“บิ๊กป้อม” นำ พปชร.ปราศรัยฉะเชิงเทรา ลั่นลดราคาพลังงานทันทีที่เป็น รบ.

ฉะเชิงเทรา 19 เม.ย. – “พล.อ.ประวิตร” นำทัพ พปชร.ปราศรัย จ.ฉะเชิงเทรา ส่งผู้สมัคร 4 เขต คนดี คนเก่ง รับใช้ประชาชน ลั่นลดราคาพลังงานทุกชนิดทันทีที่เป็นรัฐบาล ชวนคนไทยก้าวข้ามความยากจนและความขัดแย้ง


เมื่อวันที่ 19 เมษายน 2566 เวลา 17.50 น. พรรคพลังประชารัฐ ได้เปิดเวทีปราศรัยใหญ่ บริเวณลานจอดรถ วัดสมานรัตนาราม ต.บางแก้ว อ.เมือง จ.ฉะเชิงเทรา นำโดย พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ พร้อมด้วย นายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ ประธานยุทธศาสตร์การเมือง นายวิรัช รัตนเศรษฐ รองหัวหน้าพรรค ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า และ ดร.รัฐสภา นพเกตุ ผู้สมัคร ส.ส. เขต 1 เบอร์ 3, นายอรรถกร ศิริลัทธยากร ผู้สมัคร ส.ส. เขต 2 เบอร์ 4, นายสายัณห์ นิราช ผู้สมัคร ส.ส. เขต 3 เบอร์ 4 และ พล.ต.ท.พิทักษ์ จารุสมบัติ ผู้สมัคร ส.ส. เขต 4 เบอร์ 7 โดยบรรยากาศเป็นไปด้วยความคึกคัก มีประชาชนจำนวน 12,000 คน รอเข้าร่วมรับฟังการปราศรัย

พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า รู้สึกอบอุ่นที่มาพบปะพี่น้องประชาชนในวันนี้ ผมและพรรคพลังประชารัฐ พร้อมแล้วที่จะทำงานรับใช้พี่น้องชาว จ.ฉะเชิงเทรา เพื่อให้ จ.ฉะเชิงเทรา เจริญรุ่งเรือง ฝากพรรคพลังประชารัฐด้วย พรรคได้เลือกคนดี คนเก่ง มาเป็นผู้แทนของพี่น้องชาว จ.ฉะเชิงเทรา ทั้ง 4 เขต โปรดเลือกผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐทั้ง 4 เขต และการเลือกพรรคพลังประชารัฐ ขอให้เลือกเบอร์ 37 ด้วย ทั้งนี้ อยากจะสื่อสารให้พี่น้องทราบว่า พรรคพลังประชารัฐได้นำเสนอนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อประชาชนมากมาย ทำนโยบายบัตรประชารัฐเพิ่มเป็น 700 บาท/เดือน ลดราคาน้ำมัน แก๊สหุงต้ม และค่าไฟฟ้า ลงในทันที เมื่อได้เข้ามาเป็นรัฐบาล โดยน้ำมันเบนซิน ลดลง 18 บาท/ลิตร ดีเซล ลดลง 6.30 บาท/ลิตร ในทันที หากพรรคได้มาเป็นรัฐบาล รวมทั้งมีมาตรการลดราคาแก๊สหุงต้มเหลือ 250 บาทต่อถัง 15 กิโลกรัม ที่สำคัญคือ ลดราคาค่าไฟฟ้าสำหรับบ้านที่อยู่อาศัย เหลือ 2.50 บาท/หน่วย ภาคอุตสาหกรรม เหลือ 2.70 บาท/หน่วย


อย่างไรก็ตาม พลังประชารัฐจะทำทุกอย่างให้ประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้น มีความเป็นอยู่ที่ดี ดังนั้น ขอฝากพี่น้องประชาชนทุกคนช่วยเลือกพรรคพลังประชารัฐ เบอร์ 37 และเลือกผู้สมัครทั้ง 4 เขตของพรรคด้วย ทั้งนี้ เพื่อมอบความสุขให้กับประชาชนด้วยความจริงใจ นอกจากจะดูแลคนไทยทุกช่วงวัย ทั้งเบี้ยผู้สูงอายุ โดยอายุ 60 ปี ได้รับการดูแล เดือนละ 3,000 บาท อายุ 70 ปีขึ้นไป ได้รับการดูแล 4,000 บาท อายุ 80 ปีขึ้นไป จะได้รับการดูแล 5,000 บาท ช่วยดูแลผู้สูงอายุให้สามารถอยู่ได้อย่างมีความสุข นอกจากนี้ยังมีนโยบายดูแลสุขภาพสตรีตั้งครรภ์ ตั้งแต่ 5 เดือนเป็นต้นไป เดือนละ 10,000 บาท จนถึงคลอด และเมื่อคลอดออกมาแล้วจะดูแลไปจนถึง 6 ขวบ เดือนละ 3,000 บาท

นอกจากนี้ ยังมีนโยบายมีเราไม่มีแล้ง ได้ลงพื้นที่ดูแลเรื่องน้ำหลายครั้ง เพื่อดูแลแก้ปัญหาเรื่องน้ำให้กับพี่น้องประชาชน โดยเฉพาะเรื่องน้ำเค็ม น้ำอุปโภค บริโภค และน้ำเพื่อการเกษตร และได้ทำโครงการต่างๆ ให้กับพี่น้องชาว จ.ฉะเชิงเทรา เป็นจำนวนมาก เรื่องที่ทำกินได้มอบหนังสืออนุญาตทำประโยชน์หลายครั้ง โดยเฉพาะพื้นที่เขาตะเกียบ

พรรคพลังประชารัฐจะแก้ปัญหาความยากจน และก้าวข้ามความยากจนไปด้วยกัน ด้วยการลดความเหลื่อมล้ำ การสร้างงาน สร้างรายได้ ยกระดับการศึกษา ยกระดับภาคอุตสาหกรรม และจะพัฒนาเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC โดยการขยายเส้นทางถนนหมายเลข 304 ให้สะดวกในการคมนาคม ทำทุกวิถีทางเพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี มีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น


“ผมพูดไม่เก่ง แต่ทำงานและประสานประโยชน์ได้ทุกฝ่าย จะนำคนเก่งๆ มาร่วมมือกันทำงาน ก้าวข้ามความขัดแย้ง สร้างความรุ่งเรืองให้ประเทศ ก้าวข้ามความยากจน เราจะก้าวข้ามความยากจนและความขัดแย้งไปด้วยกัน ทำให้ประชาชนคนไทยทั้งประเทศมีความเป็นหนึ่งเดียว รักใคร่สามัคคีกัน ขอให้เชื่อมั่นใน พปชร. ผมขอประกาศกับพี่น้องว่าเราทำได้ พร้อมจะรับใช้ประชาชนให้มีความสุขต่อไป โดยการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค.นี้ โปรดเลือก พปชร. เบอร์ 37 และเลือกผู้สมัคร ส.ส.ของพรรค ขอฝาก พปชร.ไว้กับชาวฉะเชิงเทราด้วย” พล.อ.ประวิตร กล่าว

ด้านนายสนธิรัตน์ กล่าวปราศรัยว่า ขอให้ประชาชนศึกษาวิธีการกาบัตรให้ดี เพราะครั้งนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ หลังการเลือกตั้ง ไม่ว่าฝ่ายไหนชนะการเลือกครั้งนี้ พรรคพลังประชารัฐยืนยันชัดเจนว่า ไม่เป็นศัตรูกับใคร แต่จะเป็นกาวใจเชื่อมประสานทุกพรรค เพื่อให้ประชาชนอยู่ดีกินดี หลังการเลือกตั้งจะต้องไม่ตีกันและไม่ขัดแย้ง ความคิดแตกต่างกันได้ แต่คนไทยต้องรักกัน วันนี้เรามาขอคะแนน โดยจะเป็นกาวใจเชื่อมทุกฝ่าย เพื่อดูแลประชาชน อีกทั้ง พล.อ.ประวิตร สามารถประสานงานได้ทุกฝ่าย เหมาะสมที่จะเป็นนายกรัฐมนตรีมากที่สุด และบุคลากรในพรรคของเราก็มีความรู้ ความสามารถ และเรายังมีมือเศรษฐกิจที่ดีที่สุด ตนจึงขอให้ประชาชนพิจารณาเลือกพรรคพลังประชารัฐด้วย

นายสันติ กล่าวว่า พรรคพลังประชารัฐ มีนโยบายเพิ่มเงินบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรประชารัฐ เดือนละ 700 บาท เพื่อให้ประชาชนกลุ่มเปราะบางได้มีเงินยังชีพ ปัจจุบันที่ผ่านเกณฑ์ทั้งหมด 14.5 ล้านคน หรือประมาณ 25% ของคนไทยทั้งประเทศ โดยพรรคมีแนวคิดให้พี่น้องกลุ่มเปราะบางที่ถือบัตรฯ สามารถขึ้นทะเบียนเพื่อฝึกอบรมอาชีพ จำนวน 15 วัน และเมื่อผ่านการอบรมจะได้รับทุน จำนวน 30,000 บาท/คน เพื่อนำไปเป็นทุนในการประกอบอาชีพ โดยผู้ที่ถูกคัดเลือกจะผ่านการคัดเลือกจากคณะกรรมการท้องถิ่น ซึ่งจะทำให้กลุ่มเหล่านี้มีอาชีพที่มั่นคง ก้าวพ้นจากความยากจน และเป็นผู้ประกอบการรายใหม่

นอกจากนี้ พรรคพลังประชารัฐยังมีโครงการที่จะพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน สร้างประโยชน์ให้กับภาคตะวันออกเฉียงเหนือและภาคตะวันออก โดยการสร้างทางรถไฟทางคู่ เริ่มจาก จ.บึงกาฬ มายัง จ.มหาสารคาม จ.กาฬสินธุ์ จ.ร้อยเอ็ด และ จ.สุรินทร์ มา จ.ปราจีนบุรี มา จ.สระแก้ว มา จ.ฉะเชิงเทรา จ.ชลบุรี และ จ.ระยอง เพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ตามนโยบายที่จะพัฒนา “อีสานประชารัฐ”

ด้านนายอรรถกร หนึ่งในผู้สมัครของพรรคพลังประชารัฐ กล่าวปราศรัยว่า ต้องขอบคุณชาวฉะเชิงเทราที่ให้ความเอ็นดูมากว่า 10 ปี ตั้งแต่สมัยคุณพ่อของตน วันนี้ตนมาขอคะแนนและขอความเอ็นดูจากพี่น้องอีก 1 สมัย ตนขอโอกาสได้เข้าสภาฯ ไปผลักดันการแก้ปัญหาเรื่องน้ำให้พี่น้องชาวฉะเชิงเทราทุกคน ทั้งนี้ ขอให้วันที่ 14 พ.ค. พี่น้องเข้าคูหากาเบอร์ 37 หากจำไม่ได้ให้คิดถึงนโยบายของพรรคพลังประชารัฐ ที่จะเพิ่มจำนวนเงินในบัตรประชารัฐ จาก 300 เป็น 700. – สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

เปิดเนื้อหาหนังสือแจง UNSC กัมพูชาวางทุ่นระเบิด-เริ่มยิงก่อน

25 ก.ค.- เปิดเนื้อหาหนังสือจากผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติที่นิวยอร์ก เพื่อชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา นายเชิดชาย ใช้ไววิทย์เอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทย ประจำสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์ก ส่งหนังสือชี้แจงต่อประธานคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ระบุว่า ขอแจ้งให้ท่านและสมาชิกคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติทุกท่านทราบ ถึงสถานการณ์อันร้ายแรงที่ส่งผลกระทบต่ออธิปไตยและบูรณภาพแห่งดินแดนของไทย อันเป็นผลจากการรุกรานทางทหารของประเทศกัมพูชา โดยมีรายละเอียด ดังนี้ 1.     เมื่อวันที่ 16 และ 23 กรกฎาคม ค.ศ. 2025 ขณะที่เจ้าหน้าที่ทหารไทยกำลังลาดตระเวนตามเส้นทางปกติที่กำหนดไว้ ซึ่งอยู่ภายในอาณาเขตของประเทศไทย ทหารได้เหยียบทุ่นระเบิดชนิด PMN-2 ส่งผลให้ทหาร 2 นาย ได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสส่งผลถึงขั้นพิการถาวร ขณะที่ทหารนายอื่น ๆ ก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส ทุ่นระเบิด PMN-2 ทั้งหมดที่พบอยู่ในสภาพใหม่ ยังมีเครื่องหมายที่มองเห็นได้ชัดเจน หลักฐานบ่งชี้ว่าทุ่นระเบิดเหล่านี้เพิ่งถูกวางใหม่ ในฐานะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามทุ่นระเบิดสังหารบุคคล ไทยได้ยื่นรายงานประจำปีเกี่ยวกับความโปร่งใสในการดำเนินการตามพันธกรณีในอนุสัญญาดังกล่าว ตามมาตรา 7 ของอนุสัญญาฯ อย่างต่อเนื่อง รายงานดังกล่าวระบุว่าประเทศไทยได้ทำลายทุ่นระเบิดในคลังทั้งหมดแล้วตั้งแต่ปี ค.ศ. 2003 และต่อมา ได้ทำลายทุ่นระเบิดทั้งหมดที่เก็บไว้เพื่อการฝึกอบรมและการวิจัยในปี ค.ศ. […]

“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน”

ก.มหาดไทย 25 ก.ค.-“ภูมิธรรม” เชื่อประชาชนคิดเหมือน “ทักษิณ” ขอให้กองทัพลบเหลี่ยม “ฮุนเซน” ชี้รับฟังทุกความไม่พอใจ แต่ทุกอย่างเป็นไปตามยุทธวิธี ให้ทหารมีอิสระในการทำงาน มอง “ก่อแก้ว” ขอศาล รธน. คืนอำนาจให้ “แพทองธาร” เป็นความเห็นเหมือนประชาชนจำนวนมาก แต่ให้เป็นตามกระบวนการยุติธรรม นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย รักษาการนายกรัฐมนตรี ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านทวิตเตอร์ ระบุถึง อยากให้กองทัพสั่งสอนความเจ้าเล่ห์ของฮุนเซนก่อน ว่า ก็เหมือนประชาชนทั่วไป ที่เวลานี้มีความรู้สึกเช่นนั้น หลายคนแสดงความเห็นให้ทำแบบนู้นแบบนี้ เราก็รับฟังความห่วงใยความไม่พอใจที่เราถูกกระทำ ตนเข้าใจความรู้สึกเหล่านั้น และเห็นว่าเป็นจุดมุ่งหมายเดียวกัน เพราะเรื่องอธิปไตยของประเทศ การรุกล้ำเข้ามา กระทบประชาชนเรายอมไม่ได้ ซึ่งที่ผ่านมาทุกฝ่ายจะเห็นว่าเราประนีประนอม (Compromise) ให้มากที่สุด แต่เมื่อสิ่งดังกล่าวไม่เกิดขึ้น และเป็นปัญหา วันนี้จึงได้สั่งการให้ทหารมีอิสระในพื้นที่ โดยผู้บัญชาการทหารบก (ผบ.ทบ.) เป็นผู้คุมยุทธการ ปฏิบัติได้ตามสถานการณ์ที่เกิดขึ้น รวมถึงได้มีการทำความเข้าใจกับ พลเอก ณัฐพล นาคพาณิชย์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงกลาโหม ในฐานะรักษาการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม มีการโทรคุยกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด […]

เข้าสู่วันที่ 2 กัมพูชาเปิดฉากตั้งแต่เช้ามืด ที่ปราสาทตาเมือนธม

สุรินทร์ 25 ก.ค.-เข้าสู่วันที่ 2 เหตุปะทะไทย-กัมพูชา เริ่มเปิดฉากยิงกันตั้งแต่เช้ามืด บริเวณปราสาทตาเมือนธม และปราสาทตาควาย อ.พนมดงรัก จ.สุรินทร์ ขณะนี้เสียงยังดังต่อเนื่อง ก่อนขยายการสู้รบไปตลอดแนวชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านอีสานใต้ อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ เป็นพื้นที่แรกที่ฝ่ายกัมพูชาเปิดฉากยิงก่อนด้านปราสาทตาเมือนครับ เช้ามืดวันนี้ ราวตี 5 ครึ่ง ก็เริ่มปะทะกันอีก ขณะนี้ก็มีเสียงดังอย่างต่อเนื่อง เส้นทางจากอำเภอปราสาท จังหวัดสุรินทร์ เข้าสู่อำเภอพนมดงรัก จังหวัดสุรินทร์ แม้สายแล้ว ก็มีรถสัญจรไปมาค่อนข้างน้อย เนื่องจากเป็นพื้นที่เสี่ยงภัยการสู้รบ โดยอำเภอพนมดงรักเป็นหนึ่งใน 4 อำเภอ ที่ผู้ว่าราชการจังหวัดสุรินทร์ ประกาศให้ผู้ที่ไม่มีความจำเป็นเข้าพื้นที่ร่วมกับอำเภอกาบเชิง บัวเชดและสังขะ โดยตลอดช่วงเช้าที่ผ่านมา ในพื้นที่ตามแนวชายแดนได้ยินเสียงการปะทะด้วยกระสุนปืนใหญ่ดังอย่างต่อเนื่อง ผู้นำหมู่บ้านบันทึกสถิติเฉพาะฝั่งไทยตอบโต้เกินกว่า 100 ลูกแล้ว บ้านหนองแรด ตำบลบักได อำเภอพนมดงรัก ที่จรวดหลายลำกล้อง BM 21 ตกเยอะสุด 10 ลูก วานนี้โดยรอบหมู่บ้าน โชคดีไม่ลงบ้านเรือน มีกระจกแตกเล็กน้อยจากแรงอัดลูกจรวดเท่านั้น วันนี้ ยังมีชาวบ้านอยู่นับร้อยคนหลบอยู่ในหลุมหลบภัย จากทั้งหมด […]

เปิดศูนย์พักพิงชั่วคราวรองรับประชาชนพื้นที่เสี่ยงภัยชายแดน

ศรีสะเกษ 24 ก.ค. – บรรยากาศคืนแรกที่ศูนย์อพยพฯ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ประชาชนต้องละทิ้งบ้านเรือนมาพักอาศัยชั่วคราว จากเหตุปะทะตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา นี่เป็นบรรยากาศค่ำคืนแรกที่ประชาชนในเขต อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ต้องออกมาพักอาศัยนอกบ้านเรือน ตั้งแต่เกิดเหตุกัมพูชายิงจรวดเข้าใส่เขตพักอาศัยของพลเรือน ซึ่งเป็นการละเมิดข้อตกลงระหว่างประเทศ ทำให้ตลอดทั้งวัน อ.กันทรลักษ์ มีการอพยพประชาชนแล้วมากกว่า 41,000 คน กระจายไปตามจุดต่างๆ โดยจุดนี้เป็นจุดที่น่าจะมีผู้อพยพมากที่สุด เพราะใกล้แนวชายแดนที่อยู่ในระยะปลอดภัยมากที่สุด คือ ประมาณ 40 กิโลเมตร จากแนวชายแดน มีประชาชนเข้ามาพักอาศัย 4,865 คน และยังมีจุดอื่นๆ ที่ใกล้เคียงกระจายกันไป ผลจากสถานการณ์ตึงเครียดและพลเรือนตกเป็นเป้าของการโจมตี ทำให้หลายคนอยู่ในอาการเครียดและกังวล เจ้าหน้าที่ต้องมีการประชาสัมพันธ์ให้กำลังใจเป็นระยะ รวมทั้งให้บริการยาและอุปกรณ์ต่างๆ ที่จำเป็นเบื้องต้น พร้อมกันนี้ได้ย้ำให้ปฏิบัติตามคำแนะนำของนายอนุพงศ์ สุขสมนิตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ที่ได้ฝากแจ้งประชาชนที่ยังลังเลไม่ยอมอพยพออกจากพื้นที่ เนื่องจากเป็นห่วงทรัพย์สินหรือสัตว์เลี้ยง ว่า ขณะนี้มีชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) ผู้ใหญ่บ้าน และกำนัน ดูแลพื้นที่อย่างใกล้ชิดทุกหมู่บ้าน จึงขอให้ทุกคนให้ความร่วมมือ และออกมาจากพื้นที่เสี่ยงตามจุดนัดหมาย เพื่อความปลอดภัยของตนเองและครอบครัว. – สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” ยังมีฝนตกหนักบางแห่ง

กทม. 26 ก.ค.- กรมอุตุฯ เผย “เหนือ-อีสาน” ยังคงมีฝนตกหนักบางแห่ง เตือน 7 จังหวัดรับมือ อาจเกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง กรมอุตุนิยมวิทยาเผยประเทศไทยตอนบนยังคงมีฝนตกหนักบางแห่งบริเวณภาคเหนือ และภาคตะวันออกเฉียงเหนือ โดยเฉพาะบริเวณจังหวัดแม่ฮ่องสอน เชียงใหม่ ตาก บึงกาฬ สกลนคร นครพนม และมุกดาหาร ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลัน น้ำป่าไหลหลาก และน้ำล้นตลิ่ง โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม ทั้งนี้เนื่องจากมรสุมตะวันตกเฉียงใต้กำลังค่อนข้างแรงพัดปกคลุมทะเลอันดามัน ประเทศไทย และอ่าวไทย ในขณะที่มีหย่อมความกดอากาศต่ำบริเวณประเทศเวียดนามตอนบน สำหรับคลื่นลมบริเวณทะเลอันดามันตอนบน และอ่าวไทยตอนบนมีกำลังปานกลาง โดยมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ส่วนทะเลอันดามันตอนล่างมีคลื่นสูง 1-2 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงมากกว่า 2 เมตร ขอให้ชาวเรือบริเวณทะเลอันดามันและอ่าวไทยเดินเรือด้วยความระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง อนึ่ง พายุโซนร้อน “ก๋อมัย” บริเวณมหาสมุทรแปซิฟิก มีแนวโน้มเคลื่อนตัวไปทางตอนใต้ของประเทศญี่ปุ่น โดยพายุนี้ไม่เคลื่อนเข้าสู่ประเทศไทย.- สำนักข่าวไทย

9 ทันโลก : แจงด่วน! คณะมนตรีความมั่นคง ไทยนี้รักสงบ

25 ก.ค. – นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ จะร่วมประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ ตามที่กัมพูชาร้องขอไว้ รายงาน 9 ทันโลก พาไปติดตามบทบาทและโอกาสของไทยบนเวทีสำคัญนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาตินานเกือบ 80 ปี จะได้แสดงบทบาทอีกครั้งในคณะมนตรีความมั่นคง ซึ่งเป็นโอกาสสำคัญในการสื่อสารกับประชาคมโลก ถึงการกระทำของกัมพูชา ซึ่งเป็นการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศหลายด้าน รวมถึงกฎบัตรสหประชาชาติที่ไทยยึดมั่น ในห้องประชุมนี้ ไทยในฐานะสมาชิกสหประชาชาติ ลำดับที่ 55 จะทำหน้าที่อีกครั้งในภารกิจด้านสันติภาพ ตั้งแต่เข้าเป็นสมาชิกเมื่อปี 2489 ที่นี่ไทยเคยทำหน้าที่ประธานการประชุมคณะมนตรีความมั่นคง โดยพลอากาศเอก สิทธิ เศวตศิลา และหม่อมหลวง พีระพงศ์ เกษมศรี ทำหน้าที่สองวาระ ในปี 2528 และ 2529 ในเวลาที่สงครามเย็นคุกรุ่น มาในวันนี้ไทยกำลังจะมีโอกาสอันดีที่ได้ใช้ช่องทางการทูตสำคัญ เสาหลักความมั่นคงของสหประชาชาติ ในอีกบทบาทหนึ่งที่ยังคงอยู่บนพื้นฐานการแสวงหาสันติภาพตามกลไกนี้ เมื่อประเทศสมาชิก ในกรณีนี้คือกัมพูชา ร้องขอให้เปิดประชุมเร่งด่วน สมาชิกคณะมนตรีซึ่งมีสมาชิกถาวร 5 ประเทศ และสมาชิกไม่ถาวร 10 ประเทศ พิจารณากรณีที่เป็นภัยคุกคามใดต่อสันติภาพและความมั่นคงระหว่างประเทศ เช่น กรณีการปะทะระหว่างไทยกับกัมพูชา […]

น่านยังอ่วม บางจุดน้ำท่วมสูงเกือบ 2 เมตร

น่าน 25 ก.ค. – เข้าสู่วันที่ 3 น้ำท่วมใหญ่เป็นประวัติการณ์ของเมืองน่าน แม้ระดับน้ำลดลงบ้างแล้ว แต่ในตัวเมือง-เขตเศรษฐกิจยังท่วมสูง บางจุดระดับน้ำเกือบ 2 เมตร ขณะที่ “บิณฑ์ บรรลือฤทธิ์” นำทีมกู้ภัยฝ่ากระแสน้ำเชี่ยวเข้าช่วยเหลือชาวบ้าน .-สำนักข่าวไทย

มีผลทันที! ประกาศกฎอัยการศึก 8 อำเภอ “จันทบุรี-ตราด”

25 ก.ค.- กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด ประกาศใช้กฎอัยการศึกบางพื้นที่ มีผลทันที กองทัพเรือ โดย กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด “ประกาศใช้กฎอัยการศึก” บางพื้นที่ ดังนี้ ตามที่ได้มีประกาศคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ลงวันที่ 19 กันยายน 2549 ให้ใช้กฎอัยการศึกทั่วราชอาณาจักร ตั้งแต่วันที่ 19 กันยายน 2549 เวลา 21.05 นาฬิกา ซึ่งต่อมาได้มีพระบรมราชโองการเลิกใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ และให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่ ลงวันที่ 31 ธันวาคม 2550 นั้น โดยที่ปรากฏว่าประเทศกัมพูชาได้ใช้กำลังและอาวุธรุกรานเข้ามาในราชอาณาจักรไทยตลอดแนวชายแดน จึงมีความจำเป็นโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้ที่ต้องใช้กำลังทหาร ตำรวจ พลเรือน ตลอดจนประชาชนชาวไทยทุกคน เพื่อป้องกันประเทศให้พ้นจากภัยคุกคามอันมีที่มาจากภายนอกราชอาณาจักรดังกล่าว เพื่อรักษาไว้ซึ่งอธิปไตยของชาติและบูรณภาพแห่งดินแดน ตลอดจนชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนชาวไทย และจำเป็นต้องประกาศใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 176 วรรคสอง ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ประกอบกับมาตรา 4 แห่งพระราชบัญญัติกฎอัยการศึก พุทธศักราช 2457 จึงให้ใช้กฎอัยการศึกในบางเขตพื้นที่เพิ่มเติม ดังต่อไปนี้ ข้อ 1 จังหวัดจันทบุรี อำเภอเมืองจันทบุรี […]