พรรคไทยสร้างไทย 6 ม.ค.-รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย สยบข่าวลือดีล พรรค “ส” ยันยังไม่มีการพูดถึงตำแหน่งใดๆทั้งสิ้น ย้ำการรวมกันเพื่อเป็น ”ทางออก” ของบ้านเมือง มุ่งสร้างนโยบายที่แก้ปัญหาประชาชน
นายประวัฒน์ อุตตะโมช รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าวถึงกระแสข่าวระหว่างพรรคไทยสร้างไทย และพรรคสร้างอนาคตไทยว่า ขณะนี้มีความคืบหน้าไปมาก ล่าสุดเพิ่งประชุมร่วมกันถึงแนวทางการแก้ไขปัญหาประเทศโดยเฉพาะเรื่องเศรษฐกิจ ที่ทั้งสองพรรคเห็นว่า เป็นเรื่องสำคัญต้องเร่งขจัดความยากจนและทุจริตให้ได้เร็วที่สุด
โดยคณะทำงานทั้ง 2 ฝ่ายที่ได้ร่วมหารือกัน เห็นว่า นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ และนายโภคิน พลกุล เป็นผู้มีความรู้และมีประสบการณ์ ทั้ง 3 คนเคยทำงานร่วมกันมายาวนาน เป็นผู้ที่ผลักดันนโยบายสำคัญๆ แก้ไขปัญหาให้ประเทศได้สำเร็จมาแล้วมากมาย และเคยทำงานร่วมกันมากว่า 20 ปี ดังนั้น การรวมตัวของทั้ง 2 พรรคการเมือง จึงมุ่งแสวงหาทางรอดให้ประชาชน และเราจะเป็นทางออกให้ประเทศ
เมื่อถามว่า การจัดวางตัวผู้สมัครทั่วประเทศ จะเกิดปัญหาหรือไม่ หากทั้งสองพรรคต้องทำงานร่วมกันนั้น นายประวัฒน์ ยืนยันว่า การคัดสรรและคัดเลือกบุคคลที่เหมาะสมลงสู้ศึกเลือกตั้งไม่ใช่ปัญหาอย่างแน่นอน เนื่องจากผู้สมัครที่ผ่านการพิจารณาแล้ว จะต้องเป็นบุคคลที่เหมาะสม เข้าใจปัญหาพื้นที่ เข้าใจความต้องการของพี่น้องประชาชน และที่สำคัญจะต้องลงพื้นที่อย่างหนัก เพื่อความพร้อมที่สุดสำหรับการเลือกตั้งที่จะมาถึง
“การประชุมร่วมกันล่าสุดเมื่อวานก่อน ผมเข้าร่วมประชุมด้วย เรากำลังเคลียร์เรื่องพื้นที่ทับซ้อน โดยผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่าย ไม่มีการพูดถึงตำแหน่งใดๆเลยไม่ว่าจะเป็นแคนดิเดตนายกฯ หัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค เพราะทั้งสองฝ่ายมารวมกันด้วยความเสียสละไม่ยึดติดกับตัวตนและตำแหน่งใดๆ พวกเราที่ร่วมประชุมกันก็งงว่าข่าวนี้ออกมาได้อย่างไร” รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย กล่าว
รองหัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย ระบุด้วยว่า ในการทำงานร่วมกัน สิ่งที่ทั้งสองพรรคคาดหวังคือ จะปลดปล่อยประชาชนจากความเหลื่อมล้ำ จะสร้างความเป็นธรรม สร้างหลักนิติรัฐ ที่แท้จริง โดยเฉพาะการร่วมสร้างกติกาสูงสุดคือรัฐธรรมนูญ ให้เป็นประชาธิปไตย รวมถึงการปลดปล่อยผู้คนจากพันธนาการของกฎระเบียบต่างๆ ที่ล้าหลังและเป็นอุปสรรคต่อการทำมาหากิน ตลอดจนการสร้างพลังให้ประชาชน นั่นคือสิ่งที่ทั้งสองพรรคหยิบยกมาพูดคุยทุกครั้งที่มีการหารือถึงแนวทางการทำงานร่วมกัน.-สำนักข่าวไทย