‘นพ.ชลน่าน” ยังมั่นใจตั้งรัฐบาล 310 ได้ ย้ำไม่ตั้งแข่ง

กรุงเทพฯ 17 พ.ค.- ‘นพ.ชลน่าน” ยังมั่นใจตั้งรัฐบาล 310 เสียงได้ แต่อาจต้องคุยกันหลายรอบให้ได้ข้อตกลงร่วมกัน ย้ำไม่ตั้งแข่ง แต่หากโหวตรอบแรกไม่ได้ ก็มีแคนดิเดตจากเพื่อไทยรออยู่


นายแพทย์ชลนาน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ย้ำอีกครั้งว่าพรรคเพื่อไทยยินดีสนับสนุน เข้าร่วมกับพรรคก้าวไกล และในฐานะที่เขาเป็นอันดับ 1 เราก็ให้เกียรติเขาเป็นผู้ริเริ่มทุกอย่างในกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ และเราพร้อมสนับสนุนเต็มที่ดังนั้นเงื่อนไขในการเจรจา เราได้มอบให้ ทางพรรคก้าวไกลซึ่งเป็นแกนนำเป็นคนจัดทำเงื่อนไขในการร่วมรัฐบาลที่เป็น MOU ออกมา ซึ่งร่างจัดทำเงื่อนไขดังกล่าวพรรครับมาและได้มีการดูรายละเอียด ซึ่งอะไรที่เหมือนกันก็ตกลงกันได้เลย และอะไรที่ใกล้เคียงกันก็พยายามปรับจูนเข้าหากัน ส่วนอะไรที่แตกต่างกันชัดเจนก็มีทางออก เช่นใช้กลไกของสภาในการพูดคุยกันเพื่อให้ได้ข้อยุติ

ส่วนมีข้อเสนออะไรที่พรรคก้าวไกลเสนอมาแล้วพรรคเพื่อไทยรับไม่ได้บ้างนั้น นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่ายังไม่มีอะไรถึงขั้นนั้น เพราะพรรคใหญ่ทั้ง 2 พรรค ต้องหาจุดร่วม ที่พูดง่ายๆว่าจะต้องจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ โดยในขั้นตอนแรก จะต้องเลือกนายกรัฐมนตรีให้ได้ก่อน เราไม่ได้ตั้งเงื่อนไขว่าจะให้ตั้งรัฐบาลไม่ได้


เมื่อถามว่าท่าทีของพรรคก้าวไกลค่อนข้างแข็งกร้าวจะเดินหน้าอย่างไร นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่าต้องดูในรายละเอียด ก่อนที่จะลงใน MOU ว่าตรงไหนได้ ตรงไหนไม่ได้ ซึ่งตนมองแล้วน่าจะปรับจูนเข้าหากันได้ และเชื่อว่าเรื่องที่เห็นต่างกันเยอะๆ มันมีทางออก โดยเรื่องที่มีความแตกต่างกันเยอะมาก ต้องใช้มติหรือความเห็นร่วม ซึ่งสภาหรือรัฐสภาจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ดังนั้นจึงมั่นใจว่าจะสามารถผลักดันการตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ อย่างไรก็ตามขอย้ำว่าเป็นการตอบในนามพรรคเพื่อไทยไม่ใช่ฐานะพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล

เมื่อถามถึงการแบ่งงานตามนโยบายของแต่ละพรรคนั้น นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่าในกรอบ ที่เราคุยกันต้องมีเรื่องนี้เพราะมันหมายถึงว่า เข้ามาแล้วจะทำอะไรให้กับพี่น้องประชาชน เราก็ต้องให้เกียรติเขา เมื่อเขาเป็นอันดับ 1 จะขับเคลื่อนนโยบายอะไรเป็นหลัก สิ่งที่เขาขับเคลื่อนเรามีข้อติดขัดอะไรหรือไม่ ดังนั้นวันนี้ทุกพรรคจะมาคุยกันว่าสิ่งที่รับไป มีประเด็นอะไร สิ่งที่รับไปจะมีอะไรเติมแต่ง ได้ ไม่ได้บ้าง อาจไม่จบในวันนี้ เบื้องต้นต้องยึดมั่นในหลักการนี้ก่อน เพราะหลายพรรคอาจจะมีปรับแก้ อย่างพรรคเพื่อไทยเห็นแล้ว ก็ขอไปกลับไปปรับลดได้หรือไม่ จึงต้องปรึกษาหารือกัน ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควรแต่น่าจะอยู่ในจังหวะที่รอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง รับรองส.ส. ซึ่งคิดว่าน่าจะจบได้ แต่บอกไม่ได้ว่าต้องคุยกันกี่ครั้ง จะจบเมื่อไหร่

เมื่อถามว่าณขณะนี้จำเป็นต้องมีพรรคอื่นมาร่วมหรือไม่ นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่า เบื้องต้นต้องยึดมั่นในหลักการนี้ก่อนในหลักการที่ว่า เราได้รับฉันทามติจากพี่น้องประชาชนเป็นเสียงข้างมากซึ่งจำนวน 310 เสียง ถือว่าเป็นเสียงที่เกินกึ่งหนึ่งไปเยอะมาก เราก็พยายามทำเงื่อนไขนี้ให้เป็นที่ยอมรับให้ได้ก่อน หากเราไม่ได้พยายามทำตามหลักการนี้ให้ได้ก็เป็นเรื่องน่าเสียใจ ซึ่งพรรคก้าวไกลก็เป็นคนเสนอหลักการนี้ นี้แล้วหากถูกละทิ้งหรือถูกเพิกเฉย หากพูดคุยเจรจาบนผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนก็น่าจะไปได้ และถ้ามันจำเป็นเพื่อให้ลดจำนวนของ ส.ว. ที่สนับสนุน เช่นจาก 80 มาเหลือ 50 หรือ 40 เสียงก็อาจจะต้องดำเนินการต่อ สิ่งที่จะต้องระมัดระวังให้มากที่สุด ซึ่งตนก็ไม่เห็นด้วยคือรัฐบาลเสียงข้างมากแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด มันอันตรายต่อระบบและระบบมาก


เมื่อถามว่ามีความพยายามปั่นว่าพรรคเพื่อไทยอาจจะไม่ได้ร่วมรัฐบาลจริง แต่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเองนั้น หัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ก็ให้เขาปั่นไป บางคนชอบปั่นอยู่แล้ว ถ้ามันขึ้นง่าย ก็คงไม่ต้องปั่น ตนพูดความจริงนะว่าอะไรที่ขึ้นง่ายโดยธรรมชาติไม่จำเป็นต้องปั่น แต่ถ้าเขาปั่น แสดงว่ามันไม่ขึ้นจึงต้องปั่น เราพูดจนปากเปียกปากแฉะตั้งแต่วันแรกที่ร่วมตั้งรัฐบาล ตั้งแต่แถลงการณ์วันแรก เราพูดไปว่า เราไม่ตั้งแข่ง เราช่วยเต็มที่ เหมือนคนแต่งงานกัน เราต้องช่วยกันและขั้นตอนสำคัญที่สุดของการแต่งงานคือการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีนี่แหละ ถ้าเราจะเป็นเจ้าสาวเขาแล้วไม่ช่วยให้เขาแต่งตั้งนายกได้เขาไม่เรียกว่าแต่งงาน

เมื่อถามว่าขออะไรคนที่ปั่นไหม นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่าไม่ขอ อยากจะปั่นก็ปั่นไป เพราะไม่ว่าจะพูดอะไรขออย่างไร เขาก็ไม่สนใจ เขาถือว่าเป็นหน้าที่เขา เราก็ได้แต่รับฟัง

เมื่อถามย้ำว่าถ้าตั้งไม่ได้จะทำอย่างไรนายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า กลไกที่เขาจะตั้งรัฐบาลโดยเฉพาะเลือกนายกรัฐมนตรีนั้น เขาวางไว้ 1 แคนดิเดตของพรรคหลักถูกเสนอชื่อ ถ้าไม่ได้รับการโหวต ก็ขยับมาขั้นตอนที่ 2 ไม่ได้หมายความว่าเราต้องมาแย่งกันจัดตั้งนะ กลุ่มเดิมที่ตั้งกันอยู่ 310 เสียงก็ต้องหาทางว่า จะตั้งให้ได้อย่างไร เว้นแต่ถ้าแกนหลักบอกว่าไม่เอาแล้วคุณไปจัดกันเอง แต่ตนคิดว่าในอุดมคติของตน เมื่อเบอร์ 1 ของพรรคอันดับ 1 ไม่ถูกเลือก เป็นเรื่องที่ 310 คนต้องมาคุยกันใหม่ว่าเราจะทำอย่างไรให้ถูกเลือก และขอย้ำว่าเราต้องบอกว่าเราพยายามทำให้ตั้งรัฐบาลได้ อย่างถ้าแต่งงาน กำลังทำพิธีแล้วมีคนเตะขันหมากทิ้ง เราก็ต้องช่วยกันทำขันหมากใหม่ ว่าจะแต่งอย่างไร สลับเจ้าบ่าวเจ้าสาวหรือไม่ สิ่งเหล่านี้อยู่ในกระบวนการ

เมื่อถามว่ามีโอกาสสลับเจ้าบ่าวเจ้าสาวหรือไม่ นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่า ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายบังคับเอาไว้ว่า เมื่อแคนดิเดตหมายเลข 1 ไม่ถูกเลือก แคนดิเดตที่อยู่ในบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองต่อไปก็ย่อมต้องพิจารณา แต่ถ้าไม่ถูกเลือกอีก ก็ต้องพิจารณาเอาคนนอกบัญชีเข้ามา มันต้องถึงขั้นนั้นถึงจะบอกว่าตั้งไม่ได้แล้ว ถ้าทำทุกอย่างใน 3 ขั้นตอนนี้แล้วไม่ได้ก็ต้องถือว่าทำไม่ได้และต้องมีกระบวนการในการคิดว่าจะต้องทำอย่างไร

ส่วนหาก ดำเนินการตามขั้นตอนแล้วยังไม่ได้ จะเปลี่ยนขั้วโดยไม่มีพรรคก้าวไกลหรือไม่นั้น นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องถามพี่น้องประชาชน ตนตอบไม่ได้แล้วเพราะอาณัติของพี่น้องประชาชนมาอย่างนี้ ตนคิดว่ามีความลำบาก หากพรรคเพื่อไทยทำเองก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ ยกเว้นว่าทุกคนจะบอกว่า เห็นแก่ประโยชน์ของชาติบ้านเมืองแล้วมาช่วยกันทำเป็นรัฐบาลแห่งชาติ หรือไม่ โดยเอาเสียงมากหน่อย เอาเสียงส.ส. 376 เสียงเพื่อให้จัดตั้งรัฐบาลได้ แต่จะลดเงื่อนไขความสุ่มเสี่ยงต่อการเป็นวาทกรรมเผด็จการรัฐสภาหรือไม่ แต่เราก็หวังว่ามันน่าที่จะสำเร็จในครั้งแรก ไม่ควรถึงขั้นที่ 2 และย้ำว่าถ้าการจับขั้วยังเหมือนเดิมก็เป็นแนวทางอื่นไปไม่ได้ เพราะเป็นสภาพบังคับของรัฐธรรมนูญไม่ใช่ว่าพรรคเพื่อไทย กระดี๊กระด๊านะ เพราะถ้าไม่เสนอของเพื่อไทยจะเสนอใคร เพราะแคนดิเดตที่เสนอได้ในกลุ่มมีแค่ 2 พรรค มี 4 คนของเพื่อไทย 3 ของก้าวไกล 1 คน เท่านั้น

ถามย้ำว่าจะร่วมกับพรรค 2 ลุง หรือไม่ นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่าจะมาถามตนทำไม ในเมื่อพรรคก้าวไกลประกาศไปแล้วว่าไม่เอา 2 ลุง เมื่อถามต่อว่าแสดงว่าเป็นพรรคภูมิใจไทยกับพรรคชาติไทยพัฒนา ใช่หรือไม่ นายแพทย์ชลน่านย้อนว่า พรรคประชาธิปัตย์ก็มีนะ แม้จะ 24 เสียง ก็ไม่น้อย ก็เป็นไปได้นะ .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ปะทะแล้ว บริเวณปราสาทตาเมือน หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง

สุรินทร์ 24 ก.ค.-ทบ.รายงานเหตุการณ์ปะทะบริเวณพื้นที่ปราสาทตาเมือน อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ หลังฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิง เมื่อเช้าวันที่ 24 กรกฎาคม 2568 วันที่ 24 กรกฎาคม 2568 เวลา 07.35 น. หน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนรายงานว่า ได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ (UAV) ของฝ่ายกัมพูชาบินวนอยู่บริเวณหน้าปราสาทตาเมือนธม แม้ไม่สามารถตรวจพบตัวอากาศยานได้ด้วยสายตา แต่สามารถได้ยินเสียงอย่างชัดเจน ต่อมาฝ่ายกัมพูชาได้นำอาวุธเข้าสู่ที่ตั้งบริเวณด้านหน้าแนวลวดหนาม และพบกำลังพลกัมพูชาจำนวน 6 นาย พร้อมอาวุธครบมือรวมทั้ง RPG เดินเข้ามาใกล้แนวลวดหนามบริเวณด้านหน้าฐานปฏิบัติการของไทย ฝ่ายไทยได้ใช้การตะโกนเจรจาเพื่อหลีกเลี่ยงความขัดแย้งและยกระดับสถานการณ์ โดยฝ่ายไทยเฝ้าระวังตลอดแนวชายแดนเพื่อเตรียมรับสถานการณ์ อย่างไรก็ตาม เมื่อเวลาประมาณ 08.20 น. ฝ่ายกัมพูชาได้เปิดฉากยิงเข้ามาบริเวณตรงข้ามฐานปฏิบัติการทางทิศตะวันออกของปราสาทตาเมือน ในระยะประมาณ 200 เมตร ขณะนี้ หน่วยงานที่เกี่ยวข้องของกองทัพบกกำลังติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีข้อมูลเพิ่มเติมจะรายงานความคืบหน้าให้ทราบต่อไป.-สำนักข่าวไทย

ปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ กำลังพลเจ็บ 2 นาย

กทม. 24 ก.ค.-ด่วน! เหตุปะทะทหารไทย-เขมร ลาม 6 พื้นที่ ทบ. เผยทหารกัมพูชา เปิดแนวรบเพิ่มที่ ผามออีแดง เขาพระวิหาร ส่วนทหารไทยงัดปืนใหญ่ตอบโต้ กำลังพลเจ็บ 2 นาย เมื่อวันที่ 24 ก.ค.68 ที่กองบัญชาการกองทัพบก พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก ระบุเพิ่มเติมว่า เวลา 0920 น. กองทัพบกพบการปะทะเพิ่มเติมตลอดแนวพื้นที่ผามออีแดง ปราสาทเขาพระวิหาร พบฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากใช้อาวุธทุกชนิดและ BM21 ส่วนฝ่ายไทยเข้าปะทะตามแผนพร้อมตอบโต้ปืนใหญ่สนาม 09.20 น. เจ้าหน้าที่ทหารบาดเจ็บ 2 นาย จากอาวุธยิงสนับสนุน ในพื้นที่บริเวณกลุ่มปราสาทตาเมือน จ.สุรินทร์ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับพื้นที่ที่มีการปะทะจำนวน 6 พื้นที่ ปราสาทตาเมือนธม ปราสาทตาควาย ช่องบก เขาพระวิหาร(ห้วยตามาเรีย/ภูมะเขือ) ช่องอ่านม้า ช่องจอม.-313.-สำนักข่าวไทย

ผบ.ทบ.นำคณะลงช่องอานม้า พรุ่งนี้ จ่อใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ

23 ก.ค.- “ผบ.ทบ.” สั่ง ทภ.2-ทภ.1 เตรียมพร้อม “แผนจักรพงษ์ภูวนาถ” รับมือชายแดนไทย-กัมพูชา พร้อมยกคณะลงพื้นที่บัญชาการ วันที่ 23 ก.ค.68 พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก (ผข.ทบ.) ได้สั่งการไปยังกองทัพภาคที่ 2 และกองทัพภาคที่1 รับผิดชอบพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชา เตรียมใช้แผนจักรพงษ์ภูวนาถ แก้ไขปัญหาพื้นที่ชายแดนไทยกัมพูชาหลัง กำลังพลของกองทัพบกไทยจากชุดลาดตระเวน พัน.ร.14 ประสบเหตุเหยียบกับระเบิดบริเวณห้วยบอน ช่องอานม้า อำเภอน้ำยืน จังหวัดอุบลราชธานี พิกัด VA 950911 ซึ่งเป็นพื้นที่ปฏิบัติการตามแนวชายแดน โดยส่งผลให้ จ่าสิบเอกพิชิตชัย บุญโคราช ได้รับบาดเจ็บสาหัสจากการสูญเสียขาขวา และอยู่ระหว่างการส่งตัวรักษาต่อ ณ โรงพยาบาลน้ำยืน โดยให้พร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เมื่อสั่งการ ซึ่งในวันพรุ่งนี้ (24 ก.ค.) พลเอก พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก พลโท ชัยพฤกษ์ ด้วงประพัฒน์ รองเสธ ทบ. พลโทบุญสินพาดกลาง มทภ.2 […]

“บิ๊กต่าย” อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็น ตร.

ตร. 23 ก.ค. – ผบ.ตร. อยากเคลียร์ใจครอบครัว “น้องเมย” ปมคู่กรณีได้เป็นตำรวจใต้บังคับบัญชาหลังเกิดเหตุ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ศาลมณฑลทหารบกที่ 12 จังหวัดปราจีนบุรี อ่านคำพิพากษากรณีที่ ภคพงศ์ ตัญกาญจน์ หรือ น้องเมย นักเรียนเตรียมทหารชั้นปีที่ 1 เสียชีวิตปริศนา หลังจากถูกธำรงวินัยโดยรุ่นพี่ทหาร 2 นาย ภายในโรงเรียนเตรียมทหาร เมื่อวันที่ 17 ตุลาคม 2560 ซึ่งหนึ่งในรุ่นพี่ที่เป็นจำเลย ปัจจุบันรับราชการตำรวจในภาคอีสาน พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ ระบุว่า ตนได้รับรายงานเรื่องนี้แล้ว สิ่งที่อยากจะสื่อสารในประเด็นที่ 1 ตนอยากพบพ่อและแม่ของน้องเมยเป็นการส่วนตัว เพื่อจะได้พูดคุยให้เข้าใจในการปฏิบัติของตำรวจ ซึ่งเป็นประเด็นที่ 2 กรณีที่คู่กรณีเป็นตำรวจ เราต้องมองย้อนไปในขณะที่เกิดเหตุ มองถอยหลังกลับไป คู่กรณีรายดังกล่าวไม่ได้อยู่ในสถานะตำรวจ ฉะนั้นแล้วตามกฎหมาย พ.ร.บ.ตำรวจ ปี 2565 การดำเนินการทางวินัยจะดำเนินได้เฉพาะกับผู้ที่อยู่ในสถานะตำรวจ ซึ่งขณะนั้นคู่กรณีถือว่าอยู่ภายใต้กองบัญชาการกองทัพไทย ส่วนการพิจารณาทางวินัยตำรวจของคู่กรณี ตนได้สั่งให้จเรตำรวจแห่งชาติ นำไปประกอบการพิจารณา เนื่องจากวินัยและอาญาจะสามารถเชื่อมกันได้ในข้อเท็จจริงบางส่วน […]

ข่าวแนะนำ

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

น้ำท่วมน่านหนักสุดเป็นประวัติการณ์

น่าน 24 ก.ค. – ยังน่าห่วง น้ำท่วมเขตเศรษฐกิจและตัวเมืองน่าน หนักสุดเป็นประวัติการณ์ บางจุดท่วมสูงถึงชั้น 2 ของบ้าน ประชาชนติดอยู่ในบ้านกลางน้ำ ยิ่งค่ำยิ่งลำบาก .-สำนักข่าวไทย

ไทม์ไลน์เหตุปะทะเดือด “ไทย-กัมพูชา”

24 ก.ค. – ไล่เรียงไทม์ไลน์เหตุปะทะเดือดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ที่เกิดขึ้นในวันนี้ (24 ก.ค.) มีที่มาที่ไปอย่างไร พลันที่ชุดลาดตระเวน กองพันทหารราบที่ 14 เหยียบกับระเบิดที่ช่องอานม้า จังหวัดอุบลราชธานี เมื่อเย็นวานนี้ (23 ก.ค.) ทำให้ทหาร 1 นาย บาดเจ็บสาหัสขาขาด อีก 4 นาย บาดเจ็บ ซ้ำรอยเหตุทหารไทยเหยียบกับระเบิดจนขาขาดในเวลาเพียง 1 สัปดาห์ ทำให้สถานการณ์ตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ตึงเครียดถึงขีดสุด พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ยกระดับมาตรการตอบโต้สั่งปิดด่าน 4 แห่ง คือ ช่องอานม้า, ช่องสะงำ, ช่องจอม และช่องสายตะกู พร้อมปิดสถานที่ท่องเที่ยว 2 แห่ง คือ ปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควายทันที 07.35 น. วันนี้ (24 ก.ค.) ความรุนแรงเริ่มชัดเจนขึ้น เมื่อทหารหน่วยเฉพาะกิจที่ดูแลพื้นที่ปราสาทตาเมือนธม รายงานว่าได้ยินเสียงอากาศยานไร้คนขับ […]

ไม่พลาดเป้า! เอฟ-16 ทิ้งบอมบ์รอบ 2 กลับฐานปลอดภัย

24 ก.ค.- ทอ.เปิดปฏิบัติการ ส่งเอฟ-16 ทิ้งบอมบ์ฝั่งกัมพูชาไม่พลาดเป้า กลับฐานแล้วอย่างปลอดภัย เมื่อเวลา 17.00 น. วันที่ 24 ก.ค.68 กองทัพอากาศ เปิดปฏิบัติการ ส่ง F-16 รอบ 2 ของวันนี้ 4 เครื่อง ในการโจมตีทางอากาศตอบโต้กองทัพกัมพูชา ในจุดสำคัญ ทางทิศใต้ของปราสาทตาเมือนธม ไม่พลาดเป้า โดยล่าสุด 17.00 น. F-16 ทั้ง 4 เครื่อง กลับฐานบิน ปลอดภัย หลังสนับสนุน เปิดปฏิบัติการ “ยุทธบดินทร์” -สำนักข่าวไทย