นักวิชาการชี้โอกาสโหวตนายกฯ พลิกขั้วมีสูง

อสมท 6 ก.ค.-“ยุทธพร” มั่นใจโหวตนายกฯ ไม่เกิน 3 ครั้ง ประเมินโอกาส “พิธา” 50:50 ชี้โอกาสพลิกขั้วมีสูง

นายยุทธพร อิสรชัย อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวถึงการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีนัดแรก 13 ก.ค.นี้ ว่า สามารถออกมาได้ทั้ง 2 แบบ คือ 1. ไม่สามารถหาข้อยุติได้ นำไปสู่การโหวตครั้งที่ 2 หรือครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกลเพียงคนเดียว ว่าจะมีส.ว.มาเติมถึง 64 เสียงเพื่อให้ครบ 376 เสียงหรือไม่ จากพรรคร่วมรัฐบาลที่มี 312 เสียง 2. โอกาสเกิดขึ้นแบบม้วนเดียวจบ เป็นไปได้ทั้งจากกรณีโหวตเลือกนายพิธาถึง 376 เสียง หรือการส่งคู่เทียบกับนายพิธา ซึ่งคู่เทียบจะมาจากคนละขั้วกับนายพิธา คือ 188 เสียง ต้องไม่ลืมว่า 250 ส.ว.เมื่อรวมกับขั้วอำนาจเดิมจะได้ 438 เสียง สามารถโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ทันทีคือจะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย แต่หากสามารถคลายปมรัฐบาลเสียงข้างน้อยได้ โอกาสที่จะเห็นการโหวตจากขั้วอำนาจเดิมชนิดม้วนเดียวจบ แล้วไปแก้ปัญหาเรื่องรัฐบาลเสียงข้างน้อยข้างหน้าก็มีโอกาสเป็นไปได้


ส่วนที่ว่าแม้ได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแต่หากฝืนเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยอาจขาดเสถียรภาพและเดินต่อลำบาก นายยุทธพร กล่าวว่า ฉากทัศน์ที่จะทำให้เกิดรัฐบาลเสียงข้างน้อย จะมีความยากลำบากในการทำงาน เพราะการจะไปหาเสียงมาเติมอีก 70 เสียงในสภาผู้แทนราษฎรไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะสภาผู้แทนราษฎรครั้งนี้เป็น 2 พรรคใหญ่ คือ พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย หากจะได้เสียงมาเพิ่มต้องมาจาก 2 พรรคใหญ่นี้ ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้น้อย การจะเกิดรัฐบาลเสียงข้างน้อย มีความเป็นไปได้ถึงแนวคิดที่จะอยู่ทำงานในระยะเวลา 2 ถึง 3 เดือน จากนั้นก็ประกาศยุบสภาเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่

“สิ่งที่น่าสนใจคือสัญญาณจาก 77 เสียงของพรรคภูมิใจไทยในการเลือกรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ซึ่งสะท้อนความไม่มีเอกภาพของพรรคร่วมรัฐบาลเดิม สะท้อนภาพว่าอาจเกิดการเคลื่อนไหวได้ตลอดใน 188เสียง รวมถึงการส่งสัญญาณไปถึง 8 พรรคร่วมรัฐบาลพรรคก้าวไกล ถามว่าส่งไปยังพรรคก้าวไกลใช่หรือไม่ คำตอบคือไม่มีประโยชน์อะไรเพราะพรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่ไม่มีมุ้งหรือกลุ่มย่อยทางการเมือง อย่างมากก็ได้เสียง 1 ถึง 2 เสียงซึ่งไม่เป็นประโยชน์ ในขณะที่พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคขนาดใหญ่ที่อยู่ในการเมืองมานาน มีกลุ่มย่อยและมุ้งทางการเมืองที่มากกว่า ดังนั้น การขยับมุ้งทางการเมืองต้องมา 20 30  40 เสียง ดังนั้น 77 เสียง เป็นการส่งสัญญาณไปยังพรรคเพื่อไทยว่าจะมีโอกาสมารวมกัน และเกิดการพลิกขั้วได้ ซึ่งวันนี้ถ้าเราเอา 312 เสียง ของ 8 พรรคร่วมตั้งรัฐบาล ลบ 151 ของพรรคก้าวไกลออกไปจะเหลือ 161 เสียง ถ้าเอามารวมกับ 77 เสียง จะได้ 238 เสียง เข้าใกล้กึ่งหนึ่งจาก 500 เสียงในสภาผู้แทนราษฎร จึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับสัญญาณ 77 เสียงถึงโอกาสพลิกขั้วทางการเมือง ซึ่งถ้าเกิดการพลิกขั้วทางการเมือง ต้องผ่านโหวตรอบแรกเลือกนายพิธาไม่ผ่าน 376 เสียงก่อน ไม่เช่นนั้นพรรคเพื่อไทยต้องรับไปเต็ม ๆ” นายยุทธพร กล่าว


ส่วนกรณีที่ส.ว.หลายคนที่เคยจะโหวตให้นายพิธาขอกลับไปทบทวนใหม่ จึงมีความเป็นไปได้สูงว่าจะต้องโหวตรอบสองใช่หรือไม่ นายยุทธพร กล่าวว่า เป็นไปได้สูง เพราะหลังจากการเลือกตั้งมาแล้ว  จะเห็นท่าทีของส.ว.ประมาณไม่เกิน 20 ที่ประกาศจะสนับสนุนนายพิธา ซึ่งแม้จะมีเสียงส.ว.ไปได้ถึง 40 เสียงเมื่อรวมกับ 8 พรรคร่วมตั้งรัฐบาลแล้วก็ยังไปไม่ถึง 376 เสียง ดังนั้น 64 เสียงของส.ว.เป็นโจทย์ที่ยากมาก และช่วงใกล้โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีนายพิธาต้องเจอกับอีกหลายด่าน ทั้งการยื่นเรื่องร้องเรียน มาตรา82 ของรัฐธรรมนูญ เรื่องการถือครองหุ้นสื่อ กกต.จะว่าอย่างไร หรืออาจจะมีส.ส.ไม่น้อยกว่าหนึ่งใน 10  ยื่นร้องเอง

“ส่วนด่านที่สอง เรื่องเกมการเมืองในสภามีตัวแปรที่เพิ่มเข้ามาคือส.ว. 250 คน ซึ่งอาจจะมีเรื่องคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามและเรื่องคดีความต่าง ๆ ที่จะถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็น ที่ทำให้ ส.ว.ไม่ลงคะแนนให้นายพิธา สำหรับการไม่ลงคะแนนมีได้ 2 ลักษณะ คือ โหวตโน ไม่รับชื่อนายพิธาและพรรคก้าวไกล หรือจะโนโหวต คือการงดออกเสียง ไม่ว่าทางใดทางหนึ่งก็จะทำให้เสียงของนายพพิธาไม่ถึง 376 เสียงอย่างแน่นอน ขณะด่านที่ 3 คดีความต่าง ๆ เรื่องไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรต่าง ๆ เท่ากับว่านายพิธายังเผชิญอีกหลายด่าน และด่านเหล่านี้เป็นเหตุให้ส.ว. หยิบยกขึ้นมาได้ทั้งหมด โอกาสที่จะเห็นการเคลื่อนไหวของส.ว.ในวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นไปได้สูงมาก” นายยุทธพร กล่าว

นายยุทธพร กล่าวว่า หากแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือสนับสนุนนายพิธา , กลุ่มโหวตโน และกลุ่มโนโหวตงดออกเสียง ซึ่งกลุ่มที่โนโหวตและโหวตโนมากกว่ากลุ่มสนับสนุน ขณะที่เรื่องผู้สนับสนุนนายพิธาจนถึงวันนี้คณะเจรจายังไม่เปิดเผยออกมาว่าได้เสียงส.ว.มาแล้วกี่เสียงที่ชัดเจนแน่นอนและมีชื่อใครบ้าง หากพรรคก้าวไกลและคณะเจรจาสามารถเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้ได้จะเรียกความเชื่อมั่นให้กับพรรคก้าวไกลและนายพิธาได้เป็นอย่างดี


ส่วนกรณีนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ  ส.ว. ระบุชัดเจนว่า หากเป็นสองแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย พร้อมสนับสนุนบนเงื่อนไขไม่มีพรรคก้าวไกล เป็นพรรคร่วมรัฐบาลถือเป็นสัญญาณที่ชัดเจนหรือไม่ นายยุทธพร กล่าวว่า จะโดยชอบหรือไม่ชอบก็ตาม พรรคเพื่อไทยคือตัวเลือกที่ดีที่สุดของฝ่ายอนุรักษ์นิยมในเวลานี้ ดังนั้น จะเห็นกระบวนการออกมาสนับสนุนพรรคเพื่อไทย ของขั้วตรงข้าม กระบวนการสลับขั้วจึงมีความเป็นไปได้ และมีโอกาสที่จะโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย

“วันนี้สำหรับนายพิธาให้ 50 ต่อ 50 เท่านั้น ในขณะที่ 2 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยคือนายเศรษฐา ทวีสิน และน.ส.แพทองธารชินวัตรมีโอกาสที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี 40%ขึ้นไป ส่วนอีกแคนดิเดตนายกฯ อีกฟากฝั่งหนึ่ง เช่น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มีโอกาส 50 ต่อ 50 หรือนายอนุทิน ชาญวีรกูล ก็มีโอกาส เป็นนายกฯ 40% ขึ้นไป โอกาสพลิกเป็นไปได้สูง เพราะสำหรับฝ่ายอนุรักษ์นิยม พรรคเพื่อไทยคือตัวเลือกที่ดีกว่าพรรคก้าวไกล” นายยุทธพร กล่าว

เมื่อถามว่าจะยื้อกันไปได้มากน้อยแค่ไหนและจะไปจบกันอย่างไร รศ.ดร.ยุทธพร กล่าวว่า อย่างมากที่สุดไม่เกิน 3 ครั้ง ไม่เช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น เสถียรภาพทางการเมืองจะเป็นปัญหา หากเป็นเช่นนั้นจะนำไปสู่ปัญหาอื่นตามมา อย่างปัญหาเศรษฐกิจ สังคมและภาพรวม เพราะฉะนั้นกระบวนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่ยาวนานอาจไม่เกิดขึ้น โอกาสโหวตแบบม้วนเดียวจบก็เป็นไปได้ โดยเฉพาะจากฝั่งขั้วอำนาจเดิม นอกจากนี้อาจจะเกิดการชุมนุมกดดัน ดังนั้นกระบวนการโหวตแบบม้วนเดียวจบก็จะเป็นทางเลือกหนึ่ง เพราะเมื่อการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเรียบร้อย แล้วผลการเลือกเปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว จึงเป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้

“ปัจจุบันประชาชนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของผู้เล่นทางการเมือง ต่างจากในอดีตที่กระบวนการทางการเมืองจะมีการเลือกตั้งและตัวแทนของประชาชนจะเข้าไปทำหน้าที่ และปัญหาที่เกิดขึ้นคือกลไกหรือกติกาออกแบบมาให้เสียงของประชาชนพ่ายแพ้ เสียงข้างมากที่มีอำนาจน้อยและเสียงข้างน้อยที่มีอำนาจมาก เช่น กรณี 250 ส.ว. กระบวนการเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องตอบความชอบธรรมให้ประชาชนจะทำให้ต้นทุนของประเทศที่ต้องจ่าย มีมากเช่นเดียวกัน” นายยุทธพร กล่าว.-สำนักข่าวไทย   

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด

อุบลราชธานี 17 ก.ค.-แม่ทัพภาค 2 เยี่ยมให้กำลังใจทหารได้รับบาดเจ็บเหยียบกับระเบิด ซึ่งอาการโดยรวมดีขึ้น ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ มณฑลทหารบกที่ 22 อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้เข้าเยี่ยมให้กำลังใจกับทหารสังกัดกรมทหารราบที่ 6 ที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิดทั้ง 3 นาย ซึ่งมีอาการโดยรวมดีขึ้น สำหรับทหารที่ได้รับบาดเจ็บทั้ง 3 นายประกอบด้วย ส.อ.ปฏิพัทธ์ ศรีลาศักดิ์ มีบาดแผลฟกซ้ำบริเวณหน้าอกจากการถูกแรงอัดระเบิด ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้า แต่ปัจจุบันดีขึ้น พลทหารณัฐวุฒิ ศรีเข้ม มีบาดแผลฟกซ้ำที่หน้าอกจากการอัดของระเบิด แน่นหน้าอก แต่ช่วยเหลือตัวเองได้ พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน ต้องตัดขาซ้ายใต้เข่าจากแรงระเบิด มีอาการปวดแผล แต่กินอาหารได้ตามปกติ หลังเยี่ยมพูดคุยให้กำลังใจ แม่ทัพก็เดินทางกลับไป เพื่อไปติดตามสถานการณ์ชายแดนด้านจังหวัดสุรินทร์ต่อไป.-711.-สำนักข่าวไทย

จนท. เข้าพบพระพรหมบัณฑิต ขอตรวจสอบบัญชีเงินวัดประยูรฯ

กทม. 17 ก.ค. – ตำรวจ ปปป. ป.ป.ท. และเจ้าหน้าที่สำนักพุทธฯ บุกวัดประยุรวงศาวาส เข้าตรวจสอบบัญชีเงินวัด เบื้องต้น  ยืนยันไม่ใช่การบุกค้นกุฏิ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาส พ.ต.ท.สิริพงษ์ ศรีตุลา รักษาราชการแทนรองเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.), พ.ต.อ.สถาปนา จุณณวัตต์ ผู้กำกับการกองกำกับการ 6 กองบังคับการปราบปราม พร้อมเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธแห่งชาติแห่งชาติ เดินทางเข้าพบพระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหาร เพื่อพูดคุยและขอข้อมูลเกี่ยวกับเอกสารการเงินภายในวัด หลังอดีตเจ้าคุณประสิทธิ์ อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาส เข้าไปพัวพันกับสีกากอล์ฟ และตรวจสอบข้อเท็จจริงจากคำให้การของพยาน ที่พบเงินถูกพับในลักษณะถูกนำออกมาจากตู้บริจาคในบ้านของสีกากอล์ฟ ซึ่งการตรวจสอบในวันนี้จะเน้นเรื่องเส้นทางการเงินของวัดทั้งหมด ที่ต้องสงสัยว่าอาจมีบางส่วนถูกยักยอก หลังการตรวจสอบ ผู้กำกับการ 6 บก.ปปป. กล่าวว่า ไม่สามารถที่จะเปิดเผยข้อมูลได้ ผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ชี้แจง หลังจากนี้จะนำข้อมูลต่างๆ กลับไปเรียนให้ผู้บังคับบัญชาได้ทราบ แต่ยืนยันว่า วันนี้เป็นเพียงแค่การเข้ามาขอข้อมูลเท่านั้น ด้านเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติระบุว่า เป็นเพียงการบูรณาการของหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง และในการตรวจสอบเรื่องนี้ไม่เกี่ยวข้องกับ พระพรหมบัณฑิต เจ้าอาวาสวัดประยุรวงศาวาสวรวิหารแต่อย่างใด มีรายงานเพิ่มเติมว่าเจ้าหน้าที่ทั้ง 3 หน่วยงาน ได้นำกำลังส่วนหนึ่งเข้าไปตรวจสอบที่มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณ์ราชวิทยาลัย หรือ […]

ข่าวแนะนำ

ศบ.ทก.​เผยไทยเตรียมประท้วง หากกัมพูชาวางทุ่นระเบิดใหม่

ทำเนียบ 18 ก.ค.-ศบ.ทก.​ ยัน​ไทยไม่เพิกเฉย​ เตรียมประท้วง หากพบกัมพูชาวางทุ่นระเบิดใหม่​ ผิดอนุสัญญา​ออตตาวา​ ปี​ 2542 ทำ 3 ทหารพรานเหยียบทุ่นระเบิดขณะลาดตระเวน​ เผย​ผลหารือร่วม​ เหตุหญิงกัมพูชาทำวุ่นปราสาทตาเมือนธม​ คัดกรองเข้มนักท่องเที่ยว​ ส่งชุดประสานงานไทย-กัมพูชา ฝ่ายละ 7 คน ดูแลนักท่องเที่ยว ห้ามเรียกกำลังเพิ่ม​ หวังลดการเผชิญหน้า พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ รองโฆษกกองบัญชาการกองทัพไทย และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศ และรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ แถลงผลการประชุมศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา หรือ​ ศบ.ทก.​ โดยพลเรือตรีสุร​สันต์​ กล่าวชี้แจงกรณี พลเอกณัฐพล​ นาคพาณิชย์​รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม​ รักษาราชการแทนรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม และในฐานะผอ.ศบ.ทก​ ได้ลงพื้นที่โรงพยาบาลสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานีเยี่ยมทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากการเหยียบกับระเบิด​ ขณะปฏิบัติภารกิจลาดตระเวนพื้นที่ช่องบก​ จังหวัดอุบลราชธานี โดยทหารทั้ง 3 นาย​ อยู่ในสภาวะขวัญและกำลังใจที่ดีเยี่ยม ปัจจุบันได้ดูแลอย่างใกล้ชิดจากคณะแพทย์ เป็นไปตามมาตรฐาน​ และทันท่วงทีจนอาการทั้ง 3 นายอยู่ในเกณฑ์ที่ปลอดภัย สำหรับพลทหารที่เหยียบกับระเบิดจนทำให้ขาด้านซ้ายขาด กองทัพภาคที่ 2 […]

นักท่องเที่ยวหลั่งไหลชมปราสาทตาเมือนธมคึกคัก

สุรินทร์ 18 ก.ค. – นักท่องเที่ยวสองประเทศยังหลั่งไหลไปเที่ยวชมปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ รวมทั้งให้กำลังใจทหารแนวหน้าอย่างต่อเนื่อง ส่งผลเศรษฐกิจท้องถิ่นคึกคัก ขณะที่ตำรวจพร้อมดำเนินคดีหญิงกัมพูชาด่าทหารไทย ด้านนายอำเภอพนมดงรัก ตรวจสอบความคืบหน้าการก่อสร้างหลุมหลบภัย ยันพยายามจะทำให้เสร็จเร็วที่สุด ทันทีที่เจ้าหน้าที่เปิดให้เข้าไปเที่ยวชมปราสาทตาเมือนธม อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ มีนักท่องเที่ยวจากทั่วสารทิศทยอยเข้ามามอบสิ่งของบำรุงขวัญทหารแนวหน้า และเข้าไปเที่ยวชมภายในตัวปราสาทอย่างต่อเนื่อง ทำให้บรรยากาศดูคึกคักตั้งแต่เช้าเหมือนเช่นทุกวันที่ผ่านมา เป็นที่น่าสังเกตว่านักท่องเที่ยวฝ่ายกัมพูชามีกลุ่มวัยรุ่นหัวเกรียน คนหน้าเดิม เข้ามาเป็นประจำ ทั้งภาคเช้าและภาคบ่าย คล้ายๆ กับการจัดตั้ง ส่วนนักท่องเที่ยวชาวไทยล้วนเข้ามาด้วยความสมัครใจ ท่ามกลางกระแสข่าวว่า นโรดม แพน โมนิก้า หญิงกัมพูชาที่ชี้หน้าด่าและไล่ทหารไทย จะกลับเข้าพื้นที่อีกครั้งในวันพรุ่งนี้ (19 ก.ค.) ซึ่งเจ้าหน้าที่เตรียมรับสถานการณ์แล้ว ภายใต้ข้อตกลงที่มีร่วมกันจากเหตุดังกล่าวว่าให้เพิ่มความเข้มงวดในการคัดกรองนักท่องเที่ยวมากขึ้น เพื่อไม่ให้เกิดเหตุความวุ่นวายซ้ำรอยเดิม ทีมข่าวสำนักข่าวไทยได้รับการเปิดเผยจากพันตำรวจเอก นพดล พินิจอักษร ผู้กำกับการ สภ.พนมดงรัก ว่ามีคนแจ้งความดำเนินคดีนโรดม แพน โมนิก้า แล้ว ซึ่งตำรวจพร้อมเดินหน้าสะสางคดี เพื่อเป็นการยืนยันเขตอธิปไตยไทยด้วย การเข้าพื้นที่ของนักท่องเที่ยวจำนวนมากทำให้เศรษฐกิจท้องถิ่นของ อ.พนมดงรัก พลอยได้รับอานิสงส์ไปด้วย โดยเฉพาะพ่อค้าแม่ค้าที่มาตั้งเต็นท์ขายสินค้าต่างๆ ที่ได้รับความนิยม เช่น เสื้อยืดสกรีน ภาพทหารพร้อมข้อความ […]

“แพทองธาร” เยี่ยมทหารบาดเจ็บ ยกย่องเป็นแบบอย่างกล้าหาญเสียสละ

อุบลราชธานี 18 ก.ค.- “แพทองธาร” เผยรับมอบหมายจาก ครม. ให้เป็นตัวแทนร่วมคณะ “รมช.กลาโหม” เยี่ยมให้กำลังใจ 3 ทหารพราน ในเหตุการณ์เหยียบกับระเบิดช่องบก ยกย่องเป็นแบบอย่างกล้าหาญเสียสละ ยัน “รัฐบาล – กองทัพ” รับผิดชอบดูแลกำลังพล ประชาชน พร้อมรักษาอธิปไตยไทย นางสาวแพทองธาร​ ชินวัตร​ นายกรัฐมนตรี และ​รัฐมนตรี​ว่าการ​กระทรวง​วัฒนธรรม​ พร้อมด้วย พลเอกณัฐพล​ นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม เข้าเยี่ยมให้กำลังใจทหารพรานที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุเหยียบกับระเบิด ในพื้นที่ช่องบกอำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี ที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ โดยนางสาวแพทองธาร ได้สอบถามอาการพลทหาร ธนพัฒน์ หุยวัน กำลังพลจากหน่วยร้อย ร.6021 พร้อมบอกว่า รัฐบาลจะไม่ให้เกิดเหตุการณ์ที่กระทบต่อขวัญกำลังใจของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงานไปมากกว่านี้ อะไรที่ทำได้ก็จะทำ พร้อมให้กำลังแม่ของทหารที่ได้รับบาดเจ็บ ซึ่งทราบว่า เป็นเหตุการณ์ที่ทำให้ครอบครัวตกใจ เพราะทหารคนดังกล่าวเพิ่งไปปฏิบัติงานในพื้นที่ จากนั้น นางสาวแพทองธาร และ พลเอกณัฐพล ได้เยี่ยมให้กำลังใจทหารอีก 2 นาย ที่ได้รับบาดเจ็บ พร้อมรับฟังอาการ ว่า […]

เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 4 แสน

18 ก.ค. – เปิดแชต “สีกากอล์ฟ” หลอกยืมเงิน “อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร” 400,000 บาท อ้างป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัด และแลกหลักฐานกรณีอดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร มีความสัมพันธ์กับสีกากอล์ฟ อดีตผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ จ.พิจิตร หลงกลเล่ห์เหลี่ยมของสีกากอล์ฟ โดยเมื่อปี 2559 อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร ส่งข้อความไปหาสีกากอล์ฟ ว่ามีเรื่องสำคัญของบ้านเมืองจะปรึกษา และหว่านล้อมว่าสีกากอล์ฟเป็นบุคคลสำคัญยิ่งที่จะเปลี่ยนแปลงการปกครองส่วนหนึ่งใน จ.พิจิตร ไปในทิศทางที่ดีขึ้น หากให้ความร่วมมือจะมีผู้ใหญ่ใจดีที่พร้อมจะดูแลสีกากอล์ฟและลูก แล้วทิ้งเบอร์โทรศัพท์ไว้ให้ติดต่อกลับ จากนั้นสีกากอล์ฟตอบกลับข้อความ ทำให้อดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร เปิดเผยเป้าหมายทันทีว่าต้องการดำเนินการกับพระราชสิทธิเวที ในขณะนั้น (อดีตเจ้าคณะจังหวัดพิจิตร และอดีตเจ้าอาวาสวัดท่าหลวง จ.พิจิตร ที่เพิ่งสึกไป) ซึ่งมีเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการทุจริต เสพเมถุน และประพฤติตนไม่เหมาะสม อาจเชื่อมโยงมาถึงสีกากอล์ฟ พร้อมเสนอเงิน 1 ล้านบาท แต่สีกากอล์ฟชวนอดีต ผอ.สำนักพุทธฯ พิจิตร คุยเรื่องทั่วไป โดยเฉพาะอ้างว่ามีอาการป่วย ต้องใช้เงินผ่าตัดประมาณ 400,000 บาท […]