กรุงเทพฯ 17 พ.ค.- ‘นพ.ชลน่าน” ยังมั่นใจตั้งรัฐบาล 310 เสียงได้ แต่อาจต้องคุยกันหลายรอบให้ได้ข้อตกลงร่วมกัน ย้ำไม่ตั้งแข่ง แต่หากโหวตรอบแรกไม่ได้ ก็มีแคนดิเดตจากเพื่อไทยรออยู่
นายแพทย์ชลนาน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ย้ำอีกครั้งว่าพรรคเพื่อไทยยินดีสนับสนุน เข้าร่วมกับพรรคก้าวไกล และในฐานะที่เขาเป็นอันดับ 1 เราก็ให้เกียรติเขาเป็นผู้ริเริ่มทุกอย่างในกระบวนการจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ และเราพร้อมสนับสนุนเต็มที่ดังนั้นเงื่อนไขในการเจรจา เราได้มอบให้ ทางพรรคก้าวไกลซึ่งเป็นแกนนำเป็นคนจัดทำเงื่อนไขในการร่วมรัฐบาลที่เป็น MOU ออกมา ซึ่งร่างจัดทำเงื่อนไขดังกล่าวพรรครับมาและได้มีการดูรายละเอียด ซึ่งอะไรที่เหมือนกันก็ตกลงกันได้เลย และอะไรที่ใกล้เคียงกันก็พยายามปรับจูนเข้าหากัน ส่วนอะไรที่แตกต่างกันชัดเจนก็มีทางออก เช่นใช้กลไกของสภาในการพูดคุยกันเพื่อให้ได้ข้อยุติ
ส่วนมีข้อเสนออะไรที่พรรคก้าวไกลเสนอมาแล้วพรรคเพื่อไทยรับไม่ได้บ้างนั้น นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่ายังไม่มีอะไรถึงขั้นนั้น เพราะพรรคใหญ่ทั้ง 2 พรรค ต้องหาจุดร่วม ที่พูดง่ายๆว่าจะต้องจัดตั้งรัฐบาลให้ได้ โดยในขั้นตอนแรก จะต้องเลือกนายกรัฐมนตรีให้ได้ก่อน เราไม่ได้ตั้งเงื่อนไขว่าจะให้ตั้งรัฐบาลไม่ได้
เมื่อถามว่าท่าทีของพรรคก้าวไกลค่อนข้างแข็งกร้าวจะเดินหน้าอย่างไร นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่าต้องดูในรายละเอียด ก่อนที่จะลงใน MOU ว่าตรงไหนได้ ตรงไหนไม่ได้ ซึ่งตนมองแล้วน่าจะปรับจูนเข้าหากันได้ และเชื่อว่าเรื่องที่เห็นต่างกันเยอะๆ มันมีทางออก โดยเรื่องที่มีความแตกต่างกันเยอะมาก ต้องใช้มติหรือความเห็นร่วม ซึ่งสภาหรือรัฐสภาจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ดังนั้นจึงมั่นใจว่าจะสามารถผลักดันการตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ อย่างไรก็ตามขอย้ำว่าเป็นการตอบในนามพรรคเพื่อไทยไม่ใช่ฐานะพรรคแกนนำจัดตั้งรัฐบาล
เมื่อถามถึงการแบ่งงานตามนโยบายของแต่ละพรรคนั้น นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่าในกรอบ ที่เราคุยกันต้องมีเรื่องนี้เพราะมันหมายถึงว่า เข้ามาแล้วจะทำอะไรให้กับพี่น้องประชาชน เราก็ต้องให้เกียรติเขา เมื่อเขาเป็นอันดับ 1 จะขับเคลื่อนนโยบายอะไรเป็นหลัก สิ่งที่เขาขับเคลื่อนเรามีข้อติดขัดอะไรหรือไม่ ดังนั้นวันนี้ทุกพรรคจะมาคุยกันว่าสิ่งที่รับไป มีประเด็นอะไร สิ่งที่รับไปจะมีอะไรเติมแต่ง ได้ ไม่ได้บ้าง อาจไม่จบในวันนี้ เบื้องต้นต้องยึดมั่นในหลักการนี้ก่อน เพราะหลายพรรคอาจจะมีปรับแก้ อย่างพรรคเพื่อไทยเห็นแล้ว ก็ขอไปกลับไปปรับลดได้หรือไม่ จึงต้องปรึกษาหารือกัน ซึ่งต้องใช้เวลาพอสมควรแต่น่าจะอยู่ในจังหวะที่รอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง รับรองส.ส. ซึ่งคิดว่าน่าจะจบได้ แต่บอกไม่ได้ว่าต้องคุยกันกี่ครั้ง จะจบเมื่อไหร่
เมื่อถามว่าณขณะนี้จำเป็นต้องมีพรรคอื่นมาร่วมหรือไม่ นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่า เบื้องต้นต้องยึดมั่นในหลักการนี้ก่อนในหลักการที่ว่า เราได้รับฉันทามติจากพี่น้องประชาชนเป็นเสียงข้างมากซึ่งจำนวน 310 เสียง ถือว่าเป็นเสียงที่เกินกึ่งหนึ่งไปเยอะมาก เราก็พยายามทำเงื่อนไขนี้ให้เป็นที่ยอมรับให้ได้ก่อน หากเราไม่ได้พยายามทำตามหลักการนี้ให้ได้ก็เป็นเรื่องน่าเสียใจ ซึ่งพรรคก้าวไกลก็เป็นคนเสนอหลักการนี้ นี้แล้วหากถูกละทิ้งหรือถูกเพิกเฉย หากพูดคุยเจรจาบนผลประโยชน์ของพี่น้องประชาชนก็น่าจะไปได้ และถ้ามันจำเป็นเพื่อให้ลดจำนวนของ ส.ว. ที่สนับสนุน เช่นจาก 80 มาเหลือ 50 หรือ 40 เสียงก็อาจจะต้องดำเนินการต่อ สิ่งที่จะต้องระมัดระวังให้มากที่สุด ซึ่งตนก็ไม่เห็นด้วยคือรัฐบาลเสียงข้างมากแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด มันอันตรายต่อระบบและระบบมาก
เมื่อถามว่ามีความพยายามปั่นว่าพรรคเพื่อไทยอาจจะไม่ได้ร่วมรัฐบาลจริง แต่จะเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเองนั้น หัวหน้าพรรคเพื่อไทยกล่าวว่า ก็ให้เขาปั่นไป บางคนชอบปั่นอยู่แล้ว ถ้ามันขึ้นง่าย ก็คงไม่ต้องปั่น ตนพูดความจริงนะว่าอะไรที่ขึ้นง่ายโดยธรรมชาติไม่จำเป็นต้องปั่น แต่ถ้าเขาปั่น แสดงว่ามันไม่ขึ้นจึงต้องปั่น เราพูดจนปากเปียกปากแฉะตั้งแต่วันแรกที่ร่วมตั้งรัฐบาล ตั้งแต่แถลงการณ์วันแรก เราพูดไปว่า เราไม่ตั้งแข่ง เราช่วยเต็มที่ เหมือนคนแต่งงานกัน เราต้องช่วยกันและขั้นตอนสำคัญที่สุดของการแต่งงานคือการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรีนี่แหละ ถ้าเราจะเป็นเจ้าสาวเขาแล้วไม่ช่วยให้เขาแต่งตั้งนายกได้เขาไม่เรียกว่าแต่งงาน
เมื่อถามว่าขออะไรคนที่ปั่นไหม นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่าไม่ขอ อยากจะปั่นก็ปั่นไป เพราะไม่ว่าจะพูดอะไรขออย่างไร เขาก็ไม่สนใจ เขาถือว่าเป็นหน้าที่เขา เราก็ได้แต่รับฟัง
เมื่อถามย้ำว่าถ้าตั้งไม่ได้จะทำอย่างไรนายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า กลไกที่เขาจะตั้งรัฐบาลโดยเฉพาะเลือกนายกรัฐมนตรีนั้น เขาวางไว้ 1 แคนดิเดตของพรรคหลักถูกเสนอชื่อ ถ้าไม่ได้รับการโหวต ก็ขยับมาขั้นตอนที่ 2 ไม่ได้หมายความว่าเราต้องมาแย่งกันจัดตั้งนะ กลุ่มเดิมที่ตั้งกันอยู่ 310 เสียงก็ต้องหาทางว่า จะตั้งให้ได้อย่างไร เว้นแต่ถ้าแกนหลักบอกว่าไม่เอาแล้วคุณไปจัดกันเอง แต่ตนคิดว่าในอุดมคติของตน เมื่อเบอร์ 1 ของพรรคอันดับ 1 ไม่ถูกเลือก เป็นเรื่องที่ 310 คนต้องมาคุยกันใหม่ว่าเราจะทำอย่างไรให้ถูกเลือก และขอย้ำว่าเราต้องบอกว่าเราพยายามทำให้ตั้งรัฐบาลได้ อย่างถ้าแต่งงาน กำลังทำพิธีแล้วมีคนเตะขันหมากทิ้ง เราก็ต้องช่วยกันทำขันหมากใหม่ ว่าจะแต่งอย่างไร สลับเจ้าบ่าวเจ้าสาวหรือไม่ สิ่งเหล่านี้อยู่ในกระบวนการ
เมื่อถามว่ามีโอกาสสลับเจ้าบ่าวเจ้าสาวหรือไม่ นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่า ข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายบังคับเอาไว้ว่า เมื่อแคนดิเดตหมายเลข 1 ไม่ถูกเลือก แคนดิเดตที่อยู่ในบัญชีรายชื่อของพรรคการเมืองต่อไปก็ย่อมต้องพิจารณา แต่ถ้าไม่ถูกเลือกอีก ก็ต้องพิจารณาเอาคนนอกบัญชีเข้ามา มันต้องถึงขั้นนั้นถึงจะบอกว่าตั้งไม่ได้แล้ว ถ้าทำทุกอย่างใน 3 ขั้นตอนนี้แล้วไม่ได้ก็ต้องถือว่าทำไม่ได้และต้องมีกระบวนการในการคิดว่าจะต้องทำอย่างไร
ส่วนหาก ดำเนินการตามขั้นตอนแล้วยังไม่ได้ จะเปลี่ยนขั้วโดยไม่มีพรรคก้าวไกลหรือไม่นั้น นายแพทย์ชลน่านกล่าวว่า เรื่องนี้ต้องถามพี่น้องประชาชน ตนตอบไม่ได้แล้วเพราะอาณัติของพี่น้องประชาชนมาอย่างนี้ ตนคิดว่ามีความลำบาก หากพรรคเพื่อไทยทำเองก็ยากที่จะประสบความสำเร็จ ยกเว้นว่าทุกคนจะบอกว่า เห็นแก่ประโยชน์ของชาติบ้านเมืองแล้วมาช่วยกันทำเป็นรัฐบาลแห่งชาติ หรือไม่ โดยเอาเสียงมากหน่อย เอาเสียงส.ส. 376 เสียงเพื่อให้จัดตั้งรัฐบาลได้ แต่จะลดเงื่อนไขความสุ่มเสี่ยงต่อการเป็นวาทกรรมเผด็จการรัฐสภาหรือไม่ แต่เราก็หวังว่ามันน่าที่จะสำเร็จในครั้งแรก ไม่ควรถึงขั้นที่ 2 และย้ำว่าถ้าการจับขั้วยังเหมือนเดิมก็เป็นแนวทางอื่นไปไม่ได้ เพราะเป็นสภาพบังคับของรัฐธรรมนูญไม่ใช่ว่าพรรคเพื่อไทย กระดี๊กระด๊านะ เพราะถ้าไม่เสนอของเพื่อไทยจะเสนอใคร เพราะแคนดิเดตที่เสนอได้ในกลุ่มมีแค่ 2 พรรค มี 4 คนของเพื่อไทย 3 ของก้าวไกล 1 คน เท่านั้น
ถามย้ำว่าจะร่วมกับพรรค 2 ลุง หรือไม่ นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่าจะมาถามตนทำไม ในเมื่อพรรคก้าวไกลประกาศไปแล้วว่าไม่เอา 2 ลุง เมื่อถามต่อว่าแสดงว่าเป็นพรรคภูมิใจไทยกับพรรคชาติไทยพัฒนา ใช่หรือไม่ นายแพทย์ชลน่านย้อนว่า พรรคประชาธิปัตย์ก็มีนะ แม้จะ 24 เสียง ก็ไม่น้อย ก็เป็นไปได้นะ .-สำนักข่าวไทย