พรรคเพื่อไทย 7 เม.ย.- “เศรษฐา” นำทีมเศรษฐกิจเพื่อไทย ร่ายยาวแจงเติมเงินกระเป๋าดิจิทัล 1 หมื่นบาท ช่วยปั๊มหัวใจคนไทย ไม่ใช่หยอดน้ำข้าวต้มไปวันๆ พร้อมประกาศหากเป็นรัฐบาลจะเริ่มโครงการได้ 1 ม.ค.67
นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะทำงานนโยบาย พรรคเพื่อไทย และประธานกรรมการด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และกรรมการ เลขานุการ และโฆษกคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ และนายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรค และกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงถึงนโยบาย เติมเงิน10,000 บาท ในกระเป๋าตังดิจิทัล
นายเศรษฐา กล่าวว่า 8 ปีที่ผ่านมาประเทศบอบช้ำรวมถึงด้านเศรษฐกิจซึมลึกซึมยาวซึมงาน รัฐบาลที่ผ่านมาหยอดน้ำข้าวต้มมาเรื่อยเป็นเงินเล็กน้อย ซึ่งตามหลักเศรษฐศาสตร์แล้ว วิธีนี้เป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง ไม่ก่อให้เกิดการเติบโตของเศรษฐกิจ ที่เหมาะสมและถูกต้อง
“พรรคเพื่อไทยจึงเติมเงินครั้งเดียว 10,000 บาท เป็นเงินสกุลดิจิทัล ผ่าน digital Wallet แทนเงินสด เพราะเงินสดอาจจะนำไปใช้ทางอื่นที่ไม่เหมาะสม เช่น การพนัน ยาเสพติดหรือ การใช้หนี้นอกระบบ เพราะเงินดิจิทัลสามารถติดตามได้ว่าจะใช้จ่ายอะไร ซึ่งเงิน จำนวนนี้ยังสามารถ นำไปใช้จ่ายขั้นพื้นฐานได้อย่าง เช่น ค่าน้ำค่าไฟ ค่าน้ำมัน เป็นต้น ยกเว้นเหล้าบุหรี่หรืออะไรที่ไม่เหมาะสม เพราะสามารถเขียนโปรแกรมป้องกันได้ แต่หนี้จากสถาบันการเงิน พรรคกำลังจะมีการพิจารณาว่าอาจจะมีการหักส่วนหนึ่งจาก 10,000 บาทนั้นเพื่อนำไปใช้หนี้ในระบบ” นายเศรษฐา กล่าว
นายเศรษฐา กล่าวว่า ร้านสะดวกซื้อก็สามารถเข้าร่วมโครงการได้เพราะพรรคเพื่อไทยเล็งเห็นความเสมอภาคไม่ได้กีดกันใครคนใดคนนึง ขณะที่การกำหนดระยะเวลา 6 เดือนนั้น เพื่อเป็นการเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่รัศมีในการใช้ตามบัตรประชาชน 4 กิโลเมตรนั้น อาจจะขยายระยะทางตามความเหมาะสม สำหรับพื้นที่อาจจะไม่มีร้านค้าที่สามารถใช้ได้ในรัศมี 4 กิโลเมตร เช่น พื้นที่ห่างไกล หรือบนเขา แต่จะไม่สามารถข้ามพื้นที่ได้ เช่น คนที่มาทำงานในกรุงเทพฯ จะไม่สามารถใช้ได้ เพราะพรรคเพื่อไทยต้องการขยายความเจริญไปสู่ภูมิภาคไม่ใช่กระจุกตัวอยู่แต่หัวเมืองอย่างเดียว
สำหรับงบประมาณที่จะนำมาใช้ในโครงการ หลังนักวิชาการบอกว่าเป็นประชานิยมสุดขั้วเกรงว่าจะกระกระทบหนี้สาธารณะของประเทศ
นายเศรษฐา กล่าวว่าจะนำมาจากการจัดสรรงบประมาณปี 2567 การจัดเก็บภาษี รวมถึง ภาษีนิติบุคคล ที่ห้างร้าน เอสเอ็มอี ภาคอุตสาหกรรม จะได้รายได้เพิ่มมากขึ้น อีกส่วนหนึ่งมาจากสวัสดิการรัฐที่ลดน้อยลง
“จึงไม่อยากให้ใช้คำว่าประชานิยมสุดโต่งแต่เป็นความจำเป็นและความต้องการของพี่น้องประชาชนที่ต้องการการช่วยเหลือเวลานี้” นายเศรษฐา กล่าว
เมื่อถามถึงงบประมาณปี 2567 ที่ตั้งไว้ 3.35 ล้านล้านบาท ถ้าเปลี่ยนรัฐบาลจะมีการปรับลดจากส่วนไหน รวมถึงกระทรวงกลาโหมด้วยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่าการจัดเก็บภาษีจะได้เงินเพิ่มกว่า 200,000 ล้านบาทอยู่แล้ว ส่วนงบอื่นหากได้รับความไว้วางใจจากประชาชนเป็นรัฐบาล ก็ต้องดูส่วนอื่นๆด้วยไม่ใช่กระทรวงกลาโหมเพียงอย่างเดียว และต้องให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน
นายเศรษฐา ย้ำว่าเงินในกระเป๋าดิจิทัล จะได้ทุกคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป เพราะรัฐธรรมนูญระบุชัดห้ามกีดกัน ซึ่งจะใช้งบประมาณ 5 แสนกว่าล้านบาท และหากได้รับความไว้วางใจจากประชาชนสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว คาดว่าภาย1 มกราคม 2567 จะสามารถเริ่มนโยบายได้เลย
ด้านนพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า เจตนารมณ์และจุดยืนของพรรคเพื่อไทย คือต้องการได้อำนาจรัฐ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้ประกาศเรื่องนี้ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 มาตรการของพรรคเพื่อไทยที่ได้ทยอยประกาศออกมา ตั้งแต่เรื่องรายได้ขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน เงินเดือนผู้ที่จบปริญญาตรี 25,000 บาทต่อเดือน ภาคการเกษตรซึ่งมีประชากร 40% ของประเทศ จะมีรายได้เพิ่มขึ้น 3 เท่า ภายใน 4 ปี
“ทั้งหมดนี้เป็นเป้าหมายที่จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น โดยพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า จะทำให้เศรษฐกิจเติบโตไม่ต่ำกว่า 5% ด้านภาคธุรกิจและภาคบริการ พรรคเพื่อไทยจะกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยจะเปิดประตูรองรับการท่องเที่ยว เพื่อนำเม็ดเงินเข้าประเทศ เช่น โครงการ 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ ที่จะเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน ตั้งเป้า 200,000 บาทต่อครัวเรือนต่อปี และอื่นๆ อีกมากมาย” นพ.พรหมินทร์ กล่าว
นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ประเทศไทยถูกทอดทิ้งจนถดถอย และล้าหลังในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลอ้างว่าเรื่องของโควิด แต่หลังสถานการณ์โควิดผ่านพ้นไปแล้ว เศรษฐกิจของประเทศไทย ยังอยู่อันดับท้ายของอาเซียน ค่าใช้จ่ายของประชาชนเพิ่มขึ้น แต่รายได้ไม่เพียงพอ เราไม่อยากหยอดน้ำข้าวต้ม เพื่อยื่นความตาย เราจึงต้องปั๊มหัวใจฟื้นมาอย่างรวดเร็วและแข็งแรง
สำหรับมาตรการดิจิทัล วอลเล็ต เป็นมาตรการระยะสั้น เพื่อรีบปลุกพละกำลังของคนไทยให้ฟื้นขึ้น มีนักเศรษฐศาสตร์บอกว่าเป็นการกระตุ้นการบริโภคอาจจะไม่ถูกทางดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ในภาคการเกษตร ถือว่ามีความหมายมาก เพราะสามารถทำมาหากินในแปลงเกษตรกรรมได้ และในระหว่าง 6 เดือน จะมีมาตรการรองรับ มาตรการนี้เป็นมาตรการระยะสั้น เพื่อปลุกเร้าให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและแข่งขันกับต่างประเทศได้
นพ.พรหมมินทร์ เชื่อว่านโยบายนี้ไม่เข้าข่ายสัญญาว่าจะให้เพราะเป็นนโยบายที่ดำเนินการให้กับทุกคน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ
“ประเทศถอยหลังลงไปเยอะ ประชาชนมีค่าใช้จ่ายสูง และกำลังจะจมน้ำหายใจแทบไม่ออก กระเป๋าเงินดิจิทัล เปรียบเหมือนห่วงชูชีพเพื่อให้ประชาชนพักหายใจ แล้วว่ายน้ำต่อจากมาตรการที่พรรคเพื่อไทยจะส่งต่อไป นี่จึงเป็นเพียงบทที่หนึ่งของการกระตุ้นเศรษฐกิจ” นพ. พรหมมินทร์กล่าว
เมื่อถามว่านโยบายเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยทั้งหมดจะใช้เงินเท่าไหร่ นพ.พรหมมินทร์ ย้อนถามว่าถามอย่างกับเป็น กกต.เพื่อมาตรวจสอบ ยืนยันดำเนินการทุกอย่างอย่างมีประสิทธิภาพพร้อมเปรียบว่าเป็นการบริหารสิ่งที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพ ไม่ใช่ประเทศไทยมีรถเฟอร์รารีแต่ให้ คนขับเวียนไปขับ มันไปไม่ได้ ต่อไปนี้คนขับรถแข่งมาเอง
ขณะที่นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า การสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านเศรษฐกิจของประเทศไทย แบ่งเป็น 2 ด้าน ได้แก่ เศรษฐกิจพื้นฐาน และเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งด้านของเศรษฐกิจดิจิทัล เติบโตเร็วกว่าเศรษฐกิจพื้นฐาน 2.5 เท่า และในที่สุดจะมีขนาดใหญ่กว่าเศรษฐกิจพื้นฐาน หากไม่วางโครงสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล จะทำให้ประเทศไทยเดินไปสู่หายนะ
ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่ประเทศไทยจะต้องสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านเศรษฐกิจดิจิทัล วันนี้พรรคเพื่อไทยไปไกลกว่า Free – WiFi อินเทอร์เน็ต 5G แต่เราจะสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการเงินยุคใหม่ให้กับประเทศ เพื่อรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล ระบบการเงินยุคใหม่ที่ไร้ตัวกลาง ด้วยการใช้เทคโนโลยีบล็อคเชน
“ต่อจากนี้คนไทยอายุ 16 ปี ขึ้นไป จะมี 2 บัญชี คือ บัญชีออมทรัพย์ทั่วไป และบัญชีดิจิทัล วอลเล็ต ที่จะผูกบัตรประชาชนอายุ 16 ปีขึ้นไปทุกคนโดยอัตโนมัติ โดยจะมีกุญแจดิจิทัล ให้กับประชาชนเข้าถึงบัญชีนี้ ดึงดูดผู้ใช้ด้วยการใส่เงินก้นถุง 10,000 บาทให้กับประชาชนทุกคน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และการสร้างแรงจูงใจระบบการเงินยุคใหม่นี้ ซึ่งใช้เทคโนโลยีบล็อคเชนที่สามารถกำหนดเงื่อนไขการใช้เงินได้ เช่น ใช้ภายใน 6 เดือน ระยะ 4 กม.จากที่อยู่บัตรประชาชน และสามารถเขียนโค้ดได้ภายใน 5 นาทีว่าเงิน 10,000 บาท จะกลายเป็นเงิน 12,000 บาท หรือกระตุ้นการท่องเที่ยวในเมืองรอง จาก 10,000 บาทเป็น 13,000 บาทได้ ทั้งหมดคือความสามารถของบล็อคเชน” นายเผ่าภูมิ กล่าว
นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า เมื่อจบโครงการนี้ประเทศจะก้าวสู่ระบบการเงินยุคใหม่ด้วย (CBDC) หรือ Central bank digital currency ซึ่งสามารถใช้ในระบบการจัดจ้าง การใช้จ่ายปกติทั่วไป ทั้งหมดจะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศอันดับหนึ่งในภูมิภาค ที่ใช้เงินดิจิทัล กลายเป็นประเทศอันดับ 2 ในซีกโลกตะวันออกรองจากจีน และไทยจะอยู่ไม่เกินอันดับ 10 ของโลก และจะทำให้ไทยเป็นประเทศศูนย์กลางการระดมทุนผ่าน Dogital asset เป็นศูนย์กลางของ Fintech เป็นศูนย์กลางบล็อคเชน เป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาค รายได้มหาศาล การสร้างงาน การจ้างงานจะเกิดขึ้น ทั้งหมดคือการลงทุนที่ผลตอบแทนสูง
ส่วนงบประมาณที่ใช้เพื่อไทยไม่เน้นการแจกจ่าย เราจะไม่โอบอุ้มด้วยการให้สวัสดิการไปเรื่อยๆ เราเน้นการสร้างรายได้ให้กับประชาชน จึงมุ่งหมายคือการสร้างรายได้ให้กับประชาชน ไม่ใช่การโอบอุ้มจุนเจือระยะยาวที่ทำให้ประชาชนไม่สามารถลึกยืนด้วยขาของตัวเอง เราคือทุนนิยมที่เท่าเทียม และเป็นทุนนิยมที่มีหัวใจ หลักของเราคือการสร้างรายได้ และเราเป็นพรรคที่ใช้หลักการที่การรดน้ำที่ราก เราเห็นความสำคัญของแรงงาน เอสเอ็มอี ผู้มีรายได้น้อยเพราะเป็นฐานของเศรษฐกิจ ยืนยันพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่มีความรับผิดชอบสูงสุดต่อวินัยการเงินการคลังของประเทศ และความมั่นคงทางการคลังของประเทศ
“นี่คือจุดแตกต่างของเรากับแอปพลิเคชันเป๋าตังค์ ซึ่งเป็นเงินในโลกยุคเก่า เราคือเงินยุคใหม่ ทั้งหมดคือวิสัยทัศน์ของเพื่อไทย เราคิดใหญ่ คิดใหม่ คิดทันสมัย” นายเผ่าภูมิ กล่าว
นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรค และกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การลงทุนภาครัฐมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ เป็น 1 ใน 4 เครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทย ดังนั้นการเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ หากการเลือกตั้งเป็นไปตามเจตจำนงของประชาชน จะกลายเป็นปัจจัยที่ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนปรับตัวอยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้น เป็นสัญญาณที่ดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้ในปี 2567 รัฐบาลจะมีรายได้จากการเก็บภาษีเพิ่มขึ้น 260,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่สำนักงบประมาณเคยคาดการณ์ไว้ และยังไม่รวมโครงการอื่นๆ ของรัฐบาลปัจจุบัน ที่สามารถลดโครงการที่ไม่จำเป็นลงได้
“พรรคเพื่อไทยยืนยันว่าจะไม่ยกเลิกบัตรคนจน โดยจะดำเนินโครงการ ดิจิทัล สอลเล็ต 10,000 บาท กับคนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป และคาดว่าทันทีที่เริ่มโครงการคนไทยจะไม่อยากใช้บัตรคนจนอีกต่อไป ซึ่งจะทำให้สามารถลดงบประมาณส่วนของบัตรคนจนลงไปได้ 50,000 ล้านบาท รวมทั้งรีดไขมันจาก พ.ร.บ.งบประมาณประจำปีงบประมาณ 2567 จากโครงการที่ไม่จำเป็นอีกต่อไปได้” นายเผ่าภูมิ กล่าว
นายจักรพงษ์ กล่าวอีกว่า จากการบริหารงานในรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยทั้งในอดีตและปัจจุบันสามารถพิสูจน์ได้ว่า พรรคเพื่อไทยมีวินัยการเงิน การคลัง ตั้งแต่ที่ประเทศ
เมื่อถามว่าร้านค้าต่างๆ อาจจะไม่อยากมาลงทะเบียนเพราะกลัวเรื่องภาษี นพ.พรหมมินทร์ กล่าวว่านโยบายนี้ไม่ต่างจากโครงการคนละครึ่ง ที่ต้องมาลงทะเบียนเพียงแต่เพียงแต่เงื่อนไข คือไม่จำเป็นต้องเป็นเงินสด และเงื่อนไขยังผูกพันว่าจะต้องจัดเก็บภาษี เราสามารถเก็บคืนภาษีได้ในรูปแบบของ Vat ด้วยเทคโนโลยี blockchain
เมื่อถามว่า ระหว่างบัตรสวัสดิการแห่งรัฐกับ นโยบายเติมเงินในกระเป๋าดิจิทัล ประชาชนจะต้องเลือกหรือไม่ นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า ไม่ได้พูดว่าประชาชนจะต้องเลือกระหว่างสองนโยบายนี้ ประชาชนจะยังมีบัญชีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐกับ นโยบายเติมเงินในกระเป๋าดิจิทัล ยืนยันเราไม่ยกเลิกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแต่ เราจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น มีรายได้ดีขึ้นจนหลุดออกจากเกณฑ์ใช้บัตรคนจน
นายเศรษฐา กล่าวเสริมว่า หากเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลตั้งเป้าว่าจีดีพีจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 5% ส่วนที่มีการมองว่านโยบายนี้ทำให้ประชาชนถูกมองว่าเป็น ส่วนตัวไม่เคยมองประชาชนเป็นยาจก เป้าหมายของ พรรคเพื่อไทยคือช่วยให้ประชาชนพ้นจากหลุมดำความยากจน หากกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท เป็นวิธีการจุดสตาร์ทให้ประชาชน ลุกขึ้นเดินได้อีกครั้ง ถือว่าเป็นการช่วยเหลือประชาชน ไม่ได้มองว่าประชาชนเป็นยาจก.-สำนักข่าวไทย