นักวิชาการชี้โอกาสโหวตนายกฯ พลิกขั้วมีสูง

อสมท 6 ก.ค.-“ยุทธพร” มั่นใจโหวตนายกฯ ไม่เกิน 3 ครั้ง ประเมินโอกาส “พิธา” 50:50 ชี้โอกาสพลิกขั้วมีสูง

นายยุทธพร อิสรชัย อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวถึงการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีนัดแรก 13 ก.ค.นี้ ว่า สามารถออกมาได้ทั้ง 2 แบบ คือ 1. ไม่สามารถหาข้อยุติได้ นำไปสู่การโหวตครั้งที่ 2 หรือครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกลเพียงคนเดียว ว่าจะมีส.ว.มาเติมถึง 64 เสียงเพื่อให้ครบ 376 เสียงหรือไม่ จากพรรคร่วมรัฐบาลที่มี 312 เสียง 2. โอกาสเกิดขึ้นแบบม้วนเดียวจบ เป็นไปได้ทั้งจากกรณีโหวตเลือกนายพิธาถึง 376 เสียง หรือการส่งคู่เทียบกับนายพิธา ซึ่งคู่เทียบจะมาจากคนละขั้วกับนายพิธา คือ 188 เสียง ต้องไม่ลืมว่า 250 ส.ว.เมื่อรวมกับขั้วอำนาจเดิมจะได้ 438 เสียง สามารถโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ทันทีคือจะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย แต่หากสามารถคลายปมรัฐบาลเสียงข้างน้อยได้ โอกาสที่จะเห็นการโหวตจากขั้วอำนาจเดิมชนิดม้วนเดียวจบ แล้วไปแก้ปัญหาเรื่องรัฐบาลเสียงข้างน้อยข้างหน้าก็มีโอกาสเป็นไปได้


ส่วนที่ว่าแม้ได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแต่หากฝืนเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยอาจขาดเสถียรภาพและเดินต่อลำบาก นายยุทธพร กล่าวว่า ฉากทัศน์ที่จะทำให้เกิดรัฐบาลเสียงข้างน้อย จะมีความยากลำบากในการทำงาน เพราะการจะไปหาเสียงมาเติมอีก 70 เสียงในสภาผู้แทนราษฎรไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะสภาผู้แทนราษฎรครั้งนี้เป็น 2 พรรคใหญ่ คือ พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย หากจะได้เสียงมาเพิ่มต้องมาจาก 2 พรรคใหญ่นี้ ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้น้อย การจะเกิดรัฐบาลเสียงข้างน้อย มีความเป็นไปได้ถึงแนวคิดที่จะอยู่ทำงานในระยะเวลา 2 ถึง 3 เดือน จากนั้นก็ประกาศยุบสภาเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่

“สิ่งที่น่าสนใจคือสัญญาณจาก 77 เสียงของพรรคภูมิใจไทยในการเลือกรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ซึ่งสะท้อนความไม่มีเอกภาพของพรรคร่วมรัฐบาลเดิม สะท้อนภาพว่าอาจเกิดการเคลื่อนไหวได้ตลอดใน 188เสียง รวมถึงการส่งสัญญาณไปถึง 8 พรรคร่วมรัฐบาลพรรคก้าวไกล ถามว่าส่งไปยังพรรคก้าวไกลใช่หรือไม่ คำตอบคือไม่มีประโยชน์อะไรเพราะพรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่ไม่มีมุ้งหรือกลุ่มย่อยทางการเมือง อย่างมากก็ได้เสียง 1 ถึง 2 เสียงซึ่งไม่เป็นประโยชน์ ในขณะที่พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคขนาดใหญ่ที่อยู่ในการเมืองมานาน มีกลุ่มย่อยและมุ้งทางการเมืองที่มากกว่า ดังนั้น การขยับมุ้งทางการเมืองต้องมา 20 30  40 เสียง ดังนั้น 77 เสียง เป็นการส่งสัญญาณไปยังพรรคเพื่อไทยว่าจะมีโอกาสมารวมกัน และเกิดการพลิกขั้วได้ ซึ่งวันนี้ถ้าเราเอา 312 เสียง ของ 8 พรรคร่วมตั้งรัฐบาล ลบ 151 ของพรรคก้าวไกลออกไปจะเหลือ 161 เสียง ถ้าเอามารวมกับ 77 เสียง จะได้ 238 เสียง เข้าใกล้กึ่งหนึ่งจาก 500 เสียงในสภาผู้แทนราษฎร จึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับสัญญาณ 77 เสียงถึงโอกาสพลิกขั้วทางการเมือง ซึ่งถ้าเกิดการพลิกขั้วทางการเมือง ต้องผ่านโหวตรอบแรกเลือกนายพิธาไม่ผ่าน 376 เสียงก่อน ไม่เช่นนั้นพรรคเพื่อไทยต้องรับไปเต็ม ๆ” นายยุทธพร กล่าว


ส่วนกรณีที่ส.ว.หลายคนที่เคยจะโหวตให้นายพิธาขอกลับไปทบทวนใหม่ จึงมีความเป็นไปได้สูงว่าจะต้องโหวตรอบสองใช่หรือไม่ นายยุทธพร กล่าวว่า เป็นไปได้สูง เพราะหลังจากการเลือกตั้งมาแล้ว  จะเห็นท่าทีของส.ว.ประมาณไม่เกิน 20 ที่ประกาศจะสนับสนุนนายพิธา ซึ่งแม้จะมีเสียงส.ว.ไปได้ถึง 40 เสียงเมื่อรวมกับ 8 พรรคร่วมตั้งรัฐบาลแล้วก็ยังไปไม่ถึง 376 เสียง ดังนั้น 64 เสียงของส.ว.เป็นโจทย์ที่ยากมาก และช่วงใกล้โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีนายพิธาต้องเจอกับอีกหลายด่าน ทั้งการยื่นเรื่องร้องเรียน มาตรา82 ของรัฐธรรมนูญ เรื่องการถือครองหุ้นสื่อ กกต.จะว่าอย่างไร หรืออาจจะมีส.ส.ไม่น้อยกว่าหนึ่งใน 10  ยื่นร้องเอง

“ส่วนด่านที่สอง เรื่องเกมการเมืองในสภามีตัวแปรที่เพิ่มเข้ามาคือส.ว. 250 คน ซึ่งอาจจะมีเรื่องคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามและเรื่องคดีความต่าง ๆ ที่จะถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็น ที่ทำให้ ส.ว.ไม่ลงคะแนนให้นายพิธา สำหรับการไม่ลงคะแนนมีได้ 2 ลักษณะ คือ โหวตโน ไม่รับชื่อนายพิธาและพรรคก้าวไกล หรือจะโนโหวต คือการงดออกเสียง ไม่ว่าทางใดทางหนึ่งก็จะทำให้เสียงของนายพพิธาไม่ถึง 376 เสียงอย่างแน่นอน ขณะด่านที่ 3 คดีความต่าง ๆ เรื่องไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรต่าง ๆ เท่ากับว่านายพิธายังเผชิญอีกหลายด่าน และด่านเหล่านี้เป็นเหตุให้ส.ว. หยิบยกขึ้นมาได้ทั้งหมด โอกาสที่จะเห็นการเคลื่อนไหวของส.ว.ในวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นไปได้สูงมาก” นายยุทธพร กล่าว

นายยุทธพร กล่าวว่า หากแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือสนับสนุนนายพิธา , กลุ่มโหวตโน และกลุ่มโนโหวตงดออกเสียง ซึ่งกลุ่มที่โนโหวตและโหวตโนมากกว่ากลุ่มสนับสนุน ขณะที่เรื่องผู้สนับสนุนนายพิธาจนถึงวันนี้คณะเจรจายังไม่เปิดเผยออกมาว่าได้เสียงส.ว.มาแล้วกี่เสียงที่ชัดเจนแน่นอนและมีชื่อใครบ้าง หากพรรคก้าวไกลและคณะเจรจาสามารถเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้ได้จะเรียกความเชื่อมั่นให้กับพรรคก้าวไกลและนายพิธาได้เป็นอย่างดี


ส่วนกรณีนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ  ส.ว. ระบุชัดเจนว่า หากเป็นสองแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย พร้อมสนับสนุนบนเงื่อนไขไม่มีพรรคก้าวไกล เป็นพรรคร่วมรัฐบาลถือเป็นสัญญาณที่ชัดเจนหรือไม่ นายยุทธพร กล่าวว่า จะโดยชอบหรือไม่ชอบก็ตาม พรรคเพื่อไทยคือตัวเลือกที่ดีที่สุดของฝ่ายอนุรักษ์นิยมในเวลานี้ ดังนั้น จะเห็นกระบวนการออกมาสนับสนุนพรรคเพื่อไทย ของขั้วตรงข้าม กระบวนการสลับขั้วจึงมีความเป็นไปได้ และมีโอกาสที่จะโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย

“วันนี้สำหรับนายพิธาให้ 50 ต่อ 50 เท่านั้น ในขณะที่ 2 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยคือนายเศรษฐา ทวีสิน และน.ส.แพทองธารชินวัตรมีโอกาสที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี 40%ขึ้นไป ส่วนอีกแคนดิเดตนายกฯ อีกฟากฝั่งหนึ่ง เช่น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มีโอกาส 50 ต่อ 50 หรือนายอนุทิน ชาญวีรกูล ก็มีโอกาส เป็นนายกฯ 40% ขึ้นไป โอกาสพลิกเป็นไปได้สูง เพราะสำหรับฝ่ายอนุรักษ์นิยม พรรคเพื่อไทยคือตัวเลือกที่ดีกว่าพรรคก้าวไกล” นายยุทธพร กล่าว

เมื่อถามว่าจะยื้อกันไปได้มากน้อยแค่ไหนและจะไปจบกันอย่างไร รศ.ดร.ยุทธพร กล่าวว่า อย่างมากที่สุดไม่เกิน 3 ครั้ง ไม่เช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น เสถียรภาพทางการเมืองจะเป็นปัญหา หากเป็นเช่นนั้นจะนำไปสู่ปัญหาอื่นตามมา อย่างปัญหาเศรษฐกิจ สังคมและภาพรวม เพราะฉะนั้นกระบวนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่ยาวนานอาจไม่เกิดขึ้น โอกาสโหวตแบบม้วนเดียวจบก็เป็นไปได้ โดยเฉพาะจากฝั่งขั้วอำนาจเดิม นอกจากนี้อาจจะเกิดการชุมนุมกดดัน ดังนั้นกระบวนการโหวตแบบม้วนเดียวจบก็จะเป็นทางเลือกหนึ่ง เพราะเมื่อการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเรียบร้อย แล้วผลการเลือกเปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว จึงเป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้

“ปัจจุบันประชาชนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของผู้เล่นทางการเมือง ต่างจากในอดีตที่กระบวนการทางการเมืองจะมีการเลือกตั้งและตัวแทนของประชาชนจะเข้าไปทำหน้าที่ และปัญหาที่เกิดขึ้นคือกลไกหรือกติกาออกแบบมาให้เสียงของประชาชนพ่ายแพ้ เสียงข้างมากที่มีอำนาจน้อยและเสียงข้างน้อยที่มีอำนาจมาก เช่น กรณี 250 ส.ว. กระบวนการเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องตอบความชอบธรรมให้ประชาชนจะทำให้ต้นทุนของประเทศที่ต้องจ่าย มีมากเช่นเดียวกัน” นายยุทธพร กล่าว.-สำนักข่าวไทย   

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ

กทม. 23 ส.ค.- กรมอุตุฯ เผยทั่วไทยฝนตกหนัก เตือน 5 จังหวัดเสี่ยงรับมือ เฝ้าระวัง “พายุดีเปรสชัน” มีแนวโน้มทวีกำลังแรงเป็นพายุโซนร้อน กระทบไทย 24-27 ส.ค.นี้ กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง โดยมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่บริเวณภาคตะวันออก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดตาก จันทบุรี ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก และฝนตกสะสมที่อาจเกิดขึ้นในระยะนี้ไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังปานกลาง ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณประเทศลาวตอนบน และเวียดนามตอนบน สำหรับบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุดีเปรสชันบริเวณทะเลจีนใต้ตอนบนมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุโซนร้อน และจะขึ้นฝั่งบริเวณประเทศเวียดนามและประเทศลาวตอนบน ในช่วงวันที่ 25–26 ส.ค. 68 ทำให้ประเทศไทยมีฝนเพิ่มมากขึ้น กับมีฝนตกหนักถึงหนักมากหลายพื้นที่ กับมีลมแรงบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน และภาคเหนือ ในช่วงวันที่ 24–27 ส.ค. 68 -สำนักข่าวไทย

โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊ก ขรก.มหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน

ทำเนียบ 23 ส.ค.- โปรดเกล้าฯ 6 บิ๊กข้าราชการมหาดไทย “ขจรเกียรติ” นั่งอธิบดีกรมที่ดิน ด้าน “เชษฐา” เป็นอธิบดี ปภ. ราชกิจจานุเบกษา ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องแต่งตั้งข้าราชการพลเรือนสามัญ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้ข้าราชการพลเรือนสามัญ สังกัดกระทรวงมหาดไทย พ้นจากตำแหน่ง และแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 6 ราย ดังนี้ ตั้งแต่วันที่ 21 ส.ค.2568 เป็นต้นไป ประกาศ ณ วันที่ 22 ส.ค.2568 ผู้รับสนองพระบรมราชโองการ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี -สำนักข่าวไทย

จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมืองโกงเงินอุดหนุน ก่อนหนีกบดานลาว

22 ส.ค. – ตำรวจภูธรภาค 1 จับอดีตหัวหน้าพรรคการเมือง โกงเงินอุดหนุน 17.6 ล้านบาท หนีกบดานลาว ก่อนจนมุมถูกจับกุมได้ พล.ต.ท.สุรพล เปรมบุตร ผู้บัญชาการตำรวจภูธรภาค 1 (ผบช.ภ.1), พล.ต.ต.นราเดช ทิพย์รักษ์ รอง ผบช.ภ.1, พล.ต.ต.วรชาติ แสนคำ ผบก.สส.ภ.1, พล.ต.ต.ธรรมนูญ เชาวะวนิชย์ ผบก.ภ.จว.สระบุรี และเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระพุทธบาท, ตม.จว.หนองคาย, กกต.จว.หนองคาย ร่วมกันจับกุม นายพีระวิทย์ อายุ 47 ปี ผู้ต้องหาตามหมายจับ สืบเนื่องจากเมื่อปี 2562 นายพีระวิทย์ เป็นหัวหน้าพรรคการเมือง รับเงินอุดหนุนพรรคการเมือง เพื่อพัฒนาพรรคการเมือง จำนวนประมาณ 17.6 ล้านบาท โดยไม่มีการทำหลักฐานการเบิกจ่าย ทำให้ กกต. เข้าแจ้งความดำเนินคดีกับนายพีระวิทย์ และเหรัญญิกพรรค ต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองเข้ามอบตัวต่อพนักงานสอบสวน สภ.พระพุทธบาท โดยเลื่อนการเข้าให้ปากคำและแสดงหลักฐานการเบิกจ่ายเงิน และต่อมาผู้ต้องหาทั้งสองได้หลบหนี เจ้าหน้าที่ตำรวจจึงออกหมายจับในข้อหา […]

“ธีรรัตน์” สั่งผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บาย 24 ชม. รับพายุคาจิกิ

กทม. 22 ส.ค.- “ธีรรัตน์” สั่งการผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ สแตนด์บายรับมือผลกระทบ “พายุคาจิกิ” ตลอด 24 ชั่วโมง ย้ำ ประชาสัมพันธ์ข้อมูลให้ประชาชนรับรู้และเตรียมพร้อมอย่างต่อเนื่อง นางสาวธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย เปิดเผยว่า กระทรวงมหาดไทยโดยกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ได้ติดตามสภาวะอากาศร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเกี่ยวกับผลกระทบพายุโซนร้อน “คาจิกิ” ซึ่งพบว่าพื้นที่บางส่วนมีความเสี่ยงต้องเฝ้าระวังน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก ดินโคลนถล่ม น้ำท่วมขังในเขตชุมชนเมืองที่เกิดน้ำท่วมขังซ้ำซาก ระหว่างวันที่ 24 – 28 สิงหาคม 2568 ในพื้นที่ภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง ภาคใต้ 45 จังหวัด และกรุงเทพมหานคร นางสาวธีรรัตน์ ได้สั่งการผู้ว่าราชการจังหวัด 45 จังหวัด และศูนย์ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยเขต รวมถึงกรุงเทพมหานคร กำชับให้จัดเจ้าหน้าที่ติดตามสภาพอากาศ ปริมาณฝน และสถานการณ์น้ำในพื้นที่อย่างใกล้ชิด พร้อมกำชับให้จัดทีมปฏิบัติการพร้อมเครื่องจักรกลสาธารณภัยเข้าประจำพื้นที่เสี่ยง เพื่อเข้าเผชิญเหตุและให้การช่วยเหลือประชาชนได้อย่างทันท่วงทีตลอด 24 ชั่วโมง พร้อมประกาศแจ้งเตือนและปิดกั้นพื้นที่ไม่ให้บุคคลใดเข้าพื้นที่หากพบว่ามีความเสี่ยง ในส่วนพื้นที่ชายฝั่ง ให้สั่งห้ามนักท่องเที่ยวเล่นน้ำและห้ามเดินเรือทุกชนิดหากสถานการณ์มีแนวโน้มรุนแรง “ให้ผู้ว่าฯ […]

ข่าวแนะนำ

ชื่นชมผ้าไทยลายกริพเพน

25 ส.ค. – ผ้าไทยลาย “กริพเพน” ออกแบบโดยได้แรงบันดาลใจจากเครื่องบินขับไล่กริพเพน ของกองทัพอากาศไทย ที่ไม่เพียงสะท้อนถึงความงดงามทางวัฒนธรรม แต่ยังประกาศถึงความกล้าหาญและหัวใจนักสู้ของชนชาติไทย เพจกรุงเก่าของชาวสยาม และคุณ Kamon Wan เผยแพร่ภาพผ้าไทยลายเครื่องบินรบกริพเพน โดยกองทัพอากาศ รายงานว่าแนวคิดนี้เกิดขึ้นด้วยแรงบันดาลใจจากเครื่องบินกริพเพน ที่มาร่วมพิทักษ์แผ่นดินไทย ชายแดนไทย-กัมพูชา และถูกถ่ายทอดลงบนผ้าไหมสุรินทร์อันเลื่องชื่อ ผสาน “ความแข็งแกร่ง” ของนักรบกับ “ความงาม” แห่งภูมิปัญญาไทยได้อย่างทรงพลัง ภายใต้คอนเซ็ปต์ “แม่ย่านางกริพเพน” ศิลป์และศรัทธาได้รวมเป็นหนึ่ง ที่ไม่เพียงสะท้อนถึงความงดงามทางวัฒนธรรม แต่ยังประกาศถึงความกล้าหาญและหัวใจนักสู้ของชนชาติไทย นี่คือผลงานที่ย้ำเตือนว่าไทยมิได้มีเพียงกำลังปกป้องผืนแผ่นดิน แต่ยังรักษารากเหง้าวัฒนธรรมอันงดงามไว้คู่กัน เพื่อบอกชัดแก่โลกว่าเราคือประเทศไทยผู้สืบสานวัฒนธรรม ที่จะไม่มีวันให้ใครมาย่ำยี ผู้สื่อข่าวรายงานจากกรุงสตอกโฮล์ม สวีเดน ว่าผู้ช่วยทูตฝ่ายทหารสวีเดนประจำประเทศไทย และเจ้าหน้าที่ของ SAAB สวีเดน ได้เห็นแล้วปลื้มใจมากที่คนไทยมีความรู้สึกที่ดีกับเครื่องบินกริพเพน และนับเป็นแนวคิดที่สร้างสรรค์ กองทัพอากาศมีกำหนดที่จะลงนามในสัญญาจัดซื้อเครื่องบิน Gripen C/D กับ FMV และ SAAB สวีเดน ในวันนี้ (25 สิงหาคม) นำโดย พล.อ.อ.พันธ์ภักดี พัฒนกุล […]

“คาจิกิ” ขึ้นฝั่งเวียดนามบ่ายนี้ ไทยเตรียมรับฝนหนัก​ 25-27​ ส.ค.

กรุงเทพฯ​ 25 ส.ค.​ – กรมอุตุฯ อัปเดตเส้นทางพายุไต้ฝุ่น “คาจิกิ” คาดขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน ช่วงบ่ายถึงค่ำ วันนี้​ เตือนทั่วไทยฝนฟ้าคะนองเพิ่ม ขณะที่ภาคอีสาน​ตอน​บน​และ​ภาคเหนือ​ เตรียมรับมือฝนถล่ม ช่วง 25​ -​ 27​ ส.ค.​นี้ นายสมควร ต้นจาน ผู้​อำนวยการกองพยากรณ์อากาศ กรมอุตุนิยมวิทยา เปิดเผยว่า ศูนย์กลางพายุไต้ฝุ่น​คาจิกิอยู่ห่างจากเมืองวิญ ประเทศเวียดนาม ประมาณ 150 กม. เคลื่อนตัวทางตะวันตกค่อนไปทางเหนือเล็กน้อย คาดว่า​ขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบนช่วง​บ่าย​ถึง​ค่ำ​วันนี้​ และเข้าสู่ สปป ลาว ตามลำดับ เมื่อ​ขึ้นฝั่ง​พายุ​จะ​เริ่ม​อ่อนกำลัง​ลง​ โดยเมื่อเข้า​สู่ประเทศ​ไท​ยจะเป็น​หย่อมความ​กด​อากาศ​ต่ำ​ แต่ไม่รุนแรง​เท่าพายุ​วิภา ทั้งนี้​ ช่วงวันที่ 25–27 ส.ค. 68 ประเทศ​ไท​ยจะมีฝนตก​เพิ่ม​ เริ่มจาก​ขอบของ​พายุ​ ประกอบกับกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดเข้าหาศูนย์กลางของพายุ ส่งผลให้หลายพื้นที่มีฝนตก​หนัก​ถึง​หนัก​มาก​ โดยเฉพาะ​ภาค​ตะวันออก​เฉียง​เหนือ​ตอน​บน​และ​ภาคเหนือ กรม​อุตุนิยม​วิทยา​ขอให้​ประชาชนติดตามประกาศแจ้ง​เตือน​ลักษณะ​อากาศ​อย่างใกล้ชิด.​ 512​ – สำนักข่าว​ไทย​

อุตุฯ เตือนเหนือ-อีสานตอนบน ตะวันออกฝ-ใต้ฝั่งตะวันตก ฝนตกหนัก

กรุงเทพฯ 25 ส.ค. – กรมอุตุฯ เตือนภาคเหนือตอนบน ภาคอีสานตอนบน ภาคตะวันออก ภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณ จ.น่าน หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ตราด ระนอง พังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและลมแรง ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 70% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยมีฝนตกหนักบางแห่ง และมีฝนตกหนักมากบางพื้นที่ในภาคเหนือตอนบน ภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ภาคตะวันออก และภาคใต้ฝั่งตะวันตก ขอให้ประชาชนโดยเฉพาะบริเวณจังหวัดน่าน หนองคาย บึงกาฬ สกลนคร นครพนม ตราด ระนอง และพังงา ระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมาก ลมแรง และฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม เนื่องจากร่องมรสุมพาดผ่านภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้ที่พัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทยมีกำลังแรงขึ้น สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบนและอ่าวไทยตอนบน มีกำลังค่อนข้างแรง โดยมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง […]

ทีมทนายวัดพระบาทน้ำพุแจงปม “หลวงพ่ออลงกต” สวมบัตร ปชช. คนตาย

ลพบุรี 24 ส.ค. – วัดพระบาทน้ำพุ ตั้งโต๊ะแถลง ยืนยันเลขบัตรประชาชนของ “หลวงพ่ออลงกต” ไม่ซ้ำกับ “อลงกต พลมุข” ปัดตอบปมเลขบัตรประชาชนผู้เสียชีวิต ผูกพร้อมเพย์บัญชีมูลนิธิฯ ขอไปตรวจสอบก่อน ส่วนทางคดี จับตาสัปดาห์หน้า จะมีผู้ถูกดำเนินคดีมากกว่า 1 คน วันนี้ ที่วัดพระบาทน้ำพุ จ.ลพบุรี นายศุภชัย สิงคาลวานิช หัวหน้าทีมทนายความของวัดพระบาทน้ำพุ พร้อมตัวแทนมูลนิธิต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับวัดพระบาทน้ำพุ ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงต่างๆ เป็นครั้งแรก โดยบอกว่าวันนี้ หลวงพ่ออลงกตไม่ได้หลีกเลี่ยงที่จะมาให้สัมภาษณ์ แต่ครั้งนี้มีข้อมูลมาก มีปัญหาเรื่องข้อกฎหมายและปัญหาที่ซับซ้อนหลายอย่าง หากตอบไปอาจกระทบต่อคดี และยืนยันว่า หลวงพ่อมีเจตนาบริสุทธิ์ในการช่วยเหลือผู้ป่วย เด็กกำพร้า ผู้สูงอายุ ผู้ด้อยโอกาส กลุ่มเปราะบางในสังคม ซึ่งขณะนี้สังคมเข้าใจผิดในหลายเรื่อง เพราะเกิดการชี้นำของหลายเพจ กลุ่มผู้มีอิทธิพลในบางสื่อ นำเรื่องมาปะติดปะต่อจนสร้างความเสียหาย ส่วนประเด็นที่กำลังเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์ เรื่องที่หลวงพ่ออลงกต สวมชื่อและเลขบัตรประชาชน “อลงกล พลมุข” ข้าราชการที่เสียชีวิตไปแล้วนั้น ทีมทนาย เปิดเผยว่า หลวงพ่ออลงกต มีบัตรประชาชนของท่านเอง และนามสกุลของท่าน […]