บึงกาฬ 11 ก.พ.- “พิธา” นำทัพก้าวไกลเลาะโขง เปิดเวทีปราศรัยบึงกาฬ แนะนำว่าที่ผู้สมัคร 4 จังหวัดอีสานเหนือ ชี้บึงกาฬเป็นถึงปลายอีสาน-กึ่งกลางอาเซียน แถมยังมีถ้ำนาคาชูโรงท่องเที่ยว แต่กลับขาดการพัฒนา ขาดแคลนทั้งโรงแรม-โครงสร้างรองรับท่องเที่ยว พื้นที่ชลประทานแค่ 1% อัดพรรครัฐบาลชูนโยบายจริงจังแก้น้ำแล้ง แปลว่าที่ผ่านมาจิงโจ้หรือไง
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล พร้อมด้วยแกนนำและ ส.ส.พรรคก้าวไกล ร่วมเปิดเวทีปราศรัยแนะนำตัวผู้สมัคร ส.ส. ในจังหวัดภาคอีสานตอนบน ประกอบด้วย บึงกาฬ นครพนม สกลนคร โดยในช่วงเช้า มีการเปิดเวทีที่ลานตลาดนัด บ้านอีสานพัฒนา อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬ ก่อนที่ในช่วงเย็นจะมีการเปิดเวทีที่ ตลาดอำเภอเฝ้าไร่ จ.หนองคาย เวทีช่วงเช้าที่ จ.บึงกาฬ นายพิธาได้ขึ้นกล่าวปราศรัยถึงนโยบายของพรรคก้าวไกล ที่จะตอบโจทย์ปัญหาของชาวบึงกาฬ โดยระบุว่า จังหวัดบึงกาฬเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงมาก ทั้งอยู่สุดปลายอีสาน และกึ่งกลางอาเซียน มีแหล่งท่องเที่ยวที่มีชื่อเสียงอย่างถ้ำนาคา แต่ที่ผ่านมา กลับไม่มีการส่งเสริมให้มีโครงสร้างที่รองรับจุดเด่นเหล่านี้ ด้านการท่องเที่ยวบึงกาฬทุกวันนี้ยังมีปัญหาโรงแรมไม่พอ ไม่มีตำแหน่งงานในภาคการท่องเที่ยวรองรับมากพอ ตนไปถามคนทำรีสอร์ตที่พักเมื่อคืน ทราบมาว่ายังมีข้าราชการมารีดไถ เนื่องจากกฎหมายเกี่ยวกับโรงแรมมีข้อจำกัดและอุปสรรค ที่เอื้ออำนวยกับแค่โรงแรมขนาดใหญ่เท่านั้น ดังนั้น นอกจากต้องกระจายงบประมาณที่เกี่ยวกับการโปรโมตการท่องเที่ยวลงมามากกว่าเดิมแล้ว ยังต้องแก้ พ.ร.บ.โรงแรม และทำให้ผู้ประกอบการโรงแรมขนาดเล็กมีโอกาสทำมาหากินได้อย่างถูกกฎหมาย ถ้าพรรคก้าวไกลได้เป็นรัฐบาล เราจะผลักดัน พ.ร.บ.โฮมสเตย์ พร้อมแก้ พ.ร.บ.โรงแรมให้รองรับผู้ประกอบการขนาดเล็กทันที
นายพิธา ยังกล่าวว่า บึงกาฬยังมีเศรษฐกิจหลักอีกด้านหนึ่ง คือยางพารา ที่ผ่านมาประสบปัญหาราคาตกต่ำ ที่นี่มีโรงงานแปรรูปยางพารา แต่ก็ไม่สามารถทำการแปรรูปได้ เพราะติดปัญหาคดีความเกี่ยวกับการทุจริต นี่คือปัญหาที่ต้องแก้ด้วยการนำของรัฐบาล ส่วนปัญหาด้านสาธารณสุข ขณะที่อัตราจำนวนแพทย์ต่อหัวประชากรที่กรุงเทพมหานคร มีอยู่ 1 คนต่อคนไข้ 500 คน ที่บึงกาฬ หมอ 1 คนต้องดูแลคนไข้เกือบ 5,000 คน แย่เป็นอันดับสองของประเทศ ทำให้หมอบึงกาฬต้องทำงานเฉลี่ย 100 ชั่วโมงต่อสัปดาห์ พรรคก้าวไกลมีนโยบายสาธารณสุข ในการกระจายงบประมาณลงมายัง รพ.สต. เพิ่มบุคลากร และลดเวลาการทำงานของหมอ ยกระดับบึงกาฬออกจากสถานะที่ตกต่ำด้านสาธารณสุขให้ได้
นายพิธา ยังกล่าวถึงปัญหาด้านที่ดินและการเกษตร ว่าที่นี่มีระบบชลประทานครอบคลุมพื้นที่เกษตรเพียงแค่ 1% เท่านั้น และนี่ยังเป็นปัญหาร่วมของหลายๆ พื้นที่เกษตรในประเทศนี้ ที่ผ่านมา พรรคที่เป็นรัฐบาลบางพรรคมีสโลแกนออกมาว่ามีเราไม่มีแล้ง มีที่ทำกิน ไม่มีจน บอกว่าจะจริงจังกับการแก้ปัญหาแล้งให้มากขึ้น ตนไม่แน่ใจว่าเป็นการวางยาหรือไม่ แต่การพูดแบบนี้แปลว่า 8 ปีที่ผ่านมารัฐบาลไม่ได้จริงจังกับการแก้ปัญหาของเกษตรกรใช่หรือไม่ ไม่ว่าจะเป็นที่ดิน น้ำ หรือหนี้สิน
“ที่บอกว่าจากนี้จะจริงจังมากขึ้น แปลว่า 8 ปีที่ผ่านมา คือจิงโจ้ใช่ไหม ชาวบึงกาฬพอได้หรือยังกับความไม่จริงจังแบบ 8 ปีที่ผ่านมา ที่แก้ปัญหาที่ดิน ปัญหาน้ำ ปัญหาหนี้สิน ทุกการเลือกตั้งคือโอกาสในการสร้างการเปลี่ยนแปลง อย่าปล่อยให้เขามาขี้ตั๋วเราได้อีก แค่ 8 ปีที่ผ่านมามันก็มากพอแล้ว” นายพิธา กล่าว .-สำนักข่าวไทย