เฮ! ปลดล็อก “ผลิตสุรา” บ่มดื่มเองได้ เริ่มแล้ววันนี้

กรุงเทพฯ 2 พ.ย. – มีผลบังคับใช้วันนี้ (2 พ.ย.65) กฎกระทรวงฉบับใหม่ ปลดล็อกการผลิตสุรา ประชาชนสามารถทำดื่มได้เองแบบมีเงื่อนไขสำคัญคือไม่เกิน 200 ลิตรต่อปี และต้องส่งตรวจสอบคุณภาพกับกรมสรรพสามิตก่อน ขณะที่ จับตา ร่าง พ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. หรือ ร่าง พ.ร.บ.สุราก้าวหน้า จะเข้าสู่การพิจารณาของสภาฯ ในวันนี้


เว็บไซต์ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่ประกาศ กฎกระทรวง การผลิตสุรา พ.ศ. 2565 โดยอาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 วรรคหนึ่ง และมาตรา 153 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 โดยกฎกระทรวงนี้ให้ใช้บังคับ ตั้งแต่วันถัดจากวันประกาศในราชกิจจานุเบกษาเป็นต้นไป หรือมีผลตั้งแต่วันที่ 2 พฤศจิกายน 2565 เป็นต้นไป

กฎกระทรวงการอนุญาตผลิตสุราฉบับนี้ เป็นการปรับปรุงคุณสมบัติของผู้ขอใบอนุญาตผลิตสุรา รวมทั้งปรับปรุงขั้นตอนและวิธีการขอใบอนุญาตและการออกใบอนุญาตผลิตสุรา ให้สอดคล้องกับบริบทของธุรกิจอุตสาหกรรมการผลิตสุรา ในปัจจุบันให้มากขึ้น
กฎกระทรวงการผลิตสุรา พ.ศ. 2565 มีสาระสำคัญสรุปได้ดังนี้


  1. เปิดโอกาสให้สุราชุมชนขนาดเล็ก จากที่ต้องใช้เครื่องจักรในการผลิตต่ำกว่า 5 แรงม้า และใช้คนงานน้อยกว่า 7 คน ให้สามารถขยายกำลังการผลิตเป็นระดับกลาง ที่ใช้เครื่องจักรที่มีกำลังการผลิตสูงกว่า 5 แรงม้า แต่ไม่เกิน 50 แรงม้า และสามารถใช้คนงานมากกว่า 7 คนได้ แต่ต้องไม่เกิน 50 คน แต่ทั้งนี้ผู้ผลิตสุราชุมชนที่จะขยายกำลังการผลิตจากระดับเล็ก เป็นระดับกลาง จะต้องเป็นผู้ได้รับใบอนุญาตผลิตสุราแช่ หรือสุรากลั่นชุมชนขนาดเล็กมาแล้ว ไม่น้อยกว่า 1 ปี และไม่เคยกระทำความผิดตามกฎหมายภาษีสรรพสามิต หรือเคยกระทำความผิดและพ้นโทษมาแล้วไม่น้อยกว่า 1 ปี / นอกจากนี้ ต้องใช้เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ตามมาตรฐานที่อธิบดีประกาศกำหนด และปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและกฎหมายเกี่ยวกับการสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง
  2. ยกเลิกการกำหนดกำลังการผลิตขั้นต่ำและทุนจดทะเบียน สำหรับทั้งกรณีผลิตเบียร์เพื่อขาย ณ สถานที่ผลิต (Brewpub) และโรงงานผลิตเบียร์ขนาดใหญ่ ซึ่งเดิมนั้น ในกรณีผลิตเบียร์เพื่อขาย ณ สถานที่ผลิต (Brewpub) จะต้องมีขนาดการผลิตไม่ต่ำกว่า 100,000 ลิตรต่อปีและไม่เกิน 1 ล้านลิตรต่อปี
    กรณีโรงงานผลิตเบียร์ขนาดใหญ่ ต้องมีขนาดการผลิตไม่ต่ำกว่า 10 ล้านลิตรต่อปี สำหรับทุนจดทะเบียนนั้น ต้องไม่น้อยกว่า 10 ล้านบาท นอกจากนี้ กรณีผลิตเบียร์เพื่อขาย ณ สถานที่ผลิต (Brewpub) ต้องใช้เครื่องจักรหรืออุปกรณ์ตามมาตรฐานที่อธิบดีประกาศกำหนด และปฏิบัติตามกฎหมายเกี่ยวกับสิ่งแวดล้อมและกฎหมายเกี่ยวกับการสาธารณสุขที่เกี่ยวข้อง
  3. เปิดโอกาสให้บุคคลธรรมดาที่มีอายุไม่น้อยกว่า 20 ปีบริบูรณ์ และนิติบุคคลสามารถขอใบอนุญาตผลิตสุราที่มิใช่เพื่อขาย แลกเปลี่ยน หรือดำเนินการอื่นใดโดยได้รับประโยชน์ตอบแทน และต้องมีปริมาณการผลิตสุราไม่เกิน 200 ลิตรต่อปี สถานที่ผลิตสุรา ต้องมีพื้นที่เพียงพอที่จะผลิตสุราโดยไม่ก่อให้เกิดอันตราย เหตุเดือดร้อนรำคาญแก่ผู้อื่น และมิใช่สถานที่ผลิตสุราของผู้ได้รับใบอนุญาตผลิตสุรารายอื่น โดยคำนึงถึงความปลอดภัยของการบริโภคสุราและมิติของสิ่งแวดล้อมเป็นสำคัญ

นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง ปฏิบัติหน้าที่ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เดิมมีกฎกระทรวงการอนุญาตผลิตสุรา พ.ศ. 2560 แต่มีประชาชนบางส่วนเห็นว่า กฎหมายที่มีอยู่มีความตึงเกินไป อยากให้มีความผ่อนคลายมากขึ้น เพราะฉะนั้นกฎหมายฉบับใหม่นี้ จะทำให้หลายส่วนมีความสบายใจ ไม่ถึงกับสุดโต่งจนเกินไป และจะมีการดูแลที่สำคัญ 3 เรื่อง คือ 1. ดูแลสุขภาพ 2. ดูแลปัญหาป้องกันอุบัติเหตุ 3. การป้องกันสิ่งแวดล้อม ย้ำไม่ได้เอื้อต่อนายทุนอย่างแน่นอน เพราะการปรับร่างกฎกระทรวงในครั้งนี้ มีในหลายๆ ส่วนที่ได้พิจารณาถึงความรอบคอบ ผลิตสุราได้ง่ายขึ้นแต่ก็ยังมีมาตรฐานความปลอดภัยด้วย

สำหรับกฎกระทรวงการผลิตสุราฉบับใหม่ของรัฐบาล กับ ร่างพ.ร.บ. ภาษีสรรพสามิต (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. หรือ ร่างพ.ร.บ.สุราก้าวหน้า ที่พรรคก้าวไกลเสนอ ซึ่งยังอยู่ในขั้นตอนของสภาฯ มีความแตกต่างกันอย่างไร ลักษณะของกฎหมาย กฎกระทรวงผลิตสุรา พ.ศ. 2565 เป็นการแก้ไขกฎหมายฉบับรอง ภายใต้ พระราชบัญญัติ ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 ส่วน สุราก้าวหน้า เป็นการแก้ไขกฎหมายแม่ คือ พระราชบัญญัติ ภาษีสรรพสามิต พ.ศ. 2560 ทุนจดทะเบียนและกำลังการผลิตขั้นต่ำ กฎกระทรวงผลิตสุรา ยกเลิกการกำหนดจำนวนทุนจดทะเบียน และกำลังการผลิตขั้นต่ำ แต่ผู้ขออนุญาตยังต้องเป็นบริษัทที่จัดตั้งขึ้นตามกฎหมายไทย และมีผู้ถือหุ้นสัญชาติไทยไม่น้อยกว่า 51%

ส่วน สุราก้าวหน้า ไม่กำหนดคุณสมบัติของผู้ขออนุญาต ขนาดกำลังการผลิต กำลังแรงม้าเครื่องจักร ทุนจดทะเบียน จำนวนพนักงาน หรือหลักเกณฑ์อื่น ในลักษณะที่เป็นการกีดกันทางการค้า หรือก่อให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม เว้นแต่การกำหนดสัดส่วนผู้ถือหุ้นที่มิใช่บุคคลสัญชาติไทย


การผลิตเพื่อการค้า กฎกระทรวงผลิตสุราใหม่ กำหนดคุณสมบัติผู้ขออนุญาต ต้องเป็นนิติบุคคลไทย ถือหุ้นไม่น้อยกว่า 51% โดยยกเลิกเรื่องข้อกำหนดทุนจดทะเบียน ขณะที่กำลังการผลิต มีเงื่อนไขสำคัญ ขณะเดียวกัน ทั้งตัวสินค้าและเครื่องไม้เครื่องมือต่างๆ ต้องเป็นไปตามระเบียบของกรมโรงงาน กระทรวงอุตสาหกรรม และระเบียบของกรมควบคุมมลพิษ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ส่วนของสุราก้าวหน้า กำหนดให้ผู้ใดประสงค์จะผลิตสุราเพื่อการค้าหรือมีเครื่องกลั่นสำหรับผลิตสุราเพื่อการค้าไว้ในครอบครอง ให้ยื่นคำขออนุญาตต่ออธิบดี และต้องปฏิบัติตามหลักเกณฑ์ วิธีการ และเงื่อนไขที่อธิบดีประกาศกำหนด

การผลิตที่ไม่ใช่เพื่อการค้า กฎกระทรวงผลิตสุรา กำหนด กำลังการผลิตในครัวเรือนจะต้องไม่เกิน 200 ลิตรต่อปี ผู้ขออนุญาตต้องเป็นบุคคลธรรมดามีอายุตั้งแต่ 20 ปีขึ้นไปหรือเป็นนิติบุคคล ส่วนสถานที่ผลิตต้องมีพื้นที่เพียงพอ โดยไม่ก่อให้เกิดอันตราย เดือดร้อน รำคาญแก่ผู้อื่น และสุราต้องได้คุณภาพ และมาตรฐานตามที่กรมฯ กำหนด

สุราก้าวหน้า กำหนดให้ผู้ใดประสงค์จะผลิตสุราที่ไม่ใช่เพื่อการค้าตามชนิดและปริมาณที่กำหนดในกฎกระทรวง ให้จดแจ้งรายละเอียดเกี่ยวกับเครื่องกลั่น สำหรับผลิตสุรา ชนิดสุรา ขั้นตอนการผลิต และปริมาณการผลิตต่ออธิบดี ตามแบบที่อธิบดีประกาศกำหนด .-สำนักข่าวไทย

ดูข่าวเพิ่มเติม

Top Viewed • อ่านมากสุด

ดูทั้งหมด

รถทัวร์โดยสารชนท้ายเทรลเลอร์ เสียชีวิต-บาดเจ็บจำนวนมาก

รถทัวร์โดยสารชนท้ายรถบรรทุกเทรลเลอร์ บนถนนสาย 304 จังหวัดปราจีนบุรี ทำให้ไฟลุกไหม้รถทัวร์โดยสาร เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตและผู้บาดเจ็บจำนวนมาก

ชาวบ้านยอมรับค่าเยียวยาหลังละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดิน

ชาวบ้านยอมรับการเยียวยา บ้านละ 1 หมื่นบาท จากเจ้าของที่ดินใน จ.ระยอง หลังถมที่สูงมิดหลังคาของเพื่อนบ้าน และรับปากจะเร่งแก้ไขให้ทันหน้าฝนที่จะถึงนี้ แต่ชาวบ้านยังหวั่นใจ หากแก้ไขไม่ทันก็ยังจะเดือดร้อน น้ำจะไหลลงมาบ้านที่อยู่ต่ำกว่า

“พีช” หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายแล้ว

“นายกเบี้ยว” พร้อมลูกชาย หอบเงิน 2 แสน หวังจ่ายค่ารักษาลุงป้า แต่ญาติชิงจ่ายก่อนแล้ว จึงฝากจดหมายขอโทษไว้ ด้าน “กัน จอมพลัง” ยอมถอย ให้สองฝ่ายพูดคุย แต่ต้องเป็นรูปธรรม

ข่าวแนะนำ

รวบทันควัน คนร้ายบุกเดี่ยวชิงเงินธนาคาร

จับแล้ว คนร้ายบุกเดี่ยวชิงทรัพย์ธนาคารกลางเมืองเชียงใหม่ ได้เงินสดกว่า 40,000 บาท ก่อนวิ่งหลบหนี ล่าสุดจนมุมตำรวจรวบตัวได้ที่ศาลาริมทางข้างถนน

โป๊ปฟรังซิส สิ้นพระชนม์แล้ว ขณะพระชนมายุ 88 พรรษา

สำนักวาติกัน แถลงผ่านทางโทรทัศน์ของสำนักวาติกันว่า สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกันสิ้นพระชนม์แล้วในวันนี้

Pope inaugurated the Holy Year on Christmas Eve on December 24, 2024

เปิดพระประวัติโป๊ปฟรังซิส

วาติกัน 21 เม.ย.- เว็บไซต์ข่าวโทรทัศน์ซีเอ็นบีซี (CNBC) ของสหรัฐ เปิดพระประวัติที่น่าสนใจ 10 ประการของสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส พระประมุขแห่งพระศาสนจักรโรมันคาทอลิกและพระประมุขแห่งนครรัฐวาติกัน ที่สิ้นพระชนม์วันนี้ (21 เม.ย.68) ขณะมีพระชนมายุ 88 พรรษา ประการที่ 1 ทรงเป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันและเยสุอิตคนแรก สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิส มีพระนามเดิมว่า ฮอร์เก มาริโอ เบร์โกกลิโอ ประสูติวันที่ 17 ธันวาคม 2479 ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เป็นพระสันตะปาปาลาตินอเมริกันคนแรกของพระศาสนจักรโรมันคาทอลิก แตกต่างจากผู้ที่เคยดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปาเกือบ 200 คน ซึ่งส่วนใหญ่มาจากอิตาลี ทรงมาจากนอกทวีปยุโรปในฐานะพระสันตะปาปาพระองค์ที่ 266 และเป็นนักบวชคณะเยสุอิตคนแรกที่ขึ้นดำรงตำแหน่งพระสันตะปาปา ประการที่ 2  ทรงมีพื้นเพมาจากอิตาลี แม้ว่าสมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสประสูติในอาร์เจนตินา แต่ท่านมีมรดกทางชาติพันธุ์จากอิตาลี จากการที่บิดามารดาเป็นผู้อพยพชาวอิตาลี บิดาทำงานเป็นนักบัญชีในทางรถไฟ ขณะที่มารดาอุทิศตนให้กับการเลี้ยงลูกทั้ง 5 คน ประการที่ 3 ทรงศึกษาด้านเคมีและปรัชญา สมเด็จพระสันตะปาปาฟรังซิสศึกษาปรัชญาและมีปริญญาโทในด้านเคมีจากมหาวิทยาลัยบัวโนสไอเรส ทรงศึกษาในโรงเรียนเทคนิคและได้ฝึกอบรมเป็นช่างเทคนิคเคมี ก่อนเข้าเรียนที่โรงเรียนสอนศาสนาแห่งอัครสังฆมณฑลบิญญา เดโวโต […]