“ธนกร” ย้ำ รทสช.ไม่โหวตให้ “พิธา”

กทม. 9 ก.ค.- “ธนกร” มองส่อวุ่นแน่! หากก้าวไกลยังจ้องแก้ ม.112 หวั่นจุดชนวนขัดแย้งซ้ำ ย้ำ รทสช.ไม่โหวตให้ “พิธา” มั่นใจ ส.ว. เลือกนายกฯ ยึดประโยชน์ประเทศชาติและประชาชนเป็นที่ตั้ง ชี้ รัฐบาลใหม่ควรทำเพื่อคนไทยทั้งประเทศ ไม่อิงแค่บางกลุ่ม


นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะส.ส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) กล่าวถึงประเด็นรัฐสภาเตรียมเลือกนายกรัฐมนตรีในวันที่ 13 ก.ค.นี้ว่า หากพรรคก้าวไกลที่จะเสนอนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ แต่ยังคงดึงดันต้องการเสนอแก้ประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งถือเป็นกฎหมายสำคัญมีไว้คุ้มครองประมุขของประเทศ และสุ่มเสี่ยงขัดต่อรัฐธรรมนูญ ตนเป็นห่วงว่าเรื่องนี้จะกลายเป็นฉนวนความขัดแย้งขึ้นซ้ำอีก เพราะคนไทยทั้งประเทศ รวมถึงตน ก็ไม่เห็นด้วยกับการล่วงละเมิดสถาบันอันเป็นที่รัก เป็นศูนย์รวมจิตใจคนไทยมาตลอดอย่างแน่นอน ตนไม่อยากเห็นการออกมาปะทะกันของมวลชนทั้งสองฝ่ายเหมือนในอดีต บ้านเมืองเดินมาไกลมากแล้ว จึงขอย้ำว่า พรรครวมไทยสร้างชาติ ไม่เห็นด้วยกับการแก้มาตรา 112 ขอคัดค้านอย่างถึงที่สุด และไม่สามารถโหวตให้นายพิธาและพรรคก้าวไกลได้

ส่วน ส.ว.หลายคนเตรียมโหวตให้นายพิธาและเห็นว่าได้เสียงครบแล้วนั้น นายธนกร กล่าวว่า ตนมั่นใจว่า สมาชิกวุฒิสภาทุกคนมีวิจารณญาณและหลักการทำงาน ยึดประโยชน์ ชาติ ศาสน์ กษัตริย์และประชาชนเป็นที่ตั้ง การจะเลือกบุคคลใดมาเป็นประมุขฝ่ายบริหาร ต้องเลือกคนที่ดี มีคุณสมบัติครบถ้วน ไม่มีข้อกังขาให้สงสัยต้องไปตีความกันอีก ที่สำคัญตอนนี้ นายพิธาเอง ยืนยันว่าจะเสนอแก้ไขมาตรา 112 และยังมีอีกหลายเรื่องที่ถูกร้องและกำลังถูกตรวจสอบอยู่ โดยที่ผ่านมาพรรคก้าวไกลยังเคยรณรงค์ปิดสวิตซ์ส.ว.มาแล้ว เรื่องนี้คงจำกันได้


นายธนกร ยังกล่าวด้วยว่า ส่วนตัวเห็นว่า ขณะนี้สิ่งที่นายกรัฐมนตรีและรัฐบาลชุดใหม่ที่กำลังจะเข้ามาควรรีบวางนโยบายและแนวทางการกระตุ้นเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างรวดเร็วตามแนวทางที่รัฐบาลปัจจุบันได้เดินหน้ามาแล้ว แก้ปัญหาปากท้องให้พี่น้องประชาชน การแก้ปัญหาความยากจน มาก่อนเรื่องอื่นต้องรีบทำไม่ใช่ทำตามใจมวลชนแค่บางกลุ่มในเรื่องแก้ไขกฎหมายที่กระทบจิตใจคนไทยทั้งชาติแบบนี้ นอกจากนั้นนโยบายหลายอย่างที่รัฐบาลปัจจุบันได้ดำเนินการมาเกิดประโยชน์กับประขาชน รัฐบาลใหม่ก็ต้องรีบสานงานต่อ

“ประชาธิปไตยเสียงข้างมากในสภานั้น ก็ต้องรับฟังเสียงข้างน้อยด้วย ซึ่งเป็นประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข นี่คือแบบของไทยเรา การจะมาเปลี่ยนแปลง โดยอ้างคำว่าปฏิรูปสถาบัน แต่เมื่อไปดูร่างกฎหมายที่เตรียมเสนอ กลับมุ่งจะยกเลิกมาตรา112 ลดโทษจนคนที่ทำผิดกลายเป็นแค่มาเสียค่าปรับ อีกทั้งเป็นการดึงสถาบันลงมาเป็นคู่ขัดแย้งกับประชาชน ถามหน่อย นี่คือการปกป้องตรงไหน ผมเชื่อแน่ว่าคนไทยเขารับไม่ได้ รวมไปถึงอีกหลายเรื่องที่แกนนำพรรคก้าวไกลจะดำเนินการ คนไทยรับไม่ได้แน่”นายธนกร กล่าว .-สำนักข่าวไทย


ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

พ่อเลี้ยงล่วงละเมิด

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA ส่วนเด็กอาการดีขึ้น

“ต้นอ้อ” แฉพิรุธพ่อเลี้ยงปมคลิปเสียง-DNA เชื่อ แม่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง แค่เชื่อผัวเพราะลูกเคยโกหก เผย ตอนแม่รู้ความจริงว่าใครทำลูกถึงกับร้องไห้โฮโผกอดลูก ส่วนเด็ก 10 ขวบอาการดีขึ้น แต่ต้องรักษาตัวอีกหลายสัปดาห์

งานแต่งธนกร

วิวาห์ชื่นมื่น “ธนกร-แคทลีน” คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น

งานวิวาห์ “ธนกร-แคทลีน” ชื่นมื่น คนดังการเมือง-นักธุรกิจ ร่วมยินดีครึกครื้น ด้าน “ทักษิณ” ไม่ได้มาร่วม แต่ส่งของขวัญแสดงความยินดี

ทรัมป์สั่งปลด

“ทรัมป์” สั่งปลดประธานคณะเสนาธิการร่วมตามแผนปรับปรุงกลาโหม

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ออกคำสั่งในวันศุกร์ตามเวลาท้องถิ่นปลด พลอากาศเอก ซี. คิว. บราวน์ จูเนียร์ (Charles Quinton Brown Jr.) เป็นประธานคณะเสนาธิการทหารร่วมของสหรัฐออกจากตำแหน่ง

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส กลับมาในรอบ 19 ปี

“ทักษิณ” ถึงนราธิวาส บอกคนนราธิวาสน่ารักเสมอ ต้อนรับอบอุ่นกับการกลับมาในรอบ 19 ปี ก่อนเดินทางต่อตามกำหนดเดิม แม้มีระเบิดที่สนามบิน

บึ้มรถกระบะ สนามบินนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่

บึ้มรถกระบะจอดใกล้กับหอบังคับการบิน ท่าอากาศยานนราธิวาส ก่อน “ทักษิณ” ลงพื้นที่สนามบินบ้านทอน ในอีก 50 นาที ไม่มีรายงานผู้ได้รับบาดเจ็บ

น้ำป่าหลากท่วม อ.ไทรโยค กลางดึก

ระทึกกลางดึก น้ำป่าหลากท่วมบ้านเรือนประชาชน อ.ไทรโยค จ.กาญจนบุรี ถนนหลายเส้นถูกน้ำป่าพัดขาด จนท.เร่งอพยพประชาชนด้วยความยากลำบาก

Pope at Vatican on Feb 5, 2025 says have a strong cold

โป๊ปฟรันซิสพระอาการวิกฤต

วาติกัน 23 ก.พ.- พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรันซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก ทรุดลงอยู่ในขั้นวิกฤตในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา สำนักวาติกันออกแถลงการณ์ฉบับล่าสุดเมื่อวันเสาร์ว่า พระอาการประชวรของสมเด็จพระสันตะปาปาทรุดลงในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา และระบุเป็นครั้งแรกว่า พระอาการของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤตจากโรคระบบทางเดินหายใจคล้ายกับโรคหอบหืดในช่วงเช้าวันเสาร์ ทำให้ขณะนี้พระองค์จำเป็นต้องได้รับออกซิเจนเสริมและการถ่ายเลือด โดยรวมแล้วถือว่า พระอาการอยู่ในขั้นวิกฤตและยังไม่พ้นขีดอันตราย อย่างไรก็ดี พระองค์ยังทรงตื่นตัว และประทับนั่งบนเก้าอี้ตลอดวัน แม้ว่าทรงประชวรมากกว่าวันก่อนหน้านี้ก็ตาม พระสันตะปาปาฟรันซิส พระชนมายุ 88 พรรษา ทรงเข้ารับการถวายการรักษาที่โรงพยาบาลเจเมลลี ในกรุงโรม ตั้งแต่วันที่ 14 กุมภาพันธ์ หลังทรงมีพระอาการหายใจติดขัดต่อเนื่องหลายวัน และตรวจพบว่าปอดอักเสบทั้งสองข้าง ทรงร้องขอให้เปิดเผยรายละเอียดเกี่ยวกับพระอาการของพระองค์อย่างตรงไปตรงมา สำนักวาติกันจึงออกแถลงการณ์ชี้แจงความคืบหน้าอาการประชวรของพระองค์ต่อเนื่องทุกวัน แต่แถลงการณ์ฉบับล่าสุดถือเป็นครั้งแรกที่มีเนื้อหาระบุชัดเจนว่า อาการประชวรของพระองค์อยู่ในขั้นวิกฤต ขณะที่แพทย์คาดการณ์ว่า พระองค์จะต้องประทับอยู่ในโรงพยาบาลอย่างน้อยตลอดสัปดาห์หน้า ภารกิจต่อสาธารณชนทั้งหมดของพระสันตะปาปาจึงถูกยกเลิกตลอดสัปดาห์ ทั้งพิธีมิสซาประจำวันอาทิตย์ รวมถึงการสวดภาวนาแองเจลัส (Angelus) ตามปกติทุกสัปดาห์ด้วย.-815(814).-สำนักข่าวไทย