“ธรรมนัส” เผยยังไม่ถึงเวลาเสนอชื่อ “บิ๊กป้อม” นายกฯ

กทม. 18 ก.ค.-“ธรรมนัส” กั๊กตอบท่าที พปชร. โหวตเลือกนายกฯ รอบ 2 ขอดูหน้างานพรุ่งนี้ เชื่อญัตติตกปิดประชุมทันที เสนอชื่อ “บิ๊กป้อม” นายกฯ ยังไม่ถึงเวลา ลั่นหากก้าวไกลวืด ต้องมีมารยาท ให้เพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลก่อน

ภายหลังการประชุมพรรคพลังประชารัฐ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้เดินทางออกจากที่ทำการพรรคทันทีโดยไม่ตอบคำถามสื่อมวลชน ที่มีการถามถึงกรณีที่จะมีการเสนอชื่อพลเอกประวิตร ชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และการที่พรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อนายเศรษฐา ทวีสิน ที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวพรรคเพื่อไทย ในการโหวตเลือกนายกฯ รอบสอง รวมถึงทิศทางของพรรคการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ (19 ก.ค.)


ด้านร้อยเอกธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา ในฐานะประธานประสานงาน ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ กล่าวถึงทิศทางการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีของพรรค ว่า ต้องดูหน้างาน ส่วนตัวมองว่าการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ขัดกับข้อบังคับที่ 41 ที่ไม่ให้เสนอญัตติซ้ำหรือไม่ ตอนนี้ยังพูดอะไรไม่ได้ เนื่องจากไม่มีข้อสรุปแน่นอน ฉะนั้นจะต้องขอดูหน้างานก่อน และพรุ่งนี้จะมีการประชุม ส.ส.ก่อนในช่วงเช้า

ส่วนมองว่าการเสนอชื่อนายกฯ ญัตติควรตกไป ไม่ควรเสนอซ้ำหรือไม่ ร้อยเอกธรรมนัส ย้ำว่า ในวันพรุ่งนี้เช้าจะมีการพูดคุยกัน


ทั้งนี้หากเป็นชื่อของนายพิธา จุดยืนจะยังคงเป็นเหมือนเดิมใช่หรือไม่ ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่าขอดูหน้างาน แต่ถ้าหากวันพรุ่งนี้ญัตติโหวต นายพิธาตกไป ตนเชื่อว่าคงจะปิดการประชุม

ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่าที่ประชุมวันนี้ ส่วนใหญ่ไม่ได้พูดถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีในวันพรุ่งนี้ แต่จะเป็นการพูดถึงนโยบายของพรรค ในอนาคตมากกว่า รวมถึงการหารือเรื่องพื้นที่ของ ส.ส. และการเตรียมอภิปรายของ ส.ส. ในสภา และส่วนใหญ่เป็นเรื่องของยุทธศาสตร์ที่เราจะเดินไปข้างหน้าอย่างไร เพราะเราจะต้องมีการเตรียมตัวสำหลับการเลือกตั้งซ่อม ซึ่งจะมีขึ้นแน่นอนในอนาคต

เมื่อถามว่าเป็นการเตรียมเพื่อไปเป็นรัฐบาลหรือไม่ ร้อยเอกธรรมนัส ยิ้มพร้อมกล่าวว่า ยังไม่ได้คุยถึงประเด็นนี้ และปฏิเสธว่าพรรคเพื่อไทยได้มีการติดต่อมาหรือไม่ และยังไม่ถึงเวลา ขอให้ประเด็นการโหวตเลือกนายกฯในวันพรุ่งนี้ผ่านไปก่อน


ส่วนตัวคิดว่าชื่อ นายเศรษฐา ทวีสิน เป็นอย่างไร ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่า แคนดิเดตนายกฯ ของแต่ละพรรค ก็ดีหมด เราคิดว่าเป็นเรื่องของสมาชิกรัฐสภาว่าจะแสดงความเห็นอย่างไร ถ้าเป็นนายเศรษฐาพรรคพลังประชารัฐจะทำงานง่ายขึ้นหรือไม่นั้น พรรคเรามีแนวทางชัดเจน คือก้าวข้ามความขัดแย้ง เพราะฉะนั้นยังเหมือนเดิม ไม่ว่าคนใดจะเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 หากไม่มีประเด็นสำคัญที่เราเคยมีจุดยืนไว้ก็คงไม่มีปัญหาอะไร และตนเชื่อว่าในวันพรุ่งนี้ไม่น่าจะมีคนอื่นนอกจากนายพิธา ซึ่งการจะโหวตอย่างไรนั้น พรรคพลังประชารัฐก็ต้องเป็นไปตามมติของที่ประชุม

ทั้งนี้ หากพรรคเพื่อไทยได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล และมีพรรคก้าวไกล ร่วมรัฐบาลด้วย พรรคพลังประชารัฐจะเห็นชอบด้วยหรือไม่ ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่า เนื่องจากพรรคเรามีสมาชิกเพียง 40 คน ดังนั้นการกำหนดทิศทางการเมืองเราจะเดินไปพร้อมกัน และขอฉันทามติจากคณะกรรมการ และ ส.ส. เพราะฉะนั้นจะพูดตรงนี้ไม่ได้

ร้อยเอกธรรมนัส ยังกล่าวถึง กระแสข่าวในช่วงนี้ที่มีการจะดันพลเอกประวิตร เป็นนายกรัฐมนตรี โดยยืนยันว่า พรรคพลังประชารัฐ เราไม่จัดตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยอย่างเด็ดขาด ขอยืนยัน

“ตน และหัวหน้าพรรค ยืนยันชัดเจนว่าการจะตัดสินใจทางการเมืองเราต้องมีมารยาท ดังนั้นหลังจากที่พรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้แล้ว ก็จะต้องเป็นหน้าที่ของพรรคเพื่อไทย ขอยืนยันชัดเจนว่าเราจะไม่เสนอชื่อหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ เป็นนายกฯ เสียงข้างน้อยเด็ดขาด เราไม่ทำรัฐบาลเสียงข้างน้อย”ร้อยเอกธรรมนัส กล่าว

ส่วนถ้ารวมได้จะไม่ปิดประตูใช่หรือไม่ ร้อยเอกธรรมนัส มองว่า ยังไม่ถึงเวลาของพรรคพลังประชารัฐ ต้องรอก่อน ต้องให้พรรคเพื่อไทยก่อน

สำหรับที่มีการวิเคราะห์ว่าเพื่อไทยอาจจะมีเงื่อนไขพาพ่อกลับบ้าน หวยจึงอาจจะต้องมาตกที่พลเอกประวิตรนั้น ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่าเราอย่าพึ่งคิดไกลไปขนาดนั้น เอาพรุ่งนี้ให้ผ่านไปก่อน พร้อมยืนยันหลักการเดิมที่พรรคลำดับหนึ่งจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ จะเป็นพรรคอันดับที่สองถ้าไม่ได้ ก็เป็นพรรคอันดับที่สามคือพรรคภูมิใจไทย เพราะโดยมารยาททางการเมืองก็ควรที่จะเป็นมาอย่างนั้น

สำหรับการโหวตนายกฯ ควรที่จะเร็วที่สุดถ้าหลังจากวันที่ 19 ก.ค. ถ้ามีอะไรชัดเจนแล้ว สัปดาห์ต่อไปก็ควรจะจบได้แล้ว

เมื่อถามว่า ห่วงความวุ่นวายจะเกิดขึ้นหรือไม่ หากนายพิธาไม่ได้เป็นนายกฯ ร้อยเอกธรรมนัส เชื่อว่าบ้านเราเมืองเราถึงจุดหนึ่ง คนไทยก็จะกลับมารักกัน จากประสบการณ์ทางการเมือง ตนเชื่ออย่างนั้น ถามต่อว่าแต่บางส่วนมองว่าเหตุการณ์ความวุ่นวายจะรุนแรงขึ้นมากกว่าในอดีต ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่า พวกเราไปคิดกันเอง เราอย่าพึ่งไปวิตกกับเหตุการณ์ที่ยังไม่เกิดขึ้น

ส่วนถ้าพรรคก้าวไกลถอยแก้มาตรา 112 พรรคพลังประชารัฐจะโหวตให้หรือไม่ ร้อยเอกธรรมนัส กล่าวว่า ประเด็นนี้ต้องดูหน้างานก่อนไปพูดตอนนี้ไม่ดี

สำหรับพรรคร่วมรัฐบาลเดิมตอนนี้ยังพูดคุยกันปกติ ส่วนการโหวตจะเป็นไปในทิศทางเดียวกันหรือไม่ ก็ต้องอยู่บนพื้นฐานของความถูกต้องของเหตุและผล.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย