คะแนนนิยม “พล.อ.ประยุทธ์” อย่างเดียวไม่พอ

นิด้า 7 มี.ค.-“ผอ.นิด้าโพล” ชี้รทสช.ต้องปรับกลยุทธ์ ดึงคะแนนนิยมพรรคให้ได้ม่กขึ้น แม้ชาวสงขลาจะอยากได้ “พล.อ.ประยุทธ์” เป็นนายกฯ  ด้าน “อ.วรรณธรรม” มั่นใจไม่มีพรรคไหนชนะแลนด์สไลด์สงขลา แม้ปชป.ยังครองใจ ขณะที่ “อ.พิชาย” มอง กลุ่มคนรุ่นใหม่แบ่งใจให้ “เพื่อไทย-ก้าวไกล”


นายสุวิชา เป้าอารีย์ ผู้อำนวยการ ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ กล่าวถึงผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนเรื่อง “คนสงขลาเลือกพรรคไหน” พบว่าคนสงขลาสนับสนุนให้เป็น พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี สูงสุด 26% แต่พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่คนสงขลาจะลงคะแนนเลือก ส.ส.เขตมากที่สุด 23.46% ว่า จากผลสำรวจที่เคยทำไม่ว่าพรรคที่ชอบหรือคนที่ใช่ในจังหวัดภาคใต้จะพบว่าพล.อ.ประยุทธ์ได้รับความนิยมหนาแน่นมากในภาคใต้ เรียกว่านำที่หนึ่งมาโดยตลอด

“แต่ถ้าไปดูคะแนนของพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือก่อนหน้านี้ที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ ทำให้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์และพรรคพลังประชารัฐมีคะแนนสูสีกัน แต่พอพล.อ.ประยุทธ์มาอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติคนยังเกิดความสับสนว่าอยู่พรรคไหนกันแน่ แต่ก็มีส่วนหนึ่งยังคงชื่นชอบพรรคประชาธิปัตย์ และจากสัดส่วนมีความเป็นไปได้ที่พรรครวมไทยสร้างชาติจะมีคะแนนนิยมของพรรคในพื้นที่ขึ้นมาใกล้เคียงกับพรรคประชาธิปปัตย์ ซึ่งจากผลโพล ความนิยมของพล.อ.ประยุทธ์ในจังหวัดสงขลามี 26% แต่พรรครวมไทยสร้างชาติมีคะแนน 15.91% จึงยังมีความต่างกัน ซึ่งหากสามารถเพิ่มความนิยมของพรรครวมไทยสร้างชาติให้ขึ้นมาอยู่ที่ 23 ถึง 24% จะสามารถชนะพรรคประชาธิปัตย์ได้ทันที ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่าระยะเวลาในการเลือกตั้งมีไม่มากในช่วงสองเดือน หากรวมไทยสร้างชาติไล่ไม่ทันพรรคประชาธิปัตย์ก็จะกวาดคะแนนขึ้นมาทั้งหมด แม้จะมีพรรคอื่นแซงขึ้นมาได้บ้างในบางเขต” นายสุวิชา กล่าว


เมื่อถามความเป็นไปได้ถึงการเจาะพื้นที่จังหวัดสงขลาและภาคใต้ของพรรครวมไทยสร้างชาติ แม้จะมีอดีตขุนพลของพรรคประชาธิปัตย์สังกัดจำนวนมากจะมีความยากง่ายเพียงใด นายสุวิชา กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์และพรรครวมไทยสร้างชาติมีฐานเสียงเดียวกัน การเลือกตั้งปี 2562 มีพรรคพลังประชารัฐมาร่วมแชร์คะแนน ดังนั้น การที่มีพรรครวมไทยสร้างชาติเกิดขึ้นมาใหม่จึงเปรียบเสมือนการแย่งปลาในบ่อเดียวกัน ขึ้นอยู่กับว่ารอบนี้ใครจะตักปลาขึ้นมาได้มากกว่ากัน ซึ่งตนมองว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้เปรียบมากกว่า เพราะฐานเก่าฝังรากลึกมาอย่างยาวนาน ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติต้องใช้กลยุทธ์เพื่อหาทางไล่คะแนนขึ้นมาให้ทัน

ส่วนการประกาศว่าพล.อ.ประยุทธ์จะลงพื้นที่และจัดเวทีปราศรัย ในฐานะพรรครวมไทยสร้างชาติที่จังหวัดสงขลาวันที่ 11 มีนาคมนี้ ถือเป็นการช่วงชิงจังหวะที่คะแนนนิยมจะช่วยดันคะแนนของพรรคได้หรือไม่ นายสุวิชา กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่จะดันคะแนนขึ้นมาได้ แต่พล.อ.ประยุทธ์คงต้องอ้อนประชาชนให้มากที่สุดว่าอยากได้พล.อ.ประยุทธ์ต้องเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะจากคะแนนผลสำรวจพบว่าคนที่เลือกพรรคประชาธิปัตย์ 1 ใน 4 อยากได้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี และ1ใน 3 ของคนที่เลือกพรรคพลังประชารัฐอยากได้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี ขณะที่ 1ใน 2 ของคนที่ยังไม่ตัดสินใจก็อยากได้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีรวมแล้วอยู่ที่ 8% ถ้าสามารถดึง 8% นี้ได้ พรรครวมไทยสร้างชาติจะปักเก้าอี้ในจังหวัดสงขลาได้จำนวนมาก ส่วนพรรคการเมืองอื่นที่คาดว่าจะแทรกเข้ามาในพื้นที่สงขลาได้ คาดว่าภูมิใจไทยจะได้ 1 ที่นั่ง

ด้านนายวรรณธรรม กาญจนสุวรรณ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวถึงพื้นที่เลือกตั้งจังหวัดสงขลา จะมีพรรคการเมืองใดเจาะพื้นที่ได้บ้างนั้น จากผลสำรวจพบว่าไม่มีพรรคการเมืองใดจะแลนด์สไลด์ในพื้นที่สงขลาได้ ซึ่งคะแนนสามารถพลิกได้ตลอดเวลา อีกครั้งจากผลสำรวจที่น่าสนใจคือ ประชาชนยังต้องการส.ส.จากพรรคประชาธิปัตย์ แต่อยากได้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งยังมีความย้อนแย้งกัน จึงต้องมาดูว่าในการเลือกตั้งพล.อ.ประยุทธ์จะมีคะแนนจริงหรือไม่ เพราะโพลครั้งนี้เป็นเพียงความคาดหวัง แต่ยังไม่เห็นคะแนนชัดเจน และจากโพลพรรครวมไทยสร้างชาติยังอยู่อันดับ 3


“การที่เรามองว่าคนรุ่นใหม่ไม่ได้อยู่ที่พรรคก้าวไกล พรรคไทยภักดีอย่างเดียว แต่คนรุ่นใหม่ยังเกิดในพรรคเก่าแก่อย่างประชาธิปัตย์ได้เช่นกัน ซึ่งต้องไปดูฝีมือและกลยุทธ์การแข่งขันของแต่ละพรรคการเมือง อีกจุดที่พลาดไม่ได้คือคนที่เข้าไปทำพื้นที่คือพรรคภูมิใจไทยที่ได้พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล อดีตหัวหน้าทีมภาคใต้ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มาร่วมงาน และช่วยพลังประชารัฐเจาะพื้นที่ของพรรคประชาธิปัตย์ได้มาแล้ว ดังนั้นรอบนี้ต้องจับตาว่าพรรคประชาธิปัตย์จะรักษาเก้าอี้หรือจะทำให้ครบทั้ง 9 เขตได้หรือไม่ เช่นเดียวกับพรรครวมไทยสร้างชาติที่ชูพล.อ.ประยุทธ์ที่ได้รับความนิยม แต่ยังไม่เห็นคะแนนจริง และพรรคภูมิใจไทย ก้าวไกลหรือพลังประชารัฐก็น่าจับตา” นายวรรณธรรม กล่าว

ส่วนชั่วโมงนี้คนในพื้นที่จ.สงขลาให้ความนิยมกับตัวบุคคลหรือพรรคการเมืองมากกว่ากัน นายวรรณธร กล่าวว่า คนในพื้นที่มีความชื่นชอบพล.อ.ประยุทธ์ แม้ยังไม่รู้ว่าพรรครวมไทยสร้างชาติจะส่งใครเป็นผู้สมัคร และสิ่งที่น่าสนใจคือหากคนสงขลา เลือกตามผลโพลนี้ แต่ไม่ได้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะในความเป็นจริงต้องไปดูว่าพรรคการเมืองใดที่มีคะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่ง ต้องส่งบุคคลนั้นเป็นนายกรัฐมนตรี  อยู่ที่การตกลงทางการเมือง หรือจตามใจตามผลโพลคือต้องให้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้น จึงไม่แปลกที่วันนี้พรรครวมไทยสร้างชาติต้องเปลี่ยนกลยุทธ์และเพิ่มดีกรีความเข้มข้นในจังหวัดสงขลา เปรียบเสมือนการวัดศักดิ์ศรีและ การรักษาอำนาจฐานเดียวกัน

เมื่อถามว่าการขึ้นป้ายหาเสียงที่มีรูปคู่กับพล.อ.ประยุทธ์ ของพรรครวมไทยสร้างชาติจะช่วยเพิ่มคะแนนเสียงได้หรือไม่ นายวรรณธรรม กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับความนิยมในพื้นที่ หากจำได้ในอดีตเคยมีวลีที่ว่า ส่งเสาไฟฟ้าลงก็ชนะ ติดภาพนายชวน หลีกภัย  อดีตนายกรัฐมนตรีก็ได้คะแนนเสียงแล้ว ดังนั้น ต้องดูว่าครั้งนี้จะศักดิ์สิทธิ์เหมือนนายชวนหรือไม่ สำหรับพล.อ.ประยุทธ์ถือว่ามีความท้าทาย เพราะปัจจุบันคนเรียนรู้มากขึ้น คงไม่ใช่เฉพาะเสาไฟฟ้า เพราะต้องดูสายไฟด้วย ดูองค์ประกอบหลายอย่างรวมกัน

ขณะที่นายพิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผู้อำนวยการหลักสูตรการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนา สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ กล่าวว่า สำหรับพื้นที่เลือกตั้งจังหวัดสงขลามองข้ามพรรคฝ่ายค้านไม่ได้ โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ซึ่งผลสำรวจพบว่าในเขตอำเภอเมืองและเขตหาดใหญ่ 2 พรรคนี้มีความนิยมสูง อีกทั้งคะแนนสูสีกับพรรคประชาธิปัตย์และพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่ง2 เขตนี้น่าจะแข่งขันเข้มข้นมากและเป็นโอกาสของพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล หากใช้กลยุทธ์ที่ดี อาจประสบชัยชนะได้ สำหรับเงื่อนไขที่สำคัญคือสองเขตนี้เป็นพื้นที่ที่พัฒนาเศรษฐกิจสูงและยังมีมหาวิทยาลัย ดังนั้น จังหวัดสงขลาต้องไม่ประมาทพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล

นายพิชาย กล่าวว่า ช่วง 10 ปีมานี้พัฒนาการทางเศรษฐกิจและการศึกษามีมากขึ้น ดังนั้น มีคนที่คิดอยากจะเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นช่วงอายุ 18 ถึง 35 ปี จากผลสำรวจพบว่าคนในช่วงวัยนี้จะเลือกพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยมากกว่าพรรคประชาธิปัตย์และพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่หากไปดูสัดส่วนจำนวนประชากรจะพบว่าคนในช่วงอายุ 18 ถึง 35 ปี ยังมีไม่มากแต่หากอยู่ในเขตเมืองจะเปลี่ยนแปลงได้ อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจในพื้นที่ใต้ จากการสำรวจของนิด้าโพล เมื่อตุลาคม 2565 พบว่าน.ส.แพทองธาร ชินวัตร มีคะแนนในจังหวัดสงขลา 8% แต่จากการสำรวจครั้งนี้เพิ่มขึ้นมา 18% นี่คือการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เช่นเดียวกับคะแนนของพรรคเพื่อไทยที่ขยับขึ้นเป็น20% จึงเป็นสิ่งที่ใครๆก็ประมาทไม่ได้ ดังนั้น จะบอกว่าตรงนี้เป็นพื้นที่ของพล.อ.ประยุทธ์ที่ได้รับความนิยมสูงแล้วนอนมา ก็แพ้ได้เหมือนกัน ถ้าประมาท ส่วนนโยบายจะมีส่วนช่วยเปลี่ยนใจประชาชนภายหลังหรือไม่

นายพิชาย กล่าวว่า คงมีส่วน โดยเฉพาะนโยบายด้านเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นส่วนตัดสินใจของกลุ่มคนทำธุรกิจและคนรุ่นใหม่ แต่ถ้าเป็นสัดส่วนกลุ่มผู้สูงอายุที่มีความชื่นชอบกับนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ก็จะยึดติดกับพรรคที่คิดนโยบาย และพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนช่วงวัยกลางคนอายุตั้งแต่ 36 ปีไปจนถึง50ปีจะนิยมและเลือกพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นอันดับหนึ่ง แต่ถ้าช่วงอายุ 60 ปีขึ้นไปจะเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะชื่นชอบพล.อ.ประยุทธ์ ส่วนกลุ่มที่อายุต่ำกว่า 35 ปีจะเลือกพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล.-สำนักข่าวไทย    

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รวบแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ ตามยิงซ้ำที่ รพ. ดับ 2

ปทุมธานี 5 มิ.ย.- จับแล้ว! มือปืนโหดสวมชุดไรเดอร์ รัวกระสุนใส่หน้าบ้าน ก่อนตามไปยิงซ้ำที่ รพ. เสียชีวิต 2 ราย สารภาพอ้างแค้นถูกตีท้ายครัว ความคืบหน้าเหตุมือปืนชายแต่งกายไรเดอร์ ใช้รถจักรยานยนต์เป็นยานพาหนะ ยิงใส่กลุ่มวัยรุ่นชายหญิง ที่นั่งจับกลุ่มกันอยู่หน้าบ้าน ในพื้นที่ ต.ระแหง อ.ลาดหลุมแก้ว ทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บ 2 ราย หลังเกิดเหตุกลุ่มเพื่อนได้นำคนเจ็บไปส่งโรงพยาบาล แต่คนร้าย ได้ขี่รถจักรยานยนต์ตามประกบ ใช้อาวุธปืนตามยิงซ้ำถึงในโรงพยาบาล ส่งผลให้ผู้ได้รับบาดเจ็บที่อยู่ท้ายกระบะเสียชีวิต 2 ราย ล่าสุดเจ้าหน้าที่สามารถจับกุมตัวมือปืน ทราบชื่อนายสมยศ อายุ 32 ปี พร้อมของกลางอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่ใช้ในการก่อเหตุ โดยให้การรับสารภาพว่าตนเองจะมายิงนายมานะ หรือไอซ์ อายุ 33 ปี เพียงคนเดียว ซึ่งก่อนเกิดเหตุตนได้นั่งกินเบียร์มาก่อน และที่ทำไปนั้น เพราะจับได้ว่าผู้ตายเป็นชู้กับภรรยาตน หลังก่อเหตุขับรถหนีไปจังหวัดสมุทรปราการ ซึ่งขณะนี้ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม .-สำนักข่าวไทย

“ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 ม. จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land

ทำเนียบ 5 มิ.ย.- “ภูมิธรรม” รับกัมพูชาล้ำ 200 เมตร จริง แต่เป็นจุด No Man’s Land ย้ำใช้เวที JBC เจรจา บอกไม่ใช่เรายอมศิโรราบ แต่ไทยมีข้อมูลหลักฐาน รอชัดเจน 14 มิ.ย. ขณะที่กองทัพเตรียมพร้อมตรึงกำลังแนวชายแดน ลั่นไม่ยอมใคร ยืนยันไทยเริ่มต้นจากสันติ ชี้หากประกาศกฏอัยการศึก แม่ทัพภาค 2 มีอำนาจสั่งได้ทันที นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงการลงพื้นที่ชายแดน ไทย-กัมพูชา บริเวณช่องบก จังหวัดอุบลราชธานีเมื่อวานนี้ ว่า ตนได้รับรายงานจากกองทัพภาคที่สอง ถึงข้อมูลที่ออกไปในปัจจุบัน ผิดไปจากสิ่งที่เป็นอยู่ ในปัจจุบันมากพอสมควร จึงอยากให้ระมัดระวังเรื่องข้อมูลข่าวสาร ยืนยันว่า ในพื้นที่ไม่ได้มีการวางทุ่นระเบิด จะเป็นภาพเก่าในอดีต ซึ่งตนมองว่าเป็นการสร้างความสับสน และทำลายศรัทธาความร่วมมือของประชาชน นายภูมิธรรม กล่าวถึงการรุกล้ำ 200 เมตร ว่า ทั้งหมดนี้อยู่ที่คณะกรรมการ JBC ซึ่งปัญหาที่เกิดขึ้นในพื้นที่ชายแดนกำหนดแต่ละฝ่ายมีจุดที่ค่อมกัน ดังนั้นจึงกำหนดให้เป็น […]

ดรามานิติไล่ไรเดอร์รับลูกค้าหน้าคอนโดฯ

5 มิ.ย. – สาวเรียกรถผ่านแอปฯ มารับหน้าคอนโดฯ หัวหน้าวินมอเตอร์ไซค์ถือวิทยุสื่อสารพร้อมไล่ให้ลงรถ ขู่ไม่อนุญาตให้เรียกรถผ่านแอปฯ ด้านไรเดอร์รู้ข่าวบุกรวมตัว ลั่นถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย คลิปจากผู้โดยสารคนหนึ่งถ่ายไว้ขณะเรียกรถมารับบริเวณด้านหน้าคอนโดฯ ย่านสาทร แต่กลับถูกชายรายหนึ่งถือวิทยุสื่อสาร ไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดขู่ว่าไม่ใช่วินห้ามเข้า แฟนเพจเฟซบุ๊กอยากดังเดี๋ยวจัดให้ รีเทริน์ part 6 ได้รับเรื่องร้องเรียนจากลูกบ้านคอนโดฯ แห่งหนึ่ง โพสต์ไว้หลังจากเรียกรถผ่านแอปพลิเคชัน แต่กลับถูกขัดขวาง ระบุว่า “เราได้เรียกรถจักรยานยนต์ผ่านแอปพลิเคชันเพื่อไปทำงานตามปกติ แต่มีชายคนหนึ่ง (คาดว่าเป็นวินในหมู่บ้าน มีวิทยุสื่อสารด้วย) เข้ามาไล่ให้ลงจากรถ พร้อมพูดในลักษณะข่มขู่ว่า “ไม่ให้เรียกผ่านแอปฯ เพราะที่นี่มีวินอยู่แล้ว” และยังไล่คนขับกลับไปทันที เหตุการณ์นี้ทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยและเสียเวลาในการเดินทาง รบกวนช่วยตรวจสอบ ขอความชัดเจนว่าในหมู่บ้านมีข้อกำหนดห้ามเรียกรถผ่านแอปฯ หรือไม่ หากมีรบกวนขอเอกสารหรือประกาศที่เป็นทางการด้วย หากไม่มีรบกวนช่วยดำเนินการกับบุคคลดังกล่าว เพราะพฤติกรรมที่เกิดขึ้นเข้าข่ายคุกคามและไม่เหมาะสม” หลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกเผยแพร่ ปรารกฏว่าวานนี้ (4 มิ.ย.) มีไรเดอร์จำนวนมานัดรวมตัวกันและเดินทางไปยังคอนโดฯ ดังกล่าว โดยมีตำรวจเข้ามาพูดคุย ขณะที่ทางตัวแทนไรเดอร์ระบุว่า ถ้าคู่กรณีไม่ออกมาก็อย่าหวังว่าแยกย้าย และนิติคอนโดฯ ต้องออกมาพูดให้ชัดเจนว่าไรเดอร์เข้าไปรับผู้โดยสารได้ไหม” ต่อมาที่ สน.บางขุนเทียน เจ้าหน้าที่เรียกตัวนายพงษ์ อายุ 52 […]

คนขับหลับใน รถทัวร์เสียหลักตกร่องถนน ดับ 2 สาหัส 5

ประจวบคีรีขันธ์ 4 มิ.ย. – รถทัวร์ตกร่องกลางถนนชนเสาไฟ บนถนนเพชรเกษม อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ ผู้โดยสารเสียชีวิต 2 ราย บาดเจ็บสาหัส 5 คน คนขับยอมรับหลับใน วงจรปิดจับภาพขณะเกิดเหตุรถทัวร์ขับมาดีๆ จู่ๆ ไถลลงร่องกลางถนน โดยไม่มีคู่กรณี เหตุเกิดประมาณตี 04.30 น.ที่ผ่านมา (4 มิ.ย.) บนถนนเพชรเกษม บริเวณหน้าค่ายพระมงกุฎเกล้า อ.เมืองประจวบคีรีขันธ์ รถที่เกิดเหตุเป็นรถบัสโดยสารปรับอากาศ สายระยอง-มุกดาหาร พลิกตะแคงอยู่ในร่องกลาง มีร่องรอยชนกับเสาไฟและการ์ดเลนถนน สภาพรถด้านหน้าพังยับเยิน กระจกหน้าและด้านข้างแตกร้าว หลังคาฉีกขาด ที่เกิดเหตุมีผู้เสียชีวิต 2 คน เป็นชาย และอาการสาหัส 5 คน นอกจากนี้ยังมีผู้บาดเจ็บอีกจำนวนมาก เจ้าหน้าที่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นและเร่งนำตัวนำส่งโรงพยาบาล ขณะที่ผู้โดยสารต่างอยู่ในอาการตกใจ บอกว่าก่อนเกิดเหตุรู้สึกว่ารถส่ายไปมา คนขับรถคือ นายทศพร อายุ 51 ปี ให้การว่า ในรถมีผู้โดยสารรวมคนขับแล้ว 28 คน รับผู้โดยสารจาก จ.ระยอง […]

ข่าวแนะนำ

ผบ.ทสส.นัดถก ผบ.เหล่าทัพเฉพาะกิจ ปมชายแดนไทย-กัมพูชา

กรุงเทพฯ 5 มิ.ย. – ถก ผบ.เหล่าทัพเฉพาะกิจ พรุ่งนี้ แก้ปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา คาด “ผบ.ทบ.” รับผิดชอบโดยตรง เตรียมแผนรับมือครอบคลุมทุกมิติแล้ว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในวันพรุ่งนี้ (6 มิ.ย.68) พล.อ.ทรงวิทย์ หนุนภักดี ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) จะเป็นประธานการประชุมผู้บัญชาการเหล่าทัพ ครั้งที่ 4/2568 วาระเฉพาะกิจ ที่กองบัญชาการกองทัพอากาศ (บก.ทอ.) ในเวลา 14.00 น. คาดว่าจะมีการหารือถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ซึ่งเป็นความรับผิดชอบของกองทัพบกโดยตรง ทั้งการเตรียมกำลัง และดำเนินการเกี่ยวกับการใช้กำลังตามอำนาจหน้าที่ของกระทรวงกลาโหม โดยมี พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผู้บัญชาการทหารบก เป็นผู้บังคับบัญชาโดยตรง และเตรียมแผนพร้อมรับมือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ครอบคลุมทุกมิติแล้ว สำหรับการประชุม ผบ.เหล่าทัพ ในครั้งนี้ กองทัพอากาศเป็นเจ้าภาพ และได้แจ้งสื่อมวลชน ขอยกเลิกการมาทำข่าวนี้ เนื่องจากเป็นการประชุมเฉพาะกิจ นอกจากนี้ สภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) จะมีการประชุม และคาดว่าจะมีการตั้งคณะทำงานเฉพาะกิจขึ้นมาดูแลแก้ปัญหาโดยเฉพาะ.-313-สำนักข่าวไทย

รวมพลังหยุดเหมืองพิษ คืนชีวิตคนลุ่มน้ำชายแดน

5 มิ.ย. – วันนี้เป็นวันสิ่งแวดล้อมโลก ซึ่งขณะนี้ผู้คนตามลุ่มน้ำชายแดนไทย-เมียนมา ทางภาคเหนือของไทย กำลังเผชิญกับวิกฤติสิ่งแวดล้อม หลัง 2 เดือนมานี้พบสารหนูปนเปื้อนเกินมาตรฐานในลำน้ำกกและน้ำสาย รวมถึงแม่น้ำรวกและแม่น้ำโขง เชื่อว่าเป็นผลมาจากการทำเหมืองแร่หลายแห่งบริเวณต้นน้ำในเมียนมา วันนี้ชาวเชียงใหม่และเชียงราย ร่วมกันออกมาแสดงพลังเรียกร้องให้รัฐบาลเร่งแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ โดยเฉพาะการเจรจาให้หยุดเหมืองพิษและคืนชีวิตให้กับลุ่มน้ำต่างๆ .-สำนักข่าวไทย

แฉชนวนเหตุ ไรเดอร์บุกยิงดับ 2 ศพคา รพ.

ปทุมธานี 5 มิ.ย. – จากเหตุระทึกขวัญที่ลาดหลุมแก้ว ปทุมธานี เมื่อคืนที่ผ่านมา ไรเดอร์บุกยิงคนถึงในบ้าน แล้วยังขับรถตามไปยิงซ้ำที่โรงพยาบาลจนเสียชีวิต วันนี้ตำรวจจับกุมตัวได้แล้ว ชนวนเหตุมาจากอะไร ติดตามจากรายงาน.-สำนักข่าวไทย

นายกฯ โพสต์หารือประเมินปมชายแดนไทย-กัมพูชา

ทำเนียบ 5 มิ.ย.-นายกฯ โพสต์หารือประเมินปมชายแดนไทย-กัมพูชา ยึดหลักการสันติวิธี ยันไทยไม่ยอมรับอำนาจศาลโลก ชี้ต้องคุยเฉพาะพื้นที่เป็นปัญหา ไม่ขยายประเด็น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความผ่านโซเชียลมีเดีย ถึงการหารือสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ว่า “จากกรณีที่ทางรัฐบาลกัมพูชาออกแถลงการณ์เกี่ยวกับสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา ดิฉันได้หารือร่วมกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ปลัดกระทรวงการต่างประเทศ และท่านรองนายกรัฐมนตรี นายภูมิธรรม เวชยชัย ซึ่งได้โทรศัพท์เข้ามารายงานเรื่องการลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ ณ จังหวัดอุบลราชธานี อย่างใกล้ชิด เพื่อประเมินภาพรวมอย่างรอบด้าน รัฐบาลไทยขอยืนยันในหลักการแก้ไขปัญหาด้วยแนวทางสันติวิธี ภายใต้ความเคารพในอธิปไตยและดินแดนของกันและกัน ในกรณีที่กัมพูชาประสงค์จะเสนอให้ศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ) เข้ามามีบทบาท รัฐบาลไทยขอเรียนว่า ประเทศไทยไม่ได้ให้การยอมรับเขตอำนาจศาล ICJ ในกรณีพิพาทต่างๆ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2503 จนถึงปัจจุบัน และขอย้ำว่า ประเด็นที่เกิดขึ้นควรได้รับการแก้ไขปัญหาในบริเวณที่มีการกระทบกระทั่งกันเท่านั้น ไม่ขยายประเด็นปัญหาออกไป ประเทศไทยยังยึดมั่นในกลไกการหารือทวิภาคีที่ทั้งสองฝ่ายตกลงกันไว้มาโดยตลอด เพื่อรักษาความสัมพันธ์อันดีระหว่างประชาชนทั้งสองประเทศค่ะ.-315.-สำนักข่าวไทย