะยังคงเป็นเหมือนเดิมใช่หรือไม่ ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่าขอดูหน้างาน แต่ถ้าหากวันพรุ่งนี้ญัตติโหวต นายพิธาตกไป ตนเชื่อว่าคงจะปิดการประชุม

ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่าที่ประชุมวันนี้ ส่วนใหญ่ไม่ได้พูดถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ แต่จะเป็นการพูดถึงนโยบายของพรรค ในอนาคตมากกว่า รวมถึงการหารือเรื่องพื้นที่ของ ส.ส. และการเตรียมอภิปรายของ ส.ส. ในสภา และส่วนใหญ่เป็นเรื่องของยุทธศาสตร์ที่เราจะเดินไปข้างหน้าอย่างไร เพราะเราจะต้องมีการเตรียมตัวสำหลับการเลือกตั้งซ่อม ซึ่งจะมีขึ้นแน่นอนในอนาคต

เมื่อถามว่าเป็นการเตรียมเพื่อไปเป็นรัฐบาลหรือไม่ ร้อยเอกธรรมนัส ยิ้มพร้อมกล่าวว่า ยังไม่ได้คุยถึงประเด็นนี้ และปฏิเสธว่าพรรคเพื่อไทยได้มีการติดต่อมาหรือไม่ และยังไม่ถึงเวลา ขอให้ประเด็นการโหวตเลือกนายกฯในวันพรุ่งนี้ผ่านไปก่อน


ส่วนตัวคิดว่าชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นอย่างไร ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่า แคนดิเดตนายกฯ ของแต่ละพรรค ก็ดีหมด เราคิดว่าเป็นเรื่องของสมาชิกรัฐสภาว่าจะแสดงความเห็นอย่างไร ถ้าเป็นนายเศรษฐาพรรคพลังประชารัฐจะทำงานง่ายขึ้นหรือไม่นั้น พรรคเรามีแนวทางชัดเจน คือก้าวข้ามความขัดแย้ง เพราะฉะนั้นยังเหมือนเดิม ไม่ว่าคนใดจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 หากไม่มีประเด็นสำคัญที่เราเคยมีจุดยืนไว้ก็คงไม่มีปัญหาอะไร และตนเชื่อว่าในวันพรุ่งนี้ไม่น่าจะมีคนอื่นนอกจากนายพิธา ซึ่งการจะโหวตอย่างไรนั้น พรรคพลังประชารัฐก็ต้องเป็นไปตามมติของที่ประชุม

ทั้งนี้ หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และมีพรรคก้าวไกล ร่วมรัฐบาลด้วย พรรคพลังประชารัฐจะเห็นชอบด้วยหรือไม่ ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่า เนื่องจากพรรคเรามีสมาชิกเพียง 40 คน ดังนั้นการกำหนดทิศทางการเมืองเราจะเดินไปพร้อมกัน และขอฉันทามติจากคณะกรรมการ และ ส.ส. เพราะฉะนั้นจะพูดตรงนี้ไม่ได้

ร้อยเอกธรรมนัส ยังกล่าวถึง กระแสข่าวในช่วงนี้ที่มีการจะดันพลเอกประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรี โดยยืนยันว่า พรรคพลังประชารัฐ เราไม่จัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยอย่างเด็ดขาด ขอยืนยัน

“ตน และหัวหน้าพรรค ยืนยันชัดเจนว่าการจะตัดสินใจทางการเมืองเราต้องมีมารยาท ดังนั้นหลังจากที่พรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้แล้ว ก็จะต้องเป็นหน้าที่ของพรรคเพื่อไทย ขอยืนยันชัดเจนว่าเราจะไม่เสนอชื่อหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นนายกฯ เสียงข้างน้อยเด็ดขาด เราไม่ทำรัฐบาลเสียงข้างน้อย”ร้อยเอกธรรมนัส กล่าว

ส่วนถ้ารวมได้จะไม่ปิดประตูใช่หรือไม่ ร้อยเอกธรรมนัส มองว่า ยังไม่ถึงเวลาของพรรคพลังประชารัฐ ต้องรอก่อน ต้องให้พรรคเพื่อไทยก่อน

สำหรับที่มีการวิเคราะห์ว่าเพื่อไทยอาจจะมีเงื่อนไขพาพ่อกลับบ้าน หวยจึงอาจจะต้องมาตกที่พลเอกประวิตรนั้น ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่าเราอย่าพึ่งคิดไกลไปขนาดนั้น เอาพรุ่งนี้ให้ผ่านไปก่อน พร้อมยืนยันหลักการเดิมที่พรรคลำดับหนึ่งจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ จะเป็นพรรคอันดับที่สองถ้าไม่ได้ ก็เป็นพรรคอันดับที่สามคือพรรคภูมิใจไทย เพราะโดยมารยาททางการเมืองก็ควรที่จะเป็นมาอย่างนั้น

สำหรับการโหวตนายกฯ ควรที่จะเร็วที่สุดถ้าหลังจากวันที่ 19 ก.ค. ถ้ามีอะไรชัดเจนแล้ว สัปดาห์ต่อไปก็ควรจะจบได้แล้ว

เมื่อถามว่า ห่วงความวุ่นวายจะเกิดขึ้นหรือไม่ หากนายพิธาไม่ได้เป็นนายกฯ ร้อยเอกธรรมนัส เชื่อว่าบ้านเราเมืองเราถึงจุดหนึ่ง คนไทยก็จะกลับมารักกัน จากประสบการณ์ทางการเมือง ตนเชื่ออย่างนั้น ถามต่อว่าแต่บางส่วนมองว่าเหตุการณ์ความวุ่นวายจะรุนแรงขึ้นมากกว่าในอดีต ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่า พวกเราไปคิดกันเอง เราอย่าพึ่งไปวิตกกับเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น

ส่วนถ้าพรรคก้าวไกลถอยแก้มาตรา 112 พรรคพลังประชารัฐจะโหวตให้หรือไม่ ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่า ประเด็นนี้ต้องดูหน้างานก่อนไปพูดตอนนี้ไม่ดี

สำหรับพรรคร่วมรัฐบาลเดิมตอนนี้ยังพูดคุยกันปกติ ส่วนการโหวตจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ ก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องของเหตุและผล.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทหารกัมพูชาขุด “คูเลต” ลากยาว 650 เมตร

อุบลราชธานี 28 พ.ค.- เปิดภาพ! “คูเลต” ทหารกัมพูชาขุดลากยาว 650 เมตร จากต้นสัตบรรณถึงสามแยกลาว จุดปะทะทหารไทย เมื่อวันที่ 28 พ.ค.68 ผู้สื่อข่าวรายงาน ภายหลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี หลังพบขุดคูเลต จากจุดต้นสัตบรรณถึงสามแยกลาว ระยะทาง 650 เมตร ซึ่งเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยก่อนจะเกิดเหตุปะทะกัน ทหารไทยได้เข้าไปเจรจา เพราะเป็นการละเมิด MOU 2543 เป็นครั้งที่ 2 แต่ทางทหารกัมพูชากับยิงสวนออกมา จึงเกิดการปะทะกัน โดยช่วงนี้อยู่ระหว่างการเจรจาของผู้นำในพื้นที่ทั้งสองฝ่าย โดยฝ่ายทหารไทยยืนยันว่าให้ทหารกัมพูชา ออกจากพื้นที่อ้างสิทธิพร้อมกัน-313 .-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 ย้ำกัมพูชาต้องยึด MOU 43 หลังละเมิดขุดคูเลต 2 รอบ

อุบลราชธานี 28 พ.ค.- มทภ.2 ย้ำกัมพูชาต้องยึด MOU 43 หลังละเมิดขุดคูเลต 2 รอบ ทหารไทยเข้าเจรจากลับยิงสวน ลั่นปกป้องอธิปไตยตามแผนที่ 1:50,000 เต็มที่ พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 กล่าวถึง เหตุปะทะระหว่างทหารไทยและทหารกัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานี ว่า ในช่วงเช้าที่ผ่านมา กำลังพลของกองกำลังสุรนารีได้ลาดตระเวนและพบว่า ทหารกัมพูชาขุดคูเลต เช่นเดียวกับเนิน 745 ช่องบก ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์ โดยก่อนจะเกิดเหตุปะทะกัน ทหารไทยได้เข้าไปเจรจา แต่ทางกัมพูชา ยิงสวนออกมา จึงเกิดการปะทะกัน อย่างที่เป็นข่าว สำหรับแนวทางการแก้ไขปัญหาต่อจากนี้ ผู้บังคับบัญชาในระดับพื้นที่กำลังพูดคุยเจรจา “ยืนยันว่าทหารไทยทำหน้าที่รักษาอธิปไตยตามแผนที่ 1:50,000 ซึ่งในพื้นที่ทับซ้อนของทั้ง 2 ประเทศ จะมีการออกลาดตระเวนอย่างต่อเนื่อง เพื่อป้องกันไม่ให้อีกฝ่ายล้ำเข้ามา ซึ่งทุกฝ่ายต้องยึดตาม MOU 2543”.-313.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารกัมพูชา

ทบ.แจงเหตุปะทะทหารกัมพูชาบริเวณช่องบก คลี่คลายแล้ว

กองทัพบก 28 พ.ค.-ทบ.แจงเหตุปะทะทหารกัมพูชาบริเวณชายแดนช่องบก จ.อุบลราชธานี ปัจจุบันสถานการณ์คลี่คลายแล้ว อยู่ระหว่างรอการเจรจา พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เผยถึงสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทยกัมพูชา โดยระบุว่าได้รับรายงานจาก กองกำลังสุรนารีเกี่ยวกับเหตุการณ์ปะทะบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 เวลา 05.30 น. โดย หน่วยเฉพาะกิจที่ 1 กองกำลังสุรนารี ได้รับการรายงานว่ามีทหารกัมพูชาเข้ามาวางกำลังในพื้นที่อ้างสิทธิ์ ซึ่งไม่เป็นไปตามข้อตกลง ฝ่ายไทยจึงจัดชุดประสานงานเพื่อเข้าพูดคุยเจรจาตามแนวทางการปฏิบัติที่เคยกระทำมา เมื่อถึงบริเวณดังกล่าว กำลังส่วนระวังเหตุของทหารกัมพูชา ได้เข้าใจผิด และเริ่มใช้อาวุธ ฝ่ายไทยจึงใช้อาวุธตอบโต้กลับไป โดยใช้เวลาประมาณ 10 นาที ต่อมาเวลา 05.55 น. พลตรี ทล โซะวัน รองผู้บัญชาการกองพลสนับสนุนที่ 3 ฝ่ายกัมพูชา ได้โทรศัพท์ประสานงานกับ พันเอก บุญเสริม บุญบำรุง รองผู้บัญชาการกองกำลังสุรนารี เพื่อให้ทั้งสองฝ่ายยุติ โดยทั้งสองฝ่ายได้ตกลงหยุดยิงและตรึงกำลังบริเวณจุดปะทะ ปัจจุบันทั้งสองฝ่ายอยู่ระหว่างการเจรจาผ่านกลไกทวิภาคี เพื่อจัดการกรณีอ้างสิทธิในพื้นที่ และกำหนดแนวทางร่วมกันในการปฏิบัติอย่างสันติ ตามข้อตกลงที่มีอยู่ […]

มติเอกฉันท์ สภาอนุมัติ “พ.ร.ก.ไซเบอร์-สินทรัพย์ดิจิทัล”

รัฐสภา 28 พ.ค.- สภาเอกฉันท์อนุมัติ “พ.ร.ก.ไซเบอร์-สินทรัพย์ดิจิทัล” ให้ธนาคารร่วมชดใช้ค่าเสียหายจาก “แก๊งคอลเซ็นเตอร์” เร่งคืนเงินผู้เสียหาย ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร สมัยวิสามัญ วาระการพิจารณาพระราชกำหนด (พ.ร.ก.) มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญากรรมทางเทคโนโลยี (ฉบับที่ 2) พ.ศ. 2568 และ พ.ร.ก.การประกอบธุรกิจสินทรัพย์ดิจิทัล (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2568 ที่คณะรัฐมนตรีเป็นผู้เสนอ ซึ่งแบ่งเวลาในการอภิปรายฝ่ายละ 2 ชั่วโมง รวม 4 ชั่วโมง และจะเป็นการรวมพิจารณา และแยกลงมติทีละฉบับ โดยนายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เสนอหลักการว่า เนื่องจากปัจจุบัน มี พ.ร.ก.มาตรการป้องกันและปราบปรามอาชญกรรมทางเทคโนโลยี พ.ศ. 2566 ยังมีมาตรการบังคับทางกฎหมายที่ยังไม่เพียงพอ กับรูปแบบอาชญากรรม กลุ่มมิจฉาชีพ จึงต้องแก้ไขปรับปรุงให้ทันสมัย เช่น การเร่งคืนเงินให้ผู้เสียหาย, การอาญัติบัญชีม้า, การกำหนดหน้าที่และความรับผิดชอบของสถาบันการเงิน ผู้ให้บริการเครือข่ายโทรศัพท์ และมาตรการการโอนเงินผิดกฎหมาย ผ่านสินทรัพย์ดิจิทัล จากนั้น ได้เปิดโอกาสให้ สส.อภิปรายอย่างกว้างขวาง โดยนายจุติ […]

ข่าวแนะนำ

จับแล้ว “เกม” มือยิงยัดถังถ่วงอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ตะคร้อ

นครสวรรค์ 29 พ.ค. – เมื่อสัปดาห์ก่อน เกิดเหตุสะเทือนขวัญ พบศพถูกยัดใส่ถังพลาสติกขนาด 200 ลิตร โยนทิ้งในอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ตะคร้อ จ.นครสวรรค์ วันนี้จับผู้ต้องหาได้แล้ว จากเหตุสยองอ่างเก็บน้ำห้วยใหญ่ตะคร้อ อ.ไพศาลี จ.นครสวรรค์ เมื่อมีผู้พบศพชายปริศนา ถูกยัดอยู่ภายในถังพลาสติกขนาด 200 ลิตร ลอยอยู่ใกล้กับตลิ่ง เมื่อวันที่ 18 พ.ค.ที่ผ่านมา ทำให้ตำรวจ สภ.ตะคร้อ ต้องทำงานกันอย่างหนัก เพื่อหาคำตอบให้กับเหตุการณ์อันโหดเหี้ยมนี้ เบื้องต้นสามารถยืนยันได้ว่าชายดังกล่าวเสียชีวิตมาแล้ว 3-5 วัน และมีร่องรอยถูกยิงด้วยปืนลูกซอง จากการตรวจสอบในถังพลาสติกยังพบก้อนหินขนาดใหญ่ ถุงปุ๋ย และกระเป๋าสะพายข้าง ไปจนถึงโทรศัพท์มือถือ ทำให้สามารถค้นหาและทราบชื่อผู้เสียชีวิตคือ นายจุฑาเพชร หรืออ้วน อายุ 44 ปี ที่รับจ้างทำไร่ในพื้นที่ อ.โคกเจริญ จ.ลพบุรี จากการสืบสวนและแกะรอยจากกล้องวงจรปิดมานานกว่า 1 สัปดาห์ ทำให้พบว่านายปารวี หรือเกม อายุ 35 ปี เป็นผู้ก่อเหตุ เมื่อตรวจสอบรถกระบะและห้างนาของนายเกม ยิ่งพบหลักฐานสำคัญที่ยืนยันได้ว่านายเกมคือคนร้าย […]

ตั้ง 2 ประเด็น เหตุบุกยิง ครู-อส. งานแข่งตะกร้อ

นราธิวาส 29 พ.ค. – เจ้าหน้าที่เก็บหลักฐานเหตุคนร้ายยิงถล่ม สภ.จะแนะ จ.นราธิวาส คาดผู้ก่อเหตุมีไม่ต่ำกว่า 10 คน ด้านภรรยาตำรวจที่เสียชีวิต ร่ำไห้ทำใจไม่ได้ ส่วนเหตุบุกยิง ครู-อส. กลางงานแข่งตะกร้อ จนท.ตั้ง 2 ปมก่อเหตุ “ปัญหาส่วนตัว-ความมั่นคง” จากเหตุคนร้ายลอบยิงตำรวจขณะเข้าแถวเคารพธงชาติ ที่สถานีตำรวจภูธรจะแนะ ต.จะแนะ อ.จะแนะ จ.นราธิวาส และยิงใส่ป้อมรักษาการประตู กระทั่งเกิดการยิงตอบโต้กลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงประมาณ 15 นาที จนกลุ่มผู้ก่อเหตุหลบหนีไป หลังเกิดเหตุ ส.ต.อ.อับดุลเลาะ มะกาเซ็ง อายุ 30 ปี เสียชีวิตในที่เกิดเหตุ และสิบตำรวจเอก เจษฎา พรหมรัตน์ อายุ 33 ปี บาดเจ็บสาหัส เมื่อวานนี้ (28 พ.ค.) ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านตำรวจที่เสียชีวิต เป็นสถานที่จัดงานให้ชาวบ้านมาร่วมทำบุญและแสดงความเสียใจกับครอบครัว หลังนำร่าง ส.ต.อ.อับดุลเลาะ ประกอบพิธีฝังศพที่กูโบร์บ้านบาเร๊ะบาโร๊ะ เมื่อคืนที่ผ่านมา (28 พ.ค.) นางสาวนุชฮูดา […]

ทางออก 3 ข้อ ไทย-กัมพูชา ตกลงร่วมคลี่คลายสถานการณ์ช่องบก

อุบลราชธานี 29 พ.ค. – สถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา หลังเกิดเหตุปะทะระหว่างทหารไทยกับทหารกัมพูชา เช้าวานนี้ (28 พ.ค.) บริเวณช่องบก อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี ขณะนี้เข้าสู่วันที่ 2 แม้ไม่มีการปะทะเพิ่มเติม แต่เจ้าหน้าที่ยังตรึงกำลังแน่นหนา ส่วนชาวบ้านในพื้นที่เริ่มเตรียมความพร้อมสำหรับการอพยพ หากเกิดเหตุฉุกเฉิน แต่การแก้ปัญหาที่สำคัญคือ ผู้บัญชาการทหารบกของทั้งสองประเทศได้คุยกันแล้ว เพื่อคลี่คลายสถานการณ์ที่เกิดขึ้น เบื้องต้นได้ข้อสรุป 3 ข้อ.-สำนักข่าวไทย

จับแล้ว! “สามีภรรยา” คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง

29 พ.ค.- จับแล้ว! สองสามีภรรยา คนสนิทอดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง มือคุมบัญชีประมูลร้านค้างานประจำปี – ร้านค้าสวัสดิการ หลังศาลอาญาทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง ออกหมายจับ วันนี้ ( 29 พ.ค.68) เวลา 16.00 น. เจ้าหน้าที่ตำรวจ กก.5 บก.ปปป. สนธิกำลังร่วมเจ้าหน้าที่ กก.5 บก.ป. นำกำลังเข้าจับกุม สองสามีภรรยา คนสนิทนายแย้ม อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง หลังศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับ ในความผิดฐาน ข้อหาฟอกเงิน และ เป็นผู้สนับสนุนเจ้าพนักงานที่มีหน้าที่ซื้อหรือการรักษาทรัพย์ แต่กลับเบียดบังหรือทุจริตทรัพย์นั้นมาเป็นของตน, เป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติหรือละเว้นการปฎิบัติหน้าที่โดยมิชอบและเป็นเจ้าพนักงานของรัฐปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต” โดยสามารถจับกุมตัวทั้งสองได้ภายในค่ายลูกเสือพระพุทธศาสนา มูลนิธิหลวงพ่อวัดไร่ขิง อ.สามพราน จ.นครปฐม ก่อนควบคุมตัวผู้ต้องหาทั้ง 2 ราย มาสอบปากคำยัง กองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ขณะเดียวมีรายงานว่า นอกเหนือจากผู้ต้องหาทั้งสองรายนี้ พนักงานสอบสวนยังได้ขออำนาจศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง อนุมัติออกหมายจับอดีตพระลูกวัดคนสนิท ทิดแย้ม ซึ่งถูกจับกุมก่อนหน้านี้ และถูกควบคุมตัวอยู่ในเรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ โดย พนักงานสอบสวน เตรียมประสานไปยังเรือนจำพิเศษกรุงเทพ […]