รัฐสภา 10 ต.ค.- ฝ่ายค้าน เสนอญัตติด่วนขอให้เปิดประชุมสมัยวิสามัญ ถกมาตรการแก้ปัญหาเหตุกราดยิงหนองบัวลำภู พร้อมเล็งยื่นซักฟอกรัฐบาลตาม ม.152 กลางเดือนหน้า
นายอดิศร เพียงเกษ โฆษก ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร พร้อมด้วย นายสุขุมพงษ์ โง้นคำ ผู้ช่วยเลขานุการผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร แถลงภายหลังการประชุมพรรคร่วมฝ่ายค้าน ซึ่งมีนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว ผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรเป็นประธานการประชุมว่า พรรคร่วมฝ่ายค้านเห็นว่าเหตุการณ์โศกนาฏกรรมที่จังหวัดหนองบัวลำภูเป็นเหตุการณ์ที่ร้ายแรงไม่เคยปรากฏมาก่อนในประเทศไทย เป็นที่สนใจทั้งในประเทศและต่างประเทศ และเห็นว่าควรนำเรื่องดังกล่าวมาพูดคุยในสภาผู้แทนราษฎร จึงเสนอญัตติด่วนให้เปิดประชุมสมัยวิสามัญเพื่อนำเรื่องดังกล่าวมาพิจารณาในที่ประชุมร่วมกันของสภา พรรคร่วมฝ่ายค้าน เห็นว่า เรื่องนี้สำคัญจริงๆ จึงอยากจะสื่อสารไปยังสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลให้นำเรื่องนี้มาพิจารณา โดยมีประเด็นเรื่องการปราบปรามยาเสพติดโดยเฉพาะยาบ้า และเรื่องอาวุธปืนที่มีการครอบครองกันจำนวนมาก ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการรวบรวมรายชื่อ เพราะต้องใช้เสียงไม่น้อยกว่า 1 ใน 3 ของสมาชิกรัฐสภา
“เรื่องที่เกิดขึ้นที่หนองบัวลำภูเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่งควรที่จะมีการพูดจาในสภาเพื่อเปิดประชุมสมัยวิสามัญครับ” นายอดิศร กล่าว
ด้านนายสุขุมพงษ์ กล่าวว่า หากทุกฝ่ายทั้งส.ว.และส.ส.เห็นแก่บ้านเมือง ควรร่วมกันลงชื่อเพื่อให้เปิดสมัยประชุมวิสามัญเพื่อพิจารณาในเรื่องดังกล่าวโดยเร็ว ซึ่งขณะนี้ได้มีส.ส.รัฐบาลและสมาชิกวุฒิสภาแสดงเจตจำนงค์จะร่วมลงชื่อด้วยบ้างแล้ว จึงมั่นใจว่าน่าจะเปิดสมัยประชุมวิสามัญเพื่อพิจารณาเรื่องดังกล่าวได้
นายสุขุมพงษ์ กล่าวว่า ฝ่ายค้านยังได้หารือถึงการยื่นญัตติอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติตามมาตรา 152 และเห็นว่าตั้งแต่รัฐบาลบริหารราชการมา 4ปี มีหลายเรื่องที่ไม่สามารถแก้ไขได้ โดยเฉพาะนโยบาย 12 ข้อที่ประกาศมาจะทำให้เสร็จภายใน 1 ปี แต่ขณะนี้ปีที่ 4 แล้ว แทบจะไม่มีเรื่องไหนสำเร็จเลย จึงจำเป็นที่พรรคฝ่ายค้านซึ่งมีหน้าที่ควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินจะได้ซักถาม ตั้งข้อสังเกต ให้ข้อเสนอแนะ ซึ่งฝ่ายค้านจะเสนอญัตติได้ภายในสมัยประชุมหน้า ประมาณกลางเดือนพฤศจิกายน ส่วนจะให้อภิปรายกี่วัน เป็นเรื่องของคณะรัฐมนตรีกับประธานสภาที่จะหารือกัน หากมีประเด็นใดที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตหรือต้องสอบต่อก็จะยื่นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่อไป โดยก่อนหน้านี้มีเรื่องที่อภิปรายไม่ไว้วางใจ16 เรื่องส่งไปให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องแล้ว 11เรื่อง ส่วนอีก 5 เรื่องกำลังอยู่ระหว่างการดำเนินการ.-สำนักข่าวไทย