นักวิชาการชี้โอกาสโหวตนายกฯ พลิกขั้วมีสูง

อสมท 6 ก.ค.-“ยุทธพร” มั่นใจโหวตนายกฯ ไม่เกิน 3 ครั้ง ประเมินโอกาส “พิธา” 50:50 ชี้โอกาสพลิกขั้วมีสูง

นายยุทธพร อิสรชัย อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวถึงการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีนัดแรก 13 ก.ค.นี้ ว่า สามารถออกมาได้ทั้ง 2 แบบ คือ 1. ไม่สามารถหาข้อยุติได้ นำไปสู่การโหวตครั้งที่ 2 หรือครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกลเพียงคนเดียว ว่าจะมีส.ว.มาเติมถึง 64 เสียงเพื่อให้ครบ 376 เสียงหรือไม่ จากพรรคร่วมรัฐบาลที่มี 312 เสียง 2. โอกาสเกิดขึ้นแบบม้วนเดียวจบ เป็นไปได้ทั้งจากกรณีโหวตเลือกนายพิธาถึง 376 เสียง หรือการส่งคู่เทียบกับนายพิธา ซึ่งคู่เทียบจะมาจากคนละขั้วกับนายพิธา คือ 188 เสียง ต้องไม่ลืมว่า 250 ส.ว.เมื่อรวมกับขั้วอำนาจเดิมจะได้ 438 เสียง สามารถโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ทันทีคือจะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย แต่หากสามารถคลายปมรัฐบาลเสียงข้างน้อยได้ โอกาสที่จะเห็นการโหวตจากขั้วอำนาจเดิมชนิดม้วนเดียวจบ แล้วไปแก้ปัญหาเรื่องรัฐบาลเสียงข้างน้อยข้างหน้าก็มีโอกาสเป็นไปได้


ส่วนที่ว่าแม้ได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแต่หากฝืนเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยอาจขาดเสถียรภาพและเดินต่อลำบาก นายยุทธพร กล่าวว่า ฉากทัศน์ที่จะทำให้เกิดรัฐบาลเสียงข้างน้อย จะมีความยากลำบากในการทำงาน เพราะการจะไปหาเสียงมาเติมอีก 70 เสียงในสภาผู้แทนราษฎรไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะสภาผู้แทนราษฎรครั้งนี้เป็น 2 พรรคใหญ่ คือ พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย หากจะได้เสียงมาเพิ่มต้องมาจาก 2 พรรคใหญ่นี้ ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้น้อย การจะเกิดรัฐบาลเสียงข้างน้อย มีความเป็นไปได้ถึงแนวคิดที่จะอยู่ทำงานในระยะเวลา 2 ถึง 3 เดือน จากนั้นก็ประกาศยุบสภาเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่

“สิ่งที่น่าสนใจคือสัญญาณจาก 77 เสียงของพรรคภูมิใจไทยในการเลือกรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ซึ่งสะท้อนความไม่มีเอกภาพของพรรคร่วมรัฐบาลเดิม สะท้อนภาพว่าอาจเกิดการเคลื่อนไหวได้ตลอดใน 188เสียง รวมถึงการส่งสัญญาณไปถึง 8 พรรคร่วมรัฐบาลพรรคก้าวไกล ถามว่าส่งไปยังพรรคก้าวไกลใช่หรือไม่ คำตอบคือไม่มีประโยชน์อะไรเพราะพรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่ไม่มีมุ้งหรือกลุ่มย่อยทางการเมือง อย่างมากก็ได้เสียง 1 ถึง 2 เสียงซึ่งไม่เป็นประโยชน์ ในขณะที่พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคขนาดใหญ่ที่อยู่ในการเมืองมานาน มีกลุ่มย่อยและมุ้งทางการเมืองที่มากกว่า ดังนั้น การขยับมุ้งทางการเมืองต้องมา 20 30  40 เสียง ดังนั้น 77 เสียง เป็นการส่งสัญญาณไปยังพรรคเพื่อไทยว่าจะมีโอกาสมารวมกัน และเกิดการพลิกขั้วได้ ซึ่งวันนี้ถ้าเราเอา 312 เสียง ของ 8 พรรคร่วมตั้งรัฐบาล ลบ 151 ของพรรคก้าวไกลออกไปจะเหลือ 161 เสียง ถ้าเอามารวมกับ 77 เสียง จะได้ 238 เสียง เข้าใกล้กึ่งหนึ่งจาก 500 เสียงในสภาผู้แทนราษฎร จึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับสัญญาณ 77 เสียงถึงโอกาสพลิกขั้วทางการเมือง ซึ่งถ้าเกิดการพลิกขั้วทางการเมือง ต้องผ่านโหวตรอบแรกเลือกนายพิธาไม่ผ่าน 376 เสียงก่อน ไม่เช่นนั้นพรรคเพื่อไทยต้องรับไปเต็ม ๆ” นายยุทธพร กล่าว


ส่วนกรณีที่ส.ว.หลายคนที่เคยจะโหวตให้นายพิธาขอกลับไปทบทวนใหม่ จึงมีความเป็นไปได้สูงว่าจะต้องโหวตรอบสองใช่หรือไม่ นายยุทธพร กล่าวว่า เป็นไปได้สูง เพราะหลังจากการเลือกตั้งมาแล้ว  จะเห็นท่าทีของส.ว.ประมาณไม่เกิน 20 ที่ประกาศจะสนับสนุนนายพิธา ซึ่งแม้จะมีเสียงส.ว.ไปได้ถึง 40 เสียงเมื่อรวมกับ 8 พรรคร่วมตั้งรัฐบาลแล้วก็ยังไปไม่ถึง 376 เสียง ดังนั้น 64 เสียงของส.ว.เป็นโจทย์ที่ยากมาก และช่วงใกล้โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีนายพิธาต้องเจอกับอีกหลายด่าน ทั้งการยื่นเรื่องร้องเรียน มาตรา82 ของรัฐธรรมนูญ เรื่องการถือครองหุ้นสื่อ กกต.จะว่าอย่างไร หรืออาจจะมีส.ส.ไม่น้อยกว่าหนึ่งใน 10  ยื่นร้องเอง

“ส่วนด่านที่สอง เรื่องเกมการเมืองในสภามีตัวแปรที่เพิ่มเข้ามาคือส.ว. 250 คน ซึ่งอาจจะมีเรื่องคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามและเรื่องคดีความต่าง ๆ ที่จะถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็น ที่ทำให้ ส.ว.ไม่ลงคะแนนให้นายพิธา สำหรับการไม่ลงคะแนนมีได้ 2 ลักษณะ คือ โหวตโน ไม่รับชื่อนายพิธาและพรรคก้าวไกล หรือจะโนโหวต คือการงดออกเสียง ไม่ว่าทางใดทางหนึ่งก็จะทำให้เสียงของนายพพิธาไม่ถึง 376 เสียงอย่างแน่นอน ขณะด่านที่ 3 คดีความต่าง ๆ เรื่องไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรต่าง ๆ เท่ากับว่านายพิธายังเผชิญอีกหลายด่าน และด่านเหล่านี้เป็นเหตุให้ส.ว. หยิบยกขึ้นมาได้ทั้งหมด โอกาสที่จะเห็นการเคลื่อนไหวของส.ว.ในวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นไปได้สูงมาก” นายยุทธพร กล่าว

นายยุทธพร กล่าวว่า หากแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือสนับสนุนนายพิธา , กลุ่มโหวตโน และกลุ่มโนโหวตงดออกเสียง ซึ่งกลุ่มที่โนโหวตและโหวตโนมากกว่ากลุ่มสนับสนุน ขณะที่เรื่องผู้สนับสนุนนายพิธาจนถึงวันนี้คณะเจรจายังไม่เปิดเผยออกมาว่าได้เสียงส.ว.มาแล้วกี่เสียงที่ชัดเจนแน่นอนและมีชื่อใครบ้าง หากพรรคก้าวไกลและคณะเจรจาสามารถเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้ได้จะเรียกความเชื่อมั่นให้กับพรรคก้าวไกลและนายพิธาได้เป็นอย่างดี


ส่วนกรณีนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ  ส.ว. ระบุชัดเจนว่า หากเป็นสองแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย พร้อมสนับสนุนบนเงื่อนไขไม่มีพรรคก้าวไกล เป็นพรรคร่วมรัฐบาลถือเป็นสัญญาณที่ชัดเจนหรือไม่ นายยุทธพร กล่าวว่า จะโดยชอบหรือไม่ชอบก็ตาม พรรคเพื่อไทยคือตัวเลือกที่ดีที่สุดของฝ่ายอนุรักษ์นิยมในเวลานี้ ดังนั้น จะเห็นกระบวนการออกมาสนับสนุนพรรคเพื่อไทย ของขั้วตรงข้าม กระบวนการสลับขั้วจึงมีความเป็นไปได้ และมีโอกาสที่จะโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย

“วันนี้สำหรับนายพิธาให้ 50 ต่อ 50 เท่านั้น ในขณะที่ 2 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยคือนายเศรษฐา ทวีสิน และน.ส.แพทองธารชินวัตรมีโอกาสที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี 40%ขึ้นไป ส่วนอีกแคนดิเดตนายกฯ อีกฟากฝั่งหนึ่ง เช่น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มีโอกาส 50 ต่อ 50 หรือนายอนุทิน ชาญวีรกูล ก็มีโอกาส เป็นนายกฯ 40% ขึ้นไป โอกาสพลิกเป็นไปได้สูง เพราะสำหรับฝ่ายอนุรักษ์นิยม พรรคเพื่อไทยคือตัวเลือกที่ดีกว่าพรรคก้าวไกล” นายยุทธพร กล่าว

เมื่อถามว่าจะยื้อกันไปได้มากน้อยแค่ไหนและจะไปจบกันอย่างไร รศ.ดร.ยุทธพร กล่าวว่า อย่างมากที่สุดไม่เกิน 3 ครั้ง ไม่เช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น เสถียรภาพทางการเมืองจะเป็นปัญหา หากเป็นเช่นนั้นจะนำไปสู่ปัญหาอื่นตามมา อย่างปัญหาเศรษฐกิจ สังคมและภาพรวม เพราะฉะนั้นกระบวนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่ยาวนานอาจไม่เกิดขึ้น โอกาสโหวตแบบม้วนเดียวจบก็เป็นไปได้ โดยเฉพาะจากฝั่งขั้วอำนาจเดิม นอกจากนี้อาจจะเกิดการชุมนุมกดดัน ดังนั้นกระบวนการโหวตแบบม้วนเดียวจบก็จะเป็นทางเลือกหนึ่ง เพราะเมื่อการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเรียบร้อย แล้วผลการเลือกเปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว จึงเป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้

“ปัจจุบันประชาชนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของผู้เล่นทางการเมือง ต่างจากในอดีตที่กระบวนการทางการเมืองจะมีการเลือกตั้งและตัวแทนของประชาชนจะเข้าไปทำหน้าที่ และปัญหาที่เกิดขึ้นคือกลไกหรือกติกาออกแบบมาให้เสียงของประชาชนพ่ายแพ้ เสียงข้างมากที่มีอำนาจน้อยและเสียงข้างน้อยที่มีอำนาจมาก เช่น กรณี 250 ส.ว. กระบวนการเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องตอบความชอบธรรมให้ประชาชนจะทำให้ต้นทุนของประเทศที่ต้องจ่าย มีมากเช่นเดียวกัน” นายยุทธพร กล่าว.-สำนักข่าวไทย   

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ ตามยิงซ้ำที่ รพ. ดับ 2

ปทุมธานี 5 มิ.ย.- จับแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ รัวกระสุนใส่หน้าบ้าน ก่อนตามไปยิงซ้ำที่ รพ. เสียชีวิต 2 ราย สารภาพอ้างแค้นถูกตีท้ายครัว ความคืบหน้าเหตุมือปืนชายแต่งกายไรเดอร์ ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นชายหญิง ที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่หน้าบ้าน ในพื้นที่ ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย หลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนได้นำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่คนร้าย ได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ ใช้อาวุธปืนตามยิงซ้ำถึงในโรงพยาบาล ส่งผลให้ผู้ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ท้ายกระบะเสียชีวิต 2 ราย ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวมือปืน ทราบชื่อนายสมยศ อายุ 32 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยให้การรับสารภาพว่าตนเองจะมายิงนายมานะ หรือไอซ์ อายุ 33 ปี เพียงคนเดียว ซึ่งก่อนเกิดเหตุตนได้นั่งกินเบียร์มาก่อน และที่ทำไปนั้น เพราะจับได้ว่าผู้ตายเป็นชู้กับภรรยาตน หลังก่อเหตุขับรถหนีไปจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 ม. จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land

ทำเนียบ 5 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 เมตร จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land ย้ำใช้เวที JBC เจรจา บอกไม่ใช่เรายอมศิโรราบ แต่ไทยมีข้อมูลหลักฐาน รอชัดเจน 14 มิ.ย. ขณะที่กองทัพเตรียมพร้อมตรึงกำลังแนวชายแดน ลั่นไม่ยอมใคร ยืนยันไทยเริ่มต้นจากสันติ ชี้หากประกาศกฏอัยการศึก แม่ทัพภาค 2 มีอำนาจสั่งได้ทันที นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวานนี้ ว่า ตนได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่สอง ถึงข้อมูลที่ออกไปในปัจจุบัน ผิดไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันมากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่า ในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุ่นระเบิด จะเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างความสับสน และทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน นายภูมิธรรม กล่าวถึงการรุกล้ำ 200 เมตร ว่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่คณะกรรมการ JBC ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนกำหนดแต่ละฝ่ายมีจุดที่ค่อมกัน ดังนั้นจึงกำหนดให้เป็น […]

ดรามานิติไล่ไรเดอร์รับลูกค้าหน้าคอนโดฯ

5 มิ.ย. – สาวเรียกรถผ่านแอปฯ มารับหน้าคอนโดฯ หัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์ถือวิทยุสื่อสารพร้อมไล่ให้ลงรถ ขู่ไม่อนุญาตให้เรียกรถผ่านแอปฯ ด้านไรเดอร์รู้ข่าวบุกรวมตัว ลั่นถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย คลิปจากผู้โดยสารคนหนึ่งถ่ายไว้ขณะเรียกรถมารับบริเวณด้านหน้าคอนโดฯ ย่านสาทร แต่กลับถูกชายรายหนึ่งถือวิทยุสื่อสาร ไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดขู่ว่าไม่ใช่วินห้ามเข้า แฟนเพจเฟซบุ๊กอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกบ้านคอนโดฯ แห่งหนึ่ง โพสต์ไว้หลังจากเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน แต่กลับถูกขัดขวาง ระบุว่า “เราได้เรียกรถจักรยานยนต์ผ่านแอปพลิเคชันเพื่อไปทำงานตามปกติ แต่มีชายคนหนึ่ง (คาดว่าเป็นวินในหมู่บ้าน มีวิทยุสื่อสารด้วย) เข้ามาไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดในลักษณะข่มขู่ว่า “ไม่ให้เรียกผ่านแอปฯ เพราะที่นี่มีวินอยู่แล้ว” และยังไล่คนขับกลับไปทันที เหตุการณ์นี้ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและเสียเวลาในการเดินทาง รบกวนช่วยตรวจสอบ ขอความชัดเจนว่าในหมู่บ้านมีข้อกำหนดห้ามเรียกรถผ่านแอปฯ หรือไม่ หากมีรบกวนขอเอกสารหรือประกาศที่เป็นทางการด้วย หากไม่มีรบกวนช่วยดำเนินการกับบุคคลดังกล่าว เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเข้าข่ายคุกคามและไม่เหมาะสม” หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ปรารกฏว่าวานนี้ (4 มิ.ย.) มีไรเดอร์จำนวนมานัดรวมตัวกันและเดินทางไปยังคอนโดฯ ดังกล่าว โดยมีตำรวจเข้ามาพูดคุย ขณะที่ทางตัวแทนไรเดอร์ระบุว่า ถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย และนิติคอนโดฯ ต้องออกมาพูดให้ชัดเจนว่าไรเดอร์เข้าไปรับผู้โดยสารได้ไหม” ต่อมาที่ สน.บางขุนเทียน เจ้าหน้าที่เรียกตัวนายพงษ์ อายุ 52 […]

คนขับหลับใน รถทัวร์เสียหลักตกร่องถนน ดับ 2 สาหัส 5

ประจวบคีรีขันธ์ 4 มิ.ย. – รถทัวร์ตกร่องกลางถนนชนเสาไฟ บนถนนเพชรเกษม อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ผู้โดยสารเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 5 คน คนขับยอมรับหลับใน วงจรปิดจับภาพขณะเกิดเหตุรถทัวร์ขับมาดีๆ จู่ๆ ไถลลงร่องกลางถนน โดยไม่มีคู่กรณี เหตุเกิดประมาณตี 04.30 น.ที่ผ่านมา (4 มิ.ย.) บนถนนเพชรเกษม บริเวณหน้าค่ายพระมงกุฎเกล้า อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รถที่เกิดเหตุเป็นรถบัสโดยสารปรับอากาศ สายระยอง-มุกดาหาร พลิกตะแคงอยู่ในร่องกลาง มีร่องรอยชนกับเสาไฟและการ์ดเลนถนน สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน กระจกหน้าและด้านข้างแตกร้าว หลังคาฉีกขาด ที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นชาย และอาการสาหัส 5 คน นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและเร่งนำตัวนำส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้โดยสารต่างอยู่ในอาการตกใจ บอกว่าก่อนเกิดเหตุรู้สึกว่ารถส่ายไปมา คนขับรถคือ นายทศพร อายุ 51 ปี ให้การว่า ในรถมีผู้โดยสารรวมคนขับแล้ว 28 คน รับผู้โดยสารจาก จ.ระยอง […]

ข่าวแนะนำ

สมช.ตั้ง คกก.เฉพาะกิจ แก้ปัญหามั่นคงชายแดนไทย-กัมพูชา

ทำเนียบ 6 มิ.ย.- สมช. ตั้ง คกก.เฉพาะกิจ แก้ไขปัญหาความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา มอบ “กองทัพ” ประสานการปฏิบัติ พร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์-ปกป้องอธิปไตย สำนักงานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ออกเอกสารข่าว ภายหลังการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) ที่มี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะประธานสภาความมั่นคงแห่งชาติ ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ ครั้งที่ 4/2568 โดยที่ประชุม สมช. ได้รับทราบพัฒนาการของสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา รวมทั้งการดำเนินการของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง โดยที่ประชุมฯ ได้เตรียมพร้อมการกำหนดมาตรการต่าง ๆ เพื่อปกป้องผลประโยชน์ของชาติ และการสื่อสารทำความเข้าใจกับสังคมและประชาชน รวมถึงนานาชาติ เพื่อให้เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นอย่างถ่องแท้ โดยให้จัดตั้งคณะกรรมการเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาความมั่นคงบริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ทำหน้าที่ติดตาม ประสานงาน และเสนอแนะมาตรการเพิ่มเติม หากฝ่ายกัมพูชามีการยกระดับปัญหา ในการนี้ มอบหมายให้กองทัพประสานการปฏิบัติ เพื่อเตรียมพร้อมรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ โดยให้ความสำคัญกับการปกป้องอธิปไตยและการรักษาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ เพื่อประโยชน์สูงสุดในการรักษาความมั่นคงแห่งชาติ ทั้งนี้ จะดำเนินการโดยสอดคล้องกับแนวทางการเจรจาใน JBC ระหว่างไทย-กัมพูชา ซึ่งจะเกิดขึ้นในวันที่ 14 มิถุนายน 2568 […]

ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงิน 12 ล้าน วางทิ้งข้างถังขยะ

นนทบุรี 6 มิ.ย. – ตำรวจเร่งตามหาเจ้าของเงินสด 12 ล้าน ในกล่องพลาสติก วางทิ้งข้างถังขยะคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จากกรณีพลเมืองดีพบธนบัตรไทยจำนวนมาก ถูกซุกซ่อนอยู่ภายในกล่องพลาสติก บริเวณคอนโดฯ ย่านเมืองทองธานี จ.นนทบุรี เจ้าหน้าที่ตรวจสอบพบเอกสารเกี่ยวกับหนังสือรับรองการหักภาษี ณ ที่จ่ายและซองจดหมาย ปรากฏชื่อบุคคลและหน่วยงานรัฐในเอกสาร จึงได้ยึดธนบัตรดังกล่าวมาที่ สภ.ปากเกร็ด เพื่อพิสูจน์ว่าเป็นเงินอะไร ได้มาถูกต้องหรือไม่ และใครเป็นเจ้าของที่แท้จริง เบื้องต้นพบเป็นเงินสดจำนวน 12 ล้านบาท และเมื่อเจ้าหน้าที่นำสายรัดของธนบัตรดังกล่าวไปตรวจสอบ พบว่ามีการจ่ายเงินออกมาจำนวนดังกล่าวตั้งแต่ปี 2563    พลเมืองดีเล่าว่า เวลาประมาณ 20.00 น. ของเมื่อวานนี้ (5 มิ.ย.) ตนและเพื่อนเดินไปลิฟต์ที่ชั้น 4 ซึ่งข้างลิฟต์เป็นที่ทิ้งขยะ เห็นกล่องสภาพดีวางอยู่ ก็จะเก็บไปใช้ ซึ่งกล่องถูกเปิดแง้มเอาไว้และมีเสื้อผ้าวางทับด้านบน จึงเปิดดูพบเงินสดฉบับละ 1,000 บาท เป็นมัดๆ จำนวนมาก จึงโทรแจ้งเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้ามาตรวจสอบ ความคืบหน้าในการติดตามหาตัวคนที่นำกล่องเงินมาทิ้ง ตำรวจสืบสวน สภ.ปากเกร็ด ได้ลงพื้นที่ไล่ตรวจสอบกล้องวงจรปิดบริเวณจุดที่พบเพื่อหาเบาะแสคนที่นำกล่องพลาสติกมาทิ้ง เบื้องต้นยังไม่พบผู้ต้องสงสัย นอกจากนี้ยังได้พยายามติดต่อกับ นายทวีวัฒน์ […]

หกเดือนหก กองทัพอากาศเตรียมความพร้อม สั่งวันนี้ ส่งทันที ถึงที่หมาย

กองทัพอากาศ 6 มิ.ย.- กองทัพอากาศ เผยพร้อมติดตั้งระเบิด เครื่องบินรบ แสดงความพร้อมกำลังพล ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจกองทัพอากาศ เผยข้อความ หกเดือนหก (6.6)⚡กองทัพอากาศ เตรียมความพร้อม สั่งวันนี้ • ส่งทันที • ถึงที่หมาย ฝูงบิน 103 กองบิน 1เครื่องบิน F-16 นามเรียกขาน ” Lightning “ติดตั้งระเบิด พร้อมขึ้นปฏิบัติการสายฟ้าฟาด ปกป้องอธิปไตย พร้อมกันนี้ มีการติดแฮชแท็ก #ไทยนี้รักสงบแต่ถึงรบไม่ขลาด ด้วย.-313.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ ถก สมช. ชี้รัฐบาล-กองทัพ ไร้ปัญหา ทำงานเป็นเอกภาพ

ทำเนียบ 6 มิ.ย.-นายกฯ ถก สมช.แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา ชี้รัฐบาลกับกองทัพ เคลียร์อำนาจหน้าที่แล้วไร้ปัญหา ย้ำ ทำงานเป็นเอกภาพ รักษาเอกราชอธิปไตยของประเทศ พร้อมรับทุกสถานการณ์ ยึดสันติวิธี บอกมอบหน้างานประเมินหากต้องปะทะ ทุกอย่างยังโอเค ยืนยันรัฐบาลทำงานไม่ช้า กำชับ ก.ดีอี ดูเนื้อหาปลุกปั่นหวั่นขยายขัดแย้ง ด้าน ผบ.ทสส. ลั่น กองทัพพร้อมหนุนรัฐบาล แจงประชุมเหล่าทัพไม่เชิญสื่อ ขอทำงานมืออาชีพ นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงข่าวภายหลังการประชุม สภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. เพื่อหารือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งใช้เวลาเกือบ 2 ชั่วโมง โดยนายกรัฐมนตรี ระบุว่า วันนี้มีการพูดคุยถึงมาตรการต่างๆ ในการรับมือสถานการณ์ หลังจากเมื่อวานนี้นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ไปคุยกับทีมกัมพูชา ซึ่งยืนยันว่าขณะนี้สถานการณ์ยังโอเคอยู่ และยืนยันว่า ทุกหน่วย ทุกฝ่ายทั้งกองทัพและรัฐบาลมีการปรึกษากันตลอดก่อนที่จะดำเนินการใดใด อำนาจไหนที่เป็นของใคร และทุกคนทราบในอำนาจของตัวเองเป็นอย่างดี และวันนี้สิ่งที่ต้องการคือความเป็นเอกภาพในการทำงานทั้งหมด ซึ่งวันนี้ ได้คุยกับ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรี […]