“เศรษฐา” นำทีมเศรษฐกิจ แจงเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท

พรรคเพื่อไทย 7 เม.ย.- “เศรษฐา” นำทีมเศรษฐกิจเพื่อไทย ร่ายยาวแจงเติมเงินกระเป๋าดิจิทัล 1 หมื่นบาท ช่วยปั๊มหัวใจคนไทย ไม่ใช่หยอดน้ำข้าวต้มไปวันๆ พร้อมประกาศหากเป็นรัฐบาลจะเริ่มโครงการได้ 1 ม.ค.67

นายเศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ประธานคณะทำงานนโยบาย พรรคเพื่อไทย และประธานกรรมการด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทย และกรรมการ เลขานุการ และโฆษกคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ และนายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรค และกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย ร่วมกันแถลงข่าวชี้แจงถึงนโยบาย เติมเงิน10,000 บาท ในกระเป๋าตังดิจิทัล


นายเศรษฐา กล่าวว่า 8 ปีที่ผ่านมาประเทศบอบช้ำรวมถึงด้านเศรษฐกิจซึมลึกซึมยาวซึมงาน รัฐบาลที่ผ่านมาหยอดน้ำข้าวต้มมาเรื่อยเป็นเงินเล็กน้อย ซึ่งตามหลักเศรษฐศาสตร์แล้ว วิธีนี้เป็นวิธีที่ไม่ถูกต้อง ไม่ก่อให้เกิดการเติบโตของเศรษฐกิจ ที่เหมาะสมและถูกต้อง

“พรรคเพื่อไทยจึงเติมเงินครั้งเดียว 10,000 บาท เป็นเงินสกุลดิจิทัล ผ่าน digital Wallet แทนเงินสด เพราะเงินสดอาจจะนำไปใช้ทางอื่นที่ไม่เหมาะสม เช่น การพนัน ยาเสพติดหรือ การใช้หนี้นอกระบบ เพราะเงินดิจิทัลสามารถติดตามได้ว่าจะใช้จ่ายอะไร ซึ่งเงิน จำนวนนี้ยังสามารถ นำไปใช้จ่ายขั้นพื้นฐานได้อย่าง เช่น ค่าน้ำค่าไฟ ค่าน้ำมัน เป็นต้น ยกเว้นเหล้าบุหรี่หรืออะไรที่ไม่เหมาะสม เพราะสามารถเขียนโปรแกรมป้องกันได้ แต่หนี้จากสถาบันการเงิน พรรคกำลังจะมีการพิจารณาว่าอาจจะมีการหักส่วนหนึ่งจาก 10,000 บาทนั้นเพื่อนำไปใช้หนี้ในระบบ” นายเศรษฐา กล่าว


นายเศรษฐา กล่าวว่า ร้านสะดวกซื้อก็สามารถเข้าร่วมโครงการได้เพราะพรรคเพื่อไทยเล็งเห็นความเสมอภาคไม่ได้กีดกันใครคนใดคนนึง ขณะที่การกำหนดระยะเวลา 6 เดือนนั้น เพื่อเป็นการเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจ ขณะที่รัศมีในการใช้ตามบัตรประชาชน 4 กิโลเมตรนั้น อาจจะขยายระยะทางตามความเหมาะสม สำหรับพื้นที่อาจจะไม่มีร้านค้าที่สามารถใช้ได้ในรัศมี 4 กิโลเมตร เช่น พื้นที่ห่างไกล หรือบนเขา แต่จะไม่สามารถข้ามพื้นที่ได้ เช่น คนที่มาทำงานในกรุงเทพฯ จะไม่สามารถใช้ได้ เพราะพรรคเพื่อไทยต้องการขยายความเจริญไปสู่ภูมิภาคไม่ใช่กระจุกตัวอยู่แต่หัวเมืองอย่างเดียว
สำหรับงบประมาณที่จะนำมาใช้ในโครงการ หลังนักวิชาการบอกว่าเป็นประชานิยมสุดขั้วเกรงว่าจะกระกระทบหนี้สาธารณะของประเทศ

นายเศรษฐา กล่าวว่าจะนำมาจากการจัดสรรงบประมาณปี 2567 การจัดเก็บภาษี รวมถึง ภาษีนิติบุคคล ที่ห้างร้าน เอสเอ็มอี ภาคอุตสาหกรรม จะได้รายได้เพิ่มมากขึ้น อีกส่วนหนึ่งมาจากสวัสดิการรัฐที่ลดน้อยลง

“จึงไม่อยากให้ใช้คำว่าประชานิยมสุดโต่งแต่เป็นความจำเป็นและความต้องการของพี่น้องประชาชนที่ต้องการการช่วยเหลือเวลานี้” นายเศรษฐา กล่าว


เมื่อถามถึงงบประมาณปี 2567 ที่ตั้งไว้ 3.35 ล้านล้านบาท ถ้าเปลี่ยนรัฐบาลจะมีการปรับลดจากส่วนไหน รวมถึงกระทรวงกลาโหมด้วยหรือไม่ นายเศรษฐา กล่าวว่าการจัดเก็บภาษีจะได้เงินเพิ่มกว่า 200,000 ล้านบาทอยู่แล้ว ส่วนงบอื่นหากได้รับความไว้วางใจจากประชาชนเป็นรัฐบาล ก็ต้องดูส่วนอื่นๆด้วยไม่ใช่กระทรวงกลาโหมเพียงอย่างเดียว และต้องให้เหมาะสมกับสถานการณ์ปัจจุบัน

นายเศรษฐา ย้ำว่าเงินในกระเป๋าดิจิทัล จะได้ทุกคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป เพราะรัฐธรรมนูญระบุชัดห้ามกีดกัน ซึ่งจะใช้งบประมาณ 5 แสนกว่าล้านบาท และหากได้รับความไว้วางใจจากประชาชนสามารถจัดตั้งรัฐบาลได้แล้ว คาดว่าภาย1 มกราคม 2567 จะสามารถเริ่มนโยบายได้เลย

ด้านนพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า เจตนารมณ์และจุดยืนของพรรคเพื่อไทย คือต้องการได้อำนาจรัฐ เพื่อเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้ประกาศเรื่องนี้ ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2565 มาตรการของพรรคเพื่อไทยที่ได้ทยอยประกาศออกมา ตั้งแต่เรื่องรายได้ขั้นต่ำ 600 บาทต่อวัน เงินเดือนผู้ที่จบปริญญาตรี 25,000 บาทต่อเดือน ภาคการเกษตรซึ่งมีประชากร 40% ของประเทศ จะมีรายได้เพิ่มขึ้น 3 เท่า ภายใน 4 ปี

“ทั้งหมดนี้เป็นเป้าหมายที่จะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น โดยพรรคเพื่อไทย ยืนยันว่า จะทำให้เศรษฐกิจเติบโตไม่ต่ำกว่า 5% ด้านภาคธุรกิจและภาคบริการ พรรคเพื่อไทยจะกระตุ้นการท่องเที่ยว โดยจะเปิดประตูรองรับการท่องเที่ยว เพื่อนำเม็ดเงินเข้าประเทศ เช่น โครงการ 1 ครอบครัว 1 ซอฟต์พาวเวอร์ ที่จะเพิ่มรายได้ให้กับประชาชน ตั้งเป้า 200,000 บาทต่อครัวเรือนต่อปี และอื่นๆ อีกมากมาย” นพ.พรหมินทร์ กล่าว

นพ.พรหมินทร์ กล่าวว่า ที่ผ่านมา ประเทศไทยถูกทอดทิ้งจนถดถอย และล้าหลังในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลอ้างว่าเรื่องของโควิด แต่หลังสถานการณ์โควิดผ่านพ้นไปแล้ว เศรษฐกิจของประเทศไทย ยังอยู่อันดับท้ายของอาเซียน ค่าใช้จ่ายของประชาชนเพิ่มขึ้น แต่รายได้ไม่เพียงพอ เราไม่อยากหยอดน้ำข้าวต้ม เพื่อยื่นความตาย เราจึงต้องปั๊มหัวใจฟื้นมาอย่างรวดเร็วและแข็งแรง

สำหรับมาตรการดิจิทัล วอลเล็ต เป็นมาตรการระยะสั้น เพื่อรีบปลุกพละกำลังของคนไทยให้ฟื้นขึ้น มีนักเศรษฐศาสตร์บอกว่าเป็นการกระตุ้นการบริโภคอาจจะไม่ถูกทางดิจิทัลวอลเล็ต 10,000 บาท ในภาคการเกษตร ถือว่ามีความหมายมาก เพราะสามารถทำมาหากินในแปลงเกษตรกรรมได้ และในระหว่าง 6 เดือน จะมีมาตรการรองรับ มาตรการนี้เป็นมาตรการระยะสั้น เพื่อปลุกเร้าให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วและแข่งขันกับต่างประเทศได้

นพ.พรหมมินทร์ เชื่อว่านโยบายนี้ไม่เข้าข่ายสัญญาว่าจะให้เพราะเป็นนโยบายที่ดำเนินการให้กับทุกคน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ

“ประเทศถอยหลังลงไปเยอะ ประชาชนมีค่าใช้จ่ายสูง และกำลังจะจมน้ำหายใจแทบไม่ออก กระเป๋าเงินดิจิทัล เปรียบเหมือนห่วงชูชีพเพื่อให้ประชาชนพักหายใจ แล้วว่ายน้ำต่อจากมาตรการที่พรรคเพื่อไทยจะส่งต่อไป นี่จึงเป็นเพียงบทที่หนึ่งของการกระตุ้นเศรษฐกิจ” นพ. พรหมมินทร์กล่าว

เมื่อถามว่านโยบายเศรษฐกิจของพรรคเพื่อไทยทั้งหมดจะใช้เงินเท่าไหร่ นพ.พรหมมินทร์ ย้อนถามว่าถามอย่างกับเป็น กกต.เพื่อมาตรวจสอบ ยืนยันดำเนินการทุกอย่างอย่างมีประสิทธิภาพพร้อมเปรียบว่าเป็นการบริหารสิ่งที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพ ไม่ใช่ประเทศไทยมีรถเฟอร์รารีแต่ให้ คนขับเวียนไปขับ มันไปไม่ได้ ต่อไปนี้คนขับรถแข่งมาเอง

ขณะที่นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า การสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านเศรษฐกิจของประเทศไทย แบ่งเป็น 2 ด้าน ได้แก่ เศรษฐกิจพื้นฐาน และเศรษฐกิจดิจิทัล ซึ่งด้านของเศรษฐกิจดิจิทัล เติบโตเร็วกว่าเศรษฐกิจพื้นฐาน 2.5 เท่า และในที่สุดจะมีขนาดใหญ่กว่าเศรษฐกิจพื้นฐาน หากไม่วางโครงสร้างเศรษฐกิจดิจิทัล จะทำให้ประเทศไทยเดินไปสู่หายนะ
ดังนั้นจึงมีความจำเป็นที่ประเทศไทยจะต้องสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านเศรษฐกิจดิจิทัล วันนี้พรรคเพื่อไทยไปไกลกว่า Free – WiFi อินเทอร์เน็ต 5G แต่เราจะสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านการเงินยุคใหม่ให้กับประเทศ เพื่อรองรับเศรษฐกิจดิจิทัล ระบบการเงินยุคใหม่ที่ไร้ตัวกลาง ด้วยการใช้เทคโนโลยีบล็อคเชน

“ต่อจากนี้คนไทยอายุ 16 ปี ขึ้นไป จะมี 2 บัญชี คือ บัญชีออมทรัพย์ทั่วไป และบัญชีดิจิทัล วอลเล็ต ที่จะผูกบัตรประชาชนอายุ 16 ปีขึ้นไปทุกคนโดยอัตโนมัติ โดยจะมีกุญแจดิจิทัล ให้กับประชาชนเข้าถึงบัญชีนี้ ดึงดูดผู้ใช้ด้วยการใส่เงินก้นถุง 10,000 บาทให้กับประชาชนทุกคน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ และการสร้างแรงจูงใจระบบการเงินยุคใหม่นี้ ซึ่งใช้เทคโนโลยีบล็อคเชนที่สามารถกำหนดเงื่อนไขการใช้เงินได้ เช่น ใช้ภายใน 6 เดือน ระยะ 4 กม.จากที่อยู่บัตรประชาชน และสามารถเขียนโค้ดได้ภายใน 5 นาทีว่าเงิน 10,000 บาท จะกลายเป็นเงิน 12,000 บาท หรือกระตุ้นการท่องเที่ยวในเมืองรอง จาก 10,000 บาทเป็น 13,000 บาทได้ ทั้งหมดคือความสามารถของบล็อคเชน” นายเผ่าภูมิ กล่าว

นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า เมื่อจบโครงการนี้ประเทศจะก้าวสู่ระบบการเงินยุคใหม่ด้วย (CBDC) หรือ Central bank digital currency ซึ่งสามารถใช้ในระบบการจัดจ้าง การใช้จ่ายปกติทั่วไป ทั้งหมดจะทำให้ประเทศไทยกลายเป็นประเทศอันดับหนึ่งในภูมิภาค ที่ใช้เงินดิจิทัล กลายเป็นประเทศอันดับ 2 ในซีกโลกตะวันออกรองจากจีน และไทยจะอยู่ไม่เกินอันดับ 10 ของโลก และจะทำให้ไทยเป็นประเทศศูนย์กลางการระดมทุนผ่าน Dogital asset เป็นศูนย์กลางของ Fintech เป็นศูนย์กลางบล็อคเชน เป็นศูนย์กลางของเศรษฐกิจดิจิทัลของภูมิภาค รายได้มหาศาล การสร้างงาน การจ้างงานจะเกิดขึ้น ทั้งหมดคือการลงทุนที่ผลตอบแทนสูง

ส่วนงบประมาณที่ใช้เพื่อไทยไม่เน้นการแจกจ่าย เราจะไม่โอบอุ้มด้วยการให้สวัสดิการไปเรื่อยๆ เราเน้นการสร้างรายได้ให้กับประชาชน จึงมุ่งหมายคือการสร้างรายได้ให้กับประชาชน ไม่ใช่การโอบอุ้มจุนเจือระยะยาวที่ทำให้ประชาชนไม่สามารถลึกยืนด้วยขาของตัวเอง เราคือทุนนิยมที่เท่าเทียม และเป็นทุนนิยมที่มีหัวใจ หลักของเราคือการสร้างรายได้ และเราเป็นพรรคที่ใช้หลักการที่การรดน้ำที่ราก เราเห็นความสำคัญของแรงงาน เอสเอ็มอี ผู้มีรายได้น้อยเพราะเป็นฐานของเศรษฐกิจ ยืนยันพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคที่มีความรับผิดชอบสูงสุดต่อวินัยการเงินการคลังของประเทศ และความมั่นคงทางการคลังของประเทศ

“นี่คือจุดแตกต่างของเรากับแอปพลิเคชันเป๋าตังค์ ซึ่งเป็นเงินในโลกยุคเก่า เราคือเงินยุคใหม่ ทั้งหมดคือวิสัยทัศน์ของเพื่อไทย เราคิดใหญ่ คิดใหม่ คิดทันสมัย” นายเผ่าภูมิ กล่าว

นายจักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรค และกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า การลงทุนภาครัฐมีความสำคัญต่อระบบเศรษฐกิจ เป็น 1 ใน 4 เครื่องยนต์หลักของเศรษฐกิจไทย ดังนั้นการเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ หากการเลือกตั้งเป็นไปตามเจตจำนงของประชาชน จะกลายเป็นปัจจัยที่ทำให้ดัชนีความเชื่อมั่นนักลงทุนปรับตัวอยู่ในเกณฑ์ที่ดีขึ้น เป็นสัญญาณที่ดีต่อภาพรวมเศรษฐกิจของประเทศ ทำให้ในปี 2567 รัฐบาลจะมีรายได้จากการเก็บภาษีเพิ่มขึ้น 260,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่สำนักงบประมาณเคยคาดการณ์ไว้ และยังไม่รวมโครงการอื่นๆ ของรัฐบาลปัจจุบัน ที่สามารถลดโครงการที่ไม่จำเป็นลงได้

“พรรคเพื่อไทยยืนยันว่าจะไม่ยกเลิกบัตรคนจน โดยจะดำเนินโครงการ ดิจิทัล สอลเล็ต 10,000 บาท กับคนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป และคาดว่าทันทีที่เริ่มโครงการคนไทยจะไม่อยากใช้บัตรคนจนอีกต่อไป ซึ่งจะทำให้สามารถลดงบประมาณส่วนของบัตรคนจนลงไปได้ 50,000 ล้านบาท รวมทั้งรีดไขมันจาก พ.ร.บ.งบประมาณประจำปีงบประมาณ 2567 จากโครงการที่ไม่จำเป็นอีกต่อไปได้” นายเผ่าภูมิ กล่าว

นายจักรพงษ์ กล่าวอีกว่า จากการบริหารงานในรัฐบาลของพรรคเพื่อไทยทั้งในอดีตและปัจจุบันสามารถพิสูจน์ได้ว่า พรรคเพื่อไทยมีวินัยการเงิน การคลัง ตั้งแต่ที่ประเทศ

เมื่อถามว่าร้านค้าต่างๆ อาจจะไม่อยากมาลงทะเบียนเพราะกลัวเรื่องภาษี นพ.พรหมมินทร์ กล่าวว่านโยบายนี้ไม่ต่างจากโครงการคนละครึ่ง ที่ต้องมาลงทะเบียนเพียงแต่เพียงแต่เงื่อนไข คือไม่จำเป็นต้องเป็นเงินสด และเงื่อนไขยังผูกพันว่าจะต้องจัดเก็บภาษี เราสามารถเก็บคืนภาษีได้ในรูปแบบของ Vat ด้วยเทคโนโลยี blockchain
เมื่อถามว่า ระหว่างบัตรสวัสดิการแห่งรัฐกับ นโยบายเติมเงินในกระเป๋าดิจิทัล ประชาชนจะต้องเลือกหรือไม่ นายเผ่าภูมิ กล่าวว่า ไม่ได้พูดว่าประชาชนจะต้องเลือกระหว่างสองนโยบายนี้ ประชาชนจะยังมีบัญชีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐกับ นโยบายเติมเงินในกระเป๋าดิจิทัล ยืนยันเราไม่ยกเลิกบัตรสวัสดิการแห่งรัฐแต่ เราจะทำให้เศรษฐกิจดีขึ้น มีรายได้ดีขึ้นจนหลุดออกจากเกณฑ์ใช้บัตรคนจน

นายเศรษฐา กล่าวเสริมว่า หากเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลตั้งเป้าว่าจีดีพีจะเติบโตเฉลี่ยปีละ 5% ส่วนที่มีการมองว่านโยบายนี้ทำให้ประชาชนถูกมองว่าเป็น ส่วนตัวไม่เคยมองประชาชนเป็นยาจก เป้าหมายของ พรรคเพื่อไทยคือช่วยให้ประชาชนพ้นจากหลุมดำความยากจน หากกระเป๋าเงินดิจิทัล 10,000 บาท เป็นวิธีการจุดสตาร์ทให้ประชาชน ลุกขึ้นเดินได้อีกครั้ง ถือว่าเป็นการช่วยเหลือประชาชน ไม่ได้มองว่าประชาชนเป็นยาจก.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทย เจ้าตัวคุม “โยธาฯ-ปค.”

กระทรวงมหาดไทย 14 ก.ค. –“ภูมิธรรม” แบ่งงาน 2 รมช.มหาดไทยแล้ว เจ้าตัวคุม “โยธาฯ – ปค.” ฟาก “เดชอิศม์” คุม “ที่ดิน – สถ.” สางปัญหาที่ดิน นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย รักษาราชการนายกฯ กล่าวว่า ขณะนี้ตนได้แบ่งงานกับทั้ง 2 รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการทำงานของทั้ง 3 คนเราทำงานเป็นทีมเดียวกัน ส่วนหลักเกณฑ์การแบ่งก็กระจายให้ทั่วถึงเพื่อช่วยกันดูแล โดยตนกำกับดูแลกรมโยธาธิการและผังเมือง กรมการปกครอง สำนักปลัดกระทรวงมหาดไทย สำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงมหาดไทย การประสานงานส่วนราชการในสังกัด กระทรวงมหาดไทยตาม พ.ร.บ.การบริหารราชการจังหวัดชายแดนภาคใต้ พ.ศ.2553 การไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การประปาส่วนภูมิภาค และดูหน่วยงานส่วนที่เหลือทั้งหมด โดยทั้งหมดสงวนไว้ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับงบประมาณ และบุคคลซึ่งตนเป็นผู้ดูแล นายภูมิธรรม กล่าวต่อว่า ได้มอบหมายให้ น.ส.ธีรรัตน์ สำเร็จวาณิชย์ รมช.มหาดไทย กำกับดูแล กรมการพัฒนาชุมชน เพราะเป็นเรื่องเกี่ยวกับสตรีและการดำเนินการเรื่องผ้าไทย รวมถึงกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย […]

รถพ่วงเบรกแตกลงเขา ชนแหลก 10 คัน เจ็บ 3

นครราชสีมา 13 ก.ค. – รถพ่วงเบรกแตกลงเขามอกลางดง ชนแหลกรวมสิบคัน บาดเจ็บ 3 คน ทำถนนมิตรภาพรถติดยาวหลายกิโลเมตร คนขับรถพ่วงบาดเจ็บ แต่ยังให้การได้ รถพ่วงบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์ ชนแหลกนับ 10 คัน บนถนนมิตรภาพ ขาเข้ากรุงเทพมหานคร ช่วงลงเขามอกลางดง กิโลเมตรที่ 37-38 อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ตำรวจ สภ.กลางดง พร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยหลายหน่วยระดม เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุ และช่วยเหลือผู้บาดเจ็บ ที่เกิดเหตุพบรถบรรทุกตู้คอนเทนเนอร์คันต้นเหตุ ยี่ห้อฮีโน่ สีขาว ทะเบียน กรุงเทพมหานคร ด้านหน้าหัวลากพังยับ นายวิทยา อายุ 34 ปี คนขับ ได้รับบาดเจ็บที่ขาซ้าย ยังนั่งอยู่บริเวณที่นั่งข้างคนขับ โดยเล่าว่า บรรทุกของมาเต็มตู้คอนเทนเนอร์ ช่วงลงเขาเกิดเบรกไม่อยู่ เนื่องจากลมหมด จึงทำให้พุ่งชนท้ายรถพ่วงบรรทุกไม้อีกคันที่อยู่ด้านหน้า จนกระเด็นไปคนละทิศละทาง ไม้กระจายเกลื่อนถนน ด้วยความแรงยังวิ่งไปเฉี่ยวชนกับรถที่วิ่งอยู่ด้านหน้าเสียหายอีก 8 คัน เป็นรถกระบะ 5 คัน, รถเก๋ง […]

มส.มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เรียกพระ 5 รูปแจงด่วน

กรุงเทพฯ 13 ก.ค.-มหาเถรสมาคม ประชุมนัดพิเศษ มีมติสั่งปลด-ถอดสมณศักดิ์ พระอาบัติปาราชิก เผยสึกแล้ว 6 คน ยังติดต่อไม่ได้ 2 คน เตรียมแก้กฎมหาเถรสมาคม อ้างสุดล้าหลังกว่า 50 ปี ขณะที่พระเทพพัชราภรณ์ เจ้าอาวาสวัดชูจิตฯ ชิงลาออกแล้ว นายอินทพร จั่นเอี่ยม ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แถลงข่าวภายหลังการประชุมมหาเถรสมาคมนัดพิเศษ ครั้งที่ 1/2568 ว่า สมเด็จพระสังฆราชห่วงใยต่อกระแสข่าวที่เกิดขึ้น จึงมีพระบัญชาให้มหาเถรสมาคม นิมนต์กรรมการฯประชุมเร่งด่วน ซึ่งทางกรรมการฯ มีข้อห่วงใย และมีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง โดยมีมติ ดังนี้ -พระที่ถูกกล่าวหา ต้องอาบัติปราชิก ถือว่าสิ้นสุดความเป็นพระภิกษุทางวินัย และต้องสึกโดยทันที ส่วนพระที่ยังไม่ถึงขั้นปราชิก ก็ให้ปลดออกจากตำแหน่งเจ้าคณะพระสังฆาธิการทุกรูป และจะมีมติขอพระราชทานพระบรมราชานุญาตถอดสมณศักดิ์-ในระยะเร่งด่วน ให้เจ้าคณะผู้ปกครองสงฆ์ทุกระดับ ตรวจสอบดูแลและกำกับพฤติกรรมองพระในปกครองอย่างใกล้ชิด หากพบพฤติกรรมละเมิดพระธรรมวินัยให้ดำเนินการสอบสวน และรายงานมหาเถรสมาคมโดยเร็ว-กรณีพระภิกษุถูกกล่าวหาผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ ให้ออกคำสั่พักการปฏิบัติหน้าที่ และให้เจ้าหน้าที่ดำเนินการตามกฏหมาย พร้อมขอให้ระมัดระวังการให้ข้อมูลต่อสื่อมวลชนและสาธารณชน เนื่องจากยังเป็นเพียงผู้ถูกกล่าวหา-และทบทวนปรับปรุงกฎระเบียบคณะสงฆ์ว่าด้วยการประทำผิดพระธรรมวินัย ประเภทครุกาบัติ โดยมหาเถรสมาคม เห็นควรขอประทานพระวินิจฉัยสมเด็จพระสังฆราช มีพระบัญชาโปรดให้แต่งตั้งคณะกรรมการพิเศษเพื่อคุ้มครองพระพุทธศาสนาคณะหนึ่ง […]

ส่งตัวดำเนินคดี นักท่องเที่ยวไทยทำร้ายทหารกัมพูชา

สุรินทร์ 13 ก.ค.-ทบ. เผยนักท่องเที่ยวไทยต่อยทหารกัมพูชา ที่ปราสาทตาเมือนธม เป็นอดีตทหารพราน ส่งตัวให้ตำรวจดำเนินคดีตามกฎหมาย เมื่อวันที่ 13 ก.ค.68 พล.ต.วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบกกล่าวถึงกรณีที่งนักท่องเที่ยวชาวไทย ทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ที่บริเวณปราสาทตาเมือนธม จังหวัดสุรินทร์ ว่า กองทัพบกได้รับรายงานจากกองกำลังสุรนารี ว่า เมื่อเวลาประมาณ 10.20 น. ได้เกิดเหตุการณ์นักท่องเที่ยวชาวไทยทำร้ายร่างกายเจ้าหน้าที่ทหารกัมพูชาชุดประสานงาน ณ บริเวณปราสาทตาเมือนธม โดยผู้ก่อเหตุได้ชกเจ้าหน้าที่กัมพูชา ทั้งทางด้านหลังและด้านหน้า ก่อนจะหลบหนีออกจากพื้นที่ ซึ่งเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทยสามารถติดตามและควบคุมตัวได้ในเวลาต่อมา จากการตรวจสอบเบื้องต้น ทราบว่าผู้ก่อเหตุคือ นายสมหมาย ศรีศุกรานันทน์ อดีตอาสาสมัครทหารพราน ปัจจุบันดำรงตำแหน่งประธานชมรมทหารพรานจิตอาสาค่ายปักธงชัย และประธานเครือข่ายทหารผ่านศึกจังหวัดสมุทรสาคร ทั้งนี้ เนื่องจากบริเวณพื้นที่เกิดเหตุเป็นสถานที่ท่องเที่ยว ทางเจ้าหน้าที่ทหารฝ่ายไทย ได้ทำความเข้าใจกับผู้เสียหายไปแล้วในเบื้องต้น เพื่อพยายามไม่ให้กระทบความสัมพันธ์ในระดับเจ้าหน้าที่ทั้งสองฝ่าย สำหรับผู้ก่อเหตุ ได้ให้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ดำเนินการไปตามขั้นตอนของกฎหมายต่อไป.-313.-สำนักข่าวไทย

ข่าวแนะนำ

“ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ

17 ก.ค. – “ทักษิณ” ซัดผู้นำกัมพูชาไร้จริยธรรม แต่คนไทยกลับเชื่อ งงทำไมคนไทยไม่รักกัน ตอกพรรคที่เพิ่งหลุดร่วมรัฐบาลไป เป็นเขมรหรือไทย หลังติง “ลูกอิ๊งค์” ขายชาติ บอกปัจจุบันการเมืองไม่มีเสถียรภาพเหมือนสมัยรัฐบาล “คึกฤทธิ์” นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ปาฐกถาพิเศษ หัวข้อ “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก พลิกเกมเศรษฐกิจไทย” และ “พลิกเกมเศรษฐกิจไทย สู่อนาคต” จัดโดย บริษัท อสมท จำกัด (มหาชน) โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม พร้อมครม. อาทิ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รองนายกฯ และรมว.คมนาคม นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกฯ และรมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม นายชูศักดิ์ ศิรินิล รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายสุชาติ ตันเจริญ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี น.ส.จิราพร สินธุไพร รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ […]

เสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก”

17 ก.ค. – หลายหน่วยงานรวมพลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจ ในงานเสวนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย สู้วิกฤติโลก” โดย บมจ.อสมท นายสุชาติ ตันเจริญ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวเปิดงานสัมมนา “ปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” ยอมรับว่า นับว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกกระทบมายังไทย จากภาษีศุลกากรของสหรัฐกระทบมายังประชาชน ผู้ผลิต เอสเอ็มอีรายย่อย ความร่วมมือของภาครัฐ เอกชน ประชาชน จึงต้องร่วมมือกันปลดล็อกอนาคตประเทศไทย…สู้วิกฤติโลก” โดยได้จัดเวทีใหญ่ให้ผู้กำหนดนโยบายและทิศทางของประเทศ และภาคเอกชน มาร่วมแสดงความเห็น ด้านเศรษฐกิจ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวในหัวข้อ เกาะติดมาตรการกระทรวงการเงินการคลัง พลิกฟื้นกำลังซื้อในประเทศ และแนวโน้มเศรษฐกิจ และสงครามการค้า ภาษีนำเข้าของสหรัฐ ว่าทีมไทยแลนด์ นำโดยนายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกฯ และ รมว.คลัง กำหนดเจรจากับผู้แทนการค้าสหรัฐช่วงค่ำวันนี้ ต้องชั่งน้ำหนัก ทั้ง 2 มิติ คือ ผลกระทบที่ผู้ส่งออก และผู้ผลิตในประเทศทั้งภาคอุตสาหกรรม และเกษตรกร รัฐบาลไม่มอง เพียงจะเจรจาภาษีได้เท่าไหร่ ยอมรับไม่มีอะไรได้มาฟรีๆ แต่จะสานประโยชน์ให้ตกกับทุกฝ่าย […]

ทบ. เร่งตรวจสอบวิเคราะห์ “ทุ่นระเบิด” คาดผลชัด 2-3 วัน

17 ก.ค.- โฆษก ทบ. แจงเร่งตรวจสอบเหตุกำลังพลเหยียบกับระเบิดชายแดนช่องบก คาดใช้เวลา 2-3 วัน ชัดเจนเรื่องชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ยังไม่ยืนยันว่าเป็นทุ่นระเบิดใหม่ พลตรี วินธัย สุวารี โฆษกกองทัพบก เปิดเผยภายหลังได้รับทราบรายงานจากกองทัพภาคที่ 2 กรณีเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (16 ก.ค.68) เกิดเหตุกำลังพลกองร้อยทหารราบที่ 6021 เหยียบกับระเบิดระหว่างการลาดตระเวนในพื้นที่ช่องบก จ.อุบลราชธานี ทำให้กำลังพลได้รับบาดเจ็บ 3 นาย ปัจจุบันทุกนายอาการปลอดภัยอยู่ในระหว่างการพักสังเกตอาการที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ จ.อุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด สำหรับรายละเอียดเกี่ยวกับทุ่นระเบิดดังกล่าวนั้น ปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเข้าพื้นที่เกิดเหตุและเก็บหลักฐาน มาดำเนินการวิเคราะห์โดยผู้เชี่ยวชาญด้านวัตถุระเบิดอย่างละเอียด ซึ่งขั้นตอนนี้ คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 2 – 3 วัน เพื่อให้ได้ข้อเท็จจริงที่ชัดเจน ในเรื่องของชนิดและห้วงเวลาที่มีการนำทุ่นระเบิดมาติดตั้ง ตามที่สังคมได้ให้ข้อสังเกตว่าอาจเป็นทุ่นระเบิดที่ถูกวางขึ้นใหม่ ไม่ใช่ทุ่นระเบิดที่ตกค้างอยู่ในพื้นที่การสู้รบเดิม ทั้งนี้ โฆษกกองทัพบก ยังได้กล่าวว่า หลังจากนี้หน่วยในพื้นที่ชายแดน จะได้มีการตรวจสอบพิสูจน์ทราบเพิ่มเติมว่า ทางกัมพูชาได้มีการนำทุ่นระเบิดมาใช้ในพื้นที่หรือไม่ เพราะในปัจจุบันทั้งไทยและกัมพูชา ได้ให้สัตยาบันในการเข้าร่วมเป็นประเทศภาคีในอนุสัญญาออตตาวา ว่าด้วยการห้ามใช้ทุ่นระเบิดสังหารบุคคล อย่างเป็นทางการ ตั้งแต่เมื่อปี พ.ศ. 2542.-สำนักข่าวไทย

มทภ.2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิด

17 ก.ค.- แม่ทัพภาค 2 สั่งดูแลสิทธิสวัสดิการ-ปูนบำเหน็จ ทหารเหยียบกับระเบิดขาขาด เลื่อนยศ “สิบเอก” รับบำนาญเกือบ 30,000 บาท/เดือน เงินช่วยเหลือกว่า 1 ล้านบาท บรรจุทายาทรับราชการ เมื่อวันที่ 17 ก.ค.68 รายงานข่าวจากกองทัพภาคที่ 2 เปิดเผยว่า พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 ได้สั่งการให้ฝ่ายกำลังพลกองทัพภาคที่ 2 ได้ตรวจสอบสิทธิของข้าราชการทหารในการปฏิบัติราชการสนาม และให้ดำเนินการปูนบำเหน็จแก่พลทหารธนพัฒน์ หุยวัน สูงสุด เพราะ เป็นการปฏิบัติภารกิจเพื่อปกป้องอธิปไตยในการ ออกลาดตระเวนและเหยียบกับระเบิดที่เนิน 481 วานนี้ โดย ได้รับการปูนบำเหน็จ เลื่อนชั้นเป็นสิบเอก (ส.อ.) หลังจากรักษาตัวแล้วเสร็จ ปลดเหตุสูญเสียฯจากการรบ ได้รับบำนาญเดือนละ 15,600 บาท ซึ่งเมื่อรวม เงินรายเดือน จากหน่วยงาน/องค์กรต่าง ๆ แล้ว คาดว่าจะได้รับเงิน รวม 29,800 บาท/เดือน (โดยประมาณ) […]