พรรคเพื่อไทย 14 ก.ค.- “ประเสริฐ” ชี้ไม่ง่ายแก้ ม.272 ปิดสวิตช์ ส.ว. เผยหารือก้าวไกลเย็นนี้ มั่นใจ 13 เสียงส.ว. ยังหนุน “พิธา” รับไม่ประมาทกระแสเสนอชื่อ “พล.อ.ประวิตร” ชิงนายกฯ ยอมรับ ม.112 เป็นกำแพงสำคัญ
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย เปิดเผยกรณีพรรคก้าวไกลจะยื่น แก้ไขรัฐธรรมนูญมาตรา 272 เพื่อปิดสวิตช์สมาชิกวุฒิสภา ไม่ให้มีส่วนในการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีว่า พรรคเพื่อไทยเคยยื่นแก้ไขมาตรานี้มาสองครั้งแล้วและไม่ผ่านการพิจารณาของสภาฯ เพราะฉะนั้นการที่พรรคก้าวไกลได้เปิดประเด็นนี้ขึ้นมาต้องเข้าใจว่าเป็นการทลายกำแพง โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเด็นที่มีการโหวตนายกรัฐมนตรีเมื่อวานนี้ (13 ก.ค.) เพราะส.ว.ตั้งกำแพงเรื่องมาตรา 112 เอาไว้ ทางก้าวไกลจึงอยากจะหยิบยกประเด็นนี้ เพื่อให้การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นเรื่องเฉพาะของสภาผู้แทนราษฎรเท่านั้น
ส่วนจะแก้ไขในสมัยนี้ได้เลยหรือไม่ เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ถ้าทำได้เป็นเรื่องดี แต่ข้อเท็จจริงการแก้ไขมาตรา 272 ต้องใช้เสียงของรัฐสภาเกินกว่าครึ่งหนึ่งและในกลุ่มหนึ่งนั้นต้องมีเสียงสมาชิกวุฒิสภา 84 เสียงด้วย ซึ่งที่พรรคเพื่อไทยเคยดำเนินการมาแล้ว ไม่ง่าย ไม่เคยได้เสียงของสมาชิกวุฒิสภา ครั้งนี้ยังก็เชื่อว่า ส.ว.จะตั้งกำแพงสูงเรื่องนี้
เมื่อถามถึงการหารือกับพรรคก้าวไกลวันนี้ (14 ก.ค.) นายประเสริฐ กล่าวว่า นัดหมายกันเวลา 17.00 น. ซึ่งจะพูดคุยแนวทางการเลือกนายกรัฐมนตรีในสัปดาห์หน้า พร้อมสอบถามไปยังประธานสภาฯ ว่าจะเป็นวันที่ 19 กรกฎาคมนี้ ซึ่งพรรคเพื่อไทยจะพูดคุยกันภายในก่อน เพื่อนำข้อเสนอของเพื่อไทยไปหารือกับก้าวไกลอีกครั้ง
ส่วนมั่นใจหรือไม่ว่า 13 เสียงส.ว.ที่โหวตให้นายพิธาจะยังคงโหวตให้เหมือนเดิมในครั้งที่ 2 เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ส.ว.ทั้ง 13 คนน่าจะโหวตให้เหมือนเดิม ซึ่งคงจะมีเจตนาและความตั้งใจมองการเมืองอีกมุมหนึ่ง
เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยต้องออกแรงเพื่อให้ได้เสียงส.ว.เพิ่มเติมหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ก้าวไกลพยายามทำเต็มที่แล้ว เพราะฉะนั้นขอคุยกับทางก้าวไกลก่อนว่าวันนี้แนวทางจะเป็นอย่างไร จริง ๆ แล้ว ถ้าการโหวตเป็นไปอย่างเมื่อวานนี้(13 ก.ค.) หากไม่มีข้อมูลใหม่หรือไม่มีอะไรเพิ่มเติม การโหวตในวันที่ 19 กรกฎาคมนี้คงจะใกล้เคียงกับการโหวตเมื่อวาน
เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ปฏิเสธให้ความเห็นกรณีการอภิปรายของสมาชิกรัฐสภาเมื่อวานนี้พุ่งเป้าไปที่ประเด็นการแก้ไขมาตรา 112 จะปรับภาพลักษณ์เพื่อให้ได้เสียงมากขึ้นหรือไม่ ไม่สามารถตอบแทนพรรคก้าวไกลได้ และพรรคก้าวไกลยังไม่ได้แสดงความคิดเห็นเรื่องนี้ วันนี้การพูดคุยกับพรรคก้าวไกลจะคุยในหลายประเด็น คิดว่าพรรคก้าวไกลรู้โจทก์แล้วโดยเฉพาะเรื่องมาตรา 112 ส่วนการเสนอรอบสองยังคงเป็นชื่อนายพิธาคนเดียวหรือไม่ หรือเสนอชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีคนอื่นหรือไม่ ขอให้ได้คุยกับพรรคก้าวไกลให้ได้ข้อสรุปก่อน ยังเร็วเกินไปที่จะแสดงความเห็น
เมื่อถามว่าส.ว.ติดใจ เรื่องมาตรา 112 ซึ่งไม่มีใน MOU หากพรรคก้าวไกลจะไปดำเนินการของเขาเองเรื่องนี้กังวลหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า MOU มี 2 ฉบับ แบบ 2 พรรคกับ 8 พรรค แบบ 8 พรรค เท่าที่จำได้คือหากเป็นเรื่องที่นอกเหนือจาก MOU ให้ถือว่า เป็นเรื่องของพรรคก้าวไกลที่จะไปเสนอเอง ไม่เกี่ยวกับ 8 พรรค เป็นเรื่องเฉพาะที่พรรคก้าวไกลจะไปดำเนินการ ไม่เกี่ยวกับพรรคอื่น พรรคอื่นจะขอสงวนสิทธิ์ไม่ร่วมด้วย ก่อนจะย้ำว่า กำแพงที่พรรคก้าวไกลต้องข้ามให้ได้ คือ มาตรา 112 เพราะ ส.ว.และพรรคเสียงข้างน้อยก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน พรรคก้าวไกลต้องกลับไปทำการบ้าน
ส่วนกังวลหรือไม่ว่าการเสนอชื่อนายพิธาซ้ำจะขัดกับข้อบังคับการประชุม นายประเสริฐกล่าวว่า หากดูข้อบังคับดี ๆ จะมีข้อท้ายที่ระบุว่าเป็นอำนาจของประธานรัฐสภาในการวินิจฉัย หากการเสนอญัตตินั้นมีเหตุการณ์ที่เปลี่ยนไป เชื่อว่าอำนาจประธานชี้ได้ ไม่น่าเป็นอุปสรรค การเสนอชื่อนายพิธาซ้ำได้หรือไม่ เป็นดุลยพินิจของประธานรัฐสภา
เมื่อถามว่า กังวลหรือไม่อาจจะมีการเสนอชื่อพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐเข้ามาแข่ง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลจะต้องนำมาประเมินร่วมกัน ซึ่งขณะนี้ทราบว่ามีความเคลื่อนไหวรวบรวมเสียงอยู่ จึงประมาทไม่ได้ เพราะเกิดขึ้นได้ เป็นเรื่องที่ต้องพูดคุยกัน หลังจากที่สองพรรคได้คุยกันก็จะต้องหารือใน 8พรรคอีกครั้ง
เมื่อถามถึงกรณีที่ถามว่า นายปิยบุตร แสงกนกกุล โพสต์ในลักษณะที่ว่า พรรคก้าวไกล ควรไปเป็นฝ่ายค้าน มีนัยอะไรหรือไม่ นายประเสริฐ กล่าวว่า ในฐานะที่เป็นคนหนึ่งที่แสดงความคิดเห็นและส่งผลต่อพรรคก้าวไกล ดังนั้น ควรรับฟังคำพูดของนายปิยบุตร แต่นายปิยบุตรไม่ได้อยู่ในพรรคก้าวไกล ถ้าจะให้แน่นอนต้องฟังความคิดเห็นของหัวหน้า เลขาฯ และกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล
เมื่อถามย้ำว่าจะทำอย่างไรหากพรรคก้าวไกลยอมถอยไปเป็นฝ่ายค้าน เลขาธิการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า จริงแล้วไม่มีแผน 2 แต่ทุกความเห็นที่เกิดขึ้นตอนนี้ต้องนำไปหารือกับพรรคก้าวไกล และต้องแจ้งกับ 8 พรรคร่วมจัดตั้งรัฐบาลด้วย.-สำนักข่าวไทย