นักวิชาการชี้ กกต.รับรอง ส.ส.ได้ก่อน 60 วัน

กรุงเทพฯ 8 มิ.ย. – “ปริญญา” มอง กกต. ทำงานล่าช้า ประชาชนเคลือบแคลง ทำสงสัยเอื้อแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงหรือไม่ ชี้ควรประกาศรับรอง ส.ส.ให้ครบ 100% ไม่ต้องรอให้ครบ 60 วัน


นายปริญญา เทวานฤมิตกุล อาจารย์ประจำภาควิชากฎหมายมหาชนและผู้อำนวยการศูนย์นิติศาสตร์ คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงการทำหน้าที่ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในการรับรองผลสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรว่า รัฐธรรมนูญฉบับนี้ปี 2560 ให้เวลา กกต. ทำงานถึง 60 วัน จากเดิมที่รัฐธรรมนูญปี 50 ให้เวลา กกต. เพียง 30 วัน ซึ่งหากเป็นรัฐธรรมนูญปี 50, 40 กกต. ใช้เวลาเพียง 10 กว่าวัน ไม่เกิน 20 วัน ก็ประกาศแล้ว แต่เมื่อรัฐธรรมนูญยืดเวลาให้ 60 วัน กกต. เลยไม่รีบ

“ตนมองว่าไม่จำเป็นต้องใช้เวลาจนครบ เพราะหากเลือกตั้งเสร็จแล้ว ไม่มีปัญหา ควรประกาศผลการเลือกตั้ง และถ้าพบว่าสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรคนไหนมีพฤติกรรมที่เข้าข่ายทำผิดกฎหมายเลือกตั้ง ซื้อเสียง ทุจริต สามารถส่งศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้งได้ ระบบเป็นแบบนี้อยู่แล้ว ไม่ควรต้องใช้เวลาเนิ่นนาน หวังว่าจะไม่ช้ากว่าการเลือกตั้งปี 2562” นายปริญญา กล่าว


ส่วนการประกาศช้าหรือเร็วมีนัยสำคัญอะไรหรือไม่ นายปริญญา กล่าวว่า ยิ่งช้าคนยิ่งสงสัยว่าเลือกตั้งเสร็จทำไมถึงไม่ประกาศรับรอง ส.ส. เพราะระบบของไทยมีปัญหาที่ให้เวลา 60 วัน แต่เมื่อระบบมีปัญหาก็สามารถแก้ไขได้ อย่าใช้เวลาให้นาน หาก 20 วันเสร็จก็ประกาศได้ แต่ขณะนี้ล่วงเลยมา 26 วันแล้ว ถือว่าใช้เวลาพอสมควร เพราะยิ่งช้าคนยิ่งเคลือบแคลง ออกมาตั้งคำถามด้วยความสงสัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งระบบเป็นระบบที่แปลกอยู่แล้ว นอกจากจะให้เวลา 60 วันแล้ว การประกาศยังประกาศไม่ครบให้ 95% ก็ประกาศได้ ให้สภาฯ ประชุมได้ในจำนวน 475 คน

“ตนมองว่าระบบรัฐสภาจัดตั้งรัฐบาลได้ จะต้องได้เสียงข้างมาก โดยกติกาคือพรรคการเมืองรวมเสียงได้เกินครึ่งในสภาฯ จะเป็นนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ตั้งรัฐบาล แต่พอประกาศผลไม่ครบ ก็จะเกิดปัญหาขึ้นมาได้ เพราะหากประกาศไม่ครบจะมีผลต่อการเปลี่ยนแปลงลำดับของพรรคการเมือง ซึ่งจะมีผลในสภาฯ ได้ ซึ่ง กกต. ต้องรับผิดชอบต่อการใช้อำนาจของตนเองด้วย เพราะการประกาศจะมีผลต่อการใช้อำนาจการจัดตั้งรัฐบาลเ พราะสามารถเปลี่ยนอันดับจากอันดับ 1 เป็นอันดับ 2 ได้ กกต. จึงควรประกาศรับรองผลสภาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้ครบ 100% ไปเลย นอกจากจะมี ส.ส.คนใดที่มีหลักฐานชัดเจนเกี่ยวข้องกับการทุจริต ให้เป็นข้อยกเว้น และหากใครที่มีข้อสงสัย ข้อร้องเรียน ก็ทำความเห็นส่งศาลฏีกาแผนกคดีเลือกตั้ง วิธีการนี้จะเป็นธรรมที่สุดต่อ ส.ส.ทุกพรรคทุกคน และเป็นธรรมที่สุดต่อประชาชนด้วย ตอนนี้เลือกตั้งเสร็จไปแล้วแต่ยังไม่มี ส.ส. สักที กกต. ก็ประกาศรับรองผลอย่างเป็นทางการแล้วว่า ส.ส.เขต ส.ส.บัญชีรายชื่อของแต่ละพรรคได้จำนวนเท่าไร แต่ยังไม่ประกาศว่าเป็น ส.ส. สักที แบบนี้ถือว่าช้าเกินไป ” นายปริญญา กล่าว

ส่วนที่ กกต. ให้นับคะแนนใหม่จำนวน 47 หน่วย ในวันที่ 11 มิถุนายนนี้ จะทำให้การประกาศรับรองล่าช้าออกไปอีกหรือไม่ นายปริญญา กล่าวว่า ความจริงปัญหาเรื่องคะแนนเขย่งกับผู้ใช้สิทธิไม่ตรงกันเกิดขึ้นจาก กกต. เอง ไม่ใช่ความผิดของประชาชนที่ไปใช้สิทธิ ซึ่งความเป็นจริงควรที่จะนับใหม่ได้เร็วกว่านี้ ทำไมต้องรอถึงวันที่ 11 มิถุนายน ซึ่งปล่อยล่วงเลยมาเกือบเดือน เพราะหากเกิดความผิดพลาดควรจะดำเนินการได้เร็วกว่านี้ ไม่ใช่ล่าช้าแบบนี้ และทำให้ทุกอย่างช้าไปหมด 


“เวลานี้สังคมตั้งข้อสงสัยเกี่ยวกับการไม่ประกาศรับรอง ส.ส. เพราะอยู่ในช่วงเวลาของการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูง ทั้งทหาร ตำรวจ ปลัดกระทรวง จะทำบัญชีกันในเดือนสิงหาคม และจะนำขึ้นทูลเกล้าฯ ในเดือนกันยายน หากตามกรอบเวลาเลือกตั้งควรเป็นหน้าที่รัฐบาลใหม่ แต่หากยืดเยื้อไม่สามารถรับรอง ส.ส. ได้ คนที่จะทำบัญชีแต่งตั้งโยกย้ายก็จะเป็นรัฐบาลรักษาการขณะนี้ จะกลายเป็นข้อสงสัยว่าที่ กกต. ไม่รีบเป็นเพราะประเด็นนี้หรือไม่ ต่อให้ไม่ใช่ความจริง แต่คนก็จะสงสัย ซึ่งเป็นเรื่องที่ กกต. ควรจะคำนึงถึงด้วย ดังนั้น ควรจะประกาศผลรับรอง ส.ส. ให้เร็วที่สุด ไม่ควรจะช้า ยืดเยื้อไปถึง 60 วัน” นายปริญญา กล่าว

เมื่อถามย้ำว่าท่ามกลางการกดดันจากภาคประชาชน กกต. จะรับรองผลภายในเมื่อใด นายปริญญา กล่าวว่า กกต. เคยประกาศไว้ก่อนหน้านี้ว่าภายในเดือนมิถุนายน หากเปรียบเทียบกับปี 2562 ก็ภายใน 30 วัน ขณะนี้ต้องรอดูว่าหลังจากการนับคะแนนใหม่วันที่ 11 มิถุนายน จะเป็นอย่างไร คาดว่าน่าจะรอหลังจากนั้นไปอีกสองสัปดาห์จึงจะประกาศรับรองสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เหตุผลที่จะล่าช้าไปกว่านี้ก็ไม่ควรแล้ว เพราะยิ่งช้า กกต. ยิ่งถูกวิพากษ์วิจารณ์ ซึ่ง กกต. ตระหนักเรื่องนี้อยู่แล้ว

ส่วนที่มีข้อสังเกตว่าการที่ยังไม่รับรอง ส.ส. เป็นเพราะต้องการทอดเวลาให้กับอำนาจพิเศษดีลทางการเมืองให้ลงตัวหรือไม่ นายปริญญา กล่าวว่า สิ่งนี้เป็นข้อสงสัยอีกข้อหนึ่ง และเป็นหนึ่งในอีกหลายประเด็นที่คนตั้งคำถามกับ กกต. และบ้านเมืองที่จะต้องเดินหน้าต่อไป ข้อสงสัยที่มีอยู่เป็นจำนวนมากจะมากขึ้นเรื่อยๆ กกต. จึงควรรีบประกาศรับรอง ส.ส. โดยเร็ว

นายปริญญา ฝากไปถึงบทบาทการทำหน้าที่ของ กกต. ขณะนี้ว่า ขอให้ดำเนินการตามความเที่ยงธรรม ตามความจริง ในอำนาจความรับผิดชอบตามกฎหมาย เพราะคนไม่ได้คาดหวังอะไรมากไปกว่านี้ ทั้งนี้ เข้าใจว่า กกต. ถูกกดดัน มีภาระหน้าที่มาก แต่ขอให้เข้าใจว่าเป็นเรื่องธรรมดาที่สังคมย่อมอยากเห็นการปฏิบัติหน้าที่ที่เป็นไปตามกฎหมายอย่างเที่ยงธรรม ข้อสำคัญคือความรวดเร็ว เป็นสิ่งที่ประชาชนต้องรู้สึก เพราะเลือกตั้งมานาน แต่ยังไม่ประกาศรับรอง ส.ส. แม้แต่คนเดียว ดังนั้น ดีที่สุดคือประกาศให้ครบให้หมด 500 คน เว้นแต่มีคนที่มีหลักฐานชัดเจนว่าโกงการเลือกตั้ง เมื่อประกาศแล้วพบข้อร้องเรียนที่มีมูลอันควรต่อการพิจารณาให้ส่งศาลฎีกาแผนกคดีเลือกตั้ง จะรวดเร็วและเป็นธรรมกับทุกฝ่าย

ส่วนที่ประธาน กกต. ระบุว่ายังไม่ได้รับพิจารณาเรื่องร้องเรียนกรณีหุ้นไอทีวีของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล นายปริญญา กล่าวว่า ในแง่ข้อกฎหมายหากผู้สมัครคนไหนมีคุณลักษณะ คุณสมบัติต้องห้าม ก็ต้องรับเรื่อง ตั้งแต่ตอนสมัคร หากจะร้องควรจะไปร้องตั้งแต่เวลานั้น และไปร้องศาลฎีกาให้จบไป หากเลือกตั้งเสร็จแล้ว โดยหลักแล้วต้องเป็นเรื่องการทุจริตทำผิดกฎหมายเลือกตั้งเท่านั้น 

“ยิ่งเป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ เปิดดูข้อกฎหมายยังไม่เจอว่า กกต. จะสั่งหรือไม่ประกาศเป็นส.ส. ด้วยข้อกฎหมายตัวไหน เพราะโดยหลักแล้วหากไม่ได้โกงการเลือกตั้งทุจริตเลือกตั้งต้องประกาศให้เป็น ส.ส. และหากเป็นคุณสมบัติต้องห้ามต้องไปร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญตาม มาตรา 82 เหมือนกรณีนายธนาธร” นายปริญญา กล่าว.-สำนักข่าวไทย        

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โปรดเกล้าฯ พล.ท.บุญสิน เป็นทหารราชองครักษ์พิเศษ

กทม. 27 ก.ย.-โปรดเกล้าฯ แต่งตั้งนายทหาร-นายตำรวจ เป็นราชองครักษ์พิเศษ 38 นาย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 อยู่ในลำดับที่ 20 เมื่อวันที่ 27 ก.ย.2568 เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ มีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ ให้นายทหารสัญญาบัตรและนายตำรวจชั้นสัญญาบัตร แต่งตั้งเป็นนายทหารราชองครักษ์พิเศษและนายตำรวจราชองครักษ์พิเศษ จำนวน 38 นาย อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 7 แห่งพระราชบัญญัติการถวายความปลอดภัย พ.ศ. 2560 มาตรา 6 มาตรา 7 และมาตรา 10 แห่งพระราชบัญญัติราชองครักษ์ พุทธศักราช 2480 มาตรา 4 มาตรา 5 และมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัตินายตำรวจราชสำนัก พ.ศ. 2495 และข้อ 6 ของระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยการแต่งตั้งราชองครักษ์ พ.ศ.2559 .-313.-สำนักข่าวไทย

ไฟไหม้ จยย. ลามวอดทั้งลานจอด

กทม. 27 ก.ย.-วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟไหม้รถจักรยานยนต์ที่ลานจอด ก่อนลุกลามระเบิดวอดรถจักรยานยนต์ 29 คัน รถยนต์ 3 คัน และจักรยาน 3 คัน วงจรปิดจับภาพวินาทีไฟเริ่มลุกไหม้รถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่ด้านในสุด ก่อนจะลุกลามมาคันข้างๆ และระเบิด จนควันปกคลุมไปทั่ว แล้วไฟได้ลุกลามไปอย่างรวดเร็ว ทำให้รถจักรยายนต์ที่จอดอยู่เสียหายถึง 29 คัน รถยนต์ 2 คัน รถกระบะ 1 คัน และจักรยานอีก 3 คัน เหตุการณ์เกิดขึ้นเวลาประมาณ 01.40 น. เช้าวันนี้ (27 กย.68) ที่ลานจอดรถ ของพี.อาร์.เค แมนชั่น ใกล้ปากซอยสุขสวัสดิ์ 17 เเขวงบางปะกอก เขตราษฎร์บูรณะ กรุงเทพฯ ตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่ดับเพลิงเร่งเข้าช่วยเหลือฉีดน้ำสกัดท่ามกลางเปวดพลิงที่และกำลังลุกลามต่อเนื่องไปยังลานจอดรถยนต์ด้านในอาคาร โดยใช้เวลานานกว่า 20 นาที จึงควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ซึ่งรถจักรยานยนต์ที่จอดอยู่เสียหายทั้งหมด เบื้องต้นตำรวจยังไม่สรุปสาเหตุ ต้องรอให้เจ้าหน้าส่วนเกี่ยวข้องตรวจสอบอย่างละเอียดอีกครั้ง แต่โชคดีที่ไม่มีผู้ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิต.-สำนักข่าวไทย

กัมพูชาเปิดฉากยิงป่วน 2 พื้นที่ ปราสาทตาควาย-ช่องบก

26 ก.ย. – กัมพูชาเปิดฉากยิงไทยแล้ว 2 จุด บริเวณพื้นที่ปราสาทตาควาย จ.สุรินทร์ และเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี เวลาประมาณ 16.40 น. รับแจ้งจากหน่วยทหารในพื้นที่ ระบุว่า บริเวณเนิน 350 พื้นที่ประสาทตาควาย จังหวัดสุรินทร์ ได้ยินเสียงระเบิด 1 ครั้ง และพื้นที่ “จุ๊บอั่งกุย” ได้ยินเสียงปืนเล็ก 5-6 นัด คาดว่าเป็นการก่อเหตุยั่วยุจากทางฝั่งกัมพูชา ล่าสุดเหตุการณ์กลับสู่ภาวะปกติ อยู่ระหว่างตรวจสอบเพิ่มเติมจากหน่วยทหารในพื้นที่ ขณะที่บริเวณเนิน 498 ช่องบก จ.อุบลราชธานี พลโท บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยอมรับว่า ไทยถูกกัมพูชายิงระเบิดใส่จริง ขณะนี้กำลังเร่งตรวจสอบ เก็บหลักฐานไปประท้วง พร้อมขอให้ประชาชนช่วยรักษาความลับราชการ ไม่เผยแพร่ภาพพิกัดยุทโธปกรณ์ของทหาร.-สำนักข่าวไทย

กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกช่วยงานประธานรัฐสภา

กทม 26 ก.ย.- กรมการปกครอง ไม่อนุมัติ “ผู้กองแคท” โยกไปช่วยงานประธานรัฐสภา ชี้นโยบายชัด ปลัดอำเภอใหม่ต้องปฏิบัติงานในพื้นที่จริง เพื่อสั่งสมประสบการณ์ นายรณรงค์ ทิพย์ศิริ รองอธิบดี ปฏิบัติราชการแทน อธิบดีกรมการปกครอง ทำหนังที่ มท 302.13481 ถึงเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร เรื่องขอยืมตัวข้าราชการช่วยราชการ โดย อ้างถึง หนังสือสำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ด่วนที่สุด ที่ สผ001.02/479 ลงวันที่ 25 กันยายน 2568 โดยมีรายละเอียดว่า ตามหนังสือที่อ้างถึง สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร แจ้งว่า มีความประสงค์ขอยืมตัวข้าราชการสังกัดกรมการปกครองราย ร้อยตำรวจเอกหญิง อาทิติยา เบ็ญจะปัก ตำแหน่ง นักประชาสัมพันธ์ปฏิบัติการ ส่วนประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขานุการกรม กรมการปกครอง มาช่วยราชการที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในส่วนงานของประธานรัฐสภาและประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นกรณีพิเศษเฉพาะราย อีกหน้าที่หนึ่ง โดยไม่ขาดจากตำแหน่งหน้าที่เดิม ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่1ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป นั้น กรมการปกครอง ขอเรียนว่า […]

ข่าวแนะนำ

กรมอุตุฯ เตือนฝนถล่มทั่วไทย รับมืออิทธิพลพายุบัวลอย

กทม. 28 ก.ย.- กรมอุตุฯ เตือนทั่วไทยรับมือฝนถล่ม อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง จับตาอิทธิพลพายุไต้ฝุ่น “บัวลอย” คาดเคลื่อนขึ้นฝั่งเวียดนามตอนบน พรุ่งนี้ (29 ก.ย.) กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยมีฝนตกหนักหลายพื้นที่ และมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางแห่งบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และภาคตะวันออก โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดสกลนคร นครพนม อุดรธานี ขอนแก่น กาฬสินธุ์ มุกดาหาร จันทบุรี และตราด ขอให้ประชาชนบริเวณประเทศไทยตอนบนระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่าน พื้นที่ลุ่ม และพื้นที่น้ำท่วมขัง เนื่องจากร่องมรสุมกำลังแรงพาดผ่านภาคเหนือตอนล่าง ภาคกลางตอนบน และภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ประกอบกับมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ภาคใต้ และอ่าวไทย สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 3 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างและอ่าวไทยตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ขอให้ชาวเรือเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุไต้ฝุ่น […]

น้ำปิงล้นตลิ่ง

ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เรียกประชุมด่วนทุกหน่วยงาน เตรียมรับมือน้ำ หลังน้ำปิงเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง

เชียงใหม่ 27 ก.ย. – ผู้ว่าฯ เชียงใหม่ เรียกประชุมทุกหน่วยงาน ติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมรับมืออุทกภัย หลังระดับน้ำปิงมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง คาดสูงถึง 4.15 เมตร ในคืนนี้ ประเมินเบื้องต้นยังสามารถบริหารจัดการได้ และสั่งทุกหน่วยเตรียมพร้อมเฝ้าระวังตลอด 24 ชั่วโมง ค่ำวันนี้ (27 ก.ย. 68) ที่ห้องประชุมศูนย์ปฏิบัติการน้ำอัจฉริยะ สำนักงานชลประทานที่ 1 (SWOC1) อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นายทศพล เผื่อนอุดม ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ และนายศิวะ ธมิกานนท์ รองผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ เรียกประชุมด่วนทุกหน่วยงาน ติดตามสถานการณ์และเตรียมความพร้อมรับมือระดับน้ำในแม่น้ำปิงหลังมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง หลังเกิดฝนตกหนักในพื้นที่ตอนบนของจังหวัด ส่งผลให้ให้มวลน้ำจำนวนมากจะไหลลงมาผ่านตัวเมืองที่เป็นย่านเศรษฐกิจของจังหวัดเชียงใหม่ในช่วงเวลา 22.00-24.00 น. คืนนี้ ชลประทานเชียงใหม่คาดการณ์ว่าระดับน้ำจะเพิ่มสูงขึ้นจากเดิม 3.9 เมตร เป็น 4.0-4.15 เมตร และจะส่งผลให้น้ำปริ่มและเอ่อล้นตลิ่งเล็กน้อย แต่ยังอยู่ในระดับที่บริหารจัดการสถานการณ์ได้ เนื่องจากมีการเสริมคันกันน้ำทั้งสองฝั่งแม่น้ำปิง ซึ่งสามารถรองรับน้ำได้สูงถึง 4.2 เมตร สำหรับสถานการณ์ฝนในพื้นที่อำเภอต่างๆ โดยเฉพาะที่อำเภอแม่แตง ทางอำเภอได้รายงานว่าตลอดทั้งวันยังมีฝนตกในพื้นที่ […]

การรถไฟฯ แจ้งน้ำท่วมทำ “ทางรถไฟขาด” สั่งปรับแผนเดินรถ

27 ก.ย. – การรถไฟแห่งประเทศไทย ประกาศแจ้งเหตุน้ำท่วมหนัก “ทางรถไฟขาด” ที่บ้านเหลื่อม จ.นครราชสีมา สั่งปรับแผนเดินรถ ขณะนี้ได้สั่งการและดำเนินการแก้ไขสถานการณ์ พร้อมปรับแผนการเดินรถเพื่อความปลอดภัยของผู้โดยสาร ดังนี้ 1.ขบวนรถด่วนที่ 75/76 กรุงเทพอภิวัฒน์ – หนองคาย – กรุงเทพอภิวัฒน์2.ขบวนรถสินค้าที่ 553 มาบตาพุด – บัวใหญ่3.ขบวนรถสินค้าที่ 532 สำราญ – บางละมุงให้เปลี่ยนการเดินขบวนรถในเส้นทางชุมทางแก่งคอย – นครราชสีมา – ชุมทางบัวใหญ่ – หนองคาย 4.ขบวนรถท้องถิ่นที่ 439 ชุมทางแก่งคอย – ชุมทางบัวใหญ่ เดินถึงสถานีบ้านเหลื่อม5.ขบวนรถท้องถิ่นที่ 434 ชุมทางบัวใหญ่ – ชุมทางแก่งคอยรอสถานการณ์น้ำที่สถานีชุมทางบัวใหญ่ จากการตรวจสอบเบื้องต้นยังไม่สามารถประมาณการเวลาในการเปิดทางได้ เนื่องจากระดับน้ำยังคงท่วมสูงและยังไม่มีแนวโน้มลดลง ทั้งนี้ การรถไฟฯ จะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และจะแจ้งรายละเอียดเพิ่มเติมให้ทราบ เมื่อมีความคืบหน้าในการเปิดเส้นทางเดินรถ ขออภัยในความไม่สะดวกมา ณ โอกาสนี้.-513-สำนักข่าวไทย

กองทัพภาคที่ 2 ซัดเขมรใช้แผนยั่วยุซ้ำแล้วซ้ำเล่า

อุบลราชธานี 27 ก.ย.-กองทัพภาคที่2 ซัดเขมรใช้แผนยั่วยุซ้ำแล้วซ้ำเล่า ย้ำรู้ทันแผนโฆษณาชวนเชื่อต่อนานาชาติ เมื่อเวลา 14.40 น. วันที่ 27 ก.ย. 68 ศูนย์ปฏิบัติการกองทัพภาคที่ 2 ได้สรุปสถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ประจำวันที่ 27 ก.ย. ณ เวลา 14.00 น. ว่าสถานการณ์โดยรวมเมื่อเวลา 12.02 น. ฝ่ายกัมพูชาได้พยายามสร้างสถานการณ์ความตึงเครียด ขึ้นอีกครั้งบริเวณพื้นที่ช่องอานม้า อ.น้ำยืน จ.อุบลราชธานี โดยใช้อาวุธสงครามยิงเข้ามายังพื้นที่ ของฝ่ายไทยจากบริเวณเนิน 677 มายังเนิน 600 และ เนิน 527 พร้อมทั้งใช้อาวุธปืนเล็กยิงปะทะเป็นระยะ ก่อนที่สถานการณ์จะยุติลง ทั้งนี้ การปะทะจำกัดวงอยู่เฉพาะบริเวณดังกล่าว แต่ทั้งสองฝ่ายยังคงตรึงกำลังควบคุมพื้นที่อย่างใกล้ชิด ต่อมาในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ฝ่ายไทยได้รับแจ้งจากกัมพูชา ว่า คณะสังเกตการณ์ระหว่างประเทศ (IOT) ของกัมพูชา จะเดินทางเข้าพื้นที่ช่องอานม้า กองทัพภาคที่ 2 ประเมินว่าเป็นความพยายามของกัมพูชา ในการสร้างเงื่อนไขและยั่วยุให้เกิดสถานการณ์ เพื่อให้สอดคล้องกับช่วงเวลาที่คณะ IOT […]