กรุงเทพฯ 5 เม.ย.-“พล.อ.ประวิตร” ประชุมกำหนดมาตรการช่วยเหลือเยียวยาผู้ได้รับผลกระทบจากช้างป่า รักษาสมดุลประชากรช้างป่า พร้อมหนุนอุตสาหกรรมสีเขียว เร่งเปลี่ยนรถบัสไฟฟ้าในกทม.ให้ครบทั้งระบบ
พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการอนุรักษ์และจัดการช้าง ครั้งที่ 2/2566 ผ่านระบบ VTC ณ มูลนิธิอนุรักษ์ป่ารอยต่อฯ ขับเคลื่อนการอนุรักษ์และจัดการช้างป่า ทั้งในพื้นที่อนุรักษ์และในพื้นที่ชุมชน เพื่อกำหนดมาตรการและการช่วยเหลือเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากช้างป่า โดยที่ประชุมเห็นชอบกรอบมาตรการแก้ไขปัญหาช้างป่า 6 ด้าน ได้แก่ (1) การจัดการพื้นที่ป่าอนุรักษ์เพื่อเป็นแหล่งอาศัยของช้างป่า (2) แนวป้องกันช้างป่า (3) ชุดเฝ้าระวังและผลักดันช้างป่า และเครือข่ายชุมชน (4) การช่วยเหลือประชาชนผู้ได้รับผลกระทบจากช้างป่า (5) การจัดการพื้นที่รองรับช้างป่าอย่างยั่งยืน และ (6)การควบคุมประชากรช้างป่า เพื่อเป็นแนวทางการจัดการช้างป่าและการบริหารจัดการพื้นที่ นำไปสู่การอนุรักษ์และการจัดการประชากรช้างป่าให้มีปริมาณที่สมดุล ลดปัญหาระหว่างคนกับช้างป่า ทำให้เกิดการอนุรักษ์และจัดการช้างป่าอย่างมีส่วนร่วมและยั่งยืนต่อไป
จากนั้น พล.อ.ประวิตรเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งชาติ ครั้งที่ 1/66 ที่ประชุมเห็นชอบการเข้าร่วมดำเนินงานและขอรับการสนับสนุนทางการเงินจากกลุ่มดำเนินงานด้านกรดไนตริกเพื่อสภาพภูมิอากาศ เพื่อลดการปล่อยก๊าซไนตรัสออกไซด์ ซึ่งเป็นหนึ่งในก๊าซเรือนกระจกที่มีค่าศักยภาพในการทำให้โลกร้อนสูงถึง 265 เท่าของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ คาดว่าการดำเนินงานดังกล่าวจะลดก๊าซเรือนกระจกได้ประมาณ 130,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี ช่วยให้เกิดการถ่ายทอดเทคโนโลยีสู่ภาคเอกชนและอุตสาหกรรมไทย เพื่อบรรลุเป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกของประเทศ
ที่ประชุมเห็นชอบ (ร่าง) แผนที่พื้นที่มีโอกาสเกิดแผ่นดินถล่มของประเทศไทย ครอบคลุมพื้นที่เสี่ยง 135,000 ตารางกิโลเมตร โดยมอบหมายให้กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) และหน่วยเกี่ยวข้องนำไปประกอบใช้ประโยชน์ รับมือลดความสูญเสียและความเสียหายในชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน โดย ทส. จะจัดทำแผนที่พื้นที่เสี่ยงระดับจังหวัดและระดับชุมชนต่อไป
ที่ประชุมรับทราบโครงการเพิ่มศักยภาพการปลูกข้าวที่เท่าทันต่อภูมิอากาศ (Thai Rice GCF) เพื่อขอรับการสนับสนุนทางการเงินต่อกองทุนภูมิอากาศสีเขียว ในการปรับเปลี่ยนวิถีของเกษตรกรไทย ไปสู่การทำนาที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำและรับมือต่อการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ พื้นที่ดำเนินการ 4.5 ล้านไร่ ครอบคลุม 21 จังหวัดในภาคกลาง ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และรับทราบการเข้าร่วมปฏิญญากลาสโกว์ของผู้นำด้านป่าไม้และการใช้ประโยชน์ที่ดิน การจัดส่งยุทธศาสตร์ระยะยาวในการพัฒนาแบบปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำของประเทศ การจัดทำแนวทางและกลไกการบริหารจัดการคาร์บอนเครดิต และการผลักดันโครงการเปลี่ยนรถโดยสารประจำทางสาธารณะของภาคเอกชนเป็นรถโดยสารประจำทางไฟฟ้า (รถร่วมบริการ) ในพื้นที่ กทม.
พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ขอให้ทุกหน่วยงานตระหนักว่าปัญหามลภาวะที่มากขึ้นอย่างต่อเนื่อง เป็นเรื่องที่เราไม่สามารถรอช้าได้ การขับเคลื่อนเศรษฐกิจสีเขียวและเศรษฐกิจหมุนเวียนตามนโยบายรัฐบาล จึงเป็นทางออกที่ต้องร่วมกันเร่งสนับสนุนขับเคลื่อน และปลดล็อคปัญหาต่าง ๆ ให้เร็วขึ้น การดึงเอกชนในภาคอุตสาหกรรมเข้าร่วมด้วยสำนึกประโยชน์และความเข้าใจร่วมกัน จะนำสู่การเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้น พร้อมขอให้เร่งการเปลี่ยนรถประจำทางในกรุงเทพมหานคร เป็นรถไฟฟ้าทั้งระบบให้เร็วขึ้นกว่ากำหนด เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน.-สำนักข่าวไทย