สิงห์บุรี 6 ม.ค.-นายกฯ ลงพื้นที่ จ.สิงห์บุรี ขับรถดำนาและปล่อยปลา ด้านเกษตรกรให้กำลังใจ บอกไม่เคยเห็นใครรักและหวังดีกับชาวนาเท่า พล.อ.ประยุทธ์
พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เป็นประธานเปิดกิจกรรม “ข้าวรักษ์โลก” ที่ อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี โดยมีชาวบ้านมาผูกขาวม้าให้การต้อนรับ รวมไปถึงนางภรณี ธนาคมานุสรณ์ แม่ของนายชัยวุฒิ ธนาคมานุสรณ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัล เพื่อเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งนายกรัฐมนตรี ได้สอบถามว่า “แม่ใครนะ” โดยนางภรณี ได้กล่าวว่า “เป็นแม่ของนายชัยวุฒิ วันนี้ทำอาหารมาให้รับประทาน” ก่อนที่นายกรัฐมนตรี จะจับสร้อยของนางภรณี พร้อมกับแซวว่า เส้นโตของแท้หรือเปล่า ซึ่งสร้างเสียงหัวเราะให้กับชาวบ้าน
จากนั้น นายกรัฐมนตรี ได้สาธิตขับรถดำนา วน 2 รอบ ด้วยความคล่องแคล่ว เนื่องจากเมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมา ได้ฝึกซ้อมขับที่สนาม เฮลิคอปเตอร์ จังหวัดสิงห์บุรี โดยระหว่างที่นายกรัฐมนตรีขับรถดำนา ชาวบ้านได้ตะโกนให้กำลังใจนายกรัฐมนตรีเป็นระยะ ขณะที่นายกรัฐมนตรี ได้หันกลับมาโบกมือทักทายและส่งสัญลักษณ์ I love you ให้กับประชาชน นอกจากนี้นายกรัฐมนตรี ได้ปล่อยปลานิล และเยี่ยมชมนิทรรศการสินค้าเกษตร พร้อมกล่าวกับเกษตรกร ว่า หากเป็นสินค้าเกษตรที่มีใบรับรอง จะไม่สามารถกีดกันการค้าได้ ซึ่งขณะนี้สินค้าการเกษตรมีปัญหาอยู่ประมาณ 50 รายการ ซึ่งอยู่ระหว่างการเจรจาแก้ไขปัญหา พร้อมกล่าวว่า จะทำอย่างไรให้ปุ๋ยอินทรีย์ไปทดแทนปุ๋ยเคมีได้ ซึ่งไม่ใช่ว่าปัญหานั้นเกิดจากการบริหารจัดการที่ไม่ดี แต่เพราะเกิดต้นทุนการผลิตที่แพง
นางออมสิน กุลรัตน์ เจ้าของแปลงนา กล่าวว่า รู้สึกตื่นเต้น และดีใจที่ได้พบกับนายกรัฐมนตรี เพราะไม่มีนายกรัฐมนตรีคนไหน รักและหวังดีกับชาวนาเท่า นายกรัฐมนตรี เพราะนายกฯให้คันเบ็ด ซึ่งมีประสิทธิภาพสูงสุดสำหรับชาวนาไทย
นายกรัฐมนตรี กล่าวกับเกษตรกรว่า ตนรู้สึกยินดี ที่ได้มาขับเคลื่อนโครงการข้าวรักษ์โลก เป็นการทำนาปรังในพื้นที่จังหวัดสิงห์บุรี วันนี้ต้องมีการเปลี่ยนแปลง ทุกเรื่องใช้เวลามากบ้างน้อยบ้าง
ส่วนเรื่องพนังกั้นน้ำ รัฐบาลทำได้มากขึ้น หากมองด้วยความเป็นธรรมจะเห็นว่าหลายอย่างเปลี่ยนไปขอให้มองย้อนกลับไปว่า กว่าจะมาถึงตรงนี้ได้ ซึ่งตนรับฟังจากส.ส. และเรียนรู้จากการทำงานของทุกคน ขณะเดียวกัน มีแนวคิดเรื่องการจะเป็นแหล่งอาหารโลก จะเดินหน้าไปสู่ตรงนั้นได้อย่างไร หากชาวไร่ชาวนายังไม่มีรายได้ที่เพียงพอต่อการทำการเกษตร นี่คือสิ่งที่เป็นโจทย์ เรามีโอกาส รัฐบาลจะต้องหาทางให้เกิดความสมดุลให้ได้ เพื่อเกิดความเข้าใจและความร่วมมือ อาจจะเดินไปช้าๆ หากร่วมมือกัน ก็แก้ไปได้เร็ว ตนคิดว่าเดินมาได้ครึ่งทางแล้ว หากเดินไปแล้วเซบ้างอะไรบ้าง ก็ขอให้มันตรงและก้าวไปให้เร็วที่สุดด้วย
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า วันนี้จะทำให้ทุกคนในประเทศไทย อยู่รอด ปลอดภัยและอยู่บนเศรษฐกิจพอเพียง นั่นคือความมั่นคงยั่งยืนทุกอย่างจะต้องดำเนินอย่างนี้ เดินตามวิสัยทัศน์ยุทธศาสตร์ชาติที่ได้กำหนดไว้หลายปี ยืนยันว่าไม่ได้ขัดแย้งกับใคร
“พูดแล้วก็เหนื่อย แต่ท่านก็เหนื่อยกว่าผม ต้องทำงาน ตากแดด ผมก็คิดทุกวัน คิด คิด คิด สมองก็คิดและถอดออกมาและเขียนออกมาวันๆ เรื่องนี้ปัญหานี้ วันหนึ่งคิด 20-30 เรื่อง แก้ไขปัญหา ทำได้หรือไม่ได้ ถ้าไม่ได้ก็ต้องบอกว่าไม่ได้เพราะอะไร หากได้ก็ได้แค่ไหน หากได้หมด เป็นไปไม่ได้หรอก” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เป็นนายกรัฐมนตรีมา 8 ปี ไม่ได้ดูว่าเป็นของใคร ทุกจังหวัดคือคนไทย ต้องดูแลคนไทยทั้งประเทศ มากบ้านน้อยบ้างตามแผนงานโครงการที่ขอขึ้นมา แต่ต้องมีการตรวจสอบ
“ผมไม่เลือกปฏิบัติขึ้นอยู่กับความต้องการว่าเร่งด่วนมากน้อยแค่ไหน เกิดประโยชน์กับคนเท่าไหร่ หากจำเป็นก็ต้องทำให้เขา ขออย่างเดียวอย่าทุจริต ตนขอย้ำเตือน ตนมีหน้าที่เป็นนายกรัฐมนตรี ในการกำกับ ดูแลอนุมัติ อนุญาต แต่ผมจะสั่งไว้เสมอว่าจะต้องโปร่งใส สุจริตและเป็นธรรม สามารถตรวจสอบได้ ถ้าตรวจสอบแล้วมีการร้องเรียนสอบหมดตามกฎหมาย” นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คนทุกวัย ต้องทำให้มีความรัก ความสามัคคี มีความเข้าใจ เดินหน้าไปพร้อมกัน ไม่มีอะไรที่จะเปลี่ยนได้ภายในวันเดียวหรือปีเดียว ตนอยู่มา 8 ปี ยังเปลี่ยนได้ไม่หมด ไม่ใช่ไม่อยากทำ ไม่กล้าทำ แต่เราคือประชาธิปไตยใช่หรือไม่ ทำอะไรต่างๆ ก็ต้องรับฟังความคิดเห็น หากไม่เห็นชอบก็ทำไม่ได้ ตนไม่ได้บังคับ ขอให้ช่วยกัน
หลังจากนั้นนายกรัฐมนตรีได้พบปะกับประชาชน และถ่ายรูปอย่างเป็นกันเอง โดยมีชาวบ้าน นำสมุดเขียนข้อความว่า “ลุงตู่สู้ๆ คนอินทร์บุรีเป็นกำลังใจให้ท่าน นายกฯ อยู่คู่กับประชาชนชาวไทยตลอดไป” มาให้นายกรัฐมนตรีเซ็น
หลังจากนั้น ได้มีทหารผ่านศึกจากจังหวัดต่างๆ มาร่วมให้กำลังใจนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายกรัฐมนตรีได้ขอบคุณ พร้อมระบุว่า ตอนนั้นตนเห็นว่าไปพบคณะอะไรสักอย่างขึ้นเวที มีรูปอยู่ ก่อนที่ทหารผ่านศึกจะตอบกลับว่า ไม่ได้ไป นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อว่า วันนี้ก็เพิ่มอะไรไปให้อีกไม่ใช่หรือ ยังเหลือเงินต่างๆ มาตรการกองทุน ที่จะทำให้เพราะรู้ว่าลำบาก จากนั้นได้ร่วมถ่ายรูปกับกลุ่มทหารผ่านศึก และทำสัญลักษณ์ I love you พร้อมทำมือทุบบอก และกล่าวว่า ใครจะรู้หัวอกพวกเรา ไม่มีใครรู้ว่าพวกเราต้องไปเสี่ยง เดินไปรบ ทั้งถือปืนอยู่ชายแดน มีใครรู้บ้าง เขาบอกว่าไม่รู้จะมีทหารไปทำไม น้ำท่วมเรียกใคร น้ำท่วมก็ทหารไปช่วยทั้งหมด
ทั้งนี้ ก่อนเดินทางกลับ นายกรัฐมนตรีได้ร่วมรับประทานอาหาร กับรัฐมนตรี และตัวแทนเกษตรกร โดยอาหารที่นำมาจัดเลี้ยง ซึ่งเป็นฝีมือของนางภรณี ธนาคมานุสรณ์ มารดาของนายชัยวุฒิ
โดยมีเมนูอาหาร แกงหน่อไม้ไก่ ไข่พะโล้ กุนเชียงทอด และ ปลาช่อนแม่ลาแดดเดียว ซึ่งเป็นอาหารที่ขึ้นชื่อของจัดหวัด.-สำนักข่าวไทย