กกต.ปล่อยขบวนรถขนส่งบัตรเลือกตั้ง

ไปรษณีย์ไทย 1 พ.ค.- สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับบริษัทไปรษณีย์ไทย จำกัด แถลงข่าวพิธีปล่อยขบวนรถขนส่งบัตรเลือกตั้งไปยังเขตเลือกตั้งทั่วประเทศ ประสานเสียงยืนยัน พร้อมจัดเลือกตั้ง ยกเว้นซูดาน ที่มีปัญหาความไม่สงบ


นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง และผู้แทน สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ร่วมกับ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด พล.ต.อ. รอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ นายรุจ ธรรมมงคล อธิบดีกรมการกงสุล ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด พร้อมด้วย ผู้บริหาร และพนักงาน ของทั้ง 4 หน่วยงาน ร่วมในพิธีปล่อยขบวนรถขนส่งบัตรเลือกตั้ง ณ ศูนย์ประสานงานการขนส่งบัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นการทั่วไป พ.ศ. 2566 บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เขตหลักสี่ กรุงเทพมหานคร

ในการนี้ นายแสวง บุญมี เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้กล่าวถึงความพร้อมของสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งในการจัดการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรให้มีการออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตเลือกตั้ง ในเขตเลือกตั้ง ในวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 ว่ามีความพร้อมในทุกด้าน ทั้งวัสดุอุปกรณ์ สถานที่เลือกตั้ง เจ้าหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยในหน่วยเลือกตั้ง โดยสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง ได้มอบหมายให้ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เป็นหน่วยงานสนับสนุนและรับผิดชอบภารกิจการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร เป็นการทั่วไป พ.ศ.2566 ตามภารกิจ ดังนี้


  1. การจัดส่งบัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรล่วงหน้านอกราชอาณาจักรไปยัง66 ประเทศ (ส.ส.1/6) จํานวน 18.49 ล้านครัวเรือน
  2. การจัดส่งหนังสือแจ้งรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไปยังเจ้าบ้าน
  3. การจัดส่งบัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรล่วงหน้านอกเขตเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ลงคะแนนแล้ว
  4. การจัดส่งบัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและอุปกรณ์ที่ใช้ในการเลือกตั้งทั่วไป
  5. การจัดส่งและตอบกลับหนังสือแจ้งเจ้าบ้านที่ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตเลือกตั้ง/ในเขตเลือกตั้ง

สำหรับในวันที่ 7 พฤษภาคม 2566 เวลา 08.00-17.00 น. ผู้มีสิทธิลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้ง คือผู้ซึ่งได้ยื่นคำขอลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าไว้ก่อนหน้านี้แล้ว โดยสามารถตรวจสอบรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งได้ที่แอปพลิเคชัน Smart Vote และผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่มีชื่อว่าเป็นผู้มีสิทธิลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าจะหมดสิทธิกลับไปลงคะแนนที่หน่วยเลือกตั้งเดิมที่ตนมีสิทธิเลือกตั้ง

ส่วนจำนวนผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้งล่วงหน้า มีจำนวนทั้งสิ้น 2,235,830 คน จำแนกเป็นผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตเลือกตั้ง จำนวน 2,216,951 คน และผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตเลือกตั้ง จำนวน 18,879 คน สถานที่ลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขตเลือกตั้ง มีจำนวน 447 แห่ง และสถานที่ลงคะแนนเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตเลือกตั้ง มีจำนวน 442 แห่ง

ทั้งนี้ การลงคะแนนใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าจะเหมือนกับการใช้สิทธิเลือกตั้ง ในวันอาทิตย์ที่ 14 พฤษภาคม 2566 เพียงแต่จะเพิ่มขั้นตอนของผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่จะต้องพับบัตรเลือกตั้งใส่ลงในซองใส่บัตรเลือกตั้งและปิดผนึกให้เรียบร้อย ก่อนหย่อนลงไปในบัตรเลือกตั้ง (ซองใส่บัตรเลือกตั้งจะมีการจ่าหน้าซองระบุจังหวัด เขตเลือกตั้ง และรหัสเขตเลือกตั้งของผู้มีสิทธิเลือกตั้ง) และเมื่อเสร็จสิ้นการลงคะแนน บัตรเลือกตั้งของผู้มีสิทธิเลือกตั้งก็จะถูกส่งไปยังสถานที่นับคะแนนเลือกตั้ง เพื่อนำไปนับคะแนนในวันเลือกตั้งต่อไป


พล.ต.อ. รอย อิงคไพโรจน์ รอง ผบ.ตร. ระบุ ในด้านสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จะได้อำนวยความสะดวกการจราจรและรักษาความปลอดภัยในการขนส่งบัตรเลือกตั้งไปยังหน่วยเลือกตั้งล่วงหน้า และหน่วยเลือกตั้งทั้ง 400 เขตเลือกตั้งทั่วประเทศ ได้จัดให้มีตำรวจทางหลวงเป็นผู้อำนวยความสะดวกด้านการจราจร ทำหน้าที่รถนำและรถปิดท้ายขบวน โดยประสานงานกับตำรวจพื้นที่ตลอดเส้นทาง รวมถึงการจัดกำลังตำรวจตระเวนชายแดนเป็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยประจำรถขนบัตรเลือกตั้งในแต่ละคัน โดยตำรวจตระเวนชายแดนจะนั่งประจำรถไปกับรถขนบัตรเลือกตั้งตลอดเส้นทางจนถึงจุดเขตเลือกตั้งหลักของแต่ละจังหวัด จากนั้นชุดรักษาความปลอดภัยบัตรเลือกตั้งของตำรวจภูธรภาค 1-9 ก็จะมาทำการรักษาความปลอดภัยต่อไปยังจุดหมายปลายทางที่ทางสำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งประจำจังหวัดแต่ละจังหวัดกำหนด

ทั้งนี้ ในจุดพักรถ เติมน้ำมันเชื้อเพลิงตลอดเส้นทางจะมีตำรวจภูธรในพื้นที่นั้นๆ ทำการรักษา ความปลอดภัย ณ จุดที่รถจอดพัก ตลอดเส้นทางการขนส่งบัตรเลือกตั้งสำหรับกำลังตำรวจที่ใช้ในการรักษา ความปลอดภัยในการขนส่งบัตรเลือกตั้งในวันนี้ กำลังประกอบไปด้วย กำลังพล ดังนี้

  1. ข้าราชการตำรวจกองบัญชาการตำรวจตระเวนชายแดน จำนวน 78 นาย
  2. กองบังคับการตำรวจทางหลวง จำนวน 478 นาย และรถยนต์นำขบวน จำนวน 239 คัน

นายรุจ ธรรมมงคล อธิบดีกรมการกงศุล กล่าวว่า สำหรับภารกิจของกรมการกงสุล ได้สรุปจำนวนสถานเอกอัครราชทูต/สถานกงสุลใหญ่ที่ส่งถุงเมล์ที่บรรจุซองใส่บัตรเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรที่เข้ามาถึงประเทศไทยด้วยความเรียบร้อย และได้ปฏิบัติทุกอย่างตามระเบียบขั้นตอนอย่างถูกต้อง โดยยึดหลักผู้มีสิทธิเลือกตั้งทุกเสียงทุกสิทธิมีความสำคัญเป็นกลไกที่สำคัญตามการเมืองการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข

โดยขณะนี้หลายสถานเอกอัครราชทูตไทย สถานกงสุลใหญ่ ได้ทยอยส่งบัตรเลือกตั้งนอกราชอาณาจักร ที่ผู้มีสิทธิเลือกตั้งลงคะแนนแล้ว อาทิ กรุงปราก ประเทศเช็กเกีย เมืองกาฐมาณฑุ ประเทศเนปาล ประเทศคูเวต และสถานกงสุลใหญ่นครลอสแอนเจลิส สหรัฐอเมริกา และสถานกงสุลใหญ่ นครซีอาน สาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นต้น โดยมั่นใจว่า สถานเอกอัครราชทูตไทย สถานกงสุลไทย และสำนักงานการค้าไทยฯ ทั่วโลก จะส่งบัตรเลือกตั้งกลับมายังประเทศไทย เพื่อการนับคะแนนได้ทัน 12 พฤษภาคมนี้แน่นอน

อย่างไร ก็ ตามล่าสุด สถานเอกอัครราชทูต กรุงไคโร แจ้งว่า ไม่สามารถจัดการเลือกตั้ง นอกราชอาณาจักร ในซูดาน ได้ เนื่องจากสถานการณ์ความไม่สงบ แต่ก็ได้รับแจ้งจาก กกต. ว่า คนไทยจากซูดาน จะสามารถใช้สิทธิในประเทศไทยได้ โดยให้ประสานกับ ศอ.บต. ต่อไป

ดร.ดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด กล่าวว่า ในส่วนภารกิจของบริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ได้มีความพร้อมในการจัดส่งหนังสือแจ้งรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งไปยังทุกพื้นที่ ตลอดรวมถึงความพร้อมในการขนส่งบัตรเลือกตั้งล่วงหน้า จำนวนรถ การวางเส้นทาง เวลาการเดินรถ รวมถึงระบบตรวจสอบ ติดตามและรายงานผลการขนส่งบัตรเลือกตั้ง ไม่ว่าการจัดส่งบัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรล่วงหน้านอกราชอาณาจักรไปยัง 66 ประเทศ 94 เมืองปลายทาง การจัดส่งหนังสือแจ้งรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรไปยังเจ้าบ้าน (ส.ส. 1/16) จำนวน 18.49 ล้านครัวเรือน การจัดส่งบัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ล่วงหน้านอกเขตเลือกตั้งในเขตเลือกตั้งที่ลงคะแนนแล้ว โดย ปณท. ใช้รถยนต์ขนส่งประมาณ 535 เที่ยว การจัดส่งบัตรเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและอุปกรณ์ที่ใช้ในการเลือกตั้งทั่วไป ปณท. ใช้รถยนต์ขนส่งกว่า 500 เที่ยว การจัดส่งและตอบกลับหนังสือแจ้งเจ้าบ้านที่ลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าก่อนวันเลือกตั้งนอกเขตเลือกตั้งในเขตเลือกตั้ง ศูนย์ประสานงานการขนส่งบัตรเลือกตั้ง ขั้นตอนการส่งบัตรด้วยความปลอดภัยและสุจริต

ทั้งนี้ หลังการแถลงข่าวได้มีการนำสื่อมวลชนชมขั้นตอนการขนส่ง และรักษาความปลอดภัยบัตรเลือกตั้งด้วย โดยมีขั้นตอนต่างๆ เช่น ติด GPS มีตำรวจพร้อมอาวุธ ประจำในรถทุกคัน และตรวจแอลกอฮอล์คนขับ เป็นต้น .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดังเปิดใช้ชื่อวัดรับบริจาค แต่วัดเบิกไม่ได้

บช.ก. 6 ส.ค. – “บิ๊กเต่า” ชี้พิรุธหมอดูชื่อดัง เปิดรับบริจาค ใช้บัญชีชื่อวัด แต่หมอดูเบิกได้คนเดียว ตามกฎหมายทำไม่ได้ ต้องนำบัญชีมาตรวจสอบเส้นเงิน พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกรณีที่มีหมอดูชื่อดังได้เปิดรับบริจาคเงินโดยใช้บัญชี ชื่อวัดพระบาทน้ำพุ แต่คนที่สามารถถอนเงินออกจากบัญชีได้คือหมอดูคนดังกล่าว ทำให้ประชาชนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเปิดรับบริจาคใช้ชื่อวัดแต่วัดถอนเงินไม่ได้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวว่า ตอนนี้มีผู้เสียหายได้มาร้องขอความเป็นธรรมที่ กองกำกับการ 1 กองบังคับการปราบปราม เรื่องหมอดูคนดังกล่าว และได้มีการพูดคุยกับผู้กำกับกอง 1 ซึ่งกำลังตรวจสอบอยู่ มีการอ้างว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาส อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และจะต้องมีการเช็คว่านำเงินไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และเจ้าอาวาสนำเงินไปใช้อะไร เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนี้จะเข้าข่ายคดีฉ้อโกงหรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่า คิดว่าน่าจะเข้าข่ายคดีฉ้อโกง แต่ก็ต้องตรวจสอบดูว่าเงินที่รับบริจาคมาเอาไปให้เจ้าอาวาสจริงหรือไม่ และถ้าเอาไปให้จริง เจ้าอาวาสนำเงินไปใช้จ่ายอะไรบ้าง ผู้สื่อข่าวถามอีกว่ากรณีที่หมอดูคนดังกล่าว นำชื่อวัดมารับบริจาคเงินแต่หมอดูคนดังกล่าวกับเบิกเงินได้คนเดียว ทั้งที่ชื่อในบัญชีที่รับบริจาคเป็นชื่อวัดกระทำได้หรือไม่ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ บอกว่าทำไม่ได้ ถ้าใช้ชื่อบัญชีรับบริจาคเป็นชื่อวัดก็ต้องนำเงินไปให้วัดแล้วคนที่เบิกได้ก็ต้องเป็นวัดเท่านั้น เพราะเป็นเงินวัด เดี๋ยวจะต้องมีการนำบัญชีดังกล่าวมาตรวจสอบว่าเงินที่เข้าในบัญชีเท่าไหร่และวัดได้เท่าไหร่ และการรับบริจาคในลักษณะนี้ ต้องมีกรรมการวัดในการตรวจสอบบัญชี ให้ละเอียด ไม่ใช่อยากรับบริจาคก็จะทำได้เลย. -415-สำนักข่าวไทย

บุกค้นบริษัท ยึดโดรน-อุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น

กทม. 6 ส.ค.-ตำรวจกองปราบ ร่วมกับ กสทช. บุกค้นบริษัทใน จ.สมุทรปราการ ยึดโดรน และอุปกรณ์ตัดสัญญาณรวมกว่า 200 ชิ้น ตำรวจกองบังคับการปราบปราม ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กสทช. และพนักงานสืบสวนจังหวัดสมุทรปราการ เข้าตรวจค้นบริษัทแห่งหนึ่ง ในอำเภอเมืองสมุทรปราการ หลังพบขัอมูลว่ามีบริษัทแห่งนี้ผลิตอุปกรณ์ และมีอากาศยานไร้คนขับโดรนไว้จำนวนมาก ต่อมาเมื่อแสดงหมายเพื่อขอตรวจค้น นายกฤษนันท์ ได้แสดงตัวเป็นกรรมการผู้จัดการของบริษัทดังกล่าว เป็นผู้นำตรวจค้น จากการตรวจค้นพบอากาศยานไร้คนขับ หรือโดรน 29 เครื่อง, กระเป๋าตรวจจับสัญญาณ 38 อัน, ปืนรบกวนสัญญาณ 129 กระบอก, เครื่องรบกวนสัญญาณ 16 เครื่อง, รถตู้สำหรับตรวจจับและรบกวนสัญญาณ 1 คัน และอุปกรณ์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้องอีก 50 รายการ โดยของกลางทั้งหมดจะถูกนำไปเก็บไว้ที่กองบังคับการตำรวจสอบสวนกลาง เพื่อนำไปตรวจสอบความถี่ และเอกสารที่เกี่ยวข้อง สำหรับบริษัทดังกล่าว ตำรวจให้ข้อมูลว่า มีเจ้าของโรงงานเป็นคนสัญชาติสิงคโปร์ และมีกรรมการเป็นชาวไทยร่วมด้วย ประกอบกิจการผลิตอุปกรณ์ และอากาศยานไร้คนขับโดรน.-สำนักข่าวไทย

มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงิน

กทม 5 ส.ค.-มหาดไทย เตรียมชง ครม. เด้ง 2 อธิบดีสายน้ำเงินอีก “ขจรเกียรติ” ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา ผงาดคุมที่ดิน “เชษฐา” คุม ปภ. โยก “ภาสกร” นั่งผู้ว่าฯ ระยอง ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันนี้ กระทรวงมหาดไทย เตรียมเสนอให้ ครม.พิจารณาเห็นชอบรวม 5 ตำแหน่ง ประกอบด้วย นายพรพจน์ เพ็ญพาส อธิบดีกรมที่ดิน เป็นรองปลัดกระทรวงมหาดไทย นายเชษฐา โมสิกรัตน์ รองปลัดกระทรวงมหาดไทย เป็นอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย นายขจรเกียรติ รักพานิชมณี ผู้ว่าฯ ฉะเชิงเทรา เป็นอธิบดีกรมที่ดิน นายภาสกร บุญญลักษม์ อธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เป็นผู้ว่าฯ ระยอง และนายไตรภพ วงศ์ไตรรัตน์ ผู้ว่าฯ ระยอง เป็นผู้ว่าฯ เพชรบุรี.-319.-สำนักข่าวไทย

เปิดปฏิบัติการค้น 200 จุด ล่าพระทำผิดกฎหมาย

กทม. 5 ส.ค.-ตำรวจสอบสวนกลาง เปิดปฏิบัติการทำนุบำรุงพระพุทธศาสนา ลุยค้น 200 จุดทั่วประเทศ ไล่ล่าจับพระทำผิดกฎหมาย 181 เป้าหมาย ล่าสุดจับพระวัดดังย่านคลอง 6 ปทุมธานี พบเอี่ยวองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ พล.ต.ท.จิรภพ ภูริเดช ผบช.ก. ในฐานะหัวหน้าศูนย์ป้องกันปราบปรามภัยคุกคามและเสริมสร้างความมั่นคงทางพระพุทธศาสนา สั่งการ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รอง ผบช.ก. นำกำลังเจ้าหน้าที่หน่วยงานในสังกัด บช.ก. เปิดปฏิบัติการกวาดลานวัด เข้าตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย กว่า 200 จุด เพื่อจับกุมผู้ต้องหาคดีต่างๆ อาทิ ยักยอกทรัพย์ ฟอกเงิน เมาแล้วขับ หรือ มีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการยาเสพติด รวมไปถึงองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ที่หลบหนีมาบวชเป็นพระซ่อนตัวตามวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยกลุ่มผู้ต้องหาที่เป็นเป้าหมายหลักของปฏิบัติการครั้งนี้ มีด้วยกันทั้งหมด 181 ราย แบ่งเป็น ผู้ต้องหาที่ยังมีสถานะเป็นพระ 154 ราย ในจำนวนนี้มีพระตำแหน่งสูงสุดเป็นระดับเจ้าอาวาส ส่วนผู้ต้องหาที่เคยเป็นพระแต่สึกไปแล้วมีทั้งหมด 27 ราย ซึ่งขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการเข้าดำเนินการจับกุม อย่างไรก็ตามขณะนี้มีรายงานว่า จากปฏิบัติการดังกล่าวขณะนี้เจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวผู้ต้องหาคนสำคัญได้รายหนึ่งแล้ว […]

ข่าวแนะนำ

“ภูมิธรรม” ถก สมช.-ครม.นัดพิเศษ พิจารณาข้อตกลงหยุดยิง

ทำเนียบรัฐบาล 6 ส.ค.- “ภูมิธรรม” ประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีนัดพิเศษ พิจารณาข้อตกลงหยุดยิงไทย-กัมพูชา ด้าน “บิ๊กเล็ก” ตั้งเกณฑ์วัดความจริงใจกัมพูชา 3 ระดับ บอกผ่าน GBC ระดับเลขาฯ แล้ว เบื้องต้นบรรลุข้อลงหยุดยิง ตามข้อเสนอ 8 ข้อ ขอรอดูปฏิบัติจริง ย้ำ MOU43 ยังมีประโยชน์เป็นข้ออ้างกล่าวหาเขมรได้-ขอสบายใจ ยึดประโยชน์ชาติ นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาราชการแทนนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติและคณะรัฐมนตรีรัฐพิเศษเพื่อที่จะรับรองข้อตกลงการประชุมคณะกรรมการชายแดนทั่วไป หรือ GBC ภายหลังคณะเลขานุการ GBC ไทย ได้เดินทางไปยังประเทศมาเลเซียเพื่อหารือในวงเล็กมาก่อนหน้านี้ โดยบรรยากาศการประชุมมีบรรดารัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมอาทิ พลเอกณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม รักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นายชูศักดิ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช เลขาธิการนายกรัฐมนตรี นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ ปลัดกระทรวงมหาดไทย รวมถึงคณะเลขานุการ GBC เข้าร่วมประชุมอย่างพร้อมเพรียง พลเอกณัฐพล เปิดเผยก่อน การประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) […]

ศบ.ทก. เผย GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย จ่อชง สมช.-ครม.นัดพิเศษ

ทำเนียบ 6 ส.ค.- ศบ.ทก. เผยข่าวดี ที่ประชุม GBC สรุปข้อตกลง 2 ฝ่าย พร้อมเตรียมเสนอให้ สมช. – ครม. นัดพิเศษ พิจารณาเย็นนี้ ก่อน รมช.กห. เดินทางร่วมลงนามพรุ่งนี้ ด้าน กต. เตรียมประชุมทูตทั่วโลก เพื่อชี้แจงสถานการณ์ให้นานาชาติเข้าใจ หลังพาองค์การระหว่างประเทศเยี่ยม 18 เชลยศึก ขณะที่ผ่อนปรนให้โดรนเพื่อการเกษตรบินได้หลัง 15 ส.ค.นี้ พลเรือตรีสุรสันต์ คงสิริ โฆษกศูนย์เฉพาะกิจบริหารสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา (ศบ.ทบ.) และนางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองอธิบดีกรมสารนิเทศและรองโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ พร้อมกับนางสาวศศิกานต์ วัฒนะจันทร์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงการณ์ภายหลังจากการประชุมความคืบหน้าสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พลเรือตรีสุรสันต์ แถลงว่าสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ในส่วนของความมั่นคงในห้วงที่ผ่านมา สถานการณ์โดยทั่วไปอยู่ในสภาวะปกติ มีการเสริมที่มั่นทางทหารในพื้นที่บางส่วน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ไม่มีการเสริมกำลังทหารแต่อย่างใด ในช่วงเวลาที่ผ่านมาเช่นเดียวกันก็มีการตรวจพบว่ามีการใช้โดรนเพิ่มมากยิ่งขึ้น ในสถานการณ์ไทยห้ามบินโดรนทั่วประเทศ ซึ่งฝ่ายความมั่นคงยังเข้มงวดในการสกัดกั้น ตรวจตรา ตรวจสอบ รวมทั้งดำเนินการตามกฎหมายอย่างต่อเนื่องด้วย ซึ่งจะมีผลบังคับใช้ถึงวันที่ 15 […]

กกพ.จี้ MEA แจงปัญหาไฟดับ

กรุงเทพฯ 6 ส.ค. – สำนักงานคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน (กกพ.) จี้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) แจ้งปัญหาไฟดับเป็นบริเวณกว้าง ด้านประชาชนแห่คอมเมนต์ผลกระทบและต้องการเห็นการชดเชย จากปัญหาความเดือดร้อนคนกรุงเทพฯ เมื่อคืนที่ผ่านมา (5 ส.ค.) เวลา 22.12 น. เกิดไฟดับเป็นบริเวณกว้างในพื้นที่ย่านสะพานควาย เขตพญาไท ถ.ประดิพัทธ์ และ ถ.พระรามที่ 6 และ MEA แก้ไขจนจ่ายครบเวลา 23.50 น. ทางสำนักงาน กกพ.แจ้งว่าได้ประสานให้การไฟฟ้านครหลวง (MEA) รายงานข้อเท็จจริง และแนวทางการแก้ไขและป้องกัน เพื่อไม่ให้เกิดเหตุขึ้นอีก ในขณะที่ชาวบ้านที่ได้รับผลกระทบต่างระบุเดือดร้อนจากเหตุไฟดับ ต้องการให้ MEA ชี้แจงสาเหตุที่ชัดเจน บางส่วนก็ชื่นชม แก้ปัญหาได้รวดเร็ว บางส่วนก็ต้องการเห็น การชดเชยจาก MEA เพราะพื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่เศรษฐกิจและมีประชาชนอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก โดยไฟดับทั้งอาคาร ดับทั้งไฟสาธารณะ ไฟจราจร สัญญาณอินเทอร์เน็ต ทั้งนี้ MEA ชี้แจงเบื้องต้นสาเหตุเกิดจากความขัดข้องทางเทคนิคของอุปกรณ์ในสถานีไฟฟ้าย่อย ในระหว่างการเตรียมการเพื่อปฏิบัติงานปรับปรุงระบบจ่ายไฟฟ้าตามปกติ, ไม่มีความเกี่ยวข้องกับการก่อการร้ายหรือภัยคุกคามทางไซเบอร์ สาเหตุที่แท้จริงของอุปกรณ์ขัดข้องจะชี้แจงต่อไป ผู้สื่อข่าวรายงานว่า […]

ตำรวจเตรียมสอบเชิงลึกชาย BHQ หวั่นเป็นไส้ศึก

บุรีรัมย์ 6 ส.ค.-ตำรวจสอบปากคำชายชาวกัมพูชา พบใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ อ้างเคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อคำให้การ เกรงแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับ กรณีตำรวจ สภ.ลำดวน จังหวัดบุรีรัมย์ จับกุมชายชาวกัมพูชา ได้ที่บ้านพักภรรยาคนไทยและมีเครื่องแบบทหารพร้อมตราสัญลักษณ์ BHQ จากการสอบปากคำ เคยเป็นทหารหน่วย BHQ จริง แต่ปัจจุบันไม่ได้เป็นแล้ว มาทำงานอยู่ไทย แล้วถูกสวมชื่อ จากการตรวจสอบพบมีการใช้ชื่อถึง 4 ชื่อ ซึ่งแต่ละชื่อไม่ตรงกัน และอ้างว่าเมื่อก่อนเข้ามาอย่างถูกต้อง แต่ล่าสุดมีการลักลอบเข้ามาผ่านช่องทางธรรมชาติทาง จ.สระแก้ว โดยอ้างว่าจ่ายเงินบุคคลที่พาเข้า 4,000 บาท แต่เจ้าหน้าที่ยังไม่เชื่อการคำให้การ เกรงว่าอาจจะแฝงตัวเข้ามาเป็นสายลับคอยส่งข้อมูลความเคลื่อนไหวเกี่ยวกับความมั่นคงของไทย ไปให้ฝั่งกัมพูชา จากการตรวจสอบข้อมูลในโทรศัพท์พบมีรูปถ่ายกายแต่งกายทหารและถือปืน เบื้องต้นทางตำรวจจะดำเนินคดีมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองโดยผิดกฎหมาย และลักลอบเข้ามาในราชอาณาจักรไทยโดยไม่ได้รับอนุญาต.-สำนักข่าวไทย