กรุงเทพฯ 17 เม.ย. – “ก้าวไกล” ขอบคุณประชาชน กระแสนิยมพรรคพุ่งทั้งลงพื้นที่-โลกออนไลน์ ย้ำทำงานหนักต่อเนื่อง รณรงค์เลือกตั้งเพื่อความเปลี่ยนแปลง เผย 22 เมษา “พิธา” นำทัพใหญ่ก้าวไกลปราศรัยโค้งสุดท้ายที่สามย่านมิตรทาวน์
วันที่ 17 เมษายน 2566 ที่พรรคก้าวไกล รังสิมันต์ โรม โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวถึงกระแสตอบรับของประชาชนต่อพรรคก้าวไกลที่เพิ่มขึ้นอย่างมากในช่วงที่ผ่านมา ว่าช่วงสงกรานต์ที่ผ่านมา ประชาชนได้พักผ่อนอย่างเต็มที่ ส่วนพรรคก้าวไกลทุกคนไม่ว่าจะเป็น ผู้สมัคร ส.ส. บัญชีรายชื่อ ผู้สมัคร ส.ส.เขต รวมถึงผู้ช่วยหาเสียง ต่างลงพื้นที่อย่างหนัก ผลตอบรับที่เพิ่มสูงขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้เราหายเหนื่อย ไม่ว่าสะท้อนจากโลกออนไลน์ ผลโพล และจากเสียงตอบรับที่สัมผัสได้เองจากการลงพื้นที่
สำหรับโลกออนไลน์ จากเครื่องมือติดตามสื่อสังคมออนไลน์ (social monitoring) เราเห็นได้จากยอดคนที่เข้ามามีส่วนร่วม (engagement) และยอดการค้นหา พรรคก้าวไกลมีจำนวนสูงที่สุดนำทุกพรรคการเมือง โดยหากดูเฉพาะ Google trends ในช่วง 30 วันย้อนหลัง จะพบว่า 10 อันดับแรกของข้อความที่ประชาชนค้นหาเกี่ยวกับพรรคก้าวไกล เป็นการค้นหาเบอร์พรรคและเบอร์ผู้สมัคร ส.ส.
ดังนั้น จึงขอใช้พื้นที่นี้เพื่อประชาสัมพันธ์อีกครั้ง ว่าแม้จะมีกติกาที่สร้างความสับสนยุ่งยากให้ประชาชนในการจดจำเบอร์ แต่พรรคก้าวไกลได้รวบรวมข้อมูลทุกอย่างที่จำเป็นต่อการเลือกพรรคก้าวไกลในเว็บไซต์ https://election66.moveforwardparty.org/ เรียบร้อยแล้ว โดยในเว็บไซต์นี้ ไม่ได้มีแค่ชื่อหรือเบอร์ของผู้สมัครเท่านั้น แต่มีประวัติ วิสัยทัศน์ และอัปเดตการทำงาน นอกจากนี้ ยังมี 312 นโยบายที่จะเปลี่ยนประเทศไทยทุกมิติ หากสนใจนโยบายไหน เข้าไปดูรายละเอียดได้ เว็บไซต์นี้ที่เดียวจบ และหากดูแล้วเห็นด้วยกับเรา อยากสนับสนุนเรา ฝากชวนคนทั้งบ้านกาก้าวไกลด้วย
ส่วนกระแสจากผลโพล ก็พบว่าสอดคล้องกับกระแสในออนไลน์ ไม่ว่าจะเป็นนิด้าโพลหรือโพลออนไลน์ของมติชนที่ร่วมมือกับเดลินิวส์ แสดงให้เห็นว่าคะแนนนิยมของพรรคก้าวไกลและ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เพิ่มขึ้นมาก หลังจากที่เรามีโอกาสนำเสนอจุดยืน วิธีการทำงานทางการเมือง แคนดิเดตนายกฯ รายชื่อผู้สมัครทั้งแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อ และนโยบายให้ประชาชน ซึ่งต้องพูดจากใจว่าขอขอบคุณประชาชน คะแนนที่เพิ่มขึ้นทำให้เราหายเหนื่อย เป็นการยืนยันว่าพรรคการเมืองที่ตั้งใจทำการเมืองให้ดี เป็นการเมืองอย่างที่ควรจะเป็น ไม่ซื้อสิทธิ์ขายเสียง รณรงค์ด้วยนโยบาย และมีจุดยืนที่ชัดเจนไม่การไม่ร่วมมือกับพรรคทหาร เป็นเรื่องที่เป็นไปได้ในประเทศนี้
อย่างไรก็ตาม ต้องย้ำว่าพรรคก้าวไม่ประมาท แม้คะแนนนิยมของเราดีขึ้นมากแต่ก็ยังไม่ใช่อันดับ 1 ยังมีประชาชนอีกหลายคนที่ลังเล หรือยังไม่ตัดสินใจ ยังไม่รู้นโยบายและวิสัยทัศน์ของเรา หรือบางคนยังเข้าใจบางเรื่องไม่กระจ่าง ในอีก 20 กว่าวันที่เหลืออยู่ อะไรก็เกิดขึ้นได้ พรรคก้าวไกลจะทำงานให้หนักขึ้นในการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ให้สมกับที่ประชาชนหลายคนฝากความหวังในการเปลี่ยนแปลงประเทศไว้ที่พรรคก้าวไกล
“ผมขอใช้พื้นที่นี้ฝากไปถึงน้องม่อนภูที่ฝากคุณพิธามาถึงผมและพรรคก้าวไกล ให้ไปช่วยผลักดันให้มีการยกเลิกการเกณฑ์ทหาร เปลี่ยนทหารเป็นทหารอาชีพ ใช้ระบบสมัครใจ ผมอยากบอกน้องม่อนภูว่าพี่โรมได้รับข้อความนี้แล้ว และหลังการเลือกตั้ง พี่โรมและพรรคก้าวไกลจะเข้าไปสู้เรื่องนี้อย่างเต็มที่ ผมเชื่อว่าสิ่งที่น้องอยากเห็นเป็นไปได้ เพราะตอนนี้หลายพรรคการเมืองก็เสนอเรื่องนี้เหมือนกัน แต่จะเกิดขึ้นจริงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับเจตจำนงทางการเมืองของรัฐบาลใหม่ ซึ่งถ้าพรรคก้าวไกลเป็นรัฐบาล เรายืนยันว่าสู้สุดตัวแน่นอน” รังสิมันต์กล่าว
โฆษกพรรคก้าวไกล กล่าวต่อว่า ขอประชาสัมพันธ์ถึงก้าวต่อไปของพรรคก้าวไกล วันเสาร์ที่ 22 เมษายนนี้ ขอชวนสื่อมวลชนและประชาชนทุกคนร่วมฟัง ‘ทัพใหญ่ก้าวไกลปราศรัยโค้งสุดท้าย’ ที่ลานหน้าสามย่านมิตรทาวน์ เวลา 16.00-19.00 น. เป็นการปราศรัยใหญ่ของพรรคในโค้งสุดท้าย แกนนำพรรคทุกคนจะมารวมตัวกันในงานนี้ ก่อนที่ทุกคนจะกระจายไปหาเสียงในทุกภาคของประเทศ และจะกลับมารวมกันอีกครั้งในวันที่ 12 พฤษภาคม
สำหรับเวทีวันที่ 22 เมษายนนี้ ผู้ปราศรัยประกอบด้วย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล, ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล, ชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล, ปิยบุตร แสงกนกกุล เลขาธิการคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล, เซีย จำปาทอง ผู้สมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ ผู้นำปีกแรงงาน, พรรณิการ์ วานิช กรรมการมูลนิธิคณะก้าวหน้าและผู้ช่วยหาเสียงพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยผู้เข้าร่วมที่สำคัญของพรรคก้าวไกล ไม่ว่าจะเป็น ศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคก้าวไกล, วิโรจน์ ลักขณาอดิศร, รังสิมันต์ โรม, พริษฐ์ วัชรสินธุ, ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ, เบญจา แสงจันทร์, ธัญวัจน์ กมลวงศ์วัฒน์, วาโย อัศวรุ่งเรือง, และ กรุณพล เทียนสุวรรณ
รังสิมันต์กล่าวว่า การจัดทัพใหญ่ปราศรัยครั้งนี้ เพื่อส่งสัญญาณถึงผู้สมัครทุกคนรวมถึงผู้สนับสนุนพรรคที่มีอยู่ทั่วประเทศ ให้ช่วยกันหาเสียงอย่างไม่ย่อท้อในช่วงเวลาที่เหลือไปจนถึงวันเข้าคูหา แม้จะไม่ใช่เรื่องง่ายแต่เมื่อเป้าหมายของเราคือการเปลี่ยนประเทศนี้ เราจำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนจนได้รับชัยชนะอย่างท่วมท้นในทุกภาคของประเทศ โดยเฉพาะในกรุงเทพมหานคร ที่เป็นฐานเสียงเดิมของเราตั้งแต่พรรคอนาคตใหม่ ครั้งนี้เราหวังท้าชิงทั้ง 33 เขต ไม่ตกหล่นเขตใดแน่นอน