กรุงเทพฯ 16 มี.ค.- “อนุทิน” แจงนัด “พล.อ.ประวิตร” นานแล้ว เวลาตรงกันเลยได้พบกัน ถามกินข้าวกับผู้จัดการรัฐบาลมหัศจรรย์ตรงไหน ยันไม่ได้คุยเรื่องจับขั้ว ไม่ได้ปล่อยภาพหวังขู่คู่แข่ง ประกาศพร้อมรับนัดทุกพรรค
นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ชี้แจงกรณีปรากฎภาพร่วมโต๊ะรับประทานอาหารกลางวันกับพล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐอย่างชื่นมื่นว่า ไม่ได้มีนัยทางการเมือง แต่เป็นการนัดกันล่วงหน้านานแล้ว ตั้งแต่นายชาดา ไทยเศรษฐ์ รองหัวหน้าพรรคภูมิใจไทยเดินทางไปพบพล.อ.ประวิตรช่วงที่ลงพื้นที่ตรวจราชการที่จ.นครสวรรค์ และเห็นว่าไม่ได้กินข้าวกับพล.อ.ประวิตรนานแล้ว จึงโทรศัพท์ไปย้ำนัดกันอีกครั้งและมีเวลาตรงกัน ตนพร้อมคณะจึงไปพบ พล.อ.ประวิตร และร่วมพูดคุยถึงสถานการณ์การเมือง แลกเปลี่ยนความพร้อมของทั้งสองพรรคในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง ซึ่งพล.อ.ประวิตรสอบถามการประเมินตัวเลขส.ส.ของพรรคภูมิใจไทย ตนก็แจ้งว่าน่าจะได้ประมาณ 70 คน ซึ่งพล.อ.ประวิตรระบุว่าตรงกับผลโพลล์ที่ออกมา
“ยืนยันว่าไม่ได้พูดคุยเรื่องการจับขั้วการเมืองใหม่ เพราะปัจจุบันทั้งพรรคภูมิใจไทยกับพรรคพลังประชารัฐเป็นขั้วเดียวกัน คือ ขั้วรัฐบาลอยู่แล้ว ผมไปกินข้าวกับผู้จัดการรัฐบาลมันมหัศจรรย์ตรงไหนเหรอ ถ้าไปกินข้าวกับพรรคเพื่อไทยค่อยตื่นเต้นกันหน่อย การนัดกินข้าวร่วมกันของนักการเมืองในช่วงนี้ไม่ใช่เรื่องแปลก เพราะก่อนหน้านี้ก็มีการนำภาพที่ผมไปกินข้าวเที่ยงกับพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ในช่วงที่ถูกเว้นวรรคปฏิบัติหน้าที่ ไปวิพากษ์วิจารณ์ แต่ผมเห็นว่าทางการเมือง เราสามารถพบปะพูดคุยกันได้ วันนี้ผมโทรไปนัดใคร หรือใครโทรมานัดผมกินข้าว ผมไปหมด หัวหน้าพรรคร่วมฝ่ายค้านจะเชิญพรรคร่วมรัฐบาลไปกินข้าว ผมคิดว่าก็ต้องไปนะ เพราะการนัดกินข้าวก็ไม่ใช่ว่าจะต้องร่วมหัวจมท้ายกัน” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าว
เมื่อถามว่า เหตุใดจึงต้องนัดกินข้าวกันในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อทางการเมือง นายอนุทิน กล่าวว่า ตอนนี้ไม่ใช่ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อ เพราะเหลือเวลาอีกไม่ถึง 10 วัน วาระของรัฐบาลชุดนี้ก็จะหมดลงในวันที่ 23 มีนาคมนี้ ซึ่งวันนั้นทุกพรรคเท่ากัน ไม่มีฝ่ายรัฐบาลหรือฝ่ายค้านแล้ว เพียงแต่คณะรัฐมนตรียังคงต้องรักษาการไปจนกว่าจะได้คณะรัฐมนตรีชุดใหม่
ส่วนที่มีข้อสังเกตุว่าทั้งสองพรรคปล่อยภาพออกมาเพื่อหวังข่มขู่พรรคการเมืองคู่แข่ง นายอนุทิน กล่าวว่า อย่ามองโลกในแง่ร้าย ไม่ขู่หรือระแวงกัน เพราะระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมาหากข่มขู่กัน คงอยู่ร่วมกันไม่ได้มาถึงทุกวันนี้ ยอมรับว่าอาจจะมีความเห็นต่างกันบ้าง แต่ก็ยอมรับในกติกา คิดว่าบรรยากาศทางการเมืองขณะนี้ดีขึ้น ไม่มีความตึงเครียดเหมือนที่สื่อประเมินกัน
“ถ้าครั้งหน้าพรรคภูมิใจไทยมีโอกาสกลับมาเป็นรัฐบาล เงื่อนไขแรกคือ การบอกพรรคร่วมรัฐบาลว่าร่างกฎหมายกัญชาต้องผ่าน เพราะเป็นประโยชน์กับประชาชน เรามีช่องทางที่จะแสดงความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าว
ส่วนกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์ เตรียมยื่นกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ให้ยุบพรรคภูมิใจไทย กรณีใช้นอมินีรับงานประมูลในกระทรวงที่กำกับดูแล โดยจะขอให้ยุบพรรคก่อนเลือกตั้ง นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกคนในฐานะประชาชนมีสิทธิ์ทำได้ ผู้ที่ถูกกล่าวหาก็มีหน้าที่ชี้แจงข้อเท็จจริง หากชี้แจงไม่ได้หรือทำผิดกฎหมายก็ต้องยอมรับชะตากรรม ตรงกันข้ามผู้ที่กล่าวหา หากมีเจตนามุ่งทำลาย และไม่ได้เป็นไปตามที่กล่าวหาก็เสี่ยงจะถูกดำเนินคดี
“ผมยังมั่นใจบนพื้นฐานว่าไม่ได้ทำอะไรผิด และไม่เคยคิดว่าใครอยู่เบื้องหลังเรื่องนี้ แม้ว่าคอการเมืองจะพูดด้วยซ้ำว่าใครอยู่เบื้องหลัง เพราะพรรคภูมิใจไทยมีจุดหมายที่ใหญ่กว่าที่ต้องทำ คือการหาเสียงเลือกตั้งให้ดีที่สุด หากมัวไปตอบโต้ก็มีแต่จะเสียคะแนน” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าว.-สำนักข่าวไทย