ทำเนียบรัฐบาล 24 พ.ย.-รองโฆษกรัฐบาล เผยรัฐบาลเพิ่มช่องทางยืนยันตัวตน ให้ปชช.เข้าถึงบริการของหน่วยงานภาครัฐทาง “แอปพลิเคชันทางรัฐ” ผ่านเคาน์เตอร์เซอร์วิสร้าน 7-Eleven ทุกสาขา
น.ส.รัชดา ธนาดิเรก รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลเพิ่มช่องทางอำนวยความสะดวกประชาชนในการพิสูจน์และยืนยันตัวตนทางดิจิตอลภาครัฐ สำหรับบริการแอปพลิเคชันทางรัฐที่เคาน์เตอร์เซอร์วิส ในร้าน 7-Eleven ทั่วประเทศ สอดคล้องตามแนวนโยบายของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในการเดินหน้าขับเคลื่อนและผลักดันให้เกิดรัฐบาลดิจิตอลผ่านการนำเทคโนโลยีมาใช้ในการให้บริการและการทำงานของภาครัฐ รวมถึงพัฒนาระบบการให้บริการออนไลน์ (e-Service) เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการของรัฐได้ทุกที่ ทุกเวลา และช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของประชาชน
“แอปพลิเคชันทางรัฐ ได้รับการพัฒนาโดยสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิตอล (องค์การมหาชน) เป็นแอปพลิเคชันที่รวบรวมบริการออนไลน์ของหน่วยงานรัฐไว้กว่า 68 บริการ ตอบโจทย์การให้บริการประชาชนที่ครอบคลุมทุกช่วงวัย เช่น บริการตรวจสอบสถานะสิทธิเงินอุดหนุนเพื่อการเลี้ยงดูเด็กแรกเกิด บริการตรวจสอบผลคะแนน O-Net จากสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ บริการตรวจสอบเครดิตบูโร สิทธิประกันสังคม สิทธิการรักษาพยาบาล รวมถึงบริการตรวจสอบและเช็กยอดเงินสมทบชราภาพ เป็นต้น” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว
น.ส.รัชดา กล่าวว่า ปัจจุบัน ประชาชนที่สนใจสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันทางรัฐ และยืนยันตัวตนได้อย่างสะดวก รวดเร็วและปลอดภัย ผ่าน 6 ช่องทาง ดังนี้ 1. แอปพลิเคชันทางรัฐ 2. ตู้บริการอเนกประสงค์ภาครัฐ 3. แอปพลิเคชัน D.DOPA ของกรมการปกครอง 4. ตู้บุญเติม 5. เคาน์เตอร์ไปราณีย์ไทย (ยกเว้นไปรษณีย์อนุญาต และร้านไปรษณีย์) และช่องทางใหม่ 6. เคาน์เตอร์เซอร์วิส ในร้าน 7-Eleven ทุกสาขา กว่า 13,500 สาขา โดยใช้บัตรประชาชนใบเดียว
“รัฐบาลมุ่งพัฒนาดิจิตอลเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชน พร้อมเปิดโอกาสต่อยอดนวัตกรรมและดิจิตอล จึงเร่งพัฒนาช่องทางเพื่ออำนวยความสะดวกแก่ประชาชนทุกกลุ่ม อย่างไรก็ดี ความปลอดภัยแก่ประชาชนยังเป็นประเด็นสำคัญที่รัฐบาลคำนึงถึง รวมถึงข้อมูลส่วนบุคคลในการใช้บริการ ประชาชนสามารถเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของตนเองที่จัดเก็บโดยหน่วยงานภาครัฐ จึงจำเป็นต้องพิสูจน์และยืนยันตัวบุคคลผู้ใช้งาน เพื่อให้มั่นใจได้ว่าจะไม่มีการแอบอ้างชื่อไปขอรับบริการ โดยบุคคลอื่นที่ไม่ใช่เจ้าของข้อมูล ทั้งนี้ รัฐบาลได้พัฒนาและเพิ่มช่องทางการให้บริการพิสูจน์ และยืนยันตัวตนมาอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้ประชาชนมีช่องทางที่หลากหลาย ครบวงจร และมั่นใจได้ว่าปลอดภัย” รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าว.-สำนักข่าวไทย