รัฐสภา 9 ก.พ.- สภาเชิญชวนส่งเรื่องสั้น-บทกวีเข้าประกวดรางวัลพานแว่นฟ้า เน้นการมีส่วนร่วมส่งเสริมประชาธิปไตย
น.ส.โสมอุษา บูรณะเหตุ รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ในฐานะรองประธานกรรมการรางวัลพานแว่นฟ้า ปี 2566 พร้อมด้วย รศ.ทวีศักดิ์ ปิ่นทอง อดีตนายกสมาคมภาษาและหนังสือแห่งประเทศไทย และนางชมัยภร บางคมบาง ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ ประจำปี 2557 ในฐานะกรรมการรางวัลพานแว่นฟ้า ปี 2566 นายเนาวรัตน์ พงษ์ไพบูลย์ ที่ปรึกษาและกรรมการ พร้อมด้วยคณะกรรมการฯ ร่วมเชิญชวนประกวดวรรณกรรมรางวัลพานแว่นฟ้า ประจำปี 2566
รองเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวว่า สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โดยคณะกรรมการรางวัลพานแว่นฟ้า ปี 2566 ได้จัดประกวดวรรณกรรมรางวัลพานแว่นฟ้า ประจำปี 2566 โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการเสริมสร้างความเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย ทั้งในเรื่องสิทธิ หน้าที่ ความเสมอภาค และความรับผิดชอบต่อสังคม อันเป็นพื้นฐานสำคัญของความเป็นประชาธิปไตย ผ่านวรรณกรรม ไทยที่ทรงคุณค่าให้พัฒนาไปพร้อมกับสำนึกความเป็นพลเมืองในระบอบประชาธิปไตย ซึ่งปีนี้เป็นปีที่ 22 แล้ว โดยแบ่งการประกวดออกเป็น 2 ประเภท คือ เรื่องสั้นและบทกวี
จึงขอเชิญชวนนักเขียนและประชาชนที่สนใจ ส่งผลงานเข้าประกวด ได้ตั้งแต่บัดนี้ ถึงวันที่ 9 เม.ย. 66 โดยสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ กลุ่มงานเผยแพร่ประชาธิปไตยและกิจกรรมสภาผู้แทนราษฎร สำนักประชาสัมพันธ์ สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร โทรศัพท์ 0 2242 5900 ต่อ 5492 – 4 และติดตามข่าวสารการจัดประกวด และการตัดสินได้ที่ เฟซบุ๊ก “รางวัลพานแว่นฟ้า”
สำหรับผู้ที่ชนะการประกวดรางวัลชนะเลิศ และรองชนะเลิศ ของทั้ง 2 ประเภท จะได้รับโล่รางวัลพานแว่นฟ้าของประธานรัฐสภา และเกียรติบัตร รางวัลชนะเลิศ ได้เงินรางวัล จำนวน 60,000 บาท และรองชนะเลิศ ประเภทละ 2 รางวัล ได้เงินรางวัล ๆ ละ จำนวน 40,000 บาท ส่วนผู้ที่ได้รับรางวัลชมเชย ซึ่งมีประเภทละ 10 รางวัล จะได้รับเกียรติบัตรของประธานรัฐสภา และเงินรางวัล ๆ ละ 20,000 บาท โดยผลงานที่ผ่านการพิจารณารอบกลั่นกรอง ทั้งประเภทเรื่องสั้นและบทกวีที่ไม่ได้รับรางวัลทุกผลงานจะได้รับเกียรติบัตรของประธานรัฐสภาด้วย
รศ.ทวีศักดิ์ ปิ่นทอง กล่าวว่าวรรณกรรมประเภทเรื่องสั้น ต้นฉบับผลงานต้องเป็นภาษาไทย พิมพ์ลงในกระดาษ เอ 4 จำนวนไม่เกิน 8 หน้า พิมพ์ด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ให้ใช้ตัวอักษรขนาด 16 ตัวพิมพ์ (16 พอยท์) ในกรณีที่ผู้ส่งผลงานเป็นผู้ต้องขังในเรือนจำ หรือทัณฑสถาน อนุโลมให้เขียนด้วยลายมือตัวบรรจงได้ (ไม่เกิน 10 หน้า) สำหรับหลักเกณฑ์การพิจารณาคัดเลือกและการตัดสินนั้น ผลงานจะต้องมีเนื้อหาส่งเสริมความเป็นประชาธิปไตย มีชื่อเรื่องของผลงาน มีความคิดสร้างสรรค์ มีกลวิธีนำเสนอที่น่าสนใจ มีอรรถรสชวนอ่าน และมีคุณค่าในเชิงวรรณศิลป์ มีสำนวนและภาษาถูกต้องเหมาะสม และมีองค์รวมของความเป็นวรรณกรรม ผู้ส่งผลงานเข้าประกวดต้องตรวจสอบต้นฉบับให้สมบูรณ์ หากส่งผลงานเข้าประกวดแล้วจะไม่สามารถขอแก้ไขหรือยกเลิกผลงานเดิมเพื่อส่งผลงานใหม่ได้ แม้ยังไม่หมดเวลารับผลงานก็ตาม.-สำนักข่าวไทย