คะแนนนิยม “พล.อ.ประยุทธ์” อย่างเดียวไม่พอ

นิด้า 7 มี.ค.-“ผอ.นิด้าโพล” ชี้รทสช.ต้องปรับกลยุทธ์ ดึงคะแนนนิยมพรรคให้ได้ม่กขึ้น แม้ชาวสงขลาจะอยากได้ “พล.อ.ประยุทธ์” เป็นนายกฯ  ด้าน “อ.วรรณธรรม” มั่นใจไม่มีพรรคไหนชนะแลนด์สไลด์สงขลา แม้ปชป.ยังครองใจ ขณะที่ “อ.พิชาย” มอง กลุ่มคนรุ่นใหม่แบ่งใจให้ “เพื่อไทย-ก้าวไกล”


นายสุวิชา เป้าอารีย์ ผู้อำนวยการ ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ กล่าวถึงผลสำรวจความคิดเห็นประชาชนเรื่อง “คนสงขลาเลือกพรรคไหน” พบว่าคนสงขลาสนับสนุนให้เป็น พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรี สูงสุด 26% แต่พรรคประชาธิปัตย์เป็นพรรคที่คนสงขลาจะลงคะแนนเลือก ส.ส.เขตมากที่สุด 23.46% ว่า จากผลสำรวจที่เคยทำไม่ว่าพรรคที่ชอบหรือคนที่ใช่ในจังหวัดภาคใต้จะพบว่าพล.อ.ประยุทธ์ได้รับความนิยมหนาแน่นมากในภาคใต้ เรียกว่านำที่หนึ่งมาโดยตลอด

“แต่ถ้าไปดูคะแนนของพรรครวมไทยสร้างชาติ หรือก่อนหน้านี้ที่เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคพลังประชารัฐ ทำให้เห็นว่าพรรคประชาธิปัตย์และพรรคพลังประชารัฐมีคะแนนสูสีกัน แต่พอพล.อ.ประยุทธ์มาอยู่พรรครวมไทยสร้างชาติคนยังเกิดความสับสนว่าอยู่พรรคไหนกันแน่ แต่ก็มีส่วนหนึ่งยังคงชื่นชอบพรรคประชาธิปัตย์ และจากสัดส่วนมีความเป็นไปได้ที่พรรครวมไทยสร้างชาติจะมีคะแนนนิยมของพรรคในพื้นที่ขึ้นมาใกล้เคียงกับพรรคประชาธิปปัตย์ ซึ่งจากผลโพล ความนิยมของพล.อ.ประยุทธ์ในจังหวัดสงขลามี 26% แต่พรรครวมไทยสร้างชาติมีคะแนน 15.91% จึงยังมีความต่างกัน ซึ่งหากสามารถเพิ่มความนิยมของพรรครวมไทยสร้างชาติให้ขึ้นมาอยู่ที่ 23 ถึง 24% จะสามารถชนะพรรคประชาธิปัตย์ได้ทันที ทั้งนี้ ต้องไม่ลืมว่าระยะเวลาในการเลือกตั้งมีไม่มากในช่วงสองเดือน หากรวมไทยสร้างชาติไล่ไม่ทันพรรคประชาธิปัตย์ก็จะกวาดคะแนนขึ้นมาทั้งหมด แม้จะมีพรรคอื่นแซงขึ้นมาได้บ้างในบางเขต” นายสุวิชา กล่าว


เมื่อถามความเป็นไปได้ถึงการเจาะพื้นที่จังหวัดสงขลาและภาคใต้ของพรรครวมไทยสร้างชาติ แม้จะมีอดีตขุนพลของพรรคประชาธิปัตย์สังกัดจำนวนมากจะมีความยากง่ายเพียงใด นายสุวิชา กล่าวว่า พรรคประชาธิปัตย์และพรรครวมไทยสร้างชาติมีฐานเสียงเดียวกัน การเลือกตั้งปี 2562 มีพรรคพลังประชารัฐมาร่วมแชร์คะแนน ดังนั้น การที่มีพรรครวมไทยสร้างชาติเกิดขึ้นมาใหม่จึงเปรียบเสมือนการแย่งปลาในบ่อเดียวกัน ขึ้นอยู่กับว่ารอบนี้ใครจะตักปลาขึ้นมาได้มากกว่ากัน ซึ่งตนมองว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้เปรียบมากกว่า เพราะฐานเก่าฝังรากลึกมาอย่างยาวนาน ขณะที่พรรครวมไทยสร้างชาติต้องใช้กลยุทธ์เพื่อหาทางไล่คะแนนขึ้นมาให้ทัน

ส่วนการประกาศว่าพล.อ.ประยุทธ์จะลงพื้นที่และจัดเวทีปราศรัย ในฐานะพรรครวมไทยสร้างชาติที่จังหวัดสงขลาวันที่ 11 มีนาคมนี้ ถือเป็นการช่วงชิงจังหวะที่คะแนนนิยมจะช่วยดันคะแนนของพรรคได้หรือไม่ นายสุวิชา กล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่จะดันคะแนนขึ้นมาได้ แต่พล.อ.ประยุทธ์คงต้องอ้อนประชาชนให้มากที่สุดว่าอยากได้พล.อ.ประยุทธ์ต้องเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะจากคะแนนผลสำรวจพบว่าคนที่เลือกพรรคประชาธิปัตย์ 1 ใน 4 อยากได้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี และ1ใน 3 ของคนที่เลือกพรรคพลังประชารัฐอยากได้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี ขณะที่ 1ใน 2 ของคนที่ยังไม่ตัดสินใจก็อยากได้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีรวมแล้วอยู่ที่ 8% ถ้าสามารถดึง 8% นี้ได้ พรรครวมไทยสร้างชาติจะปักเก้าอี้ในจังหวัดสงขลาได้จำนวนมาก ส่วนพรรคการเมืองอื่นที่คาดว่าจะแทรกเข้ามาในพื้นที่สงขลาได้ คาดว่าภูมิใจไทยจะได้ 1 ที่นั่ง

ด้านนายวรรณธรรม กาญจนสุวรรณ อาจารย์ประจำคณะรัฐศาสตร์มหาวิทยาลัยสุโขทัยธรรมาธิราช กล่าวถึงพื้นที่เลือกตั้งจังหวัดสงขลา จะมีพรรคการเมืองใดเจาะพื้นที่ได้บ้างนั้น จากผลสำรวจพบว่าไม่มีพรรคการเมืองใดจะแลนด์สไลด์ในพื้นที่สงขลาได้ ซึ่งคะแนนสามารถพลิกได้ตลอดเวลา อีกครั้งจากผลสำรวจที่น่าสนใจคือ ประชาชนยังต้องการส.ส.จากพรรคประชาธิปัตย์ แต่อยากได้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี ซึ่งยังมีความย้อนแย้งกัน จึงต้องมาดูว่าในการเลือกตั้งพล.อ.ประยุทธ์จะมีคะแนนจริงหรือไม่ เพราะโพลครั้งนี้เป็นเพียงความคาดหวัง แต่ยังไม่เห็นคะแนนชัดเจน และจากโพลพรรครวมไทยสร้างชาติยังอยู่อันดับ 3


“การที่เรามองว่าคนรุ่นใหม่ไม่ได้อยู่ที่พรรคก้าวไกล พรรคไทยภักดีอย่างเดียว แต่คนรุ่นใหม่ยังเกิดในพรรคเก่าแก่อย่างประชาธิปัตย์ได้เช่นกัน ซึ่งต้องไปดูฝีมือและกลยุทธ์การแข่งขันของแต่ละพรรคการเมือง อีกจุดที่พลาดไม่ได้คือคนที่เข้าไปทำพื้นที่คือพรรคภูมิใจไทยที่ได้พ.อ.สุชาติ จันทรโชติกุล อดีตหัวหน้าทีมภาคใต้ของพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) มาร่วมงาน และช่วยพลังประชารัฐเจาะพื้นที่ของพรรคประชาธิปัตย์ได้มาแล้ว ดังนั้นรอบนี้ต้องจับตาว่าพรรคประชาธิปัตย์จะรักษาเก้าอี้หรือจะทำให้ครบทั้ง 9 เขตได้หรือไม่ เช่นเดียวกับพรรครวมไทยสร้างชาติที่ชูพล.อ.ประยุทธ์ที่ได้รับความนิยม แต่ยังไม่เห็นคะแนนจริง และพรรคภูมิใจไทย ก้าวไกลหรือพลังประชารัฐก็น่าจับตา” นายวรรณธรรม กล่าว

ส่วนชั่วโมงนี้คนในพื้นที่จ.สงขลาให้ความนิยมกับตัวบุคคลหรือพรรคการเมืองมากกว่ากัน นายวรรณธร กล่าวว่า คนในพื้นที่มีความชื่นชอบพล.อ.ประยุทธ์ แม้ยังไม่รู้ว่าพรรครวมไทยสร้างชาติจะส่งใครเป็นผู้สมัคร และสิ่งที่น่าสนใจคือหากคนสงขลา เลือกตามผลโพลนี้ แต่ไม่ได้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี เพราะในความเป็นจริงต้องไปดูว่าพรรคการเมืองใดที่มีคะแนนเสียงเป็นอันดับหนึ่ง ต้องส่งบุคคลนั้นเป็นนายกรัฐมนตรี  อยู่ที่การตกลงทางการเมือง หรือจตามใจตามผลโพลคือต้องให้พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี ดังนั้น จึงไม่แปลกที่วันนี้พรรครวมไทยสร้างชาติต้องเปลี่ยนกลยุทธ์และเพิ่มดีกรีความเข้มข้นในจังหวัดสงขลา เปรียบเสมือนการวัดศักดิ์ศรีและ การรักษาอำนาจฐานเดียวกัน

เมื่อถามว่าการขึ้นป้ายหาเสียงที่มีรูปคู่กับพล.อ.ประยุทธ์ ของพรรครวมไทยสร้างชาติจะช่วยเพิ่มคะแนนเสียงได้หรือไม่ นายวรรณธรรม กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับความนิยมในพื้นที่ หากจำได้ในอดีตเคยมีวลีที่ว่า ส่งเสาไฟฟ้าลงก็ชนะ ติดภาพนายชวน หลีกภัย  อดีตนายกรัฐมนตรีก็ได้คะแนนเสียงแล้ว ดังนั้น ต้องดูว่าครั้งนี้จะศักดิ์สิทธิ์เหมือนนายชวนหรือไม่ สำหรับพล.อ.ประยุทธ์ถือว่ามีความท้าทาย เพราะปัจจุบันคนเรียนรู้มากขึ้น คงไม่ใช่เฉพาะเสาไฟฟ้า เพราะต้องดูสายไฟด้วย ดูองค์ประกอบหลายอย่างรวมกัน

ขณะที่นายพิชาย รัตนดิลก ณ ภูเก็ต ผู้อำนวยการหลักสูตรการเมืองและยุทธศาสตร์การพัฒนา สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ กล่าวว่า สำหรับพื้นที่เลือกตั้งจังหวัดสงขลามองข้ามพรรคฝ่ายค้านไม่ได้ โดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล ซึ่งผลสำรวจพบว่าในเขตอำเภอเมืองและเขตหาดใหญ่ 2 พรรคนี้มีความนิยมสูง อีกทั้งคะแนนสูสีกับพรรคประชาธิปัตย์และพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่ง2 เขตนี้น่าจะแข่งขันเข้มข้นมากและเป็นโอกาสของพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล หากใช้กลยุทธ์ที่ดี อาจประสบชัยชนะได้ สำหรับเงื่อนไขที่สำคัญคือสองเขตนี้เป็นพื้นที่ที่พัฒนาเศรษฐกิจสูงและยังมีมหาวิทยาลัย ดังนั้น จังหวัดสงขลาต้องไม่ประมาทพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล

นายพิชาย กล่าวว่า ช่วง 10 ปีมานี้พัฒนาการทางเศรษฐกิจและการศึกษามีมากขึ้น ดังนั้น มีคนที่คิดอยากจะเปลี่ยนแปลง ซึ่งเป็นช่วงอายุ 18 ถึง 35 ปี จากผลสำรวจพบว่าคนในช่วงวัยนี้จะเลือกพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทยมากกว่าพรรคประชาธิปัตย์และพรรครวมไทยสร้างชาติ แต่หากไปดูสัดส่วนจำนวนประชากรจะพบว่าคนในช่วงอายุ 18 ถึง 35 ปี ยังมีไม่มากแต่หากอยู่ในเขตเมืองจะเปลี่ยนแปลงได้ อีกหนึ่งประเด็นที่น่าสนใจในพื้นที่ใต้ จากการสำรวจของนิด้าโพล เมื่อตุลาคม 2565 พบว่าน.ส.แพทองธาร ชินวัตร มีคะแนนในจังหวัดสงขลา 8% แต่จากการสำรวจครั้งนี้เพิ่มขึ้นมา 18% นี่คือการเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ เช่นเดียวกับคะแนนของพรรคเพื่อไทยที่ขยับขึ้นเป็น20% จึงเป็นสิ่งที่ใครๆก็ประมาทไม่ได้ ดังนั้น จะบอกว่าตรงนี้เป็นพื้นที่ของพล.อ.ประยุทธ์ที่ได้รับความนิยมสูงแล้วนอนมา ก็แพ้ได้เหมือนกัน ถ้าประมาท ส่วนนโยบายจะมีส่วนช่วยเปลี่ยนใจประชาชนภายหลังหรือไม่

นายพิชาย กล่าวว่า คงมีส่วน โดยเฉพาะนโยบายด้านเศรษฐกิจ ซึ่งจะเป็นส่วนตัดสินใจของกลุ่มคนทำธุรกิจและคนรุ่นใหม่ แต่ถ้าเป็นสัดส่วนกลุ่มผู้สูงอายุที่มีความชื่นชอบกับนโยบายบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ก็จะยึดติดกับพรรคที่คิดนโยบาย และพรรคประชาธิปัตย์ ส่วนช่วงวัยกลางคนอายุตั้งแต่ 36 ปีไปจนถึง50ปีจะนิยมและเลือกพรรคประชาธิปัตย์มาเป็นอันดับหนึ่ง แต่ถ้าช่วงอายุ 60 ปีขึ้นไปจะเลือกพรรครวมไทยสร้างชาติ เพราะชื่นชอบพล.อ.ประยุทธ์ ส่วนกลุ่มที่อายุต่ำกว่า 35 ปีจะเลือกพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล.-สำนักข่าวไทย    

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

ธปท.ย้ำเร่งปลดล็อกบัญชีผู้บริสุทธิ์ ทำให้ร้านค้ามั่นใจ

กรุงเทพฯ 15 ก.ย. – ธปท. ย้ำทุกหน่วยงานร่วมกำหนดเงื่อนไขปลดล็อกบัญชีไม่มีเอี่ยวบัญชีม้า สิ้นเดือน ก.ย.นี้ เพื่อให้ร้านค้ามั่นใจรับโอนเงินซื้อสินค้า นางสาวดารณี แซ่จู ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายกำกับระบบชำระเงินฯ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวว่า จากปัญหาชาวบ้านถูกระงับธุรกรรมและระงับวงเงิน แต่ไม่ได้ระงับเงินในบัญชีในช่วงเดือนกันยายน 68 ตรวจพบบัญชีต้องสงสัยเฉลี่ย 10,000 บัญชี/สัปดาห์ ยอมรับว่าการคุมเข้มในช่วงที่ผ่านมา เพื่อต้องการกวาดเอาเส้นทางบัญชีที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบ ทั้งโอนเงินผ่าน e-money และคริบโตฯ ทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ได้รับผลกระทบในบางส่วน ในการทำธุรกรรมทางการเงิน ธปท. จึงเร่งหารือกับทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ร่วมกำหนดเงื่อนไขร่วมกันให้เสร็จภายในสิ้นเดือน ก.ย.นี้ “ธปท., ธนาคาร, ตำรวจ ศปอท. พร้อมปลดล็อกให้กับผู้บริสุทธิ์ มุ่งเน้นบัญชีจำนวนไม่มาก เช่นวงเงิน 100-500 บาท หรือร้านค้า ที่มีการซื้อของมาประกอบอาหารหรือสินค้าในร้านเป็นประจำในยอดที่ไม่สูงมากนัก กลุ่มเหล่านี้จะเร่งตรวจสอบ เพื่อแจ้งข้อมูลให้ลูกค้าบัญชีรับทราบ พร้อมทำอย่างรวดเร็ว และมุ่งทำความเข้าใจกับร้านค้า ให้เกิดความเชื่อมั่น และรับเงินโอนจากลูกค้า เพราะที่ผ่านมายอดปฏิเสธรับโอนเงินไม่สูงมากนัก หากตรวจสอบเสร็จแล้วคาดว่าใช้เวลา 2-3 ชั่วโมง ถึง 1 […]

ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ”

กทม. 15 ก.ย.-ครอบครัวชินวัตร ถึงเรือนจำคลองเปรม เข้าเยี่ยม “ทักษิณ” หลังครบ 5 วันกักโรค และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติเข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก นายวิญญัติ ชาติมนตรี ทนายความส่วนตัวของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ทำเรื่องขอเข้าเยี่ยมนายทักษิณ ที่เรือนจำกลางคลองเปรม หลังครบ 5 วัน การกักตัวเฝ้าระวังโรคโควิด-19 และกรมราชทัณฑ์ อนุญาตให้ญาติตามรายชื่อ 10 คน และทนายความ เข้าเยี่ยมได้วันนี้เป็นวันแรก โดยก่อนหน้านี้ พันตำรวจโท เชน กาญจนาปัจจ์ โฆษกกรมราชทัณฑ์ เปิดเผยว่าอาการของนายทักษิณ โดยรวมดีขึ้น ความดันสูงก่อนหน้านี้ลงมาอยู่ในเกณฑ์ปกติ ซึ่งการเข้าเยี่ยมจะเป็นการพูดคุยผ่านกระจกใส เพื่อความปลอดภัย ล่าสุด ครอบครัวชินวัตรเดินทางมาถึงเรือนจำคลองเปรมแล้ว นำโดยคุณหญิงพจมาน ดามาพงศ์, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์ ลูกสาวคนโต และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี.-สำนักข่าวไทย

“บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุม เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน

บช.ก. 15 ก.ย. – “บิ๊กเต่า” เปิดคดีใหม่ พระวัดดังเมืองปทุมธานี เอี่ยวเงินวัดโยงสีกาเยอรมัน ฝากให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหาย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (รอง ผบช.ก.) เปิดเผยถึงกระแสข่าวพระวัดดังจังหวัดปทุมธานี ที่มีความเกี่ยวข้องกับเงินวัดจำนวน 12.2 ล้านบาท ที่โอนเข้าบัญชีสีการายหนึ่ง ว่า เรื่องนี้ทราบว่ามีคนแจ้งความและเป็นคดีความอยู่ที่กองบังคับการปราบปรามแล้ว ขณะนี้เจ้าหน้าที่อยู่ระหว่างการดำเนินการตรวจสอบ และได้ข้อมูลที่น่าสนใจมากพอสมควร ซึ่งสีกาคนดังกล่าวจะเกี่ยวข้องกับสีกาที่ทางตำรวจเพ่งเล็งอยู่หรือไม่จะต้องตรวจสอบในประเด็นนี้ด้วย แต่คดีนี้หลักๆ จะดูที่เส้นทางการเงินของบัญชีวัด หากพบใครเกี่ยวข้องก็จะต้องดำเนินการ ส่วนกรณีที่ทนายอนันต์ชัย ไชยเดช ประธานมูลนิธิทนายกองทัพธรรม นำหลักฐานออกมาโพสต์ผ่านโซเชียลนั้น ก็ถือว่ามีประโยชน์ต่อรูปคดี ส่วนจะเรียกเข้าสอบหรือไม่นั้นอยู่ระหว่างการพิจารณาของพนักงานสอบสวน ซึ่งคาดว่าอีกไม่นานเรื่องนี้จะชัดเจน มีรายงานว่าผู้ที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้พบว่ามี 8 คน รวมพระด้วยเป็น 9 คน จึงอยากฝากถึงพระว่า ให้มาชี้แจงความบริสุทธิ์ หากไม่มาจะเสียหายเนื่องจากมีหลักฐานจำนวนมาก.-419-สำนักข่าวไทย

บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินแก๊งคอลเซ็นเตอร์

กทม. 16 ก.ย.-บุกห้ามยายวัย 83 โอนเงินให้แก๊งคอลเซ็นเตอร์เกือบ 5 ล้าน แต่ยายไม่ฟัง ไม่เชื่อว่าโดนหลอก ไล่ตำรวจกลับไป แถมโทรฟ้องมิจฉาชีพว่าตำรวจมากวน สุดท้ายเข้าแจ้งความแล้ว เจ้าหน้าที่ตำรวจ สน.พระโขนง ตะโกนคุยกับคุณยายวัย 83 ปี ข้ามรั้วประตูบ้าน ว่า อย่าโอนเงินให้มิจฉาชีพอีก หลังธนาคารพบความผิดปกติ เนื่องจากคุณยายถอนเงินออกมาหลายล้านบาท จึงประสานงานไปที่ศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขปัญหาอาชญากรรมออนไลน์ AOC 1441 ให้แจ้งมายังตำรวจนครบาล เพื่อตรวจสอบการโอนเงินของคุณยายโดยด่วน ปรากฏว่า เมื่อตำรวจมาถึงบ้าน คุณยายไม่เชื่อ แถมยังคุยโทรศัพท์กับตำรวจปลอมในมือถือตลอดเวลา แล้วไม่เชื่อว่า ตำรวจที่มาหน้าบ้านเป็นตำรวจจริง จนตำรวจตัวจริงอ่อนใจ ทำได้เพียงแค่ประสานงานผู้นำในชุมชนให้ช่วยดูแลคุณยาย และเตือนเรื่องนี้ ล่าสุดคุณยายมาแจ้งความแล้ว เมื่อวันที่ 13 กันยายน แต่ยังไม่ได้เงินคืน ข้อมูลของตำรวจพบว่า คุณยายโอนเงินไปทั้งหมด 5 ครั้งครั้งแรกวันที่ 3 กันยายน ฝากเงินสดเข้าบัญชีธนาคารแห่งหนึ่ง 3.5 ล้านบาทวันที่ 4 กันยายน โอนเงินสดไป 400,000 บาทวันที่ […]

ข่าวแนะนำ

แม่ใจสลาย รับร่างลูกสาววัย 2 เดือนถูกพิตบูลขย้ำ ส่งชันสูตร

อุทัยธานี 17 ก.ย. – ครอบครัวเศร้า ติดต่อรับร่างลูกสาววัย 2 เดือน ส่งชันสูตรหาสาเหตุการเสียชีวิต หลังถูกสุนัขพิตบูลลากไปขย้ำหัว ขณะแม่ไปเก็บของเก่าภายในโรงสี เจ้าของคาดเข้าใจผิดคิดว่าเป็นของเล่น นายฉัตรมงคล สุวรรณเศรษฐ์ เจ้าหน้าที่บรรเทาสาธารณภัยจังหวัดอุทัยธานี พร้อมด้วยมารดาของ ด.ญ.กัญญาภัทร อายุเพียง 2 เดือน ผู้เสียชีวิตจากการถูกสุนัขพันธุ์พิตบูลกัด รวมถึงญาติ เดินทางไปรับศพที่โรงพยาบาลหนองฉาง จ.อุทัยธานี ก่อนนำร่างส่งชันสูตร หาสาเหตุอย่างละเอียดอีกครั้งที่โรงพยาบาลสวรรค์ประชารักษ์ จ.นครสวรรค์ ทั้งนี้ เหตุดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อช่วงเวลา 15.00 น. วานนี้ (16 ก.ย.) ที่โรงรถของบ้านหลังหนึ่ง พื้นที่ หมู่ 15 บ้านโรงสีใหม่ ต.ทุ่งโพ อ.หนองฉาง จ.อุทัยธานี โดยเมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจสอบพบร่างเด็กน้อย อยู่บริเวณรางระบายน้ำ เจ้าของบ้านนำร่างเด็ก ส่งโรงพยาบาลไปก่อนหน้านี้ แต่เสียชีวิตในเวลาต่อมา โดยที่เกิดเหตุ ยังพบคราบเลือดและร่องรอยลากยาวราว 6 เมตร ไปถึงรางระบายน้ำ นอกจากนี้ ยังพบรถเข็นเด็ก พร้อมของเล่น […]

ผู้ว่าฯ สระแก้ว ข้ามไปหารือผู้ว่าฯ บันเตียเมียนเจย ชาวกัมพูชารุกล้ำอธิปไตย

สระแก้ว 17 ก.ย.-ผู้ว่าฯ สระแก้ว เดินทางข้ามไปหารือ ผู้ว่าฯ บันเตียเมียนเจย แก้ปัญหาชาวกัมพูชารุกล้ำอธิปไตยของไทย “บ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว” บอกว่า ถ้าไม่มั่นใจ ก็ไม่ไป ก่อนเวลาประมาณ 10.00 น. นายปริญญา โพธิสัตย์ ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว พร้อมผู้เกี่ยวข้อง ได้เดินทางจากฝั่งคลองลึกอรัญประเทศของไทย ข้ามไปบริเวณปอยเปต ของกัมพูชา เพื่อหารือกับผู้ว่าราชการจังหวัดบันเตียเมียนเจย ที่ตรวจคนเข้าเมืองกัมพูชา ปอยเปต เพื่อแก้ปัญหาชาวกัมพูชารุกล้ำอธิปไตยของไทย ในจุดหลังเส้นสีแดงบริเวณบ้านหนองจาน บ้านหนองหญ้าแก้ว ซึ่งไม่ใช่พื้นที่ข้อพิพาท แต่เป็นอธิปไตยของไทย โดยมี อุม เรีย ไต ผู้ ว่าราชการจังหวัดมันเตรียมเวนเจ มารอต้อนรับที่กลางสะพานมีการทักทายกันอย่างเป็นกันเอง โดยผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ยังได้ทักทายกับพลโทเป็กวันนา หัวหัวหน้าสำนักงานประสานงานชายแดนกัมพูชา- ไทย ความสัมพันธ์ที่ดีในช่วงที่ผ่านมาว่า พลโทเป๊กวันนา ก็เคยข้ามมารักษาพยาบาลที่ฝั่งไทย โดยก่อนเดินทางไปร่วมประชุม ผู้ว่าราชการจังหวัดสระแก้ว ให้สัมภาษณ์สั้นๆ ว่าถ้าไม่มั่นใจก็ไม่เดินทางไปเจรจาเพราะการหารือที่ขึ้นเป็นไปตามข้อตกลงของจากการประชุม คณะกรรมการชายแดนทั่วไปไทย–กัมพูชา หรือ GBC.-สำนักข่าวไทย

ไม่รอด! ศาลสั่งจำคุก “เจ๋ง ดอกจิก-ศรีสุวรรณ” กับพวก ร่วมกันรีดทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว

17 ก.ย. – ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางนัดฟังคำพิพากษา กรณีนายศรีสุวรรณ จรรยา กับเจ๋ง ดอกจิก พร้อมพวกรวม 5 คน ร่วมกันเรียกรับทรัพย์อธิบดีกรมการข้าว ด้าน “ศรีสุวรรณ” เผยมั่นใจและเชื่อมั่นในคำพิพากษาว่าศาลจะให้กลับไปทำหน้าที่เหมือนเดิม ล่าสุดศาลพิพากษาคุก “เจ๋ง ดอกจิก” 6 ปี ด้าน “ศรีสุวรรณ” พร้อมพวกโดนด้วยคนละ 4 ปี นายศรีสุวรรณ จรรยา นักร้องเรียน, นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก สมาชิกพรรครวมไทยสร้างชาติ พร้อมพวกรวม 5 คน เดินทางเข้ารับฟังคำพิพากษาในข้อหาเรียกรับทรัพย์สินจากอธิบดีกรมการข้าว ก่อนขึ้นฟังคำพิพากษานายศรีสุวรรณ ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชนว่า คดีนี้เป็นคดีการเมืองที่ผู้มีอำนาจต้องการเตะตัดขา เพราะไม่ต้องการให้ทำหน้าที่ตรวจสอบนักการเมืองและข้าราชการระดับสูง เพราะสิ่งที่ทำมานับ 10 ปี เป็นที่หวาดผวาของนักการเมืองและข้าราชการจำนวนมาก เรื่องร้องเรียนนำไปสู่การยุบพรรคการเมืองหลายพรรค จบอนาคตการเมืองของนักการเมืองดังหลายคน จึงเป็นที่มาของการหาเหตุให้ต้องคดี โดยใช้เทคนิควิธีการ ซึ่งในภาษากฎหมายเรียกว่าล่อให้กระทำความผิด โดยการเอาถุงเงินไปแขวนหน้าบ้าน หากพฤติกรรมแบบนี้ถือเป็นความผิด อนาคตอาจนำไปใช้กันทั่วประเทศและก่อให้เกิดความเดือดร้อนเสียหายต่อประชาชน นายศรีสุวรรณ กล่าวต่อว่า […]

“ลูกหมี” นำ สส.ชุมพร-อบจ.ชุมพร-ทีมพลังชุมพร ซบพรรคภูมิใจไทย

พรรคภูมิใจไทย 17 ก.ย.-“ลูกหมี” นำ สส.ชุมพร-อบจ.ชุมพร-ทีมพลังชุมพร ซบพรรคภูมิใจไทย มั่นใจพรรคนำพาประเทศเดินไปข้างหน้า ไม่หวังประโยชน์ส่วนตัว แจงไม่ขัดแย้งกับ รทสช. ชี้เป็นเรื่องภายในพรรค ด้าน “พิพัฒน์” ตั้งเป้ากวาดที่นั่งภาคใต้มากขึ้น พร้อมเดินหน้าแลนด์บริดจ์ นายชุมพล จุลใส นำ นายวิชัย สุดสวาสดิ์ และนายสุพล จุลใส 2 สส.ชุมพร พรรครวมไทยสร้างชาติ เปิดตัวเตรียมร่วมงานที่พรรคภูมิใจไทย รวมถึง นายนพพร อุสิทธิ์ นายก อบจ.ชุมพร ที่นำทีมพลังชุมพร 27 คน สมัครเป็นสมาชิกพรรค โดยมีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ แกนนำพรรคภูมิใจไทย ให้การต้อนรับและสวมเสื้อพรรคภูมิใจไทยให้กับ นายก อบจ. นายศุภชัย กล่าวว่า วันนี้เป็นเกียรติอย่างยิ่งได้ต้อนรับ คณะจากจังหวัดชุมพร ที่มาให้กำลังใจนายอนุทินโดย ได้รับการยืนยันว่า จะร่วมกันพัฒนาพื้นที่ภาคใต้ให้แข็งแกร่งเติบโต และมีความเจริญขึ้น โดยการนำของนายอนุทินและพรรคภูมิใจไทย ขอบคุณที่ให้โอกาสภาคภูมิใจไทยได้ไปร่วมทำงานกับพี่น้องจังหวัดชุมพร ทุกคนมีเจตจำนงที่จะสนับสนุนพรรคภูมิใจไทยในการเลือกตั้งในสมัยต่อไป นายชุมพล กล่าวว่า ตนขอพูดในนามส่วนตัวว่ามีความมั่นใจว่าพรรคภูมิใจไทยสามารถนำพาประเทศไปได้และทำทุกอย่างให้ประเทศมีความมั่นคงให้ประเทศเดินไปข้างหน้า […]