‘นพ.ชลน่าน” ยังมั่นใจตั้งรัฐบาล 310 ได้ ย้ำไม่ตั้งแข่ง

กรุงเทพฯ 17 พ.ค.- ‘นพ.ชลน่าน” ยังมั่นใจตั้งรัฐบาล 310 เสียงได้ แต่อาจต้องคุยกันหลายรอบให้ได้ข้อตกลงร่วมกัน ย้ำไม่ตั้งแข่ง แต่หากโหวตรอบแรกไม่ได้ ก็มีแคนดิเดตจากเพื่อไทยรออยู่


นายแพทย์ชลนาน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ย้ำอีกครั้งว่าพรรคเพื่อไทยยินดีสนับสนุน เข้าร่วมกับพรรคก้าวไกล และในฐานะที่เขาเป็นอันดับ 1 เราก็ให้เกียรติเขาเป็นผู้ริเริ่มทุกอย่างในกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ และเราพร้อมสนับสนุนเต็มที่ดังนั้นเงื่อนไขในการเจรจา เราได้มอบให้ ทางพรรคก้าวไกลซึ่งเป็นแกนนำเป็นคนจัดทำเงื่อนไขในการร่วมรัฐบาลที่เป็น MOU ออกมา ซึ่งร่างจัดทำเงื่อนไขดังกล่าวพรรครับมาและได้มีการดูรายละเอียด ซึ่งอะไรที่เหมือนกันก็ตกลงกันได้เลย และอะไรที่ใกล้เคียงกันก็พยายามปรับจูนเข้าหากัน ส่วนอะไรที่แตกต่างกันชัดเจนก็มีทางออก เช่นใช้กลไกของสภาในการพูดคุยกันเพื่อให้ได้ข้อยุติ

ส่วนมีข้อเสนออะไรที่พรรคก้าวไกลเสนอมาแล้วพรรคเพื่อไทยรับไม่ได้บ้างนั้น นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่ายังไม่มีอะไรถึงขั้นนั้น เพราะพรรคใหญ่ทั้ง 2 พรรค ต้องหาจุดร่วม ที่พูดง่ายๆว่าจะต้องจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ โดยในขั้นตอนแรก จะต้องเลือกนายกรัฐมนตรีให้ได้ก่อน เราไม่ได้ตั้งเงื่อนไขว่าจะให้ตั้งรัฐบาลไม่ได้


เมื่อถามว่าท่าทีของพรรคก้าวไกลค่อนข้างแข็งกร้าวจะเดินหน้าอย่างไร นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่าต้องดูในรายละเอียด ก่อนที่จะลงใน MOU ว่าตรงไหนได้ ตรงไหนไม่ได้ ซึ่งตนมองแล้วน่าจะปรับจูนเข้าหากันได้ และเชื่อว่าเรื่องที่เห็นต่างกันเยอะๆ มันมีทางออก โดยเรื่องที่มีความแตกต่างกันเยอะมาก ต้องใช้มติหรือความเห็นร่วม ซึ่งสภาหรือรัฐสภาจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ดังนั้นจึงมั่นใจว่าจะสามารถผลักดันการตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ อย่างไรก็ตามขอย้ำว่าเป็นการตอบในนามพรรคเพื่อไทยไม่ใช่ฐานะพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

เมื่อถามถึงการแบ่งงานตามนโยบายของแต่ละพรรคนั้น นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่าในกรอบ ที่เราคุยกันต้องมีเรื่องนี้เพราะมันหมายถึงว่า เข้ามาแล้วจะทำอะไรให้กับพี่น้องประชาชน เราก็ต้องให้เกียรติเขา เมื่อเขาเป็นอันดับ 1 จะขับเคลื่อนนโยบายอะไรเป็นหลัก สิ่งที่เขาขับเคลื่อนเรามีข้อติดขัดอะไรหรือไม่ ดังนั้นวันนี้ทุกพรรคจะมาคุยกันว่าสิ่งที่รับไป มีประเด็นอะไร สิ่งที่รับไปจะมีอะไรเติมแต่ง ได้ ไม่ได้บ้าง อาจไม่จบในวันนี้ เบื้องต้นต้องยึดมั่นในหลักการนี้ก่อน เพราะหลายพรรคอาจจะมีปรับแก้ อย่างพรรคเพื่อไทยเห็นแล้ว ก็ขอไปกลับไปปรับลดได้หรือไม่ จึงต้องปรึกษาหารือกัน ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควรแต่น่าจะอยู่ในจังหวะที่รอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง รับรองส.ส. ซึ่งคิดว่าน่าจะจบได้ แต่บอกไม่ได้ว่าต้องคุยกันกี่ครั้ง จะจบเมื่อไหร่

เมื่อถามว่าณขณะนี้จำเป็นต้องมีพรรคอื่นมาร่วมหรือไม่ นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่า เบื้องต้นต้องยึดมั่นในหลักการนี้ก่อนในหลักการที่ว่า เราได้รับฉันทามติจากพี่น้องประชาชนเป็นเสียงข้างมากซึ่งจำนวน 310 เสียง ถือว่าเป็นเสียงที่เกินกึ่งหนึ่งไปเยอะมาก เราก็พยายามทำเงื่อนไขนี้ให้เป็นที่ยอมรับให้ได้ก่อน หากเราไม่ได้พยายามทำตามหลักการนี้ให้ได้ก็เป็นเรื่องน่าเสียใจ ซึ่งพรรคก้าวไกลก็เป็นคนเสนอหลักการนี้ นี้แล้วหากถูกละทิ้งหรือถูกเพิกเฉย หากพูดคุยเจรจาบนผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนก็น่าจะไปได้ และถ้ามันจำเป็นเพื่อให้ลดจำนวนของ ส.ว. ที่สนับสนุน เช่นจาก 80 มาเหลือ 50 หรือ 40 เสียงก็อาจจะต้องดำเนินการต่อ สิ่งที่จะต้องระมัดระวังให้มากที่สุด ซึ่งตนก็ไม่เห็นด้วยคือรัฐบาลเสียงข้างมากแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด มันอันตรายต่อระบบและระบบมาก


เมื่อถามว่ามีความพยายามปั่นว่าพรรคเพื่อไทยอาจจะไม่ได้ร่วมรัฐบาลจริง แต่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเองนั้น หัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ก็ให้เขาปั่นไป บางคนชอบปั่นอยู่แล้ว ถ้ามันขึ้นง่าย ก็คงไม่ต้องปั่น ตนพูดความจริงนะว่าอะไรที่ขึ้นง่ายโดยธรรมชาติไม่จำเป็นต้องปั่น แต่ถ้าเขาปั่น แสดงว่ามันไม่ขึ้นจึงต้องปั่น เราพูดจนปากเปียกปากแฉะตั้งแต่วันแรกที่ร่วมตั้งรัฐบาล ตั้งแต่แถลงการณ์วันแรก เราพูดไปว่า เราไม่ตั้งแข่ง เราช่วยเต็มที่ เหมือนคนแต่งงานกัน เราต้องช่วยกันและขั้นตอนสำคัญที่สุดของการแต่งงานคือการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีนี่แหละ ถ้าเราจะเป็นเจ้าสาวเขาแล้วไม่ช่วยให้เขาแต่งตั้งนายกได้เขาไม่เรียกว่าแต่งงาน

เมื่อถามว่าขออะไรคนที่ปั่นไหม นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่าไม่ขอ อยากจะปั่นก็ปั่นไป เพราะไม่ว่าจะพูดอะไรขออย่างไร เขาก็ไม่สนใจ เขาถือว่าเป็นหน้าที่เขา เราก็ได้แต่รับฟัง

เมื่อถามย้ำว่าถ้าตั้งไม่ได้จะทำอย่างไรนายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า กลไกที่เขาจะตั้งรัฐบาลโดยเฉพาะเลือกนายกรัฐมนตรีนั้น เขาวางไว้ 1 แคนดิเดตของพรรคหลักถูกเสนอชื่อ ถ้าไม่ได้รับการโหวต ก็ขยับมาขั้นตอนที่ 2 ไม่ได้หมายความว่าเราต้องมาแย่งกันจัดตั้งนะ กลุ่มเดิมที่ตั้งกันอยู่ 310 เสียงก็ต้องหาทางว่า จะตั้งให้ได้อย่างไร เว้นแต่ถ้าแกนหลักบอกว่าไม่เอาแล้วคุณไปจัดกันเอง แต่ตนคิดว่าในอุดมคติของตน เมื่อเบอร์ 1 ของพรรคอันดับ 1 ไม่ถูกเลือก เป็นเรื่องที่ 310 คนต้องมาคุยกันใหม่ว่าเราจะทำอย่างไรให้ถูกเลือก และขอย้ำว่าเราต้องบอกว่าเราพยายามทำให้ตั้งรัฐบาลได้ อย่างถ้าแต่งงาน กำลังทำพิธีแล้วมีคนเตะขันหมากทิ้ง เราก็ต้องช่วยกันทำขันหมากใหม่ ว่าจะแต่งอย่างไร สลับเจ้าบ่าวเจ้าสาวหรือไม่ สิ่งเหล่านี้อยู่ในกระบวนการ

เมื่อถามว่ามีโอกาสสลับเจ้าบ่าวเจ้าสาวหรือไม่ นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่า ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายบังคับเอาไว้ว่า เมื่อแคนดิเดตหมายเลข 1 ไม่ถูกเลือก แคนดิเดตที่อยู่ในบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองต่อไปก็ย่อมต้องพิจารณา แต่ถ้าไม่ถูกเลือกอีก ก็ต้องพิจารณาเอาคนนอกบัญชีเข้ามา มันต้องถึงขั้นนั้นถึงจะบอกว่าตั้งไม่ได้แล้ว ถ้าทำทุกอย่างใน 3 ขั้นตอนนี้แล้วไม่ได้ก็ต้องถือว่าทำไม่ได้และต้องมีกระบวนการในการคิดว่าจะต้องทำอย่างไร

ส่วนหาก ดำเนินการตามขั้นตอนแล้วยังไม่ได้ จะเปลี่ยนขั้วโดยไม่มีพรรคก้าวไกลหรือไม่นั้น นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องถามพี่น้องประชาชน ตนตอบไม่ได้แล้วเพราะอาณัติของพี่น้องประชาชนมาอย่างนี้ ตนคิดว่ามีความลำบาก หากพรรคเพื่อไทยทำเองก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ ยกเว้นว่าทุกคนจะบอกว่า เห็นแก่ประโยชน์ของชาติบ้านเมืองแล้วมาช่วยกันทำเป็นรัฐบาลแห่งชาติ หรือไม่ โดยเอาเสียงมากหน่อย เอาเสียงส.ส. 376 เสียงเพื่อให้จัดตั้งรัฐบาลได้ แต่จะลดเงื่อนไขความสุ่มเสี่ยงต่อการเป็นวาทกรรมเผด็จการรัฐสภาหรือไม่ แต่เราก็หวังว่ามันน่าที่จะสำเร็จในครั้งแรก ไม่ควรถึงขั้นที่ 2 และย้ำว่าถ้าการจับขั้วยังเหมือนเดิมก็เป็นแนวทางอื่นไปไม่ได้ เพราะเป็นสภาพบังคับของรัฐธรรมนูญไม่ใช่ว่าพรรคเพื่อไทย กระดี๊กระด๊านะ เพราะถ้าไม่เสนอของเพื่อไทยจะเสนอใคร เพราะแคนดิเดตที่เสนอได้ในกลุ่มมีแค่ 2 พรรค มี 4 คนของเพื่อไทย 3 ของก้าวไกล 1 คน เท่านั้น

ถามย้ำว่าจะร่วมกับพรรค 2 ลุง หรือไม่ นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่าจะมาถามตนทำไม ในเมื่อพรรคก้าวไกลประกาศไปแล้วว่าไม่เอา 2 ลุง เมื่อถามต่อว่าแสดงว่าเป็นพรรคภูมิใจไทยกับพรรคชาติไทยพัฒนา ใช่หรือไม่ นายแพทย์ชลน่านย้อนว่า พรรคประชาธิปัตย์ก็มีนะ แม้จะ 24 เสียง ก็ไม่น้อย ก็เป็นไปได้นะ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“พี สะเดิด” เปิดใจเป็นมะเร็งเต้านมนานเกือบ 20 ปี แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย

กรุงเทพฯ 13 ส.ค. – “พี สะเดิด” เจ้าของเพลงฮิต “จี่หอย” เผยเป็นมะเร็งเต้านมมานานเกือบ 20 ปี ตัดสินใจหยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเองแข็งแกร่งต่อสู้กับโรค จนค่ามะเร็งดีขึ้น แพทย์ชี้พบได้น้อยมากในผู้ชาย “พี สะเดิด” นักร้องลูกทุ่งชื่อดัง อายุ 46 ปี เปิดใจว่าป่วยเป็นมะเร็งเต้านม มาเกือบ 20 ปีแล้ว รักษาโรคนี้โดยที่ไม่บอกใครเลย เพราะกลัวครอบครัวเป็นห่วง ตอนแรกมีอาการเจ็บหน้าอก และพบว่าก้อนเนื้อมันขึ้นเรื่อยๆ ขนาดเท่าลูกมะนาว คิดว่าเป็นเพราะไม่ดูแลตัวเอง ทำงานหนัก กิน-นอนไม่เป็นเวลา แต่เพราะเป็นคนที่ตรวจสุขภาพตลอดทุก 6 เดือน พอเช็กดูเลยรู้ว่ามีเชื้อมะเร็งเต้านม หมอบอกว่าโอกาสน้อยที่จะเห็นผู้ชายเป็นมะเร็งเต้านม จะเป็นหนึ่งในล้าน หรือหนึ่งในสิบล้าน พี สะเดิด บอกว่าตอนแรกก็กลัว เลยตัดสินใจหันหน้าเข้าทางธรรม และปรับปรุงตัวเองควบคู่กันไป กินของที่มีประโยชน์ หยุดบุหรี่ หยุดเหล้า ทำให้ตัวเราแข็งแกร่งต่อสู้กับโรคมะเร็งของตัวเอง จนตอนนี้อยู่ทุกระยะค่ามะเร็งดีขึ้น ค่อยๆ ลดลงมา จนเหลือ 0 […]

“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ

รัฐสภา 13 ส.ค.-“ชยพล” แฉ “กองทัพบก” ซื้ออุปกรณ์ฟิตเนสผู้ช่วยทูตทหารพนมเปญ ทั้งที่ตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชาแล้ว ด้าน “อนุสรณ์” แจงยัน กมธ.ไม่ได้ตีเช็คเปล่า แต่ตรวจเช็กความพร้อมให้ทหาร การอภิปรายมาตรา 8 กระทรวงกลาโหม วงเงิน 9.51 หมื่นล้านบาท นายชยพล สท้อนดี สส.กทม. พรรคประชาชน (ปชน.) อภิปรายว่า ปีนี้ตัดงบกระทรวงกลาโหมยาก เมื่อถามหารายละเอียดจะมีคนพูดว่าปล่อยไปเถอะ ตอนนี้มีสถานการณ์ชายแดน ซึ่งตนเข้าใจถึงความจำเป็นที่ต้องใช้งบประมาณ เพราะเป็นห่วงทหารหน้างานเช่นกัน เลยต้องดูงบประมาณว่าใช้ถูกจุดหรือไม่ นายชยพล กล่าวต่อว่า ทั้งนี้ ตนเห็นงบเกี่ยวกับอุปกรณ์การแพทย์ คิดว่าเป็นอุปกรณ์ผ่าตัดแต่กลายเป็นว่าเป็นอุปกรณ์สำหรับม้า ตนหาอุปกรณ์ทางการแพทย์เพื่อดูว่าใส่ใจทหารมากแค่ไหน แต่กลับไม่พบอุปกรณ์สำหรับขันชะเนาะห้ามเลือดที่ใช้ได้ด้วยมือข้างเดียว มีแค่สายยางไส้ไก่ ถ้าอยู่คนเดียวจะทำอย่างไร อยากถามว่าเราใส่ใจบุคลากรของเราจริงหรือไม่ และที่ข้องใจคือเราตัดสัมพันธ์ทางการทูตกับกัมพูชา มีการเรียกทูตไทยประจำพนมเปญกลับ แต่ปรากฏว่ากองทัพบกสั่งอุปกรณ์ฟิตเนสไปเติมที่บ้านผู้ช่วยทูตทหารอยู่เลย จะมีใครได้อยู่ใช้หรือไม่ “นี่เป็นเหตุผลว่าแม้อยู่ในความขัดแย้งแต่ต้องตรวจสอบกองทัพอย่างเข้มข้น การที่รัฐบาลเซ็นเช็คเปล่าให้กองทัพโดยไม่ตรวจสอบ คือการทำให้กองทัพอ่อนแอ คนที่ชอบออกมาพูดเชียร์ทหารอยากให้คิดไว้ด้วยว่า หากรักชีวิตทหารจริง ก็อยากให้ฟังทหารชายแดนว่าเขาลำบากอย่างไร การทำงานของนายพลสะท้อนความต้องการคนเหล่านั้นจริงหรือไม่” ด้าน นายสรวุฒิ เนื่องจำนงค์ กมธ.เสียงข้างมากชี้แจงว่า […]

“สืบพงษ์” ขึ้นศาลสืบพยานนัดแรก กรณียื่นฟ้องรักษาการอธิบดี ม.รามฯ ข้อหาเบิกความเท็จ

ศาลอาญา 13 ส.ค. – ศาลนัดสืบพยาน “สืบพงษ์” ยื่นฟ้อง รักษาการ อธ.รามคำแหง พร้อมพวก ข้อหาเบิกความเท็จถูกยื่นถอดถอนเมื่อปี 65 ชี้ “ฮุนเซน” ทิ้งใบปริญญาลงโถส้วมเป็นการไม่ให้เกียรติมหาวิทยาลัย วอนยุติพฤติกรรมไม่เหมาะสม ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานที่ นายสืบพงษ์ ปราบใหญ่ อดีตอธิการบดี ม.รามคำแหง เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นายวุฒิศักดิ์ ลาภเจริญทรัพย์ รักษาการอธิการบดี ม.รามคำแหง กับพวกรวม 2 คน ในความผิดฐาน “ฟ้องเท็จ / เบิกความเท็จ นายสืบพงษ์ เปิดเผยว่า ศาลนัดสืบพยานนัดแรกในคดีที่ตนได้ฟ้องผู้บริหารมหาวิทยาลัยรามคำแหงฟ้องตนที่ศาลแขวงพระนครเหนือโดยกล่าวหาตนว่ากระทำตนเป็นเจ้าพนักงานทั้ง ๆ ที่ไม่มีอำนาจ จากนั้นทางศาลได้ยกฟ้องคดีดังกล่าว ซึ่งได้ดำเนินคดีที่ศาลอาญาในข้อหาฟ้องเท็จและเบิกความเท็จ โดยวันนี้ตนเองเป็นพยานปากแรกที่ขึ้นเบิกความในวันนี้และจะมีพยานทั้งหมด 5 ปาก สืบพยานในวันนี้และวันที่ 14 ส.ค. ส่วนประเด็นที่ถูกถอดถอนอธิการบดีมหาวิทยาลัยรามคำแหงเมื่อปี 2565 นั้น มีการถอดถอนตนเองทั้งหมด 2 ครั้ง หลังจากที่ดำรงตำแหน่งอธิการบดีได้ […]

หนุ่มขี่จยย. พุ่งชนฝาคอนกรีต ตกบ่อร้อยสายไฟดับสลด

11 ส.ค.- หนุ่มวัย 26 ขี่รถจักรยานยนต์ฝ่าแนวกั้นพุ่งชนฝาคอนกรีต ร่างกระเด็นตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ลึก 10 เมตร จมน้ำดับสลด เมื่อเวลา 00.30 น.วันที่ 11 ส.ค.68 ร.ต.ท.เจนวิทย์ เหลือผล รองสารวัตร(สอบสวน) สน.ทุ่งสองห้อง รับแจ้งอุบัติเหตุรถจักรยานยนต์พุ่งตกบ่อร้อยสายไฟใต้ดิน ถนนแจ้งวัฒนะ ขาออก บริเวณหน้าศาลปกครอง แขวงทุ่งสองห้อง เขตหลักสี่ กทม. จึงรุดตรวจสอบพร้อมอาสาสมัครมูลนิธิป่อเต็กตึ๊ง ที่เกิดเหตุใกล้สถานีรถไฟฟ้า ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติ เป็นถนน 5 เลน บริเวณช่องทางซ้าย 3 เลนปิดเป็นพื้นที่ก่อสร้างโครงการร้อยสายไฟใต้ดิน พบรถจักรยานยนต์สีครีม ทะเบียน กทม. ล้มคว่ำหน้ารถพังยับพุ่งชนเครื่องปั่นไฟฟ้า ใกล้บ่อมีความลึก 10 เมตร เจ้าหน้าที่จึงใช้อุปกรณ์โรยตัวลงไปตรวจสอบพบผู้ขับขี่จมน้ำเสียชีวิต นำร่างขึ้นมาทราบชื่อนายสันติสุข (สงวนนามสกุล) อายุ 26 ปี สวมเสื้อยืดคอกลม แขนสั้น นุ่งกางเกงกีฬาขาสั้นสีน้ำเงิน ตามร่างกายมีบาดแผล กระโหลกศีรษะแตก เจ้าหน้าที่จึงบันทึกรวบรวมที่เกิดเหตุไว้เป็นหลักฐาน สอบถามคนงานที่อยู่บริเวณจุดเกิดเหตุให้การว่า […]

ข่าวแนะนำ

ไล่ล่าโจรชิงทอง 123 บาท กลางห้างย่านบางบ่อ

สมุทรปราการ 15 ส.ค. – ผบก.ภ.จว.สมุทรปราการ เรียกประชุมตำรวจที่เกี่ยวข้อง แกะรอยหาเบาะแส ไล่ล่าโจรชิงทองห้างย่านบางบ่อ ยืนยันจำนวนทอง 123 บาท มูลค่ากว่า 6 ล้าน ขณะที่พนักงานยังผวาทุกครั้งที่เห็นคนใส่ชุดไรเดอร์เดินเข้าห้าง จากเหตุการณ์คนร้ายแต่งกายด้วยชุดไรเดอร์ สวมกางกางยีนขายาวสีดำ รองเท้าผ้าใบสีขาว เดินเท้าบุกเดี่ยวมาที่ร้านทอง แล้วชักอาวุธปืนพกแบบออโตเมติก สีบอร์นซ์ ขู่บังคับให้พนักงานขายทองซึ่งเป็นหญิง 3 คน หยิบทองรูปพรรณส่งให้คนร้าย แต่พนักงานขายทองไม่หยิบส่งให้ และหมอบลงกับพื้น คนร้ายจึงกระโดดข้ามตู้ทองด้านหน้าร้าน ไปเลื่อนกระจกตู้ทองด้านหลัง หยิบเอาทองคำรูปพรรณ มีสร้อยข้อมือ หนัก 5 บาท 5 เส้น น้ำหนัก 25 บาท น้ำหนัก 3 บาท 30 เส้น น้ำหนักรวม 90 บาท, หนัก 2 บาท 24 เส้น รวม 48 บาท […]

สส.เพื่อไทย ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ผ่านอุปสรรคกลับมารับใช้ประชาชน

รัฐสภา 15 ส.ค.-สส.เพื่อไทย ให้กำลังใจ “แพทองธาร” ผ่านอุปสรรคกลับมารับใช้ประชาชน ด้านเจ้าตัวยิ้มสู้-ยังเข้มแข็ง กำชับ สส.ทำงานสภาเต็มที่ ลงพื้นที่ดูแลประชาชนใกล้ชิด ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร​ เพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปี 2569 วาระที่สอง วันสุดท้าย ซึ่ง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ได้เดินทางเข้ามาติดตามการประชุม ตลอด 3 วันที่ผ่านมา โดยในช่วงเช้า สส.พรรคเพื่อไทย โดยเฉพาะ สส.เขต ได้มีการเข้าพบหารือกับนางสาวแพทองธาร ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เพื่อปรึกษาปัญหาในพื้นที่ รวมถึงเรื่องการผลักดันนโยบายต่างๆ ที่จะลงในพื้นที่ เนื่องจากในหลายจังหวัดมีโครงสร้างพื้นฐานพร้อมทุกด้าน แต่ยังขาดเรื่องการประชาสัมพันธ์ จึงอยากให้นางสาวแพทองธาร ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรมผลักดันเกี่ยวกับซอฟพาวเวอร์ และจัดกิจกรรมอีเวนท์ต่างๆเพื่อ ให้จังหวัดนั้นๆเป็นที่รู้จักมากขึ้น นอกจากนี้ บรรดา สส. ของพรรคยังได้ให้กำลังใจนางสาวแพทองธาร เนื่องจากกลัวว่า อาจมีความเครียดและกังวลเรื่องคดีความ พร้อมขอให้นายกฯสู้ๆ เข้มแข็ง ผ่านอุปสรรคไปได้และได้กลับมาทำงานเพื่อประชาชน ขณะที่นางสาวแพทองธาร ยังคงยิ้มแย้ม แสดงความเข้มแข็ง และขอให้ สส.ทุกคน เดินหน้าทำหน้าทำงานในสภาอย่างเข้มแข็งเช่นกัน […]

ภาพเขมรรื้อถอน “ลวดหนาม-ธงชาติ” เป็นเฟคนิวส์

กทม. 15 ส.ค.-“ทบ.-ทภ.2” ยืนยันภาพเขมรรื้อถอน “ลวดหนาม-ธงชาติ” เป็นเฟคนิวส์ คาดฝ่ายกัมพูชาทำคอนเทนต์สร้างกระแส ให้เห็นว่าไม่ยอมฝ่ายไทย เตรียมประท้วงขัดข้อตกลง “จีบีซี” แม่ทัพภาค 2 ยันทุกอย่างอยู่ที่เดิม เมื่อวันที่ 15 ส.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงกรณีคลิปทหารกัมพูชาอ้างถึงการรื้อลวดหนามหีบเพลงใกล้ฐานปฏิบัติการซำแต ใกล้ปราสาทตาเมือนธม จ.สุรินทร์ ว่า อาจจะเป็นการทำภาพวิดีโอ เพื่อนำเสนอให้คนกัมพูชาเห็นการปฏิบัติการตอบโต้ไทยตามแนวชายแดน แต่หลายอย่างไม่ได้ตรงกับพื้นที่จริง อาจจะเป็นเรื่องของการใช้กราฟิกในเรื่องของสีธง ซึ่งไม่ใช่พื้นที่ตรงนั้น มุ่งหวังสร้างขวัญกำลังใจกับฝ่ายกัมพูชามากกว่า เพื่อแสดงท่าทีว่าได้ทำอย่างหนึ่งอย่างใด ไม่ว่าจะเป็นเรื่องลวดหนาม หรือธง ในพื้นที่บริเวณแนวชายแดน เมื่อดูจากสภาพแวดล้อม ไม่ใช่พื้นที่ที่มีการอ้างถึง “อาจจะมาทำเป็นลักษณะของการทำคอนเทนต์ ให้คนกัมพูชาเห็นว่ามีปฏิกิริยาที่ไม่เอารั้วลวดหนาม ไม่ใช่ภาพที่อยู่ในพื้นที่ของประเทศไทย ยืนยันไม่ใช่ภาพจริงที่เขาอ้างถึง ส่วนการละเมิดข้อตกลงจีบีซี ในเรื่องการบิดเบือนข่าวสารนั้น เราก็คงต้องประท้วงและแสดงให้เห็นว่าไม่ควรเกิดขึ้น” พล.ต.วินธัย ระบุ พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก กล่าวว่า กองทัพบกชี้แจงกรณีสื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่ภาพอ้างว่าเป็นการรื้อถอนลวดหนามในพื้นที่จุ๊บตะโมก บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ โดยจากการตรวจสอบข้อเท็จจริงร่วมกับหน่วยทหารในพื้นที่ประจำปราสาทตาเมือนธม ยืนยันว่าไม่ปรากฏเหตุการณ์หรือการปฏิบัติใดๆ ของทหารกัมพูชาตามที่มีการกล่าวอ้าง ทั้งนี้ […]

ไทยย้ำกัมพูชาละเมิดทุกกฎกติกา วางทุ่นระเบิดซ้ำแล้วซ้ำเล่า

กระทรวงการต่างประเทศ 15 ส.ค.- กต. เชิญคณะทูตกลุ่มรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา ชี้ “กัมพูชา” ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง ลอบวางทุ่นระเบิดสังหารซ้ำแล้วซ้ำเล่า จงใจละเมิดอนุสัญญาออตตาวา ขอผู้บริจาคสนับสนุนกัมพูชา ดำเนินทุกทางให้กัมพูชาหยุดวางทุ่นฯ อย่างไร้มนุษยธรรม พร้อมโชว์ทุ่นระเบิด PMN-2 ของกัมพูชา เก็บกู้ที่ช่องโดนเอาว์-กฤษณา และจุ๊บตาโมก กระทรวงการต่างประเทศ เชิญคณะทูตกลุ่มรัฐภาคีอนุสัญญาออตตาวา รับฟังการบรรยายสรุปเกี่ยวกับเหตุการณ์การใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคลของกัมพูชา โดยมีผู้เข้าร่วม 67 คน จาก 41 ประเทศ 1 องค์กร และ 4 องค์การ ในจำนวนนี้ยังมีเจ้าหน้าที่สถานทูตกัมพูชาเข้าร่วมรับฟังด้วย โดยนายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวเปิดการบรรยายผ่านบันทึกวิดีทัศน์ เนื่องจากอยู่ระหว่างการเดินทางเพื่อเข้าร่วมการประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศ ตามกรอบความร่วมมือแม่โขง – ล้านช้าง (Mekong – Lancang Cooperation) หรือ MLC ครั้งที่ 10 และเข้าร่วมการหารือกับประเทศสมาชิก ณ เมืองอันหนิง มณฑลยูนนาน สาธารณรัฐประชาชนจีน ระหว่างวันที่ […]