นักวิชาการชี้โอกาสโหวตนายกฯ พลิกขั้วมีสูง

อสมท 6 ก.ค.-“ยุทธพร” มั่นใจโหวตนายกฯ ไม่เกิน 3 ครั้ง ประเมินโอกาส “พิธา” 50:50 ชี้โอกาสพลิกขั้วมีสูง

นายยุทธพร อิสรชัย อาจารย์คณะรัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวถึงการลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีนัดแรก 13 ก.ค.นี้ ว่า สามารถออกมาได้ทั้ง 2 แบบ คือ 1. ไม่สามารถหาข้อยุติได้ นำไปสู่การโหวตครั้งที่ 2 หรือครั้งที่ 3 ซึ่งเป็นการเสนอชื่อนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคก้าวไกลเพียงคนเดียว ว่าจะมีส.ว.มาเติมถึง 64 เสียงเพื่อให้ครบ 376 เสียงหรือไม่ จากพรรคร่วมรัฐบาลที่มี 312 เสียง 2. โอกาสเกิดขึ้นแบบม้วนเดียวจบ เป็นไปได้ทั้งจากกรณีโหวตเลือกนายพิธาถึง 376 เสียง หรือการส่งคู่เทียบกับนายพิธา ซึ่งคู่เทียบจะมาจากคนละขั้วกับนายพิธา คือ 188 เสียง ต้องไม่ลืมว่า 250 ส.ว.เมื่อรวมกับขั้วอำนาจเดิมจะได้ 438 เสียง สามารถโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้ทันทีคือจะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย แต่หากสามารถคลายปมรัฐบาลเสียงข้างน้อยได้ โอกาสที่จะเห็นการโหวตจากขั้วอำนาจเดิมชนิดม้วนเดียวจบ แล้วไปแก้ปัญหาเรื่องรัฐบาลเสียงข้างน้อยข้างหน้าก็มีโอกาสเป็นไปได้


ส่วนที่ว่าแม้ได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแต่หากฝืนเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยอาจขาดเสถียรภาพและเดินต่อลำบาก นายยุทธพร กล่าวว่า ฉากทัศน์ที่จะทำให้เกิดรัฐบาลเสียงข้างน้อย จะมีความยากลำบากในการทำงาน เพราะการจะไปหาเสียงมาเติมอีก 70 เสียงในสภาผู้แทนราษฎรไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะสภาผู้แทนราษฎรครั้งนี้เป็น 2 พรรคใหญ่ คือ พรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย หากจะได้เสียงมาเพิ่มต้องมาจาก 2 พรรคใหญ่นี้ ซึ่งมีโอกาสเป็นไปได้น้อย การจะเกิดรัฐบาลเสียงข้างน้อย มีความเป็นไปได้ถึงแนวคิดที่จะอยู่ทำงานในระยะเวลา 2 ถึง 3 เดือน จากนั้นก็ประกาศยุบสภาเพื่อนำไปสู่การเลือกตั้งใหม่

“สิ่งที่น่าสนใจคือสัญญาณจาก 77 เสียงของพรรคภูมิใจไทยในการเลือกรองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่ 1 ซึ่งสะท้อนความไม่มีเอกภาพของพรรคร่วมรัฐบาลเดิม สะท้อนภาพว่าอาจเกิดการเคลื่อนไหวได้ตลอดใน 188เสียง รวมถึงการส่งสัญญาณไปถึง 8 พรรคร่วมรัฐบาลพรรคก้าวไกล ถามว่าส่งไปยังพรรคก้าวไกลใช่หรือไม่ คำตอบคือไม่มีประโยชน์อะไรเพราะพรรคก้าวไกลเป็นพรรคที่ไม่มีมุ้งหรือกลุ่มย่อยทางการเมือง อย่างมากก็ได้เสียง 1 ถึง 2 เสียงซึ่งไม่เป็นประโยชน์ ในขณะที่พรรคเพื่อไทยเป็นพรรคขนาดใหญ่ที่อยู่ในการเมืองมานาน มีกลุ่มย่อยและมุ้งทางการเมืองที่มากกว่า ดังนั้น การขยับมุ้งทางการเมืองต้องมา 20 30  40 เสียง ดังนั้น 77 เสียง เป็นการส่งสัญญาณไปยังพรรคเพื่อไทยว่าจะมีโอกาสมารวมกัน และเกิดการพลิกขั้วได้ ซึ่งวันนี้ถ้าเราเอา 312 เสียง ของ 8 พรรคร่วมตั้งรัฐบาล ลบ 151 ของพรรคก้าวไกลออกไปจะเหลือ 161 เสียง ถ้าเอามารวมกับ 77 เสียง จะได้ 238 เสียง เข้าใกล้กึ่งหนึ่งจาก 500 เสียงในสภาผู้แทนราษฎร จึงเป็นสิ่งที่น่าสนใจสำหรับสัญญาณ 77 เสียงถึงโอกาสพลิกขั้วทางการเมือง ซึ่งถ้าเกิดการพลิกขั้วทางการเมือง ต้องผ่านโหวตรอบแรกเลือกนายพิธาไม่ผ่าน 376 เสียงก่อน ไม่เช่นนั้นพรรคเพื่อไทยต้องรับไปเต็ม ๆ” นายยุทธพร กล่าว


ส่วนกรณีที่ส.ว.หลายคนที่เคยจะโหวตให้นายพิธาขอกลับไปทบทวนใหม่ จึงมีความเป็นไปได้สูงว่าจะต้องโหวตรอบสองใช่หรือไม่ นายยุทธพร กล่าวว่า เป็นไปได้สูง เพราะหลังจากการเลือกตั้งมาแล้ว  จะเห็นท่าทีของส.ว.ประมาณไม่เกิน 20 ที่ประกาศจะสนับสนุนนายพิธา ซึ่งแม้จะมีเสียงส.ว.ไปได้ถึง 40 เสียงเมื่อรวมกับ 8 พรรคร่วมตั้งรัฐบาลแล้วก็ยังไปไม่ถึง 376 เสียง ดังนั้น 64 เสียงของส.ว.เป็นโจทย์ที่ยากมาก และช่วงใกล้โหวตเลือกนายกรัฐมนตรีนายพิธาต้องเจอกับอีกหลายด่าน ทั้งการยื่นเรื่องร้องเรียน มาตรา82 ของรัฐธรรมนูญ เรื่องการถือครองหุ้นสื่อ กกต.จะว่าอย่างไร หรืออาจจะมีส.ส.ไม่น้อยกว่าหนึ่งใน 10  ยื่นร้องเอง

“ส่วนด่านที่สอง เรื่องเกมการเมืองในสภามีตัวแปรที่เพิ่มเข้ามาคือส.ว. 250 คน ซึ่งอาจจะมีเรื่องคุณสมบัติลักษณะต้องห้ามและเรื่องคดีความต่าง ๆ ที่จะถูกหยิบยกขึ้นมาเป็นประเด็น ที่ทำให้ ส.ว.ไม่ลงคะแนนให้นายพิธา สำหรับการไม่ลงคะแนนมีได้ 2 ลักษณะ คือ โหวตโน ไม่รับชื่อนายพิธาและพรรคก้าวไกล หรือจะโนโหวต คือการงดออกเสียง ไม่ว่าทางใดทางหนึ่งก็จะทำให้เสียงของนายพพิธาไม่ถึง 376 เสียงอย่างแน่นอน ขณะด่านที่ 3 คดีความต่าง ๆ เรื่องไปสู่ศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรต่าง ๆ เท่ากับว่านายพิธายังเผชิญอีกหลายด่าน และด่านเหล่านี้เป็นเหตุให้ส.ว. หยิบยกขึ้นมาได้ทั้งหมด โอกาสที่จะเห็นการเคลื่อนไหวของส.ว.ในวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นไปได้สูงมาก” นายยุทธพร กล่าว

นายยุทธพร กล่าวว่า หากแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือสนับสนุนนายพิธา , กลุ่มโหวตโน และกลุ่มโนโหวตงดออกเสียง ซึ่งกลุ่มที่โนโหวตและโหวตโนมากกว่ากลุ่มสนับสนุน ขณะที่เรื่องผู้สนับสนุนนายพิธาจนถึงวันนี้คณะเจรจายังไม่เปิดเผยออกมาว่าได้เสียงส.ว.มาแล้วกี่เสียงที่ชัดเจนแน่นอนและมีชื่อใครบ้าง หากพรรคก้าวไกลและคณะเจรจาสามารถเปิดเผยข้อมูลเหล่านี้ได้จะเรียกความเชื่อมั่นให้กับพรรคก้าวไกลและนายพิธาได้เป็นอย่างดี


ส่วนกรณีนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ  ส.ว. ระบุชัดเจนว่า หากเป็นสองแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย พร้อมสนับสนุนบนเงื่อนไขไม่มีพรรคก้าวไกล เป็นพรรคร่วมรัฐบาลถือเป็นสัญญาณที่ชัดเจนหรือไม่ นายยุทธพร กล่าวว่า จะโดยชอบหรือไม่ชอบก็ตาม พรรคเพื่อไทยคือตัวเลือกที่ดีที่สุดของฝ่ายอนุรักษ์นิยมในเวลานี้ ดังนั้น จะเห็นกระบวนการออกมาสนับสนุนพรรคเพื่อไทย ของขั้วตรงข้าม กระบวนการสลับขั้วจึงมีความเป็นไปได้ และมีโอกาสที่จะโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย

“วันนี้สำหรับนายพิธาให้ 50 ต่อ 50 เท่านั้น ในขณะที่ 2 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทยคือนายเศรษฐา ทวีสิน และน.ส.แพทองธารชินวัตรมีโอกาสที่จะเป็นนายกรัฐมนตรี 40%ขึ้นไป ส่วนอีกแคนดิเดตนายกฯ อีกฟากฝั่งหนึ่ง เช่น พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ มีโอกาส 50 ต่อ 50 หรือนายอนุทิน ชาญวีรกูล ก็มีโอกาส เป็นนายกฯ 40% ขึ้นไป โอกาสพลิกเป็นไปได้สูง เพราะสำหรับฝ่ายอนุรักษ์นิยม พรรคเพื่อไทยคือตัวเลือกที่ดีกว่าพรรคก้าวไกล” นายยุทธพร กล่าว

เมื่อถามว่าจะยื้อกันไปได้มากน้อยแค่ไหนและจะไปจบกันอย่างไร รศ.ดร.ยุทธพร กล่าวว่า อย่างมากที่สุดไม่เกิน 3 ครั้ง ไม่เช่นนั้นจะส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น เสถียรภาพทางการเมืองจะเป็นปัญหา หากเป็นเช่นนั้นจะนำไปสู่ปัญหาอื่นตามมา อย่างปัญหาเศรษฐกิจ สังคมและภาพรวม เพราะฉะนั้นกระบวนการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีที่ยาวนานอาจไม่เกิดขึ้น โอกาสโหวตแบบม้วนเดียวจบก็เป็นไปได้ โดยเฉพาะจากฝั่งขั้วอำนาจเดิม นอกจากนี้อาจจะเกิดการชุมนุมกดดัน ดังนั้นกระบวนการโหวตแบบม้วนเดียวจบก็จะเป็นทางเลือกหนึ่ง เพราะเมื่อการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเรียบร้อย แล้วผลการเลือกเปลี่ยนแปลงไม่ได้แล้ว จึงเป็นสิ่งที่ไม่อาจมองข้ามได้

“ปัจจุบันประชาชนเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของผู้เล่นทางการเมือง ต่างจากในอดีตที่กระบวนการทางการเมืองจะมีการเลือกตั้งและตัวแทนของประชาชนจะเข้าไปทำหน้าที่ และปัญหาที่เกิดขึ้นคือกลไกหรือกติกาออกแบบมาให้เสียงของประชาชนพ่ายแพ้ เสียงข้างมากที่มีอำนาจน้อยและเสียงข้างน้อยที่มีอำนาจมาก เช่น กรณี 250 ส.ว. กระบวนการเหล่านี้เป็นสิ่งที่ต้องตอบความชอบธรรมให้ประชาชนจะทำให้ต้นทุนของประเทศที่ต้องจ่าย มีมากเช่นเดียวกัน” นายยุทธพร กล่าว.-สำนักข่าวไทย   

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

จนท.กู้ภัยฝ่าน้ำท่วมดับไฟไหม้รถยนต์ภายในหมู่บ้านหรู อ.เมืองเชียงใหม่

เพลิงไหม้รถยนต์จอดภายในบ้านหรูหมู่บ้านแห่งหนึ่ง อ.เมืองเชียงใหม่ เสียหายหลายคัน ส่วนเจ้าของบ้านอพยพออกไปอยู่ที่อื่น เนื่องจากบ้านถูกน้ำท่วม

ระทึก! เรือคณะนายอำเภอคว่ำ ขณะช่วยผู้ประสบภัย

กู้ภัยเข้าช่วยเหลือ เรือคณะนายอำเภอฮอดพลิกคว่ำ ขณะฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวเข้าไปช่วยผู้ประสบภัย ขณะที่จุดอื่นในเชียงใหม่ เร่งอพยพประชาชนที่ยังตกค้าง

แฟนคลับหมูเด้ง

เจอตัวแล้ว! ตม.สาว ซักต่างชาติ FC หมูเด้ง ก่อนเปิดฮาว่อนเน็ต

เจอตัวแล้ว ที่แท้เป็น ตม.สาวน้องใหม่ หลังมีข่าวว่อนเน็ต ตรวจหนังสือเดินทางแฟนคลับหมูเด้ง ก่อนเข้าไทย อ้างเหตุขอมาดูหมูเด้ง เรียกกระแสน่ารัก ทั้ง จนท.และนักท่องเที่ยว

เตรียมตั้ง 7 เตาไฟฟ้า พิธีพระราชทานเพลิงศพ นร.-ครู 23 คน

เตรียมพื้นที่ตั้ง 7 เตาไฟฟ้า กลางสนามโรงเรียนวัดเขาพระยาสังฆาราม จ.อุทัยธานี ในพิธีพระราชทานเพลิงศพ นักเรียน-ครู 23 คน เหยื่อไฟไหม้รถบัสทัศนศึกษา วันที่ 8 ต.ค.นี้

ข่าวแนะนำ

น้ำท่วมเชียงใหม่

ถ.ช้างคลาน ย่านเศรษฐกิจของเชียงใหม่ ยังมีน้ำท่วมขังสูง

จ.เชียงใหม่ แม้ระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว แต่ยังมีฝนตกลงมาซ้ำเติม อย่างถนนช้างคลาน ย่านเศรษฐกิจและที่ตั้งของโรงแรมหลายแห่ง ยังคงมีน้ำท่วมขังสูงประมาณ 30-50 เซนติเมตร ตลอดทั้งสาย รถเล็กสัญจรได้ยากลำบาก

ไทยตอนบนฝนน้อย-อีสานอากาศเย็นตอนเช้า

กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยตอนบนมีฝนน้อย โดยภาคอีสานมีอากาศเย็นในตอนเช้า ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาวะอากาศที่เปลี่ยนแปลง ส่วนกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง 20%

กต.ย้ำมีแผนพร้อมอพยพคนไทยในอิสราเอล-เลบานอน

กต.ประชุมประเมินสถานการณ์อิสราเอล-ฮิซบอลเลาะห์ในเลบานอน ย้ำมีแผนอพยพพร้อม เผย 5 แรงงานไทยเตรียมเดินทางกลับ แนะประชาชนตัดสินใจก่อนน่านฟ้าปิด