โต้ฝ่ายค้านนักท่องเที่ยวเข้าไทยไม่น้อย

ทำเนียบ 11 พ.ย.- รองโฆษกรัฐบาลกางข้อมูลนักท่องเที่ยวต่างชาติไหลเข้าไทย 7.56 ล้านคน เป็นหลักฐานชี้ชัดนายกรัฐมนตรีไม่เคยทอดทิ้งภาคท่องเที่ยว แนะการวิจารณ์รัฐบาลขอให้อยู่บนข้อเท็จจริง ไม่เอาอคติและประโยชน์การเมืองเป็นที่ตั้ง แต่ไม่เกิดประโยชน์ใดๆ กับประชาชน


น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จากกรณีมี ส.ส.พรรคฝ่ายค้านได้ออกมาระบุถึงสถานการณ์ท่องเที่ยวของประเทศไทย ว่า โควิด-9 คลี่คลายแล้วแต่นักท่องเที่ยวยังเดินทางมาประเทศไทยน้อยนั้น น่าจะเป็นการแสดงความคิดเห็นโดยใช้ความรู้สึก โดยไม่ได้พิจารณาถึงข้อมูลความจริง ที่ขณะนี้หน่วยงานด้านเศรษฐกิจที่ต่างเผยแพร่ข้อมูลสถิติที่ชี้ให้เห็นว่าการท่องเที่ยวของประเทศไทยกำลังฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และการฟื้นตัวดังกล่าวนั้นก็ส่งผลดีต่อการจ้างงาน การมีงานทำของแรงงานธุรกิจเกี่ยวเนื่องมากมาย

ทั้งนี้ การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) ได้เปิดเผยถึงข้อมูลการเดินทางเข้าประเทศไทยของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค.-30 ต.ค. 65 รวมแล้วกว่า 7.56 ล้านคน และด้วยใน 2 เดือนสุดท้ายของปีเป็นช่วงไฮซีซัน ททท. จึงคาดว่าจะมีนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทยในช่วงพ.ย.-ธ.ค. เดือนละ 1.5 ล้านคน ทำให้ปีนี้นักท่องเที่ยวต่างชาติจะเป็นไปตามเป้าหมายที่ 10 ล้านคน


น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า  ส่วนที่ ส.ส. ท่านนี้ถามว่า รัฐบาลอ้างว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าไทย 6 ล้านคนนั้น   และถึงสิ้นปีจะเพิ่มเป็น 10 ล้านคน ไปเอาตัวเลขมาจากไหนนั้น  ก็ต้องเรียนว่าตัวเลขของรัฐบาลมีการจัดเก็บโดยหน่วยงานที่ทำหน้าที่รับผิดชอบ ทั้งด่านตรวจคนเข้าเมืองในด่านทางอากาศ ทางบก และทางน้ำ และประมวลผลโดย ททท. และกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาจนได้ข้อมูลที่น่าเชื่อถือเพื่อรายงานต่อรัฐบาลใช้ในการประกอบการดำเนินนโยบายต่างๆ

สำหรับประเด็นที่มีการ ระบุว่า ตัวเลขผู้ที่ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองนั้นเป็นกลุ่มคนต่างด้าวที่ใช้วีซ่าท่องเที่ยวเดินทางเข้ามาทำงานในประเทศนั้น ต้องให้ข้อมูลว่าปัจจุบันรัฐบาลได้ดำเนินมาตรการกระตุ้นการท่องเที่ยวผู้ที่ได้รับวีซ่าท่องเที่ยวจะพำนักในประเทศไทยได้นานที่สุด 45 วันเท่านั้น ด้วยระยะเวลาดังกล่าว ผู้ถือวีซ่าท่องเที่ยวไม่สามารถทำงานในประเทศไทยได้ ผู้จะทำงานในไทยได้จะต้องได้รับอนุญาตให้ทำงาน หรือ มี Work Permit เท่านั้น

นอกจากนี้ ข้อมูลของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) ได้ชี้ให้เห็นว่าชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทยนั้น ส่วนใหญ่เป็นนักท่องเที่ยว เห็นได้จากการเดินทางเข้าผ่านด่านท่าอากาศยานเป็นหลัก ขณะที่หากเป็นแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านนั้นจะเดินทางเข้าผ่านด่านทางบก โดย สตม. รายงานว่าจากชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศ 7.56 ล้านคนนั้น ช่องทาง 3 อันดับแรกที่มีการเดินทางเข้า คือ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ 3.99 ล้านคน ท่าอากาศยานภูเก็ต 9.81 แสนคน และท่าอากาศยานดอนเมือง 5.83 แสนคน เพียง 3 ท่าอากาศยานนี้ก็คิดเป็นร้อยละ 73.51 ของจำนวนผู้เดินทางเข้าประเทศทั้งหมด ส่วนการเดินทางผ่านด่านทางบกนั้นส่วนใหญ่เป็นการเดินทางผ่านด่านสะเดา จ.สงขลา 4.66 แสนคน และ ด่านหนองคาย 2.33 แสนคน


น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า  พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้ให้ความสำคัญ ติดตามสถานการณ์ในภาคการท่องเที่ยวอย่างใกล้ชิด มีข้อสั่งการและมอบหมายงานให้หน่วยงานเกี่ยวข้องผ่านคณะกรรมการชุดต่างๆ และออกมาตรการสนับสนุนโดยต่อเนื่อง ควบคู่กับการทยอยเปิดประเทศอย่างระมัดระวังเพื่อให้เศรษฐกิจขยายตัวไปได้ ขณะเดียวกันคนไทยก็ต้องปลอดภัยจากโควิด-19ด้วย ไม่ได้ยึดแต่ตัวเลขและการเติบโตจนละเลยความปลอดภัยและชีวิตของประชาชน

ขณะเดียวกัน ช่วงที่นักท่องเที่ยวจีนยังไม่กลับมาเนื่องจากนโยบายซีโร่โควิดนี้ นายกรัฐมนตรีก็มอบหมายทั้งกระทรวงการท่องเที่ยวฯ โดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และหน่วยงานเกี่ยวข้องในการหาตลาดใหม่ๆ   ไม่ว่าจะเป็นอินเดีย ตะวันออกกลาง ซึ่งก็สะท้อนจากตัวเลขการเดินทางเข้าไทยของชาวอินเดียที่เป็นกลุ่มนักท่องเที่ยวอันดับ 2 ที่เดินทางเข้าไทย 6.79 แสนคน รองจากมาเลเซียที่ 1.28 ล้านคน

“ข้อมูลนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นและส่งผลดีไปยังภาคต่างๆ โดยเฉพาะการบริโภคและการจ้างงาน เป็นเครื่องยืนยันว่านายกรัฐมนตรีและรัฐบาลไม่ทอดทิ้งภาคการท่องเที่ยว ดังที่ ส.ส.ท่านี้กล่าวหา รัฐบาลได้ทำงานกับภาคเอกชนอย่างใกล้ชิดวางมาตรการต่างๆ ร่วมกัน ขณะที่ ททท.ก็จัดกิจกรรมหาตลาดนักท่องเที่ยวใหม่ๆ ซึ่งหากนายกรัฐมนตรีและหน่วยงานต่างๆ นิ่งเฉย ก็คงไม่ได้เห็นข้อมูลภาคเศรษฐกิจการท่องเที่ยวที่ดีขึ้นต่อเนื่องดังที่ปรากฎอยู่ในขณะนี้” น.ส.ไตรศุลี กล่าว

น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า ส่วนกรณีที่ได้มีกการระบุถึงการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่หยุดชะงักในช่วงเกือบ 3 ปี เนื่องจากสถานการณ์โควิดนั้น ก็เป็นสถานการณ์เดียวกับเมืองท่องเที่ยวทั่วโลก แต่ขณะนี้สถานการณ์ในจังหวัดเชียงใหม่ก็ปรับตัวดีขึ้นสอดคล้องกับภาพรวมของประเทศไทย

เห็นจากข้อมูลสถานการณ์การท่องเที่ยวจังหวัดเชียงใหม่ รวบรวมโดยกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ระบุว่า ใน 9 เดือนแรกของปีนี้ โรงแรมและที่พักในจังหวัดเชียงใหม่มีอัตราการเข้าพักเพิ่มเป็นร้อยละ 49.11 จากร้อยละ 13.79 ในช่วงเดียวกันของปี 2564 ขณะที่จำนวนผู้เข้าพักรวม 3.83 ล้านคน จาก 1.05 ล้านคนในช่วงเดียวกันของปี 2564 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 264.22 มีผู้เดินทางเยี่ยมเยียนทั้งชาวไทยและต่างชาติรวม 5.94 ล้านคน จาก 1.92 ล้านคนในช่วงเดียวกันของปี 2564 หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 209.31 เกิดรายได้การท่องเที่ยวจากผู้เยี่ยมเยียนรวม 3.87 หมื่นล้านบาท จาก 1.27 หมื่นล้านบาทในช่วงเดียวกันของปี 2564 หรือเพิ่มขึ้น ร้อยละ 204.89 “การวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของนายกรัฐมนตรีหรือรัฐบาล เป็นครรลองของระบอบประชาธิปไตย ที่แต่ละฝ่ายสามารถทำได้ เพื่อนำไปสู่การปรับปรุงการทำงานที่เกิดประโยชน์กับประชาชน แต่การวิจารณ์นั้นควรเป็นการวิจารณ์ที่มีคุณภาพ อยู่บนข้อมูลความเป็นจริง ไม่ใช่เอาอคติและประโยชน์การเมืองเป็นที่ตั้ง แล้วบิดเบือนข้อมูลจนอาจเกิดความเข้าใจผิดและไม่มีประโยชน์ใดๆ เกิดแก่ประชาชนเลย” น.ส.ไตรศุลี กล่าว .- สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

นายกฯ ถึงอุบลฯ แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้ชาวบ้าน

อุบลราชธานี 20 มิ.ย.-นายกฯ ถึงอุบลราชธานี แม่ทัพภาค 2 รอรับ ชวนรับดอกไม้จากประชาชน ก่อนขึ้น ฮ.ไปฐานมรกต ให้กำลังใจทหารแนวหน้า ขำสื่อรุมถาม “ไมค์เขกหัวนายกฯ” น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เดินทางถึงกองบิน 21 จ.อุบลราชธานี โดยมี พล.ท.บุญสิน พาดกลาง แม่ทัพภาคที่ 2 รอรับ และเดินทางต่อไปที่สนามกีฬานานาชาติ อบต.โดมประดิษฐ์ มีว่าที่พันตรี อดิศักดิ์ น้อยสุวรรณ ผู้ว่าฯ อุบลราชธานี นายเกรียง กัลป์ตินันท์ อดีต รมว.มหาดไทย และ สส.พรรคเพื่อไทย มารอต้อนรับ น.ส.แพทองธาร ได้มอบสิ่งของให้แก่ชุดรักษาความปลอดภัยหมู่บ้าน (ชรบ.) และกล่าวทักทายอย่างเป็นกันเอง โดยชาวบ้านหลายคนนำดอกกุหลาบ และผ้าขาวม้า มามอบให้เป็นกำลังใจแก่นายกฯ ในระหว่างที่ประชาชนมอบดอกไม้ให้ นายกฯ ชวนแม่ทัพภาคที่ 2 มารับดอกไม้และถ่ายภาพร่วมกัน ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวสอบถามถึงการพูดคุยกับแม่ทัพภาคที่ 2 ได้เคลียร์ใจแล้วหรือไม่ […]

พรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน

รัฐสภา 20 มิ.ย.-เลขาธิการสภาฯ แจงพรรคเสนอชื่อนายกฯ ได้ ต้องมี สส. 25 คน แม้จะมีชื่อในบัญชี ก็ไม่เป็นผล ว่าที่ร้องตรีอาพัทธ์ สุขะนันท์ เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงรายชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หากต้องมีการเลือกนายกฯ ใหม่ ว่า บุคคลที่สามารถได้รับการเสนอชื่อจะต้องเป็นบุคคลที่มีรายชื่อในบัญชีที่เสนอต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตั้งแต่ก่อนการเลือกตั้ง โดยพรรคที่สามารถเสนอชื่อบุคคลเป็นนายกฯได้ จะต้องมี สส.จำนวน 5% ของสส. 500 คน คือมี สส. 25 คน ตามมาตรา 159 วรรค 1 ซึ่งในขณะนี้มี สส.ในสภาฯ จำนวน 495 คน 5% คือ 24.75 ซึ่งพรรคพลังประชารัฐขณะนี้มี สส.เหลือไม่ถึง 20 คน จึงไม่สามารถเสนอบุคคลในบัญชีรายชื่อคือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ เป็นนายกฯ ได้ ตามมาตรา 159 […]

ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ยิงข้างห้องดับ 1 เจ็บ 1

ชุมพร 20 มิ.ย. – ทหารเรือเกษียณเลือดร้อน ฉุนข้างห้องติดเครื่องรถกระบะจอดแช่นาน เกิดมีปากเสียง คว้าปืนยิงสามีเข้าที่คอบาดเจ็บ ส่วนภรรยาโดนยิงเข้าเบ้าตาเสียชีวิต ตำรวจ สภ.เมืองชุมพร เข้าตรวจสอบที่เกิดเหตุยิงกัน บริเวณห้องเช่า ริมถนนซอยสุขาภิบาล 17 – วัดเขาปุก ต.วังไผ่ อ.เมือง จ.ชุมพร ที่เกิดเหตุเป็นห้องแถวเช่าติดกัน 4 ห้อง บริเวณหน้าห้องซ้ายสุด มีรถกระบะสีดำจอดอยู่ พร้อมกองเลือด ส่วนผู้บาดเจ็บ ทราบชื่อ น.ส.จิราวรรณ อายุ 54 ปี ถูกยิงเข้าที่ตาข้างขวา อาการสาหัส หน่วยกู้ชีพนำส่งโรงพยาบาล ก่อนเสียชีวิตในเวลาต่อมา นอกจากนั้นยังมีผู้บาดเจ็บอีก 1 คน คือ นายสุรพจน์ อายุ 53 ปี ถูกยิงเข้าที่ไหปลาร้า ใกล้ลำคอด้านขวา แต่กระสุนถากไป ได้รับบาดเจ็บไม่มาก นายสุรพจน์ ให้ข้อมูลว่า คนก่อเหตุยิงเป็นเพื่อนบ้านห้องเช่าใกล้กัน ชอบตะโกนต่อว่าตนว่าติดเครื่องยนต์จอดแช่ไว้นาน ทำให้รำคาญ ซึ่งตนก็บอกไปว่า รถยนต์ตนต้องติดเครื่องวอร์มแช่ไว้ก่อนทุกครั้ง […]

นายกฯ รับคลิปเสียงจริง ซัด “ฮุนเซน” ปล่อยหวังรัฐบาล-กองทัพแตกแยก

ทำเนียบ 18 มิ.ย.- นายกฯ รับคลิปเสียงคุย “ฮุนเซน” เป็นของจริง แจงปมบอกแม่ทัพภาคที่ 2 เป็นฝ่ายตรงข้าม เป็นเทคนิคการเจรจาต่อรองสร้างสันติภาพ หลัง “ฮุนเซน” โกรธ ชี้จุดประสงค์หวังสร้างคะแนนนิยมรัฐบาลกัมพูชาที่ไม่สนความสัมพันธ์ระหว่างประเทศ รับไม่ไว้ใจ จากนี้ไม่ขอคุยส่วนตัว ปัดตอบสัมพันธ์ 2 ตระกูล น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงด่วนกรณีมีคลิปเสียงสนทนาระหว่างที่พูดคุยกับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา เผยแพร่ออกมาผ่านโซเชียลมีเดีย โดยยอมรับว่าเป็นคลิปจริง เป็นการคุยกันเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งตนได้ทราบข้อมูลจากล่ามที่แปลว่า ทางสมเด็จฮุน เซน โกรธแม่ทัพภาคที่ 2 ที่มีการพูดกันก่อนหน้านั้น เมื่อได้คุยกัน ตนจึงบอกว่า แม่ทัพภาคที่ 2 พูดกันแบบนี้ ในเมื่อเราทั้งไทยและกัมพูชาเป็นฝั่งตรงข้ามกันอยู่แล้ว ในตอนนั้นก็ต้องพูดแบบนี้ อย่าไปคิดเลย ซึ่งเป็นสิ่งที่พยายามจะทำความเข้าใจ เพราะทางฝั่งสมเด็จฮุน เซน โกรธเรื่องนี้ และเป็นเทคนิคในการพูดหลังไมค์หลังบ้านแบบส่วนตัว ซึ่งการคุยโทรศัพท์ก็ไม่ควรเอามาเปิดเผย เพราะเป็นเทคนิคในการเจรจาพูดคุยต่อรอง ส่วนตัวคิดว่า ตนทำเพราะมีจุดมุ่งหมายและมีประเด็นที่จะรักษาไว้ซึ่งความสงบสุขของบ้านเมืองและรักษาอธิปไตยของไทยไว้ ให้ผลประโยชน์อยู่กับประเทศชาติและประชาชน ตนก็คุยด้วยความซอฟต์และความนุ่มนวล เพราะบางทีเวลาคุยกันส่วนตัวก็เรียกกันลุงหลาน […]

ข่าวแนะนำ

“แพทองธาร” โพสต์พรรคร่วมฯ มีมติหนุนรัฐบาล ร่วมสร้างเสถียรภาพการเมือง

โรงแรมโรสวูด 22 มิ.ย.- นายกฯ โพสต์พรรคร่วมรัฐบาลมีมติหนุนรัฐบาล ร่วมกันสร้างเสถียรภาพทางการเมือง ชี้ ความเป็นหนึ่งเดียว ช่วยก้าวผ่านสถานการณ์อ่อนไหว เดินหน้ารับมือภัยคุกคามและความมั่นคง ภายหลัง นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เชิญพรรคร่วมรัฐบาล หารือ ปรับคณะรัฐมนตรี แทนตำแหน่งที่ว่าง 8 ตำแหน่ง หลังภูมิใจไทยถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล โดยใช้เวลาในการหารือประมาณ 1 ชั่วโมง ล่าสุด เมื่อเวลา 15.30 น. รถบรรดาหัวหน้าพรรคร่วมรัฐบาลและเลขาธิการพรรคได้เดินทางออกจากโรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ ขณะที่ นายกรัฐมนตรีได้ ยังอยู่ภายในโรงแรม ก่อนที่ นายกรัฐมนตรี จะโพสต์ภาพถ่ายผ่านโซเชียลร่วมกับแกนนำพรรคร่วมรัฐบาล พร้อมระบุข้อความว่า “ประเทศชาติต้องเดินไปข้างหน้า สามัคคีประเทศไทย รวมพลังผลักดันนโยบาย แก้ไขปัญหาเพื่อประชาชน ขอขอบคุณคณะกรรมการบริหารและสมาชิกพรรคร่วมรัฐบาลทุกท่าน ที่มีมติและประกาศแนวทางสนับสนุนรัฐบาล ร่วมกันสร้างเสถียรภาพทางการเมือง เพื่อรับมือต่อภัยคุกคามความมั่นคงของชาติจากภายนอก และขับเคลื่อนนโยบายแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน ในช่วงเวลาที่รัฐบาลกับกองทัพมีจุดยืนร่วมกัน ยืนยันหลักการประชาธิปไตย ปฏิบัติหน้าที่ตามบทบัญญัติแห่งรัฐธรรมนูญและรวมพลังสามัคคี ความเป็นหนึ่งเดียวของพรรคร่วมรัฐบาล จะเป็นหมุดหมายสำคัญในการผนึกกำลังกันของคนไทย ก้าวผ่านสถานการณ์อ่อนไหวนี้ด้วยความมั่นคง และประสบผลสำเร็จในการปกป้องอธิปไตย ธำรงไว้ซึ่งเกียรติยศศักดิ์ศรีของประเทศชาติและประชาชน ดิฉันเชื่อมั่นว่าไม่มีภัยคุกคามใดจะเหนือกว่าพลังสามัคคีของคนไทย […]

ชายถูกตีหัวทิ้งศพริมถนน พบก่อนตายโพสต์ภาพหลักฐานสำคัญ

สมุทรสาคร 22 มิ.ย.- พบศพชายถูกตีศีรษะเสียชีวิตริมถนน สืบหาเบาะแสจากโซเชียลเจอหลักฐานสำคัญ ตำรวจเร่งล่าตัวผู้ก่อเหตุ ผู้เสียชีวิตทราบชื่อคือนายอ้วน อายุ 33 ปี สภาพถูกของแข็งตีที่ศีรษะเป็นแผลฉกรรจ์ ถูกทิ้งร่างไว้ริมถนนแคราย หมู่ 5 ต.แคราย อ.กระทุ่มแบน จ.สมุทรสาคร ข้างศพมีขวดเบียร์ตกอยู่ และฝั่งตรงข้ามมีรถจักรยานยนต์ จอดอยู่หน้าร้านโชห่วยใกล้จุดพบศพ คาดว่าเป็นของผู้เสียชีวิต โดยก่อนหน้านี้มีพลเมืองดีขับรถส่งน้ำแข็งผ่านมาพบร่าง จึงโทรแจ้งตำรวจ สภ.กระทุ่มแบนให้มาตรวจสอบ ช่วงตีสี่วันนี้   ตำรวจสังเกตเสื้อที่ผู้เสียชีวิตสวมใส่มีคำสกรีนเป็นชื่อเฟซบุ๊ก จึงเข้าไปตรวจสอบ พบว่าประมาณตีหนึ่ง ผู้เสียชีวิตสวมเสื้อตัวเดียวกัน และโพสต์ภาพคู่กอดคอกับชายคนหนึ่ง ระบุข้อความว่า “จบสะทีนะปัญหาหมู่บ้าน” และที่น่าสังเกตคือวิวในรูปเป็นริมถนนและมีขวดเบียร์ที่พบข้างศพตั้งอยู่ด้านหน้าด้วย และในโพสต์ มีคนมาแสดงความคิดเห็น ข้อความสำคัญว่า “ใครเป็นญาติครับติดต่อผมหน่อย เค้าโดนตี” เรื่องนี้ตำรวจจะเร่งตรวจสอบวงจรปิด คาดว่าจะติดตามตัวผู้ก่อเหตุได้เร็ววันนี้ .-สำนักข่าวไทย

จับตานายกฯ นัดคุยหัวหน้าพรรคร่วม ปรับ ครม.

กรุงเทพฯ 22 มิ.ย. – จับตานายกฯ เชิญแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่เหลืออยู่หารือเป็นการภายใน คาดจะมีการพูดคุยเกลี่ยโควตาเพิ่มให้กับพรรคร่วมรัฐบาลตามความเหมาะสม ความเคลื่อนไหวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังมีรายงานว่า วันนี้ (22 มิ.ย.68) น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี จะเชิญแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลที่เหลืออยู่หารือเป็นการภายใน ภายหลังพรรคภูมิใจไทยถอนตัวจากพรรคร่วมรัฐบาล ทำให้ตำแหน่งรัฐมนตรีว่างลง 8 ตำแหน่ง คาดว่าจะมีการพูดคุยเกลี่ยโควตาเพิ่มให้กับพรรคร่วมรัฐบาลตามความเหมาะสม โดยเมื่อเวลา 12.26 น. รถยนต์ของนายกรัฐมนตรีได้เลี้ยวเข้าโรงแรมโรสวูด กรุงเทพฯ.-316-สำนักข่าวไทย

“ฮุน มาเนต” สั่งปิดด่าน 2 แห่ง ตอบโต้ไทยปิดด่านช่องสายตะกู

22 มิ.ย.- “ฮุน มาเนต” นายกฯ กัมพูชา ออกคำสั่งปิดด่าน 2 แห่ง ตอบโต้ทางการไทยปิดด่าน “ช่องสายตะกู” เมื่อเวลา 07.00 น. “ฮุน มาเนต” นายกรัฐมนตรีกัมพูชา เคลื่อนไหวผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว โพสต์หนังสือคำสั่ง โดยระบุว่า ให้ปิดด่านบ้านจุ๊บโกกี อ.บันเตียอำปึล จ.อุดรมีชัย จนกว่าไทยจะเปิดด่านช่องสายตะกู พร้อมระบุว่า เมื่อคืนวานนี้ ผู้ว่าราชการจังหวัดอุดรมีชัย ของกัมพูชา ได้รับแจ้งจากกองทัพภาคที่ 2 ของไทย ว่า จะมีการปิดด่านชายแดนช่องสายตะกูอย่างไม่มีกำหนด นอกจากนี้ ผู้นำกัมพูชา ยังได้อนุมัติให้ปิดด่านช่องจวม อ.อัลลองเวง จ.อุดรมีชัย และจะแจ้งให้ผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และผู้ว่าราชการจังหวัดศรีสะเกษ ของไทย รับทราบ สำหรับคำสั่งปิด 2 ด่านดังกล่าว เป็นจุดที่อยู่ฝั่งตรงข้ามด่านช่องสายตะกู อ.บ้านกรวด จ.บุรีรัมย์ และด่านช่องสะงำ อ.ภูสิงห์ จ.ศรีสะเกษ -สำนักข่าวไทย