ทำเนียบรัฐบาล 7 ต.ค.-นายกฯ ต้อนรับเอกอัครราชทูตอิตาลีมาอำลาพ้นหน้าที่ พร้อมหนุนไทยเป็นเจ้าภาพจัดเอเปค 2022 สานต่อความร่วมือทุกมิติ ส่งเสริมเศรษฐกิจ การพัฒนาอย่างยั่งยืน
นายโลเรนโซ (H.E. Mr. Lorenzo Galanti) เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐอิตาลีประจำประเทศไทยเข้าเยี่ยมคารวะพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมในโอกาสพ้นจากหน้าที่ โดยนายกรัฐมนตรีชื่นชมการปฏิบัติหน้าที่อย่างแข็งขันของเอกอัครราชทูตอิตาลีฯ ตั้งแต่เข้าดำรงตำแหน่งและมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ตลอด 4 ปีที่ผ่านมา ซึ่งไทยกับอิตาลีมีความสัมพันธ์ทางการทูตและความร่วมมือที่แน่นแฟ้นทุกมิติ และปีนี้เป็นวาระครบรอบความสัมพันธ์ทางการทูต 154 ปี
นายกรัฐมนตรี แสดงความยินดีที่อิตาลีจัดการเลือกตั้งทั่วไปได้อย่างราบรื่นและฝากความปรารถนาดีไปถึงนาง Giorgia Meloni ซึ่งคาดว่าจะดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของอิตาลี พร้อมอวยพรให้เอกอัครราชทูตอิตาลีฯ ประสบความสำเร็จในการปฏิบัติหน้าที่ใหม่ เชื่อมั่นว่าด้วยประสบการณ์ขณะดำรงตำแหน่งในไทยจะมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมสัมพันธไมตรีระหว่างไทยและอิตาลี ไทยกับสหภาพยุโรปให้ก้าวหน้ามากยิ่งขึ้น ซึ่งไทยพร้อมให้ความร่วมมือระหว่างกันต่อไป
เอกอัครราชทูตอิตาลีฯ กล่าวขอบคุณนายกรัฐมนตรีที่สละเวลาให้เข้าอำลาในวันนี้ อิตาลีถือเป็นพันธมิตรที่ดีกับไทย (Friends of Thailand) มีความร่วมมือกันอย่างใกล้ชิดเสมอมา และขอแสดงความเสียใจเป็นอย่างมากในนามของนายกรัฐมนตรีและรัฐบาลอิตาลีต่อโศกนาฏกรรมที่จังหวัดหนองบัวลำภู อิตาลีพร้อมเป็นกำลังใจให้ประเทศไทยผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบากนี้ไปได้ ยืนยันว่าจะต่อยอดความร่วมมือระหว่างกันทุกมิติ และยินดีจะขยายความร่วมมือ เพื่อพัฒนาด้านต่าง ๆ ให้มีศักยภาพ โดยเฉพาะด้านความมั่นคง ด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ด้านการแพทย์ พร้อมสนับสนุนไทยเป็นเจ้าภาพการจัดการประชุม APEC 2022 เชื่อมั่นว่าจะประสบความสำเร็จและจะเป็นประโยชน์ร่วมกันกับทุกภูมิภาคในการพัฒนาเศรษฐกิจอย่างยั่งยืน
สำหรับประเด็นความร่วมมือสำคัญที่ทั้งสองฝ่ายได้หารือ อาทิ ด้านความมั่นคง นายกรัฐมนตรียินดีที่ทั้งสองฝ่ายมีความร่วมมือที่ใกล้ชิด ทั้งด้านหลักสูตรการศึกษาที่มีให้กับโรงเรียนเสนาธิการทหาร นักเรียนนายร้อยของไทย รวมถึงหลักสูตรฝึกอบรมของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ พร้อมขอบคุณที่อิตาลีส่งบริษัทอุตสาหกรรมป้องกันประเทศเข้าร่วมงานแสดงอาวุธยุทโธปกรณ์และเทคโนโลยีด้านการป้องกันประเทศที่ไทยจัดขึ้น ซึ่งเอกอัครราชทูตอิตาลีฯ ชื่นชมการจัดงานของไทยและเห็นถึงศักยภาพที่จะสามารถแลกเปลี่ยนเทคโนโลยีร่วมกันได้ ควบคู่กับการพัฒนาหลักสูตรฝึกอบรมให้กับสถานศึกษาและหน่วยงานต่าง ๆ
ด้านวัฒนธรรม นายกรัฐมนตรีชื่นชมเอกอัครราชทูตอิตาลีฯ ที่ริเริ่มจัดทำโครงการภาพยนตร์สารคดีสั้นเรื่อง “Me and the Magic Door” ร่วมกับหน่วยงานของไทยเพื่อเผยแพร่เกี่ยวกับมรดกสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ในกรุงเทพฯ ที่ได้รับการออกแบบโดยศิลปินชาวอิตาลีในอดีต อาทิ พระที่นั่งอนันตสมาคม บ้านนรสิงห์ ซึ่งปัจจุบันคือที่ตั้งทำเนียบรัฐบาล ด้านโครงสร้างพื้นฐานวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ทั้งสองฝ่ายยินดีที่เกิดความร่วมมือที่เป็นรูปธรรมระหว่าง GISDA และ Italian Space Agency ในด้านอวกาศและดาวเทียม ความร่วมมือระหว่างศูนย์ความเป็นเลิศด้านชีววิทยาศาสตร์ของไทย (Thailand Center of Excellence for Life Science: TCELS) กับหน่วยงานด้านวิทยาศาสตร์ของอิตาลีในด้านเทคโนโลยีทางการแพทย์ โดยเอกอัครราชทูตอิตาลีฯ ยินดีที่ทั้งสองประเทศได้แลกเปลี่ยนองค์ความรู้ เทคโนโลยี และนวัตกรรมที่ทันสมัยร่วมกัน
ด้านการศึกษาอบรม นายกรัฐมนตรีขอบคุณที่เอกอัครราชทูตฯ ผลักดันโครงการอบรมด้านอาชญากรรมกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ รวมถึงทุนการศึกษาแก่นักเรียนไทยเพื่อไปศึกษาในระดับอุดมศึกษาที่อิตาลี ซึ่งทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องว่า ควรสานต่อความร่วมมือด้านการศึกษา แลกเปลี่ยนอบรม และความร่วมมือระดับประชาชน เพื่อเป็นรากฐานสำคัญในการขับเคลื่อนความสัมพันธ์ระหว่างกันในอนาคต ด้านความร่วมมือในระดับภูมิภาค เอกอัครราชทูตอิตาลีฯ ยินดีที่จะจัดการประชุมสุดยอดอาเซียน – สหภาพยุโรป (ASEAN – EU Commemorative Summit) ที่กรุงบรัสเซลส์ในปลายปีนี้ ถือเป็นโอกาสครบรอบ 45 ปี ความสัมพันธ์อาเซียน – สหภาพยุโรป โดยนายกรัฐมนตรี ยืนยันว่า ไทยพร้อมร่วมมือกับอิตาลีในการบรรลุผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรมของการประชุมฯและ เชื่อมั่นว่าจะเป็นเวทีส่งเสริมความร่วมมือด้านเศรษฐกิจภายในภูมิภาคและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนระหว่างกันต่อไป พร้อมยินดีที่การเจรจาร่างกรอบความตกลงว่าด้วยความเป็นหุ้นส่วนและความร่วมมือรอบด้านไทย – อียู (PCA) ประสบความสำเร็จ.-สำนักข่าวไทย