เชื่อได้ข้อยุติประธานสภา เพื่อไทยจริงใจไม่พลิกขั้ว

พรรคก้าวไกล 30 มิ.ย.-“ชัยธวัช” ยันได้ข้อยุติประธานสภาก่อน 2 ก.ค.แน่ ย้ำหลักการตำแหน่งประธานเป็นของพรรคอันดับ 1 ไม่ใช่เรื่องความต้องการของพรรคใด เชื่อ ส.ส.-ส.ว. ร่วมมือกันทำประชาธิปไตยกลับเป็นปกติ มั่นใจเพื่อไทยจริงใจ ไม่พลิกขั้ว


นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ยืนยันว่าเรื่องตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรยังอยู่ระหว่างการพูดคุยกับพรรคเพื่อไทย  ซึ่งยังเป็นสัญญาณที่ดี แล้วจะต้องได้ข้อยุติที่ดีที่สุดก่อนที่จะมีการพูดคุยกัน อย่างเป็นทางการในวันที่ 2 กรกฎาคมเวลา 10.00 น. ที่พรรคก้าวไกล ซึ่งจะได้ข้อยุติแน่นอน

ทั้งนี้ โจทย์ของพรรคยังคงยืนยันว่าตำแหน่งประธานสภา ควรเป็นของพรรคที่ได้คะแนนอันดับ 1 ส่วนที่เริ่มมีสมการใหม่คือ 15+2 นั้น ยืนยันว่ายังไม่มีการพูดคุยกันที่ผ่านมาเป็นเพียงกระแสข่าว ที่ออกมาเท่านั้น จึงขอให้รอการพูดคุยอย่างเป็นทางการก่อน


เมื่อถามว่าเพื่อไทยยอมถอยแนวโน้มเป็นอย่างนั้นหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ขอให้รอการพูดคุยอย่างเป็นทางการก่อนจะได้มีความชัดเจน และขอยืนยันว่าทั้ง 2 พรรคจะพยายามทำอย่างดีที่สุด เพื่อให้พี่น้องประชาชนไม่ผิดหวัง

สำหรับกรณีที่มีข่าวว่าพรรคเพื่อไทยยอมตำแหน่งประธานสภาให้พรรก้าวไกล แต่ถ้านายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ไม่ได้รับเลือก นายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยก็จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลแทนนั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่ทราบว่าข่าวดังกล่าวมาจากไหน แต่เรายังเชื่อว่าพรรคเพื่อไทยไม่ได้พูดอะไรแบบนั้น  และเรื่องนี้ ตนไม่ต้องสอนหนังสือสังฆราช เพราะผลการเลือกตั้งชัดเจน ว่าพี่น้อชาชนส่วนใหญ่เลือกทั้งพรรคก้าวไกล และพรรคเพื่อไทย เพราะมีความต้องการที่จะให้รัฐบาลชุดใหม่ กลับมาฟื้นฟูประชาธิปไตย เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชน ดังนั้นเราต้องช่วยกันไม่ทำให้ความผิดปกติ ที่อยู่ในรัฐธรรมนูญ ฉบับวันนี้กลายเป็นเรื่องปกติ ดังนั้นตนยังเชื่อมั่น ว่าทางส.ส.และส.ว. จะช่วยกันคืนความปกติให้กับระบบรัฐสภา ในระบอบประชาธิปไตย ด้วยการยอมรับผลการเลือกตั้ง ให้พรรคที่ได้รับชัยชนะอันดับ 1 จากการเลือกตั้งเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล

ส่วนมั่นใจหรือไม่ว่าหลังการพูดคุยได้ข้อยุติแล้วการโหวตวันที่ 4 ซึ่งเป็นการโหวตลับจะเป็นไปตามนั้น นายชัยธวัช กล่าวว่า ถ้า 8 พรรคการเมืองเหนียวแน่นก็คงไม่มีปัญหาอะไร ดังนั้นในเรื่องตำแหน่งประธานสภา ไม่ใช่เรื่องความต้องการส่วนตัวของพรรคใดพรรคหนึ่ง แต่เป็นเรื่องปกติในระบบประชาธิปไตย และ ตอนนี้ขอยืนยันว่าขอให้รอผลสรุปจากการพูดคุยซึ่ง เชื่อมั่นว่าจะออกมาด้วยดี เพราะทั้ง2พรรคทำงานภายใต้ผลประโยชน์ส่วนรวม และทั้งสองพรรคยังจับมือไปด้วยกันอย่างแน่นอน


เมื่อถามย้ำว่าหากอีกขั้วเสนอคนของขั่วฝั่งจัดตั้งรัฐบาล นายชัยธวัช กล่าวว่า ขอให้เชื่อมั่นในแกนนำและสมาชิกพรรค

เมื่อถามย้ำถึงที่บอกว่าไม่อยากสอนหนังสือให้สังฆราชหมายถึงการปล่อยตำแหน่ง นายกรัฐมนตรีให้เพื่อไทยเป็นไปไม่ได้ใช่หรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่า ไม่ใช่ตนคิดว่า พวกเราที่ได้รับการเลือกตั้ง จากประชาชนส่วนใหญ่ที่ต้องการให้มาฟื้นฟูประชาธิปไตย เราจะต้องช่วยกันไม่ทำให้ความผิดปกติที่อยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับนี้เป็นเรื่องปกติ

สำหรับกรณีที่ส.ว.อาจจะไม่โหวตให้นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น นายชัยธวัชกล่าวว่า อย่าเพิ่งคิดไปไกลถึงตรงนั้น เพราะเมื่อผ่านการเลือกประธานสภาผู้แทนราษฎรไปแล้วก็จะมีความชัดเจนขึ้น และเรายังเชื่อมั่น ว่า ทั้งส.ส.และส.ว. จะช่วยกันคืนความปกติให้กับการเมืองไทย ด้วยหลักการที่ว่าพรรคที่ชนะการเลือกตั้ง และสามารถรวบรวมเสียงส่วนใหญ่ของสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรได้ ก็จะเป็นแกนนำในการจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งเมื่อปี 2562 แม้จะผิดเพี้ยนไปบ้าง แต่ส.ว.ก็ให้เหตุผลในการโหวตพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีว่า สามารถรวบรวมเสียงในสภาได้อย่างเป็นเอกภาพ

ส่วนที่ส.ว.ยังตั้งแง่เรื่องที่พรรคจะแก้ 112 เป็นข้ออ้างในการโหวตให้นายพิธาเป็นนายกรัฐมนตรีนั้น จะอธิบายกับส.ว. อย่างไร นายชัยธวัช กล่าวว่าเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับการโหวตนายก และกระบวนการ ไม่ว่าจะแก้ไขกฎหมายฉบับใด มีกระบวนการทางนิติบัญญัติอยู่แล้วในการตรวจสอบ ถ่วงดุล และ ใช้เสียงส่วนใหญ่หาข้อยุติในสภา และยังมีการตรวจสอบว่ากฎหมายที่ผ่านสภาไปแล้ว ขัดรัฐธรรมนูญหรือไม่ดังนั้นขออย่ากังวลไปล่วงหน้าและตนคิดว่าการหลักการสำคัญในการเลือกนายกรัฐมนตรี คือหลักการที่อินกับการเลือกตั้ง

ส่วนที่มีข้อมูลว่าเอาเก้าอี้ประธานสภาไปแลกกับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง นายชัยธวัช กล่าวว่าเป็นข่าวลือไปต่างๆนานา ขอให้รอการพูดคุยอย่างเป็นทางการ เพราะบางทีมีการพูดไปโดยไม่มีข้อเท็จจริง ซึ่งกระบวนการเรื่องการแบ่งงานกันทำ ของรัฐบาลชุดใหม่จะดำเนินการหลังจากได้ตำแหน่งประธานสภาไปแล้ว

เมื่อถามว่ากรณีกระแสข่าวที่เพื่อไทยรอเสียบนายกรัฐมนตรี เป็นการแสดงว่าการดีลของ 8 พรรคมีการเมืองเข้ามาเกี่ยวข้องหรือไม่ นายชัยธวัช ขออย่าเพิ่งไปมองเช่นนั้น เรายังเชื่อมั่นว่าเราจะทำงานร่วมกันด้วยความจริงใจ และเอาผลประโยชน์ของคนส่วนใหญ่เป็นที่ตั้ง และสิ่งที่สัมผัสได้ อย่างจริงใจ คือพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทยและอีก 6 พรรคที่เหลือเชื่อมั่นว่า การแต่งตั้งรัฐบาลร่วมกัน 8 พรรคเป็นสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับประเทศ

ส่วนกรณีที่ นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้วพรรคเพื่อไทย ออกมาระบุว่า “อยากออกก็ออกไม่ได้” เป็นการสะท้อนถึงการร่วมรัฐบาลหรือไม่ นายชัยธวัช กล่าวว่าไม่บังคับคงต้องไปถามนายแพทย์ชลน่าน แต่เท่าที่ทำงานร่วมกันเราจริงใจ และเห็นว่าสมการในการจัดตั้งรัฐบาลร่วมกันดีที่สุด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้แกนนำคนอื่นๆในพรรคก้าวไกลทั้งนายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ น.ส.ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรค รวมทั้งคณะก้าวหน้า น.ส.พรรณิการ์ วานิช เข้ามาที่พรรค และคาดว่าน่าจะมีการพูดคุยกันถึงเรื่องดังกล่าว.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดดัง จ.เลย

มหาสารคาม 6 ส.ค. – มอบตัวแล้วอดีตเจ้าคณะตำบล ยิงเจ้าอาวาสวัดในพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย บาดเจ็บ หลังหนีไปกบดานที่บ้านเกิด จ.มหาสารคาม ตำรวจตั้งข้อหาพยายามฆ่า จากกรณี พระอธิการมานพพร อายุ 47 ปี เจ้าอาวาสวัดโพนสว่าง และเจ้าคณะตำบลเขาแก้ว ขับรถยนต์หลบหนีไป หลังใช้ปืนจ่อยิงพระมหาโยธิน เจ้าอาวาสวัดป่าพัฒนาราม และเจ้าคณะตำบลจอมศรี จนได้รับบาดเจ็บ ขณะที่พระครูถาวรเทวธรรม เจ้าคณะตำบลธาตุ และเจ้าอาวาสวัดสวนธรรมเทวราช เจ้าคณะตำบลธาตุ ซึ่งอยู่ในเหตุการณ์ด้วย หลบหนีได้ทันจึงไม่ได้รับบาดเจ็บ เกิดเหตุในวัดพื้นที่ อ.เชียงคาน จ.เลย เมื่อวันที่ 4 ส.ค.ที่ผ่านมา ต่อมาศาลจังหวัดเลยอนุมัติหมายจับในข้อหา “พยายามฆ่าผู้อื่น และมีอาวุธปืน กระสุนปืน พกพาโดยไม่มีเหตุอันควร” วันนี้ ที่ห้องสืบสวน สภ.เมืองมหาสารคาม พระอธิการมานพพร หรือนายมานพพร ผู้ต้องหาก่อเหตุยิงพระ 2 รูป เข้ามอบตัว เนื่องจากถูกตำรวจกดดันอย่างหนัก เบื้องต้นให้การว่า วันเกิดเหตุมีการปรึกษากัน แต่ไม่ได้ทะเลาะ สาเหตุมาจากตนเองโดนกลั่นแกล้งจากทางพระทั้ง […]

แรงงานกัมพูชาแห่กลับประเทศ รัฐบาลขู่ยึดที่ดิน-ถอดสัญชาติ

6 ส.ค. – รัฐบาลกัมพูชาขู่ยึดที่ดินและถอดสัญชาติแรงงานที่ดื้ออยู่ไทย ส่งผลวันนี้ (6 ส.ค.) ชาวกัมพูชาแห่เดินทางกลับประเทศ ทำจุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี รถติดยาว 8 กิโลเมตร ที่จุดผ่านแดนถาวรตลาดบ้านแหลม ต.เทพนิมิต อ.โป่งน้ำร้อน จ.จันทบุรี ตั้งแต่ช่วง 06.00 น. รถติดยาวเหยียดร่วม 8 กิโลเมตร ทั้งรถเช่าเหมา รถตู้ และรถรับจ้างที่ขนแรงงานชาวกัมพูชากลับประเทศ ส่วนภายในบริเวณตลาดบ้านแหลม ช่วงเวลา 07.00 น.ที่ผ่านมา ยังพบชาวกัมพูชาร่วมกว่า 20,000 คน ขนสัมภาระ ข้าวของ มารอเต็มหน้าด่าน มากกว่า 2-3 วันที่ผ่านมา ทั้งนี้ เป็นเพราะมีกระแสข่าวรัฐบาลกัมพูชาขู่จะออกมาตรการเอาจริงกับแรงงานกัมพูชาที่ยังดื้อไม่ยอมกลับประเทศก่อนวันที่ 10 สิงหาคมนี้ จะยึดที่ดินทำกินและถอดสัญชาติ คาดว่าจุดนี้จุดเดียวคนจะกลับกัมพูชาเฉียดครึ่งแสนคน แรงงานกัมพูชากลับประเทศ นายจ้างกลัวไปไม่กลับที่ตลาดสดแห่งหนึ่งใน อ.ศรีมหาโพธิ จ.ปราจีนบุรี พบว่ายังมีแรงงานกัมพูชาก้มหน้าก้มตาทำงานอยู่ แต่มีสีหน้าเคร่งเครียดจากกระแสข่าวที่เกิดขึ้นอย่างชัดเจน แรงงานเล่าว่าไม่อยากกลับกัมพูชา กลับไปก็ไม่มีงานทำ ทางครอบครัวที่กัมพูชาก็โทรมาห่วงว่าคนไทยจะทำร้าย […]

เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า ตรึงกำลังเข้ม

6 ส.ค.- เปิดภาพทหารไทยวางรั้วลวดหนามช่องอานม้า พร้อมตรึงกำลังเข้ม ป้องกันทหารกัมพูชาตัดรั้วลวดหนาม รอบ 2 เมื่อวันที่ 6 ส.ค. 68 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังเจ้าหน้าที่ตรวจพบกำลังทหารกัมพูชาเข้ามาดำเนินการตัดลวดหีบเพลง ที่ทางฝ่ายไทยได้วางไว้เพื่อเสริมความมั่นคงในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย ณ บริเวณพื้นที่ตลาดช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อวานนี้ (5 ส.ค.) โดยทางฝ่ายไทยได้ดำเนินการแจ้งให้ยุติการกระทำดังกล่าว พร้อมให้ถอยออกจากพื้นที่ ซึ่งฝ่ายกัมพูชาปฏิบัติตาม และได้ออกจากบริเวณดังกล่าวในทันที ต่อมาเจ้าหน้าที่ได้เข้าดำเนินการกางลวดหีบเพลงให้เข้าสู่สภาพเดิม ปัจจุบันยังคงมีการตรึงกำลังที่ฐานปฏิบัติการในพื้นที่เขตอธิปไตยของไทย-สำนักข่าวไทย

เอาผิด 2 ข้อหา อดีตทหาร BHQ-เรียกภรรยาให้ข้อมูล

บุรีรัมย์ 6 ส.ค. – ผู้การบุรีรัมย์ เค้นสอบอดีตทหารองครักษ์พิทักษ์ฮุนเซน ยืนยันไม่ได้เป็นสายลับ หลังถูกจับพร้อมเครื่องแบบทหาร-อาวุธปืน เบื้องต้นตั้ง 2 ข้อหา พร้อมเรียกภรรยามาให้ข้อมูล จากกรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จ.บุรีรัมย์ จับกุมนายวิน ดา ทหารเขมรชุด BHQ องครักษ์พิทักษ์ฮุน เซน ได้ในบ้านพักหลังหนึ่งใน อ.กระสัง ซึ่งเป็นบ้านของภรรยาชาวไทย พร้อมปืนลูกซองไทยประดิษฐ์และเครื่องกระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 จำนวน 3 นัด กระสุนปืนขนาด.38 อีก 3 นัด และเครื่องแบบทหารที่มีตราสัญลักษณ์ BHQ หลายรายการ ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของทหารกัมพูชา หน่วยรบพิเศษ BHQ ซึ่งเป็นองครักษ์พิทักษ์สมเด็จฮุน เซน จึงควบคุมตัวมาสอบปากคำที่สถานีตำรวจภูธรลำดวน อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ เพราะคาดว่าน่าจะเป็นสายลับเข้ามาฝังตัว ส่งความเคลื่อนไหวทางการทหารไทยให้ฝ่ายกัมพูชา รับเป็นทหารBHQ จริง แต่ไม่ใช่สายลับพล.ต.ต.ณรงค์ศักดิ์ พรหมทา ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ลงพื้นที่สอบปากคำนายวิน ดา ด้วยตัวเอง ร่วมกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคง […]