นายกฯ ย้ำ ถอดบทเรียนรับมือภัยพิบัติทุกประเภท

พิจิตร 24 พ.ค.-นายกฯ ลงพื้นที่ จ.พิจิตร ติดตามสถานการณ์สาธารณภัย กำชับทุกภาคส่วนเร่งสำรวจความเสียหาย ช่วยเหลือประชาชนเร่งด่วน ให้กำลังใจครอบครัวผู้บาดเจ็บและเสียชีวิต ย้ำถอดบทเรียนเตรียมรับมือภัยพิบัติทุกประเภท


นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม พร้อมด้วย พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค เลขาธิการนายกรัฐมนตรี เดินทางมาตรวจติดตามสถานการณ์สาธารณภัยวาตภัย ที่โรงเรียนวัดเนินปอ อ.สามง่าม จังหวัดพิจิตร พร้อมตรวจเยี่ยมบริเวณโดมของโรงเรียนที่ได้รับความเสียหาย พบปะให้กำลังใจประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และความเดือดร้อนจากสถานการณ์วาตภัย โดยนายกรัฐมนตรีขอให้ประชาชนดูแลรักษาจิตใจให้สงบ ปรึกษาเจ้าหน้าที่ ดูแลซึ่งกันและกัน ขอให้ดำรงชีวิตอยู่ให้ได้และมีกำลังใจที่ดี



นายกรัฐมนตรี สอบถามสถานการณ์ที่เกิดขึ้นด้วยความห่วงใย และกล่าวในนามของรัฐบาล ขอแสดงความเสียใจกับผู้เสียชีวิตและครอบครัว ย้ำไม่มีใครอยากให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้น ถือว่าเป็นสิ่งที่ต้องนำมาทบทวนว่าจะดำเนินการอย่างไรให้เกิดความปลอดภัยมากที่สุด


นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่า ด้วยความเร็วลม 180 กิโลเมตรต่อชั่วโมงของพายุ จึงมีผลต่อโครงสร้างของอาคาร สิ่งเหล่านี้ต้องเป็นบทเรียนให้กับทุกหน่วยงาน ทุกพื้นที่สำรวจความเข้มแข็งของสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ให้ครบถ้วน กำหนดพื้นที่ความเสี่ยงที่อาจจะมีปัญหาในอนาคต รวมทั้งวิธีการจัดการกับเหตุการณ์รูปแบบเดียวกันนี้ในอนาคต คาดหวังเห็นการอำนวยการ การเตรียมพร้อมของเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องเมื่อได้รับการแจ้งเตือนจากกรมอุตุนิยมวิทยา หรือหน่วยงานต่าง ๆ ต้องเตรียมพร้อม มีคณะทำงานรับมือก่อนเกิดเหตุ ประชาสัมพันธ์อย่างต่อเนื่องทันทีผ่านช่องทางการสื่อสารที่สามารถทำได้ เช่น หอกระจายข่าวชุมชน ช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ แนะนำแนวทางการปฎิบัติตัวและการรับมือ สิ่งสำคัญที่สุดคือความพร้อมของศูนย์ฯ ต้องมีแผนมีขั้นตอนในการรับมือสาธารณภัยที่จะเกิดขึ้นในอนาคต เช่น น้ำท่วม ฝนแล้ง วาตภัยเป็นต้น ต้องมีแผนรองรับไว้ทั้งหมด แบ่งเป็นระดับการบริหารจัดการ ผู้รับผิดชอบและแนวทางการรับมือ การติดต่อสื่อสารและการกระจายข่าวสารสู่ประชาชน



นายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการให้ความช่วยเหลือที่จะต้องเร่งดำเนินการโดยเร็วที่สุด การซ่อมแซมอาคาร บ้านเรือน ระดมสรรพกำลังพลเรือน ตำรวจ ทหาร ประชาชนในพื้นที่ช่วยกันซ่อมแซมฟื้นฟูเพื่อให้อยู่อาศัยได้ รวมทั้งการจัดตั้งศูนย์ช่วยเหลือฯ ต้องดำเนินการต่อเนื่องจนกว่าเหตุการณ์จะกลับสู่สภาพปกติ ต้องติดตามขั้นตอนการช่วยเหลือจนกว่าสถานการณ์จะเรียบร้อย เน้นย้ำให้ทุกคนไม่ประมาท เตรียมพร้อมรับมือ มีคณะทำงานติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด สิ่งสำคัญที่สุดหลังจากนี้คือ after action review การถอดบทเรียน ทบทวน ตั้งสมมุติฐานภัยพิบัติทุกประเภท มีแนวทางการปฏิบัติทุกระดับ ตั้งแต่ระดับ 1-2-3 การรับมือ การให้ความช่วยเหลือ มีการซักซ้อมเตรียมรับเหตุการณ์เพื่อบรรเทาสาธารณภัยในทุก ๆ เรื่องครอบคลุมทุกมิติ ในส่วนของการดำเนินการด้านงบประมาณ และการให้ความช่วยเหลือต่างๆ หากได้รับแล้วต้องรีบดำเนินการโดยทันทีตามระเบียบของทางราชการอย่างถูกต้องและเหมาะสม


นายกรัฐมนตรี กำชับให้หน่วยงานในพื้นที่ต่าง ๆ สำรวจอาคารในลักษณะเดียวกัน โครงสร้าง ความแข็งแรง ประเมินความเสี่ยงทั้งในพื้นที่จังหวัดพิจิตรและทุกพื้นที่ทั่วประเทศเพื่อลดความสูญเสียและกระชับเวลาในการบริหารจัดการ และให้ความช่วยเหลือเข้าถึงประชาชนโดยเร็วที่สุด รวมทั้งการดูแลด้านสุขภาพจิต ต้องติดตามประเมินผลกระทบที่เกิดขึ้นกับผู้ประสบเหตุและครอบครัว ดูแลเยียวยาด้านจิตใจ นอกจากนี้ ยังได้เน้นย้ำความรักความสามัคคีของคนไทยทุกคนเพื่อผ่านอุปสรรคต่าง ๆ ไปด้วยกัน


นายกรัฐมนตรี ยังกำชับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกภาคส่วน เร่งประสานความร่วมมือ สำรวจความเสียหายและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนตามระเบียบของทางราชการอย่างเร่งด่วน พร้อมทั้งระดมเจ้าหน้าที่และเครื่องมือต่างๆ เข้าให้การช่วยเหลือฟื้นฟูอย่างต่อเนื่อง และเตรียมความพร้อมรับมือกับพายุในช่วงฤดูฝน เตรียมแผนเผชิญเหตุพร้อมรับสถานการณ์น้ำหลาก แจ้งเตือนผ่านสื่อทุกช่องทางอย่างต่อเนื่องและทันเหตุการณ์ แนะประชาชนติดตามข่าวสารสภาวะอากาศอย่างใกล้ชิด เพิ่มความระมัดระวังอันตรายจากพายุในช่วงฤดูฝนเพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุด



จากนั้น นายกรัฐมนตรีและคณะเดินทางไปเยี่ยมบ้านครอบครัวของผู้เสียขีวิต ณ บ้านเลขที่ 5 และบ้านเลขที่ 116/5 หมู่ที่ 18 ตําบลเนินปอ อําเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร และได้เข้าเคารพศพผู้เสียชีวิตจากเหตุการณ์ดังกล่าว โอกาสนี้นายกรัฐมนตรีเยี่ยมบ้านเรือนและทักทายประชาชนที่ได้รับความเสียหายจากสถานการณ์วาตภัยในบริเวณใกล้เคียงด้วย


ต่อมา นายกรัฐมนตรี เดินทางไปเยี่ยมผู้ประสบภัยจากสถานการณ์วาตภัยที่ โรงพยาบาลพิจิตร จังหวัดพิจิตร โดยนายกรัฐมนตรีได้เข้าเยี่ยมผู้ป่วยที่ยังพักรักษาตัวอยู่ ณ หอผู้ป่วยศัลยกรรมหญิง ชั้น 3 จำนวน 2 ราย และหอผู้ป่วยศัลยกรรมกระดูก ชั้น 2 จำนวน 2 ราย พร้อมให้กำลังใจแก่ครอบครัวผู้ได้รับบาดเจ็บ ขอให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรงขึ้นและหายป่วยในเร็ววัน ขอให้ญาติและครอบครัวมีกำลังใจที่ดี ในส่วนของการดูแลช่วยเหลือเยียวยาขอให้หน่วยงานประสานดูแลให้ครบถ้วนและดำเนินการอย่างถูกต้องตามระเบียบต่อไป


นายอนุชา ระบุว่า จากเหตุการณ์วาตภัยที่เกิดขึ้น ส่งผลให้อาคารโดม โรงเรียนวัดเนินปอถล่ม มีผู้เสียชีวิต 7 ราย บาดเจ็บรวม 18 ราย แบ่งเป็นผู้บาดเจ็บสาหัส 6 ราย และกลับบ้านได้แล้ว 12 ราย (ข้อมูล ณ วันที่ 24 พฤษภาคม 2566 เวลา 08.00น.) และอำเภอสามง่าม จังหวัดพิจิตร มีพื้นที่ประสบภัย 3 ตำบล 16 หมู่บ้าน บ้านพักอาศัยได้รับความเสียหาย 408 หลัง โรงเรียน 2 แห่ง วัด 1 แห่ง ซึ่งจังหวัดพิจิตรได้ประกาศเขตพื้นที่ให้ความช่วยเหลือแล้ว ประกอบด้วย ตำบลเนินปอ 7 หมู่บ้าน ตำบลรังนก 6 หมู่บ้าน และตำบลสามง่าม 3 หมู่บ้าน โดยรัฐบาลได้มอบเงินช่วยเหลือจากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ดังนี้

  1. ค่าจัดการศพ รายละ 50,000 บาท
    2. เงินทุนเลี้ยงชีพ สำหรับครอบครัวผู้เสียชีวิต 30,000 บาท และครอบครัวผู้เสียชีวิตที่มีบุตรอายุไม่เกิน 25 ปีบริบูรณ์ อีกครอบครัวละ 50,000 บาท
    สำหรับผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์สาธารณภัยทั่วไป จะได้รับเงินช่วยเหลือจากกองทุนช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี โดยผู้บาดเจ็บสาหัส รายละ 30,000 บาท และผู้บาดเจ็บเล็กน้อย รายละ 15,000 บาท ทั้งนี้ สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีอยู่ระหว่างรอข้อมูลสรุปรายละเอียดผู้บาดเจ็บจากทางจังหวัดพิจิตร เพื่อนำเรื่องเข้าที่ประชุมคณะกรรมการเงินกองทุนช่วยเหลือฯ พิจารณาจ่ายเงินให้ความช่วยเหลือผู้บาดเจ็บต่อไป
    ส่วนกระทรวงศึกษาธิการ โดยสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้มอบเงินช่วยเหลือครอบครัวผู้เสียชีวิต รายละ 10,000 บาท (จ่ายแล้ว) และเงินช่วยเหลือสำหรับผู้บาดเจ็บสาหัส รายละ 5,000 บาท ผู้บาดเจ็บ รายละ 3,000 บาท อยู่ระหว่างดำเนินการ ทั้งนี้ ในส่วนของกระทรวงศึกษาธิการจะมอบเงินช่วยเหลือเฉพาะนักเรียน โดยจะมีการพิจารณาทบทวนการมอบเงินช่วยเหลือให้ครอบครัวอีกครั้ง
    พร้อมกันนี้ สำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย จังหวัดพิจิตร มอบเงินช่วยเหลือผู้ได้รับผลกระทบ ดังนี้
  2. ค่าสะเทือนใจ รายละ 2,300 บาท 2. ค่าทำศพ รายละ 29,700 บาท 3. ในกรณีที่ผู้เสียชีวิตเป็นหัวหน้าครอบครัวหรือเป็นผู้ที่ทำงานเลี้ยงดูครอบครัวเป็นหลัก มอบเงินสงเคราะห์ครอบครัวเพิ่มให้อีก 29,700 บาท 4. ผู้บาดเจ็บพักรักษาตัวในโรงพยาบาล เกิน 3 วัน มอบเงินช่วยเหลือเพิ่มเติมรายละ 4,000 บาท
    นอกจากนี้ ภาคราชการ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม องค์กรการกุศล มูลนิธิต่าง ๆ ได้เข้ามาให้ความช่วยเหลือครอบครัวผู้ประสบภัยเพิ่มเติม ทั้งในเรื่องของสถานภาพความเป็นอยู่ การเยียวยาด้านจิตใจ รวมถึงการฟื้นฟูสถานที่เกิดเหตุเพื่อให้กลับสู่สภาวะปกติโดยเร็วด้วย.-สำนักข่าวไทย
ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

Cambodia PM Hun Manet in military uniform

กัมพูชาเสนอศาลโลกตัดสินดินแดนพิพาทกับไทย

พนมเปญ 2 มิ.ย.- ผู้นำกัมพูชาเสนอให้นำข้อพิพาททางดินแดนกับไทยให้ศาลโลกตัดสิน และได้สั่งการให้เจบีซีเร่งจัดการหารือกับไทยเรื่องปักปันเขตแดน ด้านกระทรวงต่างประเทศกัมพูชาได้ยื่นหนังสือประท้วงไทยเรื่องเหตุปะทะที่มีทหารกัมพูชาเสียชีวิต เว็บไซต์หนังสือพิมพ์ขแมร์ไทมส์ของกัมพูชารายงานวันนี้ว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนตได้โพสต์ถ้อยแถลงในสื่อสังคมออนไลน์เมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า เขาได้ตัดสินใจตามที่รับฟังรายงานสรุปจากนายทหารที่ประจำการตามแนวชายแดนไทย หลังจากที่เขากลับจากการปฏิบัติภารกิจในต่างประเทศ โดยได้สั่งการให้คณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมกัมพูชา-ไทยหรือเจบีซี (JBC) เร่งจัดการประชุมกับฝ่ายไทยเพื่อเดินหน้าการสำรวจและปักปันเขตแดนระหว่าง 2 ประเทศ ถ้อยแถลงระบุด้วยว่า กัมพูชากำลังเตรียมบรรจุประเด็นใหม่ไว้ในวาระการประชุมเจบีซี คือ การเสนอให้นำข้อพิพาทยาวนานเรื่องปราสาทตาเมือนธม ตาเมือนโต๊ด ตาเมือนควาย และพื้นที่มอมเบ เข้าสู่การตัดสินชี้ขาดของศาลยุติธรรมระหว่างประเทศหรือศาลโลกที่กรุงเฮกในเนเธอร์แลนด์ นายกรัฐมนตรีกัมพูชาเตือนว่า การยั่วยุเมื่อไม่นานมานี้ของกลุ่มสุดโต่งเล็ก ๆ ได้จุดชนวนความตึงเครียดและโหมกระพือกระแสรักชาติขึ้นใน 2 ประเทศ เขาหวังว่าทั้ง 2 ฝ่ายจะสามารถทำงานร่วมกันเพื่อบรรลุทางออกสุดท้ายให้แก่พื้นที่พิพาทอ่อนไหวเหล่านี้ กัมพูชายังคงมุ่งมั่นที่จะแก้ปัญหาชายแดนด้วยกลไกทางเทคนิคและหลักการทางกฎหมาย แต่ก็สงวนสิทธิที่จะปกป้องบูรณภาพทางดินแดนด้วยทุกวิถีทาง รวมถึงการใช้อาวุธ หากมีความพยายามใช้กำลังทหารรุกรานดินแดนของกัมพูชา ด้านกระทรวงกิจการต่างประเทศและความร่วมมือสากลของกัมพูชาได้ยื่นหนังสือทางการทูตประท้วงไทย ซึ่งมีการเปิดเผยเนื้อหาเมื่อเย็นวันอาทิตย์ว่า กองทัพไทยเปิดฉากยิงทั้งที่ไม่มีการยั่วยุจากที่ตั้งทางทหารของกัมพูชาในหมู่บ้านเตโชมรกต อำเภอจอมกระสานต์ จังหวัดพระวิหารเมื่อราวเวลา 05.30 น.วันที่ 28 มีนาคม ส่งผลให้ทหารกัมพูชาถูกสังหารอย่างไม่เป็นธรรม 1 นาย และเป็นการละเมิดอธิปไตยและบูรณภาพทางดินแดนของกัมพูชา กระทรวงต่างประเทศของกัมพูชาขอประณามอย่างรุนแรงต่อการกระทำดังกล่าวว่า ผิดกฎหมาย รัฐบาลกัมพูชาเรียกร้องให้สอบสวนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นโดยทันทีและถี่ถ้วน และต้องนำตัวผู้กระทำผิดมารับโทษ.-814.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ กัมพูชา สั่งระดมทหารประชิดชายแดนไทย

1 มิ.ย. – ฮุน มาเนต นายกรัฐมนตรีกัมพูชา สั่งระดมกำลังทหารประชิดชายแเดนไทย ขณะเดินทางเยือนญี่ปุ่น พร้อมติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนติดกับไทยอย่างใกล้ชิด หนังสือพิมพ์ขะแมร์ ไทมส์ รายงานว่า ฌอง-ฟรองซัว ตัน รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีของกัมพูชา ให้สัมภาษณ์สื่อในประเทศ ระบุว่านับตั้งแต่เกิดเหตุความขัดแย้งตามมแนวชายแดนระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ของกัมพูชา ซึ่งอยู่ระหว่างปฏิบัติภารกิจเยือนญี่ปุ่น ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด จนกระทั่งเดินทางกลับมายังกัมพูชา เมื่อคืนที่ผ่านมา และได้สั่งการด้วยตัวเองให้ระดมกำลังทหารเพิ่มเติมเข้าประชิดชายแดนด้านที่ติดกับไทย เพื่อปกป้องอธิปไตยและพรมแดนกัมพูชา พร้อมกับยืนยันว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนด้านที่ติดกับไทย กลับมาสงบเรียบร้อยตามปกติแล้ว นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยังได้ติดต่อและสั่งการตามสายงานลงไปยังรองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีกลาโหม ผู้บัญชาการเหล่าทัพ และเสนาธิการกองทัพบก ให้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และแจ้งความคืบหน้าให้ทราบอย่างต่อเนื่อง หลังเกิดการปะทะกันครั้งล่าสุดระหว่างทหารกัมพูชากับทหารไทย พร้อมกับเรียกร้องประชาชนชาวกัมพูชาเชื่อมั่นการปฏิบัติหน้าที่ของกองทัพและรัฐบาลกัมพูชา ในการปกป้องดินแดน และหาหนทางแก้ไขความขัดแย้งบริเวณชายแดนติดกับไทย โดยยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ และหลังจากนี้ คณะกรรมการพรมแดนของกัมพูชา มีกำหนดพบหารือในช่วงปลายเดือนมิถุนายนนี้ เพื่อหารือเกี่ยวกับรายละเอียดข้อขัดแย้ง และนำเสนอเพื่อเข้าสู่การเจรจาต่อไป.-สำนักข่าวไทย

“โอปอล สุชาตา” คว้ามงกุฎ Miss World 2025

อินเดีย 1 มิ.ย.-“โอปอล สุชาตา” สาวงามตัวแทนจากไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎ Miss World 2025 มาครองได้สำเร็จ เวทีการประกวด Miss World 2025 ครั้งที่ 72 ณ HITEX Convention Center เมืองไฮเดอราบัด รัฐเตลังคานา ประเทศอินเดีย โดย “โอปอล สุชาตา ช่วงศรี” สาวงามตัวแทนจากประเทศไทย สร้างประวัติศาสตร์สามารถคว้ามงกุฎมิสเวิลด์มาครองได้สำเร็จ โดยการประกวดในปีนี้มีนางงามจาก 108 ประเทศทั่วโลก เข้าร่วม ทั้งนี้ในรอบ 8 คนสุดท้าย มีนางงามที่ผ่านเข้ารอบได้แก่ บราซิล มาร์ตินีก เอธิโอเปีย นามิเบีย โปแลนด์ ยูเครน ฟิลิปปินส์ และประเทศไทย ซึ่งจนกระทั่ง รอบ 4 คนสุดสุดท้าย มาร์ตีนิก เอธิโอเปีย และ โปแลนด์ ทั้ง 4 […]

ข่าวแนะนำ

อุตุฯ เผยไทยฝนตกหนักบางแห่ง-กทม.ฟ้าคะนอง 60%

กรุงเทพฯ 4 มิ.ย. – กรมอุตุฯ เผยประเทศไทยมีฝนฟ้าคะนองและฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนัก ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล ฝนฟ้าคะนอง 60% และมีฝนตกหนักบางแห่ง กรมอุตุนิยมวิทยาพยากรณ์อากาศ 24 ชั่วโมงข้างหน้า ประเทศไทยยังคงมีฝนฟ้าคะนองเกิดขึ้น และมีฝนตกหนักบางแห่ง ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักไว้ด้วย เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังปานกลางพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ประกอบกับมีหย่อมความกดอากาศต่ำปกคลุมบริเวณชายฝั่งประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันมีกำลังปานกลาง โดยทะเลอันดามันตอนบนมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทย เดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง กรุงเทพฯ และปริมณฑล มีฝนฟ้าคะนอง ร้อยละ 60 ของพื้นที่ และมีฝนตกหนักบางแห่ง อุณหภูมิต่ำสุด 26-28 องศาเซลเซียส อุณหภูมิสูงสุด 33-35 องศาเซลเซียส.-สำนักข่าวไทย

จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล

นายกฯ เป็นประธานถวายเครื่องราชสักการะ-จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี

สนามหลวง 3 มิ.ย.-นายกรัฐมนตรี และคู่สมรส เป็นประธานพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 เวลา 19. 49 น. ณ เวทีใหญ่ ท้องสนามหลวง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และนายปิฎก สุขสวัสดิ์ คู่สมรส เป็นประธานในพิธีถวายเครื่องราชสักการะและพิธีจุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษาสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี 3 มิถุนายน 2568 โดยมีผู้แทนประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ประธานองค์กรตามรัฐธรรมนูญพร้อมคู่สมรส คณะรัฐมนตรีพร้อมคู่สมรส ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่ ทหาร ตำรวจ พลเรือน ภาคเอกชน และภาคประชาชน เข้าร่วมพิธีอย่างพร้อมเพรียง นายจิรายุ ห่วงทรัพย์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า เมื่อนายกรัฐมนตรีและคู่สมรสเดินทางถึงพิธีท้องสนามหลวง ขึ้นสู่เวที นายกรัฐมนตรี ผู้แทนประธานรัฐสภา ประธานศาลฎีกา ทำวันทยหัตถ์หน้าพระฉายาลักษณ์สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี แล้ววางพุ่มทอง พุ่มเงิน จากนั้นนายกรัฐมนตรีถวายธูปเทียนแพ จุดเทียนถวายพระพรชัยมงคล […]

ตรวจความพร้อมรบ

แม่ทัพภาค 1 ตรวจความพร้อมรบ พล.ร.9 พร้อมเสริมกำลังทัพภาค 2

กาญจนบุรี 3 มิ.ย.- แม่ทัพภาคที่ 1 ตรวจความพร้อมรบ พล.ร.9 กองกำลังสุรสีห์ ตามแผนเผชิญเหตุ ทบ. พร้อมเสริมกำลังทัพภาค 2 ชายแดนไทย-กัมพูชา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ช่วงเย็นที่ผ่านมา ที่สนามฝึกทางยุทธวิธี พล.ร.9 จ.กาญจนบุรี พล.ท.อมฤต บุญสุยา แม่ทัพภาค 1 เดินทางไปตรวจความพร้อมหน่วย ตามแผนเผชิญเหตุของกองทัพบก ทั้งหน่วย กรมทหารราบเฉพาะกิจ กองทัพภาคที่ 1 และกองพันพร้อมรบเคลื่อนที่เร็ว RDF กองทัพภาคที่ 1 โดยมี พล.ต.อัษฎาวุธ ปันยารชุน ผบ.พล.ร.9 ให้ต้อนรับ พล.ร.9 ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก ให้จัดกำลังเพื่อสนับสนุนการปฏิบัติของกองทัพบก ในการใช้กำลังตามแผนเผชิญเหตุของกองทัพบก เข้าในพื้นที่ที่รับผิดชอบ และให้การสนับสนุนเสริมกำลังรบในพื้นที่ชายแดนไทย-กัมพูชา ในพื้นที่รับผิดชอบกองทัพภาคที่ 1 โดยหน่วยเตรียมกำลังได้ตรวจสภาพความพร้อมรบตามขั้นตอน เพื่อตรวจสอบความพร้อมของกำลังพลและยุทโธปกรณ์ในการปฏิบัติภารกิจในทุกพื้นที่ที่ได้รับมอบภารกิจจากกองทัพบก ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 1 ได้ให้โอวาสกำลังพล ในการเตรียมความพร้อมในทุกภารกิจที่ได้รับมอบหมายจากกองทัพบก โดยขอให้มีความพร้อมอยู่ตลอดเวลา ในการปฏิบัติหน้าที่เพื่อปกป้องอธิปไตยของชาติ และพร้อมดูแลพี่น้องประชาชน […]

หลวงปู่ศิลา

“หลวงปู่ศิลา” มอบเงินบริจาคให้ มทภ.2 สนับสนุนภารกิจกองกำลังชายแดน

นครราชสีมา 3 มิ.ย.-“หลวงปู่ศิลา” มอบเงินบริจาคให้ มทภ.2 สร้างที่พักในฐานตามแนวชายแดน พร้อมอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆ ในการดูแลประเทศชาติ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระราชวัชรธรรมโสภณ (หลวงปู่ศิลา สิริจันโท) เจ้าอาวาสวัดพระธาตุหมื่นหิน จ.กาฬสินธุ์ และคณะศิษย์และมูลนิธิธรรมะอุทยาน พร้อมทั้งคณะศิษยานุศิษย์ มอบเงินบริจาค จำนวน 2,017,860 บาท และข้าวสารจำนวน 1,500 กิโลกรัม ให้กับกองทัพภาคที่ 2 เพื่อสนับสนุนช่วยเหลือกองกำลังทหารชายแดน โดย พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 เป็นผู้รับมอบ ที่กองบัญชาการ ค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา สำหรับเงินทั้งหมดนี้ จะได้นำไปจัดสร้างที่พักในฐานที่มั่นของกองกำลังสุรนารี ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่ตามแนวชายแดน รวมถึงจัดซื้ออุปกรณ์และยุทโธปกรณ์ต่างๆ ที่ยังขาดอยู่ ในการปกป้องอธิปไตยของประเทศ รวมถึงการจัดหาเครื่องมือต่างๆที่สามารถใช้ได้ภายในฐานปฏิบัติการเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับทหาร ที่ปฏิบัติภารกิจอยู่แถวชายแดน. -313 สำนักข่าวไทย