จ.สุพรรณบุรี 20 ก.พ. – “วราวุธ” ปราศรัย อ.ศรีประจันต์ เดินหน้านโยบาย “ว้าว ไทยแลนด์” ย้ำ “รับฟัง ทำจริง” ด้าน “กัญจนา” ขอ 5 แสนคะแนนให้ ส.ส.ชทพ.เข้าไปทำงานแทนปชช. ขณะ “ประภัตร” ย้อนอดีตเป็นผู้แทนเกือบ 50 ปี สุพรรณฯ พัฒนาต่อได้ต้องชาติไทยพัฒนาเท่านั้น
นายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา นายประภัตร โพธสุธน เลขาธิการพรรค ในฐานะว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. พื้นที่เขตเลือกตั้ง อ.ศรีประจันต์ และ น.ส.กัญจนา ศิลปอาชา ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าพรรค ขึ้นเวทีพบปะประชาชน นักเรียน นักศึกษา กว่า 2,000 คนที่บึงลำควง อ.ศรีประจันต์ จ.สุพรรณบุรี โดยนายวราวุธ กล่าวปราศรัยว่า รู้สึกชื่นใจที่เห็นชาวอ.ศรีประจันต์มอบความรักให้กับคนที่ชื่อว่า นายประภัตร โพธสุธน กับครอบครัวพรรคชาติไทยพัฒนา และครอบครัวศิลปอาชา ต้องบอกว่าตั้งแต่เริ่มแรกสมัยที่ยังเป็นพรรคชาติไทย คนที่ชื่อนายประภัตรอยู่กับพรรคชาติไทยตั้งแต่สมัยนายบรรหาร ศิลปาชา อยู่มานานเกือบ 50 ปี ถึงจะมีคนมาทาบทามก็ไม่เคยคิดจะย้ายไปอยู่พรรคอื่น เพราะความรัก ความผูกพันที่มีให้กับคนสุพรรณบุรีและพรรค จึงอยากให้ประชาชนให้กำลังใจนายประภัตรด้วย
“สิ่งที่พรรคชาติไทยพัฒนาทำงานมาตั้งแต่สมัยนายบรรหารมาถึงรุ่นลูกคือ น.ส.กัญจนาและผม ขออาสาทำงานอยู่ และเราจะเดินทางต่อไปด้วยกัน แม้ว่าจะมีคนพูดว่าตั้งแต่นายบรรหารจากไป จังหวัดสุพรรณบุรีและพรรคชาติไทยพัฒนาจะแตก แต่วันนี้เข้าสู่ปี 2566 พรรคชาติไทยพัฒนาและสุพรรณบุรียังแข็งแรงอยู่ เรากำลังจะเข้าสู่การเลือกตั้งอีกครั้ง เราจะพิสูจน์ให้คนทั้งประเทศเห็นว่า รัฐมนตรีจากพรรคชาติไทยพัฒนา ทั้งนายประภัตรและผม เราเป็นรัฐมนตรีที่โตที่สุดในรัฐบาลชุดนี้” หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าว
นายวราวุธ กล่าวว่า การทำงานของพรรคชาติไทยพัฒนาไม่ได้มองแค่ระยะสั้น แต่มองไปถึงอนาคตของลูกหลานอีก 20 – 30 ปีข้างหน้า การทำนโยบายของพรรคจึงเป็นการลงไปรับฟังปัญหาจากทั่วประเทศ และนำมาทำ มาแก้ไขจริง ๆ จึงเป็นที่มาของคำว่า “รับฟัง ทำจริง” ไม่ใช่นั่งเทียนคิดนโยบายโดยไม่ถามใคร ดังนั้น นโยบายที่ออกมาจึงเป็นเรื่องความต่อเนื่อง ความยั่งยืน และคิดถึงอนาคตของคนไทยทุกรุ่น ทั้งรุ่นใหม่และรุ่นใหญ่
“หัวใจสำคัญที่สุดของนโยบายของพรรคชาติไทยพัฒนา สำหรับกลุ่มพี่น้องเกษตรกรทุก ๆ คนคือจะทำอย่างไรให้มีเงินในกระเป๋ามากขึ้น โดยเฉพาะพื้นที่ทำนาในประเทศไทย 60 ล้านไร่ ทำอย่างไรจะมีพันธุ์ข้าวที่ดี สู้กับพันธุ์ข้าวต่างประเทศที่ราคาแพง 60 ล้านไร่ เราจะแจกพันธุ์ข้าวที่ดีให้กับเกษตรกรทั่วประเทศ และจะแจกเงินต้นทุนการผลิต 1,000 บาทต่อไร่ รวมถึงขยายเขตไฟฟ้าเพื่อการเกษตร หน่วยละ 2 บาท เพื่อลดต้นทุนการใช้น้ำมันสูบน้ำเข้านา” หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าว
นายวราวุธ กล่าวว่า อ.ศรีประจันต์ยังขุดเจาะบ่อบาดาล นำทรัพยากรน้ำใต้ดินมาใช้ โดยไม่เสียเงิน และเป็นต้นแบบที่จะขยายระบบบ่อบาดาลขนาดใหญ่ไปทุกตำบล เพื่อแก้ปัญหาการขาดแคลนน้ำประปา ให้มีน้ำกินน้ำใช้ทั่วประเทศ คือหัวใจของพรรคชาติไทยพัฒนาที่จะดูแลเกษตรกร ดูแลแหล่งน้ำอุปโภคบริโภค ส่วนเรื่องสุขภาพ สิ่งที่จะทำคือการดูแลไม่ให้ประชาชนเจ็บป่วย ไม่ต้องหาหมอ จึงเสนอนโยบายสุขภาพดี มีเงินคืน 3,000 บาท เพราะการดูแลสุขภาพมีราคาถูกกว่าค่ารักษายามเจ็บไข้ได้ป่วย
“นอกจากพรรคชาติไทยพัฒนาแล้ว ยังไม่เห็นพรรคการเมืองไหนออกมาพูดถึงอนาคตประเทศไทย 30 – 40 ปีข้างหน้าว่าอีก 40 ปี น้ำจะท่วมหนักกว่าเดิมหรือไม่ อย่างปี 2564 จังหวัดสุพรรณบุรีถูกน้ำท่วม 10 อำเภออย่างที่ไม่เคยเจอมาก่อน และวิเคราะห์กันแล้วว่าทุก 10 ปี น้ำจะท่วม ภัยธรรมชาติจะรุนแรงขึ้น ซึ่งถือว่าเป็นวิกฤติการเปลี่ยนแปลงสภาพอากาศของโลก สิ่งที่พรรคชาติไทยพัฒนาทำ จึงเป็นการคิดถึงการแก้ปัญหาที่จะเกิดขึ้นอนาคต” หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา กล่าว
นายวราวุธ กล่าวว่า เรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อม น้ำท่วม อากาศเปลี่ยนแปลง ไม่ใช่สิ่งที่ไกลตัว และมองว่าในอนาคตการภาคการเกษตรจะต้องปรับเปลี่ยน เป็นการทำนาแบบเปียกสลับแห้งที่มีต้นแบบแล้วที่ อ.ด่านช้างและอ.เดิมบางนางบวช เพื่อช่วยลดการหมักหมม สร้างก๊าซมีเทน ที่เป็นต้นเหตุของโลกร้อน และยังทำให้ชาวนาได้เงินจากการซื้อขายคาร์บอนเครดิต ไร่ละ 400 – 500 บาทต่อปีด้วย
ด้านน.ส.กัญจนา กล่าวว่า วันนี้มาที่อ.ศรีประจันต์ที่เป็นดินแดนที่น่าชื่นชม เพราะเป็นแผ่นดินเกิดของสมเด็จพระพุทธโฆษาจารย์ (ป.ปยุตฺโต) พระมหาเถระที่เป็นอริยสงฆ์ ที่ตนและครอบครัวเคารพ และยังเป็นบ้านเกิดของคนดีศรีสุพรรณฯ ชื่อว่านายประภัตร โพธสุธน สุพรรณบุรี เป็นแผ่นดินเกิดของศิลปิน กวี มากมาย และที่สำคัญยังเป็นแผ่นดินเกิดของนายกรัฐมนตรี คนที่ 21 ที่ชื่อว่านายบรรหาร ศิลปอาชา ที่ทำให้จังหวัดสุพรรณบุรี เจริญมาถึงทุกวันนี้ ซึ่งพรรคชาติไทยพัฒนาจะมาสืบสานสิ่งที่นายบรรหารทำไว้ และจะทำให้ดียิ่งขึ้น การเลือกตั้งที่จะมาถึง ใช้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบขอให้เลือกพรรคชาติไทยพัฒนาทั้งส.ส.เขตและบัญชีรายชื่อให้ได้คะแนนมากกว่า 5 แสนคะแนน เพื่อส่งนายวราวุธ และทีมส.ส.บัญชีรายชื่อเข้าไปทำงานให้กับพี่น้องประชาชน
“มันอาจจะไม่ใช่เรื่องง่าย เพราะมีพรรคอื่นมาเสนอตัวแข่งกับเรา กัญจนา อยากจะบอกว่า พรรคอื่นเขามาหาพี่น้อง ลุงป้า น้าอา แค่ช่วงเลือกตั้ง เลือกตั้งเสร็จเขาก็ไป แต่คนที่อยู่ด้วยตลอดเวลาคืออพรรคชาติไทยพัฒนา แล้วจะให้คะแนนกับพรรคอื่นหรือไม่ จะให้คะแนนเสียของทำไม ตั้งแต่สมัยนายบรรหาร จังหวัดสุพรรณบุรีต้องมีส.ส.เขตทุกเขต เป็นพรรคเดียวกัน เพื่อให้การพัฒนาเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว เพื่อไม่ให้เกิดปัญหาการทำงาน เลือกตั้งครั้งนี้อยากขอให้เลือกพรรคชาติไทยพัฒนายกจังหวัด ครั้งนี้ขออย่าให้เสียของ เหมือนครั้งที่แล้วได้หรือไม่” น.ส.กัญจนา กล่าว
ส่วนนายประภัตร กล่าวว่า พรรคชาติไทยก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2518 ตนได้เป็นผู้แทนราษฎรครั้งแรกในปีดังกล่าว ต้องขอบคุณพี่น้องประชาชน อ.ศรีประจันต์ด้วยความจริงใจ ถ้าวันนั้นไม่ผลักดันให้ตนขึ้นมาก็ไม่มีวันนี้ 48 ปีที่นายบรรหารมาพัฒนาจังหวัดสุพรรณบุรี ได้เปลี่ยนแปลงการคมนาคม การเกษตร การชลประทาน และการท่องเที่ยว ให้เจริญขึ้น สะท้อนให้เห็นว่าพรรคชาติไทยจนมาถึงพรรคชาติไทยพัฒนา เราทำงานมาอย่างต่อเนื่อง และเป็นความภูมิใจที่ชาวจังหวัดสุพรรณบุรีให้ความรัก ความเมตตากับพรรคมาตลอด 48 ปี ดังนั้นการจะพัฒนาจ.สุพรรณบุรีต่อจากนายบรรหารก็ต้องเป็นพรรคชาติไทยพัฒนาเท่านั้น
“ผมเกิดที่อ.ศรีประจันต์ เติบโตที่ อ.ศรีประจันต์ เราอยู่กันมา 40 กว่าปี น้ำแห้ง น้ำแล้ง น้ำท่วม น้ำไม่มีกิน ไม่มีทำนา เราได้ทุ่มเทสรรพกำลัง ประสานทุกหน่วยงานเข้าดูแลมาตลอด จึงอยากให้เลือกคนและเลือกพรรคชาติไทยพัฒนาให้ชนะอย่างถล่มทลาย” นายประภัตร กล่าว.-สำนักข่าวไทย