ต้องหามาตรการดูแล เอสเอ็มอี ให้เข้มแข็ง

ทำเนียบ 11 ม.ค.-นายกฯ ชี้ ต้องหามาตรการดูแลเอสเอ็มอีให้เข้มแข็ง ขอทุกภาคส่วนร่วมมือกันขับเคลื่อนเศรษฐกิจให้เดินหน้า ระบุ จีดีพีโตกว่า 3.8% ที่ตั้งไว้หรือไม่ ต้องดูสถานการณ์ในประเทศ


พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ครั้งที่ 1/2566 ว่า วันนี้เป็นการประชุมเรื่องของเอสเอ็มอี ประเทศไทยมีเอสเอ็มอีหลายล้านราย ซึ่งต้องหามาตรการที่เหมาะสมในการดูแลเอสเอ็มอีของเรา ที่ถือเป็นกลไกสำคัญในเศรษฐกิจระดับฐานราก ไปสู่เศรษฐกิจขนาดใหญ่ โดยจะทำอย่างไรเพื่อให้มีความเข้มแข็งขึ้น ทั้งมาตรการทางการเงิน เรื่องระเบียบ การลงทะเบียน การให้บริการ การจดทะเบียนต่างๆ ฝากสื่อมวลชนช่วยกันทำความเข้าใจ เพราะหลายอย่างนั้นดีขึ้น แต่ที่ยังไม่ดีขึ้นเพราะมีสถานการณ์จากภายนอกเข้ามาในเวลานี้ อย่าลืมว่าการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวขณะนี้ กลับมาได้เพราะอะไร เราทำอะไรไปแล้วบ้างถึงเกิดผลงานขนาดนี้ ตนรู้สึกมีความสุขทุกครั้งที่เห็นคนออกมาจับจ่ายใช้สอย และออกมาเดินทางท่องเที่ยว แต่ก็ยอมรับว่ายังมีคนในบางกิจกรรมที่ยังไม่ดีขึ้น ก็ต้องใช้เวลาในการแก้ไขปัญหานี้ ซึ่งตนทำมาหลายปีแล้ว ตนถึงบอกว่าเราต้องเดินหน้าไปต่อให้ได้ ซึ่งต้องอาศัยความร่วมมือร่วมใจ สิ่งไหนที่ดีก็สื่อสารกันต่อไป สิ่งไหนที่ไม่ดีก็พยายามแก้ไข ซึ่งตนก็พยามแก้ไขในทุกประเด็น

นายกรัฐมนตรี ย้ำว่า จะต้องหาให้เจอว่า เราดีขึ้นเพราะอะไร ถ้ายังไม่ดีขึ้น ก็ต้องไปมองหาว่ายังไม่ดีขึ้นเพราะอะไร ซึ่งทุกคนต้องร่วมมือกันทั้งภาคธุรกิจ ภาคเอกชน เพราะรัฐบาลก็มีแต่เรื่องของนโยบาย มีกรอบการดำเนินงานของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง จึงต้องมีความร่วมมือทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ไม่เช่นนั้นประเทศเดินหน้าไม่ได้


ส่วนจำนวนนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น จะส่งผลให้จีดีพีโตมากกว่า ร้อยละ 3.8 ที่ตั้งไว้หรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ต้องพิจารณาจากสถานการณ์ภายในประเทศว่าเป็นอย่างไร ทั้งในเรื่องการแก้ไขปัญหาโควิดว่าจะควบคุม และป้องกันได้หรือไม่ เพราะถือเป็นความเสี่ยงอย่างมากในการเปิดประเทศ ซึ่งตนได้ตัดสินใจไปเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา และถือเป็นการตัดสินใจที่คุ้มค่าและถูกต้องของเรา ที่ร่วมมือกันตัดสินใจว่าจะเปิดประเทศกันอย่างไร เมื่อย้อนกลับไปดูตั้งแต่การเปิดภูเก็ตแซนด์บ็อกซ์ ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของเรา และนำไปสู่การตัดสินใจเปิดประเทศอย่างครบวงจร ก็ขอให้ช่วยย้อนกลับไปมองว่าดีขึ้นเพราะอะไร เพราะถ้าหากมองแต่ปัญหา ก็ต้องนำปัญหามาแก้ไข และนี่ถือเป็นการขับเคลื่อนประเทศในวันข้างหน้า พร้อมย้ำว่าโอกาสเรามีเยอะ แต่วิกฤติก็มีเยอะ แต่ต้องทำวิกฤติให้เป็นโอกาส อย่าทำโอกาสให้เป็นวิกฤติ.-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

โค้งสุดท้ายเลือกตั้ง นายก อบจ.อุบลฯ เดือด ส่งท้ายปี

ใกล้เข้ามาทุกขณะสำหรับการเลือกตั้งนายก อบจ.อุบลราชธานี วันอาทิตย์ที่ 22 ธันวาคมนี้ ซึ่งถือเป็นสนามเลือกตั้งท้องถิ่นขนาดใหญ่ส่งท้ายปีนี้ การแข่งขันดุเดือดเกินคาด ผู้สมัครต่างเร่งหาเสียงกันอย่างเต็มที่ โดยมีผู้สมัคร 4 คน ลงชิงชัย ไปติดตามบรรยากาศโค้งสุดท้ายว่าใครจะเป็นผู้คว้าชัย

ทอ.ส่ง F-16 ขึ้นบินป้องน่านฟ้า หลังมีอากาศยานไม่ทราบฝ่าย เหนือชายแดนไทย-เมียนมา

กองทัพอากาศส่งเครื่องบินขับไล่ F-16 ขึ้นบิน เพื่อพิสูจน์ฝ่ายและสกัดกั้นอากาศยานไม่ทราบฝ่าย บริเวณแนวชายแดนไทย-เมียนมา จ.ตาก

อุตุฯ เผยอีสาน-เหนือ อากาศหนาว กทม.อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย

กรมอุตุฯ เผยภาคอีสาน ภาคเหนือ มีอากาศเย็นถึงหนาว ส่วนภาคกลาง ภาคตะวันออก ภาคใต้ตอนบน มีอากาศเย็นในตอนเช้า ส่วนกรุงเทพฯ-ปริมณฑล อุณหภูมิลดลงเล็กน้อย ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศหนาวเย็น

lightened Christmas tree in front of U.S. Capitol

รู้จัก “ชัตดาวน์” ของสหรัฐและผลกระทบ

วอชิงตัน 20 ธ.ค.- หน่วยงานจำนวนมากของรัฐบาลสหรัฐเสี่ยงต้องปิดทำการชั่วคราว หรือที่เรียกว่า กัฟเวิร์นเมนต์ ชัตดาวน์ (government shutdown) หลังผ่านพ้นเที่ยงคืนวันนี้ (20 ธันวาคม) ตามเวลาสหรัฐ หากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ทันเวลา หลังจากสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณฉบับใหม่เมื่อวานนี้ สาเหตุที่เสี่ยงชัตดาวน์ ปกติแล้วรัฐสภาสหรัฐ ซึ่งประกอบด้วยสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะต้องจัดสรรงบประมาณให้แก่หน่วยงานรัฐบาลกลางทั้งหมด 438 แห่งก่อนวันที่ 1 ตุลาคมของทุกปี แต่ที่ผ่านมาสมาชิกรัฐสภามักทำไม่ได้ตามกำหนดเวลา และมักผ่านร่างงบประมาณชั่วคราวเพื่อให้หน่วยงานรัฐบาลสามารถดำเนินการได้ต่อไปในระหว่างที่สมาชิกรัฐสภาหารือกันเพื่อผ่านร่างงบประมาณจริง ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุเมื่อเข้าสู่เช้าวันเสาร์ตามเวลาสหรัฐ สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันและพรรคเดโมแครตเตรียมร่างกฎหมายที่จะขยายเวลาไปจนถึงวันที่ 14 มีนาคม 2568 แต่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีเรียกร้องให้สมาชิกรัฐสภาพรรครีพับลิกันลงมติไม่เห็นด้วย และเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐลงมติไม่เห็นชอบร่างงบประมาณที่เสนอใหม่ ดังนั้นหากรัฐสภาไม่สามารถผ่านร่างงบประมาณฉบับใหม่ได้ก่อนที่ร่างงบประมาณชั่วคราวฉบับปัจจุบันจะหมดอายุ ก็จะเกิดการชัตดาวน์ เพดานหนี้ที่ทรัมป์ต้องการให้แก้ นายทรัมป์ยังต้องการให้สมาชิกรัฐสภาแก้ปัญหาเรื่องการกำหนดเพดานหนี้ประเทศให้รัฐบาลสามารถกู้ยืมได้มากขึ้น ก่อนที่เขาจะสาบานตนรับตำแหน่งประธานาธิบดีในวันที่ 20 มกราคม 2568 รัฐสภาสหรัฐเป็นผู้กำหนดเพดานหนี้สาธารณะที่อนุญาตให้รัฐบาลก่อหนี้ แต่เนื่องจากรัฐบาลมักใช้จ่ายมากกว่ารายได้ที่ได้จากการจัดเก็บภาษี สมาชิกรัฐสภาจึงต้องคอยแก้ปัญหานี้เป็นครั้งคราว รัฐสภาสหรัฐกำหนดเพดานหนี้สาธารณะครั้งแรกในปี 2482 โดยกำหนดไว้ที่ 45,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ (ราว 1.55 ล้านล้านบาทในปัจจุบัน) และนับจากนั้นเป็นต้นมาได้ขยายเพดานหนี้แล้วทั้งหมด 103 […]

ข่าวแนะนำ

เชิญชวนร่วมงาน “มหานคร คัลเลอร์ฟูล ปาร์ตี้ 2025”

“กำภู-รัชนีย์” พาทัวร์งาน “มหานคร คัลเลอร์ฟูล ปาร์ตี้ 2025” ณ ลานจอดรถ บมจ.อสมท พบปะผู้ประกาศ ดีเจ และอินฟลูเอนเซอร์ รวมไปถึงศิลปินที่จะมาร่วมสนุกในงาน “มหานคร คัลเลอร์ฟู ปาร์ตี้ 2025”

วัยรุ่นซิ่งเบนซ์เสียหลักพุ่งเหินฟ้าคารถ 6 ล้อ

รอดตายปาฏิหาริย์! วัยรุ่นซิ่งเบนซ์เสียหลัก ก่อนพุ่งเหินฟ้าติดคาบนรถ 6 ล้อ พลเมืองดีเข้าช่วยเหลือออกมาจากรถ ปลอดภัย

แม่คะนิ้งโผล่ภูกระดึง เตรียมเปิดอุทยานฯ พรุ่งนี้

จังหวัดเลย อุณหภูมิลดลง 1-2 องศาฯ “แม่คะนิ้ง” โผล่ภูกระดึง เตรียมเปิดให้ท่องเที่ยวพรุ่งนี้ (23 ธ.ค.) หลังปิดมา 9 วัน จากเหตุช้างป่า