ทำเนียบรัฐบาล 12 ต.ค.- ปลัด สธ. ชี้ผู้ป่วยยาเสพติดรุนแรง ร้อยละ 70 รักษาหายแล้วกลับไปเสพซ้ำ ต้องติดตามดูแลครบวงจร ประสานภาครัฐ-ชุมชน
นพ.โอภาส การย์กวินพงศ์ ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าวภายหลังการประชุมเพื่อกำหนดมาตรการเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาวุธปืน กรณีผู้ป่วยยาเสพติดที่เข้ารับการบำบัดแล้ว เมื่อออกมาแล้วกลับมาเสพยาอีก ว่า ผู้ติดยาเสพติดถือว่าเป็นผู้ป่วยโรคเรื้อรัง และมีโอกาสกลับไปติดซ้ำค่อนข้างสูง โดยระบบการรักษาของสาธารณสุขจะมีศูนย์คัดกรองในทุกตำบล ซึ่งเราจะแบ่งระดับผู้ป่วย ถ้ามีอาการรุนแรงหรือผู้ป่วยสีแดง จะรักษาในโรงพยาบาลของกรมสุขภาพจิต และศูนย์บำบัดรักษาโดยเฉพาะ ผู้ป่วยตรงกลางที่มีอาการติด แต่ไม่รุนแรง จะรักษาในโรงพยาบาลชุมชนแบบผู้ป่วยโอพีดี หรือผู้ป่วยใน และมีระบบติดตาม
“ส่วนคนที่มีอาการน้อย หรือใช้ไม่มากนัก จะรักษาในชุมชน ซึ่งจะมีกระบวนการและระยะเวลาในการรักษา ทั้งนี้ ในเชิงวิชาการทั่วโลก ผู้ป่วยเหล่านี้เป็นผู้ป่วยเรื้อรัง เมื่อได้รับการรักษาครบกระบวนการ ผ่านไป 1 ปี มีโอกาสกลับไปเสพยาอีกครั้ง ร้อยละ 70 ฉะนั้นในระบบสุดท้าย คือ การรักษาในชุมชน เพื่อฟื้นฟู เพราะถ้าผู้ป่วยรักษาแล้วสภาวะแวดล้อมยังเหมือนเดิม พฤติกรรมไม่เปลี่ยน ก็จะกลับมาเหมือนเดิม เราจึงต้องดูแลครบวงจร เพราะผู้ป่วยสีแดงที่หายแล้วอาจมีสภาพทางสมอง ทางจิตใจ เราจึงต้องติดตาม ซึ่งหัวใจของการดูแลเรื่องนี้ คือ ต้องร่วมมือกันทั้งหน่วยงานเกี่ยวข้องและชุมชน ทั้งนี้ ที่ผ่านมากระทรวงสาธารณสุขได้รับงบประมาณเพื่อดูแลเรื่องนี้ 200 ล้านบาท และในปีนี้ได้ 400 ล้านบาท เป็นโอกาสดีที่จะมีเงินมาเพิ่มระบบการรักษาได้ครอบคลุมมากขึ้น” ปลัดกระทรวงสาธารณสุข กล่าว
ด้านนางพงษ์สวาท กายอรุณสุทธิ์ ปลัดกระทรวงยุติธรรม ในฐานะเลขานุการการประชุมเพื่อกำหนดมาตรการเร่งด่วนในการแก้ไขปัญหายาเสพติดและอาวุธปืน กล่าวว่า มาตรการสำคัญต่าง ๆ ในที่ประชุมจะกำหนดหน่วยงานรับผิดชอบชัดเจนที่จะบูรณาการการทำงานร่วมกัน ไม่แยกส่วนทำงาน และจะมีการทำแผนปฏิบัติให้ได้ผลโดยเร็วที่สุด รวมทั้งมีการทบทวนตัวคณะกรรมการต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น อนุกรรมการที่มีความซ้ำซ้อน ลักลั่น หรือขาดตรงไหน ซึ่งจะมีการติดตามและประเมินผลอย่างเร่งด่วน.-สำนักข่าวไทย