นิด้า 7 มี.ค.-“ผอ.นิด้าโพล” ชี้รทสช.ต้องปรับกลยุทธ์ ดึงคะแนนนิยมพรรคให้ได้ม่กขึ้น แม้ชาวสงขลาจะอยากได้ “พล.อ.ประยุทธ์” เป็นนายกฯ ด้าน “อ.วรรณธรรม” มั่นใจไม่มีพรรคไหนชนะแลนด์สไลด์สงขลา แม้ปชป.ยังครองใจ ขณะที่ “อ.พิชาย” มอง กลุ่มคนรุ่นใหม่แบ่งใจให้ “เพื่อไทย-ก้าวไกล”
นายสุวิชา เป้าอารีย์ ผู้อำนวยการ ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ กล่าวถึงผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนเรื่อง “คนสงขลาเลือกพรรคไหน” พบว่าคนสงขลาสนับสนุนให้เป็น พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี สูงสุด 26% แต่พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่คนสงขลาจะลงคะแนนเลือก ส.ส.เขตมากที่สุด 23.46% ว่า จากผลสำรวจที่เคยทำไม่ว่าพรรคที่ชอบหรือคนที่ใช่ในจังหวัดภาคใต้จะพบว่าพล.อ.ประยุทธ์ได้รับความนิยมหนาแน่นมากในภาคใต้ เรียกว่านำที่หนึ่งมาโดยตลอด
“แต่ถ้าไปดูคะแนนของพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือก่อนหน้านี้ที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ ทำให้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์และพรรคพลังประชารัฐมีคะแนนสูสีกัน แต่พอพล.อ.ประยุทธ์มาอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติคนยังเกิดความสับสนว่าอยู่พรรคไหนกันแน่ แต่ก็มีส่วนหนึ่งยังคงชื่นชอบพรรคประชาธิปัตย์ และจากสัดส่วนมีความเป็นไปได้ที่พรรครวมไทยสร้างชาติจะมีคะแนนนิยมของพรรคในพื้นที่ขึ้นมาใกล้เคียงกับพรรคประชาธิปปัตย์ ซึ่งจากผลโพล ความนิยมของพล.อ.ประยุทธ์ในจังหวัดสงขลามี 26% แต่พรรครวมไทยสร้างชาติมีคะแนน 15.91% จึงยังมีความต่างกัน ซึ่งหากสามารถเพิ่มความนิยมของพรรครวมไทยสร้างชาติให้ขึ้นมาอยู่ที่ 23 ถึง 24% จะสามารถชนะพรรคประชาธิปัตย์ได้ทันที ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่าระยะเวลาในการเลือกตั้งมีไม่มากในช่วงสองเดือน หากรวมไทยสร้างชาติไล่ไม่ทันพรรคประชาธิปัตย์ก็จะกวาดคะแนนขึ้นมาทั้งหมด แม้จะมีพรรคอื่นแซงขึ้นมาได้บ้างในบางเขต” นายสุวิชา กล่าว
เมื่อถามความเป็นไปได้ถึงการเจาะพื้นที่จังหวัดสงขลาและภาคใต้ของพรรครวมไทยสร้างชาติ แม้จะมีอดีตขุนพลของพรรคประชาธิปัตย์สังกัดจำนวนมากจะมีความยากง่ายเพียงใด นายสุวิชา กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์และพรรครวมไทยสร้างชาติมีฐานเสียงเดียวกัน การเลือกตั้งปี 2562 มีพรรคพลังประชารัฐมาร่วมแชร์คะแนน ดังนั้น การที่มีพรรครวมไทยสร้างชาติเกิดขึ้นมาใหม่จึงเปรียบเสมือนการแย่งปลาในบ่อเดียวกัน ขึ้นอยู่กับว่ารอบนี้ใครจะตักปลาขึ้นมาได้มากกว่ากัน ซึ่งตนมองว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้เปรียบมากกว่า เพราะฐานเก่าฝังรากลึกมาอย่างยาวนาน ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติต้องใช้กลยุทธ์เพื่อหาทางไล่คะแนนขึ้นมาให้ทัน
ส่วนการประกาศว่าพล.อ.ประยุทธ์จะลงพื้นที่และจัดเวทีปราศรัย ในฐานะพรรครวมไทยสร้างชาติที่จังหวัดสงขลาวันที่ 11 มีนาคมนี้ ถือเป็นการช่วงชิงจังหวะที่คะแนนนิยมจะช่วยดันคะแนนของพรรคได้หรือไม่ นายสุวิชา กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่จะดันคะแนนขึ้นมาได้ แต่พล.อ.ประยุทธ์คงต้องอ้อนประชาชนให้มากที่สุดว่าอยากได้พล.อ.ประยุทธ์ต้องเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะจากคะแนนผลสำรวจพบว่าคนที่เลือกพรรคประชาธิปัตย์ 1 ใน 4 อยากได้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี และ1ใน 3 ของคนที่เลือกพรรคพลังประชารัฐอยากได้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี ขณะที่ 1ใน 2 ของคนที่ยังไม่ตัดสินใจก็อยากได้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีรวมแล้วอยู่ที่ 8% ถ้าสามารถดึง 8% นี้ได้ พรรครวมไทยสร้างชาติจะปักเก้าอี้ในจังหวัดสงขลาได้จำนวนมาก ส่วนพรรคการเมืองอื่นที่คาดว่าจะแทรกเข้ามาในพื้นที่สงขลาได้ คาดว่าภูมิใจไทยจะได้ 1 ที่นั่ง
ด้านนายวรรณธรรม กาญจนสุวรรณ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวถึงพื้นที่เลือกตั้งจังหวัดสงขลา จะมีพรรคการเมืองใดเจาะพื้นที่ได้บ้างนั้น จากผลสำรวจพบว่าไม่มีพรรคการเมืองใดจะแลนด์สไลด์ในพื้นที่สงขลาได้ ซึ่งคะแนนสามารถพลิกได้ตลอดเวลา อีกครั้งจากผลสำรวจที่น่าสนใจคือ ประชาชนยังต้องการส.ส.จากพรรคประชาธิปัตย์ แต่อยากได้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งยังมีความย้อนแย้งกัน จึงต้องมาดูว่าในการเลือกตั้งพล.อ.ประยุทธ์จะมีคะแนนจริงหรือไม่ เพราะโพลครั้งนี้เป็นเพียงความคาดหวัง แต่ยังไม่เห็นคะแนนชัดเจน และจากโพลพรรครวมไทยสร้างชาติยังอยู่อันดับ 3
“การที่เรามองว่าคนรุ่นใหม่ไม่ได้อยู่ที่พรรคก้าวไกล พรรคไทยภักดีอย่างเดียว แต่คนรุ่นใหม่ยังเกิดในพรรคเก่าแก่อย่างประชาธิปัตย์ได้เช่นกัน ซึ่งต้องไปดูฝีมือและกลยุทธ์การแข่งขันของแต่ละพรรคการเมือง อีกจุดที่พลาดไม่ได้คือคนที่เข้าไปทำพื้นที่คือพรรคภูมิใจไทยที่ได้พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล อดีตหัวหน้าทีมภาคใต้ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มาร่วมงาน และช่วยพลังประชารัฐเจาะพื้นที่ของพรรคประชาธิปัตย์ได้มาแล้ว ดังนั้นรอบนี้ต้องจับตาว่าพรรคประชาธิปัตย์จะรักษาเก้าอี้หรือจะทำให้ครบทั้ง 9 เขตได้หรือไม่ เช่นเดียวกับพรรครวมไทยสร้างชาติที่ชูพล.อ.ประยุทธ์ที่ได้รับความนิยม แต่ยังไม่เห็นคะแนนจริง และพรรคภูมิใจไทย ก้าวไกลหรือพลังประชารัฐก็น่าจับตา” นายวรรณธรรม กล่าว
ส่วนชั่วโมงนี้คนในพื้นที่จ.สงขลาให้ความนิยมกับตัวบุคคลหรือพรรคการเมืองมากกว่ากัน นายวรรณธร กล่าวว่า คนในพื้นที่มีความชื่นชอบพล.อ.ประยุทธ์ แม้ยังไม่รู้ว่าพรรครวมไทยสร้างชาติจะส่งใครเป็นผู้สมัคร และสิ่งที่น่าสนใจคือหากคนสงขลา เลือกตามผลโพลนี้ แต่ไม่ได้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะในความเป็นจริงต้องไปดูว่าพรรคการเมืองใดที่มีคะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่ง ต้องส่งบุคคลนั้นเป็นนายกรัฐมนตรี อยู่ที่การตกลงทางการเมือง หรือจตามใจตามผลโพลคือต้องให้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้น จึงไม่แปลกที่วันนี้พรรครวมไทยสร้างชาติต้องเปลี่ยนกลยุทธ์และเพิ่มดีกรีความเข้มข้นในจังหวัดสงขลา เปรียบเสมือนการวัดศักดิ์ศรีและ การรักษาอำนาจฐานเดียวกัน
เมื่อถามว่าการขึ้นป้ายหาเสียงที่มีรูปคู่กับพล.อ.ประยุทธ์ ของพรรครวมไทยสร้างชาติจะช่วยเพิ่มคะแนนเสียงได้หรือไม่ นายวรรณธรรม กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับความนิยมในพื้นที่ หากจำได้ในอดีตเคยมีวลีที่ว่า ส่งเสาไฟฟ้าลงก็ชนะ ติดภาพนายชวน หลีกภัย อดีตนายกรัฐมนตรีก็ได้คะแนนเสียงแล้ว ดังนั้น ต้องดูว่าครั้งนี้จะศักดิ์สิทธิ์เหมือนนายชวนหรือไม่ สำหรับพล.อ.ประยุทธ์ถือว่ามีความท้าทาย เพราะปัจจุบันคนเรียนรู้มากขึ้น คงไม่ใช่เฉพาะเสาไฟฟ้า เพราะต้องดูสายไฟด้วย ดูองค์ประกอบหลายอย่างรวมกัน
ขณะที่นายพิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผู้อำนวยการหลักสูตรการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนา สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ กล่าวว่า สำหรับพื้นที่เลือกตั้งจังหวัดสงขลามองข้ามพรรคฝ่ายค้านไม่ได้ โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ซึ่งผลสำรวจพบว่าในเขตอำเภอเมืองและเขตหาดใหญ่ 2 พรรคนี้มีความนิยมสูง อีกทั้งคะแนนสูสีกับพรรคประชาธิปัตย์และพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่ง2 เขตนี้น่าจะแข่งขันเข้มข้นมากและเป็นโอกาสของพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล หากใช้กลยุทธ์ที่ดี อาจประสบชัยชนะได้ สำหรับเงื่อนไขที่สำคัญคือสองเขตนี้เป็นพื้นที่ที่พัฒนาเศรษฐกิจสูงและยังมีมหาวิทยาลัย ดังนั้น จังหวัดสงขลาต้องไม่ประมาทพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล
นายพิชาย กล่าวว่า ช่วง 10 ปีมานี้พัฒนาการทางเศรษฐกิจและการศึกษามีมากขึ้น ดังนั้น มีคนที่คิดอยากจะเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นช่วงอายุ 18 ถึง 35 ปี จากผลสำรวจพบว่าคนในช่วงวัยนี้จะเลือกพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยมากกว่าพรรคประชาธิปัตย์และพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่หากไปดูสัดส่วนจำนวนประชากรจะพบว่าคนในช่วงอายุ 18 ถึง 35 ปี ยังมีไม่มากแต่หากอยู่ในเขตเมืองจะเปลี่ยนแปลงได้ อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจในพื้นที่ใต้ จากการสำรวจของนิด้าโพล เมื่อตุลาคม 2565 พบว่าน.ส.แพทองธาร ชินวัตร มีคะแนนในจังหวัดสงขลา 8% แต่จากการสำรวจครั้งนี้เพิ่มขึ้นมา 18% นี่คือการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เช่นเดียวกับคะแนนของพรรคเพื่อไทยที่ขยับขึ้นเป็น20% จึงเป็นสิ่งที่ใครๆก็ประมาทไม่ได้ ดังนั้น จะบอกว่าตรงนี้เป็นพื้นที่ของพล.อ.ประยุทธ์ที่ได้รับความนิยมสูงแล้วนอนมา ก็แพ้ได้เหมือนกัน ถ้าประมาท ส่วนนโยบายจะมีส่วนช่วยเปลี่ยนใจประชาชนภายหลังหรือไม่
นายพิชาย กล่าวว่า คงมีส่วน โดยเฉพาะนโยบายด้านเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นส่วนตัดสินใจของกลุ่มคนทำธุรกิจและคนรุ่นใหม่ แต่ถ้าเป็นสัดส่วนกลุ่มผู้สูงอายุที่มีความชื่นชอบกับนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ก็จะยึดติดกับพรรคที่คิดนโยบาย และพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนช่วงวัยกลางคนอายุตั้งแต่ 36 ปีไปจนถึง50ปีจะนิยมและเลือกพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นอันดับหนึ่ง แต่ถ้าช่วงอายุ 60 ปีขึ้นไปจะเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะชื่นชอบพล.อ.ประยุทธ์ ส่วนกลุ่มที่อายุต่ำกว่า 35 ปีจะเลือกพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล.-สำนักข่าวไทย